เอเลียร์ด ใจเย็นลง แม้ว่าจิตใจของเขาจะยังคงหม่นหมองอยู่, แต่เขาก็สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว
พอ ลิงค์ มั่นใจว่า เอเลียร์ด จะไม่ขาดสติอีก, เขาก็ก้าวมาข้างหน้าแล้วคารวะ วินเซนต์ ด้วยการทักทายแบบนักเวทย์ “ท่าน วินเซนต์, ผมขอถามหน่อยได้ไหมครับว่าผมจะพิสูจน์ความเข้าใจในเรื่องเวทย์มนตร์ของผมยังไง?” เขาถามอย่างอ่อนน้อม
“ง่ายมาก, ทั้งหมดที่เจ้าจำเป็นต้องทำก็คือการเขียนวิทยานิพนธ์ที่แสดงความเข้าใจของเจ้าในเรื่องโลกและจักรวาล” วินเซนต์ หลับตาของเขาและแกว่งเก้าอี้ของเขาอย่างเฉื่อยชา เด็กหนุ่มหน้าตาดีใจเย็นลงแล้ว, แต่อันที่จริง, เขารู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย ถ้าเด็กคนนั้นกล้าลงไม้ลงมือ, วินเซนต์ ก็ยินดีที่จะสลักอักษรเวทย์มนตร์บางอย่างลงบนหน้าสวยๆของเด็กหนุ่มคนนั้น
“โอ้, ท่านช่วยเจาะจงให้มากขึ้นอีกสักนิดนึงได้ไหมครับ?” ท่าทีของ ลิงค์ ที่แสดงออกมาอย่างนอบน้อม, ทำให้ วินเซนต์ มีความสุข
“วิทยานิพนธ์ของเจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับเวทย์มนตร์ก็ได้, ตราบเท่าที่เจ้าแสดงมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์และมีพลังที่หักลบได้อย่างลึกซึ้งก็พอแล้ว, และถ้าวิทยานิพนธ์ของเจ้าชิ้นนี้ได้รับการยอมรับจากหนึ่งในคณาจารย์ของสถาบัน, เจ้าก็จะได้รับการยอมรับให้เข้าเรียนที่สถาบัน แต่แน่นอนว่า, เจ้ายังต้องจ่ายค่าเล่าเรียน 2000 เหรียญทอง, หรือถ้าเจ้ามาจากครอบครัวชนชั้นสูง, ก็จ่าย 1,000 เหรียญทอง”
“ผมเข้าใจแล้วครับ”
ลิงค์ ครุ่นคิดอยู่ประมาณห้าวินาที, แล้วเขาก็มีความคิดผุดขึ้นมา จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความนับถือ “ท่าน วินเซนต์, ขอบคุณมากๆเลยนะครับสำหรับคำแนะนำของท่าน”
“ฮ่า, ตอนนี้เป็นเด็กหนุ่มที่เหมาะสมที่จะเป็นนักเวทย์แล้วนะเนี่ย” วินเซนต์ เอนหลังพิงเก้าอี้ของเขาที่ตั้งอยู่บนลานบ้าน เขาพยักหน้าเล็กน้อย, จากนั้นเขาก็หันไปมอง เอเลียร์ด และพูดขึ้นมา “ส่วนเจ้า, เจ้าเป็นคนใจร้อนเกินไป ทัศนคติของเจ้าจำเป็นต้องแก้ไขนะ ไม่อย่างนั้น, เจ้าได้เสียใจกับมันตอนที่มันสายเกินไปแน่!”
เอเลียร์ด ทำเสียงฮึดฮัดออกมา, แล้วเขาก็เบือนหน้าหนี เขารู้สึกว่าเลือดของเขาเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้งจากสายตาที่มั่นใจในตัวเองของชายแก่คนนี้
ลิงค์ เดินถอยกลับมาไม่กี่ก้าวจนกระทั่งเขามาอยู่ข้างๆ เอเลียร์ด “ตอนนี้พวกเรากลับกันก่อนเถอะ” เขาพูดออกมาเบาๆ
เอเลียร์ด พยักหน้า ใบหน้าของเขาซีดเผือด, แต่เขาก็ยังคงตาม ลิงค์ ไป
เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขามาสามารถมองหน้าเพื่อนของเขาได้อย่างสนิทใจ เขาคิดว่าเขาสามารถเข้าสถาบันได้, แล้วจะหาหนทางช่วย ลิงค์ แต่ตอนนี้, แผนการทั้งหมดของเขากลับสลายไปไม่มีชิ้นดี
พอพวกเขาเดินออกห่างจากโรงเรียนมาได้ประมาณ 100 ฟุต, ลิงค์ ก็ปลอบใจ เอเลียร์ดด้วยรอยยิ้ม
“เอาหน่า, หยุดอารมณ์เสียได้แล้ว, เขาก็เป็นแค่นักเวทย์เลเวล 2 พอนายเข้าสถาบันได้, ฉันมั่นใจเลยว่านายสามารถก้าวข้ามเขาได้ด้วยระดับพรสวรรค์ของนายอย่างง่ายดาย พอวันนั้นมาถึง, เขาจะมาเลียแข้งเลียขานายเหมือนกับสุนัขตัวเล็กๆอย่างแน่นนอน”
“ฉันกลัวว่าฉันจะไม่มีทางเข้าไปเรียนที่สถาบันได้หน่ะสิ ฉันหาเงิน 1500 เหรียญทองมาไม่ได้หรอก, นั่นมันแพงเกินไป!” ใบหน้าของ เอเลียร์ด เต็มไปด้วยความหดหู่ เขาถูกตีด้วยอุปสรรคครั้งยิ่งใหญ่, และเขาก็ยอมแพ้ให้กับความหวัง
ฉันมีเงินอยู่ 200 เหรียญทอง, ฉันสามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างสะดวกสบายได้ในฐานะสามัญชน, แต่งงานกับผู้หญิงสวยๆ, ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไม่ต้องไปเป็นนักเวทย์, นั่นมันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นะ? ความคิดผุดขึ้นมาในหัวของเขา
ขณะที่ความคิดพวกนี้แล่นอยู่ในหัวของเขา, เอเลียร์ด ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ
ตลอดหลายปีมานี้, เวทย์มนตร์เป็นเพียงเป้าหมายเดียวในชีวิตของเขา, แต่มันมักจะนำพาความเดือดร้อนและความเจ็บปวดมาให้เขาอยู่เสมอ, มันไม่เคยทำให้เขามีความสุขเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว
ลิงค์ เห็นสีหน้าของ เอเลียร์ด ก็สามารถเดาสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาได้แล้ว เขาตบไหล่ของ เอเลียร์ด เบาๆ, ยิ้มให้, และพูดออกมา “ไม่ต้องกังวลนะเพื่อนรัก, มันก็แค่เรื่องของค่าธรรมเนียมเท่านั้นแหล่ะ นายไม่ต้องทำหน้าหม่นหมองขนาดนั้นหรอก ฉันยังมีอยู่ 1300 เหรียญทองอยู่กับตัว, ฉันสามารถให้นายยืมได้, พอบวกกับเงิน 200 เหรียญทองของนาย, นายก็จะมีเงินมากพอที่จะเข้าโรงเรียนได้แล้ว”
“นายว่ายังไงนะ!?” เอเลียร์ด อดที่จะอ้าปากค้างออกมาไม่ได้ เขาคิดว่าเขาฟังผิด
นี่คือเงิน 1300 เหรียญทองนะ – ไม่ใช่เหรียญ์เงิน, ไม่ใช่เหรียญทองแดง— เหรียญทองเลยนะ นั่นเป็นจำนวนเงินที่คนธรรมดาไม่สามารถจินตนาการได้ด้วยซ้ำ มันเป็นจำนวนเงินที่สามัญชนไม่กี่พันคนในเมืองริเวอร์โควฟต้องการสำหรับอาหารและของสำคัญอื่นๆในหนึ่งปีเลยนะ
และตอนนี้, ชายหนุ่มคนนี้ที่เขาเพิ่งจะรู้จักได้ไม่นานกำลังเสนอเงินมากขนาดนี้ให้กับเขา เขาพูดไม่ออกและไม่แน่ใจว่าจะคิดยังไงดี เขามีอารมณ์ต่างๆมากมายผสมกันอยู่: ความสุข, ความตื่นตระหนก, ความสงสัย, ความกังวล, และความไม่เต็มใจ
ลิงค์ ยังคงยิ้มอยู่ “นายกลัวว่าฉันอาจจะมีคำขอที่ไร้เหตุผลเป็นข้อต่อรองในการช่วยนายหรอ?”
เอเลียร์ด ตกอยู่ในความเงียบ, แต่ความเงียบนั้นก็เต็มไปด้วยความเห็นด้วย
เขาไม่ใช่เด็กใสซื่อที่ไม่เคยเจอประสบการณ์แบบนี้ เขารู้ว่าไม่มีใครเสนอความเมตตาและความช่วยเหลือโดยไม่หวังอะไรหรอก, และเขาก็รู้ว่าไม่ควรหวังว่าจะมีพายฟรีๆตกลงมาจากฟ้าแล้วมาอยู่ในมือของเขาได้, โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ใช่แน่ๆเมื่อมันมาจากชนชั้นสูง
นี่คือสิ่งที่ท่านหญิง อลิซ สอนเขา แม้ว่าเธอจะสวยราวกับสุกร, แต่ในช่วงหนึ่งเดือนที่เขาใช้เวลาอยู่กับเธอ, ก็ทำให้เขาได้เรียนรู้บทเรียนอันมีค่า
ลิงค์ สามารถเดาความคิดที่แล่นอยู่ในหัวของ เอเลียร์ด ได้, ดังนั้นเขาจึงอธิบายออกไป, “นายรู้ว่าฉันเป็นลูกของไวส์เคานท์ แต่ฉันเป็นลูกคนที่สามนะ, ฉันไม่มีสิทธิที่จะสืบทอดตำแหน่งของเขาหรอก, นี่มันก็แค่เงินจำนวนเล็กน้อยของเขา เพราะฉะนั้น, ฉันก็เหมือนกับนายนั่นแหล่ะ ฉันต้องพึ่งตัวเองและผลักดันตัวเองขึ้นมา นายก็เห็นแล้วนี่, ระหว่างพวกเราทั้งคู่, นายเป็นคนที่สามารถเข้าสถาบันได้อย่างง่ายดาย แล้วสิ่งที่ฉันคิดก็คือ, ถ้านายสามารถเข้าไปเรียนที่สถาบันได้ก่อน แล้วจากนั้นก็กลายเป็นนักเรียนระดับท็อป, บางทีนายอาจจะสามารถแนะนำฉันหรือหาโอกาสที่จะทำให้ฉันเข้าไปเรียนที่สถาบันได้ก็ได้ ซึ่งในส่วนของเรื่องค่าธรรมเนียมนายไม่ต้องกังวลไปหรอก ยังไงซะพ่อของฉันก็เป็นไวส์เคาท์ใช่ไหมหล่ะ?”
พวกเขาเพิ่งจะรู้จักกันแค่วันเดียว, ดังนั้น ลิงค์ จึงไม่พูดเรื่องไร้สาระอย่างมิตรภาพหรือความซื่อสัตย์ออกไป เพราะถ้าเขาพูดเรื่องอย่างนั้นออกไป, มันก็มีแต่จะเพิ่มความสงสัยของ เอเลียร์ด เพียงเท่านั้น
ดังนั้น, เขาจึงพูดแผนการของเขาออกไปตามตรงและชัดเจน เขาคิดว่าแผนการของเขามีเหตุผล, และเขาก็มั่นใจว่า เอเลียร์ด จะเข้าใจคำว่าสถานการณ์ วิน-วิน สำหรับพวกเขาทั้งคู่
แต่ถึงอย่างนั้น, มันก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นความใจดีที่มากเกินไปในส่วนของ ลิงค์
“นายไม่กลัวว่าฉันจะเชิดเงินหนีหรอ?” เอเลียร์ด เริ่มตอบสนอง, แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม ลิงค์ ถึงทำเรื่องที่เสี่ยงแบบนี้ ยังไงซะ, พวกเขาก็รู้จักกันแค่วันเดียว อะไรที่ทำให้ ลิงค์ เชื่อใจเขามากขนาดนี้กัน?
เขาเข้าใจว่าเงิน 1300 เหรียญทองนั้นยังคงเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก, ต่อให้เป็นลูกชายของไวส์เคาท์ เขาก็ยังสงสัยว่ามันคือมรดกของ ลิงค์ รึเปล่า, แล้วถ้า เอเลียร์ด เชิดเงินก้อนนี้ไป, มันคงจะทำให้ ลิงค์ มีแต่เสียกับเสีย
พ่อของ ลิงค์ คงจะไม่กระดิกนิ้วเพื่อให้ความช่วยเหลือแน่ๆ, เอเลียร์ด มั่นใจในเรื่องนั้น เขารู้เรื่องของชนชั้นสูงดี; เขารู้ว่าพวกเขาเป็นคนที่ใจร้ายขนาดไหน
ลิงค์ ยิ้มและมองเข้าไปในดวงตาของ เอเลียร์ด แล้วพูดออกมาอย่างชัดเจน “เอเลียร์ด, พรสวรรค์ตามธรรมชาติของนายในเรื่องเวทย์มนตร์มันยอดเยี่ยมมาก พอฉันมองเข้าไปในดวงตาของนายแล้วเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่านายมุ่งมั่นในเรื่องของเวทย์มนตร์อย่างเต็มที่ ฉันรู้ว่าถ้านายมีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องเวทย์มนตร์, นายจะได้เป็นจอมเวทย์ในสักวันนึง เกรียติยศของจอมเวทย์มีค่าแค่ 1300 เหรียญทองเองไม่ใช่หรอ? ถ้าเรื่องมันจะออกมาเป็นอย่างนั้น, ฉันก็จะโทษการตัดสินของฉันกับความโง่ของฉันเอง”
เอเลียร์ด พูดไม่ออกไปพักใหญ่ๆ แล้ว, เขาก็โค้งตัวลงต่อหน้า ลิงค์, จากนั้นใบหน้าที่โดดเด่นนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความจริงจัง “ลิงค์, นับแต่นี้เป็นต้นไป, นายคือเพื่อนตลอดชีวิตของฉัน ฉันจะไม่มีวันทรยศความเชื่อใจของนาย!”
ลิงค์ ตบไหล่ของ เอเลียร์ด แล้วพูดออกมา “ไม่ต้องกังวลนะเพื่อนรัก, เรื่องต่างๆจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิดหรอก ฉันรู้จักขุนนางอยู่บ้าง, ฉันมั่นใจว่าพวกเขาจะเขียนจดหมายแนะนำให้ฉัน แถม, ฉันก็มีความคิดดีๆเรื่องวิทยานิพนธ์ที่สามารถพิสูจน์ความรู้ของฉันในเรื่องเวทย์มนตร์แล้วด้วย”
“หรอ, เรื่องอะไรหล่ะ?” เอเลียร์ด ถามด้วยความสนใจอย่างเต็มที่
ลิงค์ หยิบก้อนหินขึ้นมาจากพื้น, แล้วโยนมันขึ้นไป, จากนั้นหลังจากที่ผ่านไปไม่กี่วินาที, ก้อนหินก็ตกลงมาที่พื้น แล้วเขาก็หันไปมอง เอเลียร์ด แล้วพูดขึ้นมา “นายเดาได้ไหมว่ามันคืออะไร?”
เอเลียร์ด เบิกตากว้างจ้องไปที่เขา เขาคิดแล้วคิดอีก, แต่มันก็ยังมีแต่ความสับสน, เขาเกาหัวของเขาแล้วถาม “มันคืออะไรหน่ะ?”
“นายคิดว่าอะไรทำให้ก้อนหินล่วงกลับลงมาที่พื้น?” ลิงค์ ถามกลับ
เขามาจากโลก, ดังนั้นเขามีความรู้พื้นฐานในเรื่องทฤษฏีวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว, แม้ว่าเขาจะไม่เคยเอาใจใส่เรื่องการเรียนเลยก็ตาม แต่ตอนนี้เขาก็มีจิตวิญญาณที่ฮึกเหิมมากขึ้น, เขาสามารถเข้าใจสิ่งที่เขาเคยสับสนมาก่อนได้อย่างง่ายดาย
เพื่อที่จะเขียนวิทยานิพนธ์ที่จะทำให้เขาได้เข้าเรียนที่สถาบัน — ลิงค์ มีความรู้มากมายจากบรรดานักคิดด้านวิทยาศาสตร์ที่มาจากโลก, ดังนั้นเขาเลยไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิด
แต่ด้วยคำถามแค่คำถามเดียว, ก็ทำให้ เอเลียร์ด รู้สึกเหมือนกับว่าเขาตกเข้าไปในหลุมที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ในตอนแรก, เขาคิดว่าคำถามนั้นมีคำตอบที่แน่ชัดอยู่แล้ว, แต่ยิ่งเขาคิดถึงมันลึกซึ้งเท่าไหร่, เขาก็ยิ่งสับสนเท่านั้น ด้วยสีหน้าที่ดูงงงวยของเขา, เขาพูดทวนคำพูดของ ลิงค์ “นายพูดถูก, ทำไมหินถึงตกลงพื้นตลอดหล่ะ?”
ทำไมมันถึงไม่ขึ้นไปบนฟ้าต่อ? ทำไมมันถึงไม่ยิงไปเป็นแนวนอน? พลังอะไรที่ดึงมันกลับลงมาที่พื้นเสมอ?
Top of Form
Bottom of Form