Advent of the Archmage – ตอนที่ 336: เรือเหาะยับบ้าที่ร่วงหล่น

อยู่ๆแมวดำก็พูดขึ้นมา ทำให้สคินอร์สสะดุ้งด้วยความตกใจ ยังไงก็ตาม ด้วยความที่สคินอร์สมีประสบการณ์ในการเห็นสิ่งน่าเหลือเชื่อมาทั่วโลกแล้ว เขาจึงเรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

เขามองแมวดำที่เกาะอยู่บนไหล่ของนานะและหัวเราะ “แมวตัวนี้น่ารักดีนะครับ”

แมวดำกรอกตาใส่สคินอร์สและพูดอย่างไม่แยแส “ในตอนที่ข้าพูดกับลิงค์ มนุษย์อย่างเจ้าไม่ควรเข้ามาสอดนะ”

เสียงของมันสดใสและชัดเจน เมื่อบวกกับใบหน้ากลมๆและดวงตาที่ลืมครึ่งนึงเหมือนกับกำลังหลับอยู่นั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกหมั่นเขี้ยวขึ้นมา ทำให้ใครก็ตามที่เห็นอยากจะยกมันขึ้นมากอด

สคินอร์สหัวเราะอีกครั้งและพูด “ฮี่ฮี่ ช่างน่าสนใจจริงๆ แกดูอวดดีมากเลยนะ นี่แกเป็นเทพแมวรึไงเนี่ย?”

ดวงตาของแมวลืมขึ้นมาครึ่งเดียว และมันก็พูดกับลิงค์อย่างขี้เกียจ “นี่เจ้าจะฟังข้าหรือเปล่า หรือจะปล่อยให้ไอมนุษย์คนนี้กวนข้าต่อไป?”

“โอเค พูดต่อได้เลย” ลิงค์พูด เขายิ้มให้สคินอร์สเป็นเชิงขอโทษ และให้ความสนใจกับการพูดคุยกับแมวดำ “เอาข่าวร้ายก่อนแล้วกัน”

“ข่าวร้ายก็คือ อิเซนดิลันใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ไปอีก 2 ครั้ง ทำให้รอยแยกขยายขึ้นกว่าเดิมมาก และด้วยเหตุนั้น พลังงานจากทะเลแห่งความว่างเปล่าจึงไหลเข้ามาในฟิรุแมนทำให้ความหนาแน่นของมานาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในอีก 1 ปี มันจะเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าจากที่เป็นอยู่ในตอนนี้ และในอีก 2 ปีก็จะเป็น4เท่า มานาจะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่ฟิรุแมนไม่สามารถรองรับมันได้และตู้ม! โลกแห่งนี้ก็จะกลายเป็นดอกไม้ไฟลูกเบ้อเริ่ม”

สคินอร์สตกตะลึง เขากลืนน้ำลายและพูดกับลิงค์ “นายท่าน เจ้าแมวตัวนี้พูดเล่นใช่มั้ย? ฟิรุแมนก็เป็นปกติดีไม่ใช่หรอครับ?”

ลิงค์ไม่ได้ตอบคำถามของสคินอร์ส เขาได้เตรียมใจรับฟังข่าวของแมวดำเอาไว้แล้ว “พวกเรามีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่?”

“ประมาณ 15 ปี หากไม่มีเหตุการณ์เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นหล่ะก็นะ มันไม่มีทางที่จะแก้ไขได้หรอก และข้าก็ไม่มีไอเดียอะไรเลยด้วย”

“แล้วข่าวดีล่ะ?”

“ข่าวดีก็คือ ข้าหาคำตอบเรื่องกฎของอสรพิษทมิฬได้แล้ว และข้าก็รู้วิธีป้องกันเวทย์แห่งความมืดนั้นแล้วด้วย ถ้าเจ้าต้องการที่จะเรียนมัน เจ้าจะต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน….แต่ว่าเวทย์นี้ใช้มานาเป็นจำนวนมหาศาล เจ้าไม่สามารถร่ายมันคนเดียวได้และต้องสร้างผนึกเวทมนตร์ขนาดใหญ่ขึ้นมาช่วยอีกแรงนึง”

“ไม่มีปัญหา แกเริ่มสอนฉันตอนนี้เลยก็ได้” ลิงค์พูด มานาสูงสุดของเขาในตอนนี้คือ 18,500 แต้ม หลังจากฆ่าอิเซนดิลัน เขาก็ได้ค่าโอมนิมาประมาณ 700 แต้ม ซึ่งนี่ทำให้เขาสามารถเพิ่มมานาสูงสุดได้ถึง 25,500 แต้ม

มันอาจจะดูเหมือนเยอะ แต่ถ้าเกิดว่าเขาใช้มานาจนหมดเกลี้ยง มันก็พอแค่ร่ายเวทย์โจมตีระดับตำนานเลเวล 11 ได้หนึ่งครั้งเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่สามารถจัดการกับเวทย์แห่งความมืดด้วยตัวคนเดียวได้

และเกี่ยวกับการล่มสลายของฟิรุแมนนั้น มันอาจจะดูร้ายแรงมากๆ แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น พวกเขายังมีเวลาเหลืออีก 15 ปีซึ่งมันค่อนข้างนาน เรื่องอันตรายที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คืออสรพิษทมิฬ ส่วนจะทำยังไงกับรอยแยกนั้นพวกเขาค่อยตัดสินใจหลังจากผ่านอุปสรรคนี้ไปก็ได้

ในขณะเดียวกัน สคินอร์สรู้สึกหัวใจเต้นแรง เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่แมวดำพูดออกมานั้นจริงแท้มากแค่ไหน แต่เมื่อดูจากสีหน้าที่จริงจังของลิงค์ เขาก็มั่นใจเกิน 90% แล้วว่ามันเป็นความจริง

“ท่านครับ ท่านกำลังล้อเล่น…ใช่มั้ย?” สคินอร์สถามอีกครั้งนึง เขากำลังถือเส้นด้ายแห่งความหวังเส้นบางๆอยู่

แมวดำหันมามองเขาด้วยสีหน้าดูถูก “เจ้ามนุษย์ผู้น่าสมเพศ นี่ข้าดูเหมือนกับพวกชอบพูดล้อเล่นรึไง?”

ลิงค์พยักหน้า “มันคือเรื่องจริง และในเรื่องของรอยแยกนั้น ดีแล้วหล่ะที่นายเป็นคนรู้ อย่าเอามันไปเผยแพร่หล่ะ”

อยู่ๆสคินอร์สก็มีความรู้สึกว่าไม่เหลือความหวังในชีวิตอีกแล้ว “มันมีวิธีแก้ไขรึเปล่าครับ?”

เมื่อมองไปที่สคินอร์ส ลิงค์ก็ไม่อยากเพิ่มความกดดันหรือความเครียดให้กับเขาอีก “ต้องมีสิ”

สคินอร์สถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตบหน้าอกตัวเอง “ถ้างั้นก็ยอดเยี่ยมมากเลยครับ เมื่อกี้ข้าเกือบจะเป็นลมแหน่ะ”

แมวดำกรอกตาด้วยความรังเกียจอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มเลียอุ้งมือของตัวเอง

พวกเขาออกเดินทางอีกครั้ง และในระหว่างทาง แมวดำก็เริ่มสอนลิงค์เกี่ยวกับวีธีป้องกันเวทมนตร์แห่งความมืดของอสรพิษทมิฬ มันค่อนข้างลึกซึ้งและกำกวมมาก ด้วยความสงสัย สคินอร์สพยายามที่จะฟังการสนทนาของพวกเขา แต่เมื่อผ่านไป 3 นาที เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าหัวจะระเบิด

เมื่อเอามาเทียบกัน เขาอยากจะเล่นกับหุ่นเชิดเวทมนตร์สาวสวยมากกว่า การตอบสนองของเธอนั้นน่าสนใจมาก และทำให้เขามีความสุขอย่างไร้ที่สิ้นสุด

สามวันต่อมา ลิงค์ก็มาถึงชายแดนระหว่างทุ่งหญ้าสีทองกับอาณาจักรนอร์ตัน

ในครั้งนี้ ลิงค์เดินทางขึ้นเหนือเลย ดังนั้นพวกเขาจึงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากที่ออกมาจากทุ่งหญ้าสีทอง พวกเขาก็มาถึงเทือกเขาเฮงดวนที่เต็มไปด้วยอันตราย

นี่คือเทือกเขาที่ใหญ่ที่สุดในทวีป มันมีอาณาเขตกว้างกว่า 600 ไมล์ และเป็นที่อยู่ของชนเผ่ายับบ้า คนแคระและคนเถื่อน

เทือกเขาส่วนใหญ่นั้นมีภูมิประเทศที่อันตราย ทางเดินสูงชันมีแต่แพะภูเขาเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านได้ ลิงค์และพรรคพวกเดินทางได้ช้าลงมาก

พอมาถึงจุดนี้ ลิงค์ก็จำทางไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่ก็โชคดีที่ สคินอร์สคุ้นเคยกับภูมิประเทศของทวีปนี้ค่อนข้างมาก เขาอธิบาย “จากตรงนี้ พวกเราจะเดินทางผ่านเทือกเขาเฮงดวนไปประมาณ 800 ไมล์ หลังจากที่ออกจากเทือกเขาไปได้ พวกเราต้องเดินไปอีก 130 ไมล์ ซึ่งพื้นที่แถวนั้นจะพาพวกเราตรงไปยังมุมนึงของป่าทมิฬ และมันก็อันตรายมากๆ”

ลิงค์ถาม”นี่เป็นทางที่เร็วที่สุดแล้วเหรอ?”

“น่าจะใช่ครับ ดูจากความเร็วของพวกเราในตอนนี้ พวกเราจะไปถึงที่นั่นในเวลาครึ่งเดือน” สคินอร์สตอบ

“ครึ่งเดือนเลยหรอ? นั่นมันค่อนข้างนานอยู่นะ นายรู้รึเปล่าว่าเมืองของยับบ้าไปทางไหน?” ความคิดของลิงค์คือจะอัญเชิญอินทรีวายุออกมาแล้วบินไปหาเมืองยับบ้าที่ใกล้ที่สุด และพอไปถึงที่นั่น พวกเขาก็จะใช้เรือเหาะเดินทางไปยังป้อมโอริด้า ซึ่งวิธีนี้จะช่วยประหยัดเวลาพวกเขาได้มาก

สคินอร์สส่ายมือของเขา แล้วพูดอย่างหมดหวัง “เมืองยับบ้านั้นซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหุบเขา แถมยังมีบาเรียทซ่อนอยู่รอบเมืองเต็มไปหมด ข้าไม่ใช่นักเวทย์ และข้าก็ไม่รู้ที่อยู่จริงๆของพวกเขาด้วย”

ลิงค์พอจะรู้ที่อยู่คร่าวๆของพวกเขา และนั่นก็เป็นแค่ข้อมูลที่เขาได้มาจากในเกม ตอนนี้ในความเป็นจริง มันอาจจะแตกต่างออกไป ถ้าเกิดว่าเขาไปที่นั่นและไม่สามารถหามันเจอได้ พวกเขาก็จะเสียเวลายิ่งกว่าเดิม

ลิงค์เองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ “งั้นมาเพิ่มความเร็วกันหน่อยเถอะ”

เขาตัดสินใจที่จะใช้อินทรีวายุในการช่วยเหลือพวกเขาตลอดการเดินทาง ซึ่งนี่จะช่วยประหยัดเวลาของพวกเขาได้มาก

เส้นทางบนเทือกเขาเฮงดวนนั้นมีสิ่งกีดขวางมากมาย มีหุบเหวเต็มไปหมด และม้าของสคินอร์สก็ตกลงไป ทำให้ขาของมันหัก หมาป่าที่ได้มาจากชนเผ่ามนุษย์สัตว์นั้นคุ้นเคยกับพื้นที่แบบนี้มากกว่า และมันก็พาลิงค์ผ่านหุบเหวได้อย่างคล่องแคล่ว

ยังไงก็ตาม สคินอร์สนั้นจะต้องเป็นคนนำทาง ลิงค์จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้เขาใช้หมาป่าของนานะในขณะที่นานะต้องเปลี่ยนมาเดิน

ด้วยรูปแบบนี้ พวกเขาเร่งความเร็วเป็นระยะเวลาสองวันก่อนที่พวกเขาจะเห็นควันสีดำลอยมาจากป่าที่อยู่ตรงหุบเขาด้านหน้า และนานๆทีก็จะมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาด้วย พวกเขามองเห็นเปลวเพลิงจากระยะไกลๆได้อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่ามีไฟไหม้ใหญ่อยู่ข้างหน้า

“เกิดอะไรขึ้น?” สคินอร์สสงสัยมากๆ

ลิงค์ร่ายเวทย์ไร้ร่องรอยให้ทั้งกลุ่มในทันที “ไปดูกันเถอะ”

พวกเขาทั้งสามเร่งความเร็ว และปีนขึ้นไปบนหน้าผา จากนั้นพวกเขาก็ลงมาที่หุบเขาที่เป็นทางเข้าป่าลึก หลังจากเดินไปได้อีก 3 ไมล์ ในที่สุดพวกเขาก็เจอต้นตอของเปลวเพลิง

“มันคือซากเรือเหาะถล่ม! มันเพิ่งร่วงลงมา!” สคินอร์สเข้าไปหาเรือเหาะอย่างระมัดระวังเพื่อตรวจสอบมัน

“เดี๋ยว กลับมาก่อน! มีปีศาจอยู่บนท้องฟ้า!” ลิงค์เตือน

ผ่านแมกไม้ที่หนาทึบ เขาเห็นเงาดำๆที่มีปีกลอยอยู่บนฟ้าสิบจุด พวกเขาแต่ละคนมีความสูงประมาณ 13 ฟุตและมีปีกกว้าง 16 ฟุต พวกเขาถืออาวุธที่ปล่อยควันสีดำออกมา

ดูจากออร่าแล้ว ปีศาจพวกนี้มีเลเวลอย่างน้อย 6 หรือ 7 และยังมีนักรบเลเวล 8 อยู่ในกลุ่มพวกมันด้วย เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ ก็จะเห็นศพมากมายอยู่รอบๆบริเวณนี้ พวกเขาบางส่วนก็เป็นยับบ้า บางส่วนก็เป็นปีศาจ แถมยังมีดาร์กเอลฟ์กับนกแร้งดำที่เป็นพาหนะของพวกมันด้วย

“พวกนั้นคือปีกโหยหวน ปีศาจระดับสูง พวกมันต่อสู้ด้วยยากและชอบปล่อยเสียงแหลมแสบแก้วหูออกมา แถมพวกมันยังเร่งความเร็วได้ถึง 600 กม./ชม.ด้วย” ลิงค์พูด เขาค่อยๆสังเกตุสถานการณ์อย่างระมัดระวัง

เรือเหาะนั้นถูกปกคลุมด้วยทะเลเพลิงไปแล้ว และเปลวเพลิงก็พุ่งขึ้นสูงกว่า 10 ฟุต แม้แต่พวกเขาที่ยืนอยู่ห่างกว่า 160 ฟุต ก็ยังรู้สึกได้ถึงความร้อนจากเปลวไฟ

เห็นได้ชัดว่าเรือเหาะใช้การไม่ได้แล้ว

สคินอร์สพูดอย่างไม่เชื่อ “ที่นี่อยู่ห่างจากป่าทมิฬตั้ง 300 ไมล์ ทำไมพวกเอลฟ์กับปีศาจถึงมาที่นี่ได้ แล้วทำไมพวกมันถึงโจมตีพวกยับบ้าหล่ะ? จากที่ข้ารู้ เมืองยับบ้านั้นมีการป้องกันที่แน่นหนาและมีปืนใหญ่เวทมนตร์มากมายติดอยู่บนกำแพงเมืองของพวกเขา แถมพวกเขาก็ยังมีปืนเวทมนตร์ระดับสูงอีกเพียบเลยด้วย มันไม่ฉลาดเลยนะที่จะโจมตีพวกเขา”

ลิงค์ยังคงนิ่งเงียบ อ้างอิงจากความทรงจำในเกมของเขา เผ่ายับบ้านั้นถูกทำลายด้วยกองกำลังผสมของดาร์กเอลฟ์กับปีศาจ มันไม่ใช่เพราะว่ายับบ้าอ่อนแอ แต่มันเป็นเพราะพวกเขามีคนน้อยไปต่างหากและนักรบก็ยิ่งน้อยกว่าอีก มีไม่ถึง 20,000 คนด้วยซ้ำ และนักรบพวกนี้ก็กระจัดกระจายไปตามเมืองต่างๆอีก

ในขณะเดียวกัน พวกเขาเองก็มั่นใจในความสามารถทางการทหารของพวกเขามากเกินไปเนื่องจากมีความสามารถทางด้านเวทมนตร์, ปืนใหญ่เวทมนตร์ เรือเหาะและปืนเวทมนตร์ระดับสูง นอกจากการใช้รูนซ่อนเมืองของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็ไม่ค่อยมีวิธีป้องกันวิธีอื่นเลย

และที่สำคัญที่สุด ภายในกลุ่มพวกเขานั้นมีคนทรยศอยู่

ด้วยการสมรู้ร่วมคิดระหว่างสายลับภายในกับผู้โจมตี กองกำลังแห่งความมืดจึงทุ่มสุดตัวในการทำลายเมืองลาริเอล เมืองหลวงของเผ่ายับบ้า หลังจากนั้น เมืองข้างๆก็จะถูกทำลายไปด้วย และประชากรของพวกเขาก็จะถูกฆ่าจนหมด มันโหดร้ายมากๆ

ตอนนี้ สถานการณ์นั้นกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้น มันเร็วกว่าในเกมส์ 1 ปี

ลิงค์ไม่มีทางรู้เลยว่าเรือเหาะนั้นถูกลอบโจมตีหรือว่ากองกำลังแห่งความมืดเดินทัพมาถึงแล้ว เขาต้องการข้อมูลมากกว่านี้

ภายในเกม หลังจากที่ดาร์กเอลฟ์ยึดเมืองยับบ้าได้ พวกเขาก็ได้ประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะปืนใหญ่เวทมนตร์ที่ทรงพลัง แถมพวกเขายังได้เรือเหาะเวทมนตร์ที่สามารถขนกองกำลังจำนวนมากได้อีกด้วย และสิ่งนี้ก็ทำให้กองกำลังพันธมิตรเจอปัญหาใหญ่

มันสำคัญมากที่พวกเขาจะต้องแก้สถานการณ์นี้

“ท่านครับ พวกเราควรโจมตีไหม?” สคินอร์สถามอย่างแผ่วเบา

ลิงค์ส่ายหัว “ไม่ ปีกโหยหวนพวกนี้บินเร็วมากๆและพวกมันก็อยู่ค่อนข้างห่างกัน ถ้าพวกเราปล่อยให้หนีไปได้แม้แต่ตัวเดียว มันจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา พวกเราจะรอให้พวกมันกลับไปก่อนแล้วค่อยไปตามหาผู้ที่เหลือรอดในบริเวณรอบๆ เพื่อที่พวกเราจะได้ถามได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset