Advent of the Archmage – ตอนที่ 339: พวกปีศาจจะได้ประโยชน์เป็นกลุ่มแรก

หลังจากการเดินทางอย่างเร่งรีบ กลุ่มของลิงค์ก็เดินทางมาได้กว่า 40 ไมล์แล้ว

ที่นี่ พื้นผิวของภูเขาได้เปลี่ยนไปอย่างมาก มันมีหินอยู่ทุกที่ในขณะที่จำนวนต้นไม้และพุ่มไม้ลดลง กลายเป็นที่โล่งกว้าง และมีที่ให้ซ่อนน้อยลง

ซึ่งนี่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ที่นี่ สคินอร์สได้กระซิบ “ลิงแดงหายไปแล้ว นี่แสดงว่าพวกเราออกมาจากเขตของพวกมันแล้ว”

ลิงค์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขานั้นอยู่ในสภาวะสมาธิสมบูรณ์มาตลอดในระหว่างที่เดินทางผ่านภูเขามา ทุกครั้งที่ลิงแดงเจอพวกเขา เขาจะฆ่ามันในทันทีและทำให้มั่นใจว่ามันจะตายอย่างแน่นอน ซึ่งมันค่อนข้างกินพลังงานมากเลยทีเดียว

เขามองไปที่เมลินดาที่อยู่บนหลังของนานะแล้วถาม “แผลที่ขาของเธอเป็นยังไงบ้าง?”

“ดีขึ้นแล้วค่ะ มันไม่เจ็บแล้ว” เมลินดามองไปที่ลิงค์ด้วยสายตาเคารพ

สิ่งนี้ทำให้ลิงค์อุ่นใจ เขามองไปที่แมวดำ มันดูเชื่อฟังมากๆ-อาจจะเป็นเพราะมันได้รับประโยชน์ที่ทะเลสาบคริสตัลบลู ตอนนี้มันซ่อนอยู่ในเสื้อของนานะโดยที่โผล่ออกมาแค่หัว

เมื่อเห็นว่าลิงค์กำลังมองมา มันก็หรี่ตาสีเขียวของมันและร้องเมี๊ยวราวกับจะพูดว่า “อิจฉาหล่ะสิ? แต่ฝันไปเถอะพราะนี่คือที่นั่งส่วนตัวของข้า”

ท่าทีของมันทำให้คนอื่นรู้สึกหมันไส้ อย่างน้อยๆ สคินอร์สก็มองไปที่มันหลายรอบแล้ว มันเหมือนกับว่าเขาอยากจะดึงแมวออกมาจากนานะและให้มันมาอยู่กับเขาแทน

ลิงค์ไม่มีเวลามาสนใจมัน เขาหันไปหาสคินอร์สและพูด “อีกไกลมั้ยกว่าจะถึงโอริด้า?”

สคินอร์สนั้นคุ้นเคยกับทางเหนือมาก หลังจากที่ได้ยินคำถาม เขาก็เงียบและก้มดูนาฬิกา จากนั้นเขาก็มองดูดวงอาทิตย์ พร้อมกับเอาของรูปทรงสามเหลี่ยมออกมา วัดมุมของดวงอาทิตย์และคำนวน “ข้าคิดว่าน่าจะอีกประมาณ 700 ไมล์นะ ถ้าพวกเราเดินทางต่อไป พวกเราก็จะต้องผ่านตอนใต้ของป่าทมิฬหลังจากที่เดินทางไปได้ 400 ไมล์”

“พวกเราเข้าไปในป่าทมิฬไม่ได้ เอาแบบนี้เป็นไง? พวกเราจะอ้อมลงใต้ หลังจากที่พวกเราเจอที่ปลอดภัยแล้ว ฉันจะเรียกอีนทรีวายุออกมา เวทย์นี้จะช่วยให้เราบินไปได้ประมาณ 60 ไมล์”

อินทรีวายุนั้นใช้มานาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ลิงค์มีมานาสูงสุดอยู่ที่ 18,500 แต้ม ซึ่งมันสามารถใช้ได้แค่ 5 นาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดของอินทรีวายุอยู่ที่ประมาณ 1500 ฟุตต่อวินาที ดังนั้นพวกเขาจะบินไปได้ 60 ไมล์ในเวลา 5 นาที  แถมเขายังต้องเหลือมานาเอาไว้บางส่วนด้วย ดังนั้นถึงแม้ว่าเวทย์นี้จะดูเท่ แต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์ขนาดนั้น

แน่นอนว่าสคินอร์สไม่มีข้อโต้แย้ง การเดินทางข้ามเทือกเขาเฮงดวนนั้นอันตรายมากเกินไปจริงๆ ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็อาจจะทำให้พวกเขาจบลงด้วยการถูกปีศาจระดับสูงล้อมได้เลย มันเหมือนกับการหยอกล้อกับความตาย

ทุกคนจึงเปลี่ยนเส้นทางและเริ่มเดินทางลงใต้

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็พบกับหุบเขาอยู่ข้างหน้า มันแคบมากๆ ส่วนที่แคบที่สุดของมันมีขนาดไม่ถึง 15 ฟุตด้วยซ้ำ จากระยะไกลๆ มันดูเหมือนกับถูกปิดเอาไว้อยู่ กำแพงทั้งสองข้างสูงมากๆ โดยเฉลี่ยแล้วมันมีความสูงมากกว่า 2,500 ฟุต ถ้าเกิดว่าเข้าไปยืนอยู่ในหุบเขาแล้วมองขึ้นไป สิ่งที่จะเห็นเพียงอย่างเดียวก็คือท้องฟ้าเท่านั้น

ลมในหุบเขารุนแรงมาก บางทีลมอาจจะผ่านหินที่มีลักษณะเฉพาะมาเพราะมันส่งเสียงร้องออกมาเรื่อยๆทำให้ฟังดูน่าขนลุก

เมลินดาม้วนตัวอยู่บนหลังของนานะด้วยความกลัวและอธิบายเบาๆ “ที่นี่คือหุบเขาคร่ำครวญ มันยาวกว่า30ไมล์และมีทางแยกกับถ้ำมากมาย มันเหมือนกับเขาวงกตในตอนที่เข้าไปข้างใน และมันก็หลงได้ง่ายมากๆเลยด้วย”

สคินอร์สเคยได้ยินเกี่ยวกับหุบเขาคร่ำครวญมาก่อน “หุบเขานี้มีตำนานมากมาย” เขาพูด “ตำนานบอกว่ามีทางเข้าลับที่แสนน่ากลัวอยู่ที่นี่ ในนั้นมีใครบางคนได้ซ่อนสมบัติเอาไว้มากมายและใส่คำสาปร้ายเอาไว้ในสมบัติแต่ละชิ้น ใครก็ตามที่พยายามจะเอาสมบัติไปจะต้องตาย เห็นได้ชัดว่าเมื่อ 1,000 ปีก่อน จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์กัญชาทองได้ล่าถอยเข้ามาในเทือกเขาคร่ำครวญพร้อมกับกองทหารกองสุดท้ายของเขาและไม่เคยออกมาอีกเลย…ดังนั้นไม่ว่ายังไง มันก็เป็นสถานที่ที่อันตรายมากๆ”

ลิงค์เองก็รู้ข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขานี้เยอะอยู่เหมือนกัน แต่ว่านั่นเป็นข้อมูลจากในเกม ภายในเกม ที่นี่มีเควสเนื้อเรื่องอย่างน้อยประมาณ10เควส มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ซ่อนอยู่ในแต่ละส่วนของหุบเขา หลายส่วนยังคงไม่เปิดให้ผู้เล่นเข้าไปแม้ว่าจะเข้าสู่ช่วงหลังของเกมแล้วก็ตาม

นี่คือหุบเขาปริศนาที่เต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่รู้จัก

หลังจากคิดอยู่พักนึง ลิงค์ก็ถามเมลินดา “มีเส้นทางอ้อมไหม?” เว้นเสียแต่ว่าไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ เขาก็ไม่อยากจะผ่านสถานที่ๆน่ากลัวแบบนี้เลย

“ข้าไม่รู้” เมลินดาส่ายหัวของเธอ “พวกเราเคยแต่บินผ่านไปด้วยเรือเหาะของพวกเรา”

“แล้วถ้าพวกเราลองผ่านมันจากกำแพงที่อยู่ด้านข้างล่ะ?”สคินอร์สเสนอแนะ

“อาจจะเป็นไปได้นะ…เดี๋ยว น่าจะไม่ได้แล้วหล่ะ ดูนั่นสิ!” ลิงค์ชี้ไปยังท้องฟ้าที่อยู่ด้านหลังพวกเขา

สคินอร์สกับเมลินดาหันไปและเห็นจุดดำๆมากมายเต็มท้องฟ้า เมื่อนับดูอย่างรวดเร็ว ก็พบว่ามันมีมากกว่า 100 จุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกปีศาจต้องตามพวกเขามาทันแล้วแน่ๆ

“ฉันรู้สึกได้เลยว่าปีศาจพวกนี้แข็งแกร่งมากๆแถมพวกมันก็มีเยอะด้วย พวกเราสู้มันไม่ได้เพราะฉะนั้นเราจะไปด้านบนไม่ได้ พวกเราต้องเข้าไปในหุบเขา!” ลิงค์พูด

หุบเขานั้นแคบมาก และกำแพงทั้งสองฝั่งก็ได้ปิดบังทัศนวิสัยของศัตรู ดังนั้นมันจะสามารถลดภัยคุกคามจากท้องฟ้าได้อย่างมาก

ในการเผชิญหน้ากับปีศาจระดับสูงมากกว่า 100 ตัว นี่เป็นตัวเลือกเดียวของพวกเขา      อ่านโดจิน doujinza.com

“พวกมันเร่งความเร็วขึ้นแล้ว บางทีพวกมันอาจจะเห็นเราแล้วนะ” เสียงของสคินอร์สมีความตื่นตระหนกเล็กน้อย

ลิงค์ติดสินใจใช้เวทย์เทเลพอร์ท ภายใต้แสงสีขาวพวกเขาก็หายไปจากหน้าทางเข้าหุบเขา และในตอนที่พวกเขาปรากฎตัวอีกครั้ง พวกเขาก็มาอยู่ข้างในแล้ว เวทย์เคลื่อนย้ายจะทำให้ศัตรูหาพวกเขาไม่เจอชั่วขณะ ทำให้พวกเขามีเวลาเพิ่มขึ้น

“ไร้ร่องรอย!” ลิงค์ร่ายเวทย์หายตัวใส่พวกเขาอีกครั้ง เวทย์นี้ไม่เพียงแค่จะปกปิดร่างกายของพวกเขาเท่านั้น, แต่ยังรวมถึงเสียง, ออร่าและทุกๆอย่างที่อีกฝ่ายสามารถใช้ในการสะกดรอยได้ด้วย

“ไม่ว่าพวกเราจะเร็วแค่ไหนก็คงจะหนีไม่ได้” ลิงค์พูด “เพิ่มความเร็วคงไม่ได้ช่วยอะไร พวกเราทำได้แค่ต้องซ่อนตัวจากการไล่ล่าของพวกมันเท่านั้น”

ระหว่างที่เขาพูด ลิงค์ก็ร่ายเวทย์อื่น: แสวงหา

แสวงหา

เวทย์ลึกลับเลเวล5

ผล: ยืมพลังลึกลับจากกาลเวลาเพื่อหาเส้นทางที่ปลอดภัยให้กับผู้ใช้

(หมายเหตุ:มันจะบอกคำตอบที่ถูกต้องให้กับคุณ)

มีเสียงดังขึ้นเบาๆ และหมอกสีขาวจางๆก็ปรากฏขึ้นในทัศนวิสัยของลิงค์ หมอกนั้นได้กลายเป็นเส้นใยและยืดไปข้างหน้า บอกทางให้กับเขา

“ตามฉันมา” ลิงค์เดินตามหมอกสีขาวไปข้างหน้า

การเผชิญหน้ากับปีศาจระดับสูงกว่า 100 ตัวนั้น ทำให้สคินอร์สตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาเคยต่อสู้กับปีศาจระดับสูงมามากมายที่ป่าทมิฬ และเขาก็รู้ถึงความน่ากลัวของพวกมันดี

สำหรับเมลินดา เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย ในตอนนี้ เธอเกาะนานะแน่น แม้กระทั่งปืนของเธอก็สั่นไปพร้อมกับเธอ มีแค่ลิงค์คนเดียวที่ใจเย็นอยู่เหมือนทุกที เขานั้นเป็นเสาหลักของทีมชั่วคราวนี้ดังนั้นพวกเขาจะทำทุกอย่างตามที่เขาพูด ไม่มีใครปฏิเสธเขา

พรึ่บ…พรึ่บ… เสียงกระพือปีกดังขึ้น กลุ่มของปีศาจได้บินมาและลงมายังทางเข้าของหุบเขา

พวกมันมีมากกว่า 120 ตัว ส่วนใหญ่นั้นเป็นปีศาจปีกโหยหวนและมีเลเวลมากกว่า 7 หนึ่งในสามของกลุ่มนั้นมีเลเวล 8 พวกมันเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งมากๆ

หากเป็นในอดีต, มันคงเป็นภาพที่ไม่สามารถจินตนาการได้เลย แต่ตอนนี้ พวกปีศาจที่ถูกอัญเชิญจากความมืดนั้นถูกกฎจำกัดน้อยลงแล้ว และด้วยความที่พลังแห่งกฎอ่อนลง ปีศาจที่ถูกอัญเชิญมายังฟิรุแมนจึงแข็งแกร่งขึ้นด้วยความเร็วอันน่ากลัว

ตอนนี้ ความแข็งแกร่งของพวกมันอยู่ในระดับที่น่ากลัวมากๆ

ลิงค์น่าจะเป็นคนเดียวที่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไม เมื่อเจอกับสิ่งนี้ เขาก็ทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ

ใครกันที่จะได้ประโยชน์เป็นกลุ่มแรกเมื่อความหนาแน่นของมานาในโลกเพิ่มขึ้น? มันไม่ใช่มนุษย์ ไฮเอลฟ์หรือพวกชนเผ่าดั้งเดิมหรอก คนกลุ่มแรกที่ได้ประโยชน์ก็คือพวกที่แข็งแกร่งอยู่แล้วในต่างโลก-พวกปีศาจ!

เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นในเกมเช่นกัน เป็นเวลานานกว่า 5 ปีที่พวกปีศาจได้ขึ้นปกครองโลกโดยไร้ผู้ต่อต้าน ไม่มีใครในโลกแม้แต่คนเดียวที่สามารถสู้กับพวกมันได้

หลังจากผ่านไป 5 ปี ชนเผ่าที่แข็งแกร่งมากมายก็ได้เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน จนพวกเขาสามารถผนึกปีศาจได้

“ข้าเห็นพวกมันหายไปที่นี่” ปีศาจปีกโหยหวนลงมาที่พื้นแล้วสังเกตหารอยเท้าที่พื้นอย่างระมัดระวัง จมูกของเขากระตุกไม่หยุด ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็ได้ข้อสรุป “ท่านนายพล กลิ่นของพวกมันอยู่ภายในหุบเขาแห่งนี้ พวกมันอยู่ข้างในครับ”

นายพลนั้นถูกปกคลุมด้วยหมอกสีดำและมองเห็นร่างกายได้ไม่ค่อยชัด สิ่งเดียวที่เห็นได้ชัดก็คือดวงตาสีแดงที่ส่องประกายในหมอก ปีกของเขาแตกต่างจากพวกปีศาจปีกโหยหวน

พวกมันมีชั้นพังผืดที่ปีกในขณะที่ปีกของเขามีสีดำ และแทนที่จะมีปีก 1 คู่ เขากลับมีปีกคู่เล็กๆอยู่ใต้ปีกใหญ่ของเขาด้วย

เขาลงมาอย่างช้าๆและสะบัดตัว ปีกได้กลายเป็นหมอกสีดำรวมเข้ากับร่างกายของเขาและเสียงที่น่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้น “นักเวทย์มนุษย์คนนี้มีสถานะที่พิเศษมากๆ พยายามจับมันมาเป็นๆหล่ะ”

“ท่านนายพล การจับเป็นนักเวทย์นั้นเหมือนกับการเล่นกับไฟเลยนะครับ” ปีศาจปีกโหยหวนพูดในเชิงไม่เห็นด้วย การจับเป็นนั้นหมายถึงการออมมือและการทำแบบนั้นในการต่อสู้ถึงตายก็คือการหยอกล้อกับความตายชัดๆ ไม่มีใครอยากจะทำแบบนั้นหรอก

แคร่ก ด้วยเสียงแหลมสูง อยู่ๆปีศาจก็กระเด็นลอยไปในอากาศ บอลหมอกสีดำค่อยๆหายไปในจุดที่เขาเคยยืนอยู่ ไม่มีใครเห็นว่านายพลทำอะไร เขานั้นเร็วเกินไป

“จำเอาไว้นะ ข้าไม่ได้คุยอยู่กับเจ้า ข้าสั่งเจ้าอยู่! ข้าจะให้โอกาสพิสูจน์ตัวเองแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เข้าใจนะ?”

เงาดำค่อยๆเอนเข้ามาทีละนิด จ้องไปที่ปีศาจปีกโหยหวนที่ล้มอยู่ด้วยดวงตาสีแดงเข้มของเขา

ปีศาจปีกโหยหวนตัวนี้มีเลเวล 8 แต่กลับไร้ทางป้องกันเมื่ออยู่ต่อหน้าเงาดำ เขานั้นไม่เต็มใจแต่ก็ไม่กล้าที่จะแสดงมันออกมา “ครับ” เขาพูดพึมพำ

“ดี” เงาดำกลับมายืนตัวตรงและชี้ไปยังหุบเขา “ลมจะเป็นตัวบอกทิศทาง แต่ว่ามันจะไม่ได้อยู่ตลอดไป พวกเราจะต้องรีบแล้ว”

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset