หลังจากการเดินทางอย่างเร่งรีบ กลุ่มของลิงค์ก็เดินทางมาได้กว่า 40 ไมล์แล้ว
ที่นี่ พื้นผิวของภูเขาได้เปลี่ยนไปอย่างมาก มันมีหินอยู่ทุกที่ในขณะที่จำนวนต้นไม้และพุ่มไม้ลดลง กลายเป็นที่โล่งกว้าง และมีที่ให้ซ่อนน้อยลง
ซึ่งนี่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ที่นี่ สคินอร์สได้กระซิบ “ลิงแดงหายไปแล้ว นี่แสดงว่าพวกเราออกมาจากเขตของพวกมันแล้ว”
ลิงค์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขานั้นอยู่ในสภาวะสมาธิสมบูรณ์มาตลอดในระหว่างที่เดินทางผ่านภูเขามา ทุกครั้งที่ลิงแดงเจอพวกเขา เขาจะฆ่ามันในทันทีและทำให้มั่นใจว่ามันจะตายอย่างแน่นอน ซึ่งมันค่อนข้างกินพลังงานมากเลยทีเดียว
เขามองไปที่เมลินดาที่อยู่บนหลังของนานะแล้วถาม “แผลที่ขาของเธอเป็นยังไงบ้าง?”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ มันไม่เจ็บแล้ว” เมลินดามองไปที่ลิงค์ด้วยสายตาเคารพ
สิ่งนี้ทำให้ลิงค์อุ่นใจ เขามองไปที่แมวดำ มันดูเชื่อฟังมากๆ-อาจจะเป็นเพราะมันได้รับประโยชน์ที่ทะเลสาบคริสตัลบลู ตอนนี้มันซ่อนอยู่ในเสื้อของนานะโดยที่โผล่ออกมาแค่หัว
เมื่อเห็นว่าลิงค์กำลังมองมา มันก็หรี่ตาสีเขียวของมันและร้องเมี๊ยวราวกับจะพูดว่า “อิจฉาหล่ะสิ? แต่ฝันไปเถอะพราะนี่คือที่นั่งส่วนตัวของข้า”
ท่าทีของมันทำให้คนอื่นรู้สึกหมันไส้ อย่างน้อยๆ สคินอร์สก็มองไปที่มันหลายรอบแล้ว มันเหมือนกับว่าเขาอยากจะดึงแมวออกมาจากนานะและให้มันมาอยู่กับเขาแทน
ลิงค์ไม่มีเวลามาสนใจมัน เขาหันไปหาสคินอร์สและพูด “อีกไกลมั้ยกว่าจะถึงโอริด้า?”
สคินอร์สนั้นคุ้นเคยกับทางเหนือมาก หลังจากที่ได้ยินคำถาม เขาก็เงียบและก้มดูนาฬิกา จากนั้นเขาก็มองดูดวงอาทิตย์ พร้อมกับเอาของรูปทรงสามเหลี่ยมออกมา วัดมุมของดวงอาทิตย์และคำนวน “ข้าคิดว่าน่าจะอีกประมาณ 700 ไมล์นะ ถ้าพวกเราเดินทางต่อไป พวกเราก็จะต้องผ่านตอนใต้ของป่าทมิฬหลังจากที่เดินทางไปได้ 400 ไมล์”
“พวกเราเข้าไปในป่าทมิฬไม่ได้ เอาแบบนี้เป็นไง? พวกเราจะอ้อมลงใต้ หลังจากที่พวกเราเจอที่ปลอดภัยแล้ว ฉันจะเรียกอีนทรีวายุออกมา เวทย์นี้จะช่วยให้เราบินไปได้ประมาณ 60 ไมล์”
อินทรีวายุนั้นใช้มานาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ลิงค์มีมานาสูงสุดอยู่ที่ 18,500 แต้ม ซึ่งมันสามารถใช้ได้แค่ 5 นาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดของอินทรีวายุอยู่ที่ประมาณ 1500 ฟุตต่อวินาที ดังนั้นพวกเขาจะบินไปได้ 60 ไมล์ในเวลา 5 นาที แถมเขายังต้องเหลือมานาเอาไว้บางส่วนด้วย ดังนั้นถึงแม้ว่าเวทย์นี้จะดูเท่ แต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์ขนาดนั้น
แน่นอนว่าสคินอร์สไม่มีข้อโต้แย้ง การเดินทางข้ามเทือกเขาเฮงดวนนั้นอันตรายมากเกินไปจริงๆ ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็อาจจะทำให้พวกเขาจบลงด้วยการถูกปีศาจระดับสูงล้อมได้เลย มันเหมือนกับการหยอกล้อกับความตาย
ทุกคนจึงเปลี่ยนเส้นทางและเริ่มเดินทางลงใต้
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็พบกับหุบเขาอยู่ข้างหน้า มันแคบมากๆ ส่วนที่แคบที่สุดของมันมีขนาดไม่ถึง 15 ฟุตด้วยซ้ำ จากระยะไกลๆ มันดูเหมือนกับถูกปิดเอาไว้อยู่ กำแพงทั้งสองข้างสูงมากๆ โดยเฉลี่ยแล้วมันมีความสูงมากกว่า 2,500 ฟุต ถ้าเกิดว่าเข้าไปยืนอยู่ในหุบเขาแล้วมองขึ้นไป สิ่งที่จะเห็นเพียงอย่างเดียวก็คือท้องฟ้าเท่านั้น
ลมในหุบเขารุนแรงมาก บางทีลมอาจจะผ่านหินที่มีลักษณะเฉพาะมาเพราะมันส่งเสียงร้องออกมาเรื่อยๆทำให้ฟังดูน่าขนลุก
เมลินดาม้วนตัวอยู่บนหลังของนานะด้วยความกลัวและอธิบายเบาๆ “ที่นี่คือหุบเขาคร่ำครวญ มันยาวกว่า30ไมล์และมีทางแยกกับถ้ำมากมาย มันเหมือนกับเขาวงกตในตอนที่เข้าไปข้างใน และมันก็หลงได้ง่ายมากๆเลยด้วย”
สคินอร์สเคยได้ยินเกี่ยวกับหุบเขาคร่ำครวญมาก่อน “หุบเขานี้มีตำนานมากมาย” เขาพูด “ตำนานบอกว่ามีทางเข้าลับที่แสนน่ากลัวอยู่ที่นี่ ในนั้นมีใครบางคนได้ซ่อนสมบัติเอาไว้มากมายและใส่คำสาปร้ายเอาไว้ในสมบัติแต่ละชิ้น ใครก็ตามที่พยายามจะเอาสมบัติไปจะต้องตาย เห็นได้ชัดว่าเมื่อ 1,000 ปีก่อน จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์กัญชาทองได้ล่าถอยเข้ามาในเทือกเขาคร่ำครวญพร้อมกับกองทหารกองสุดท้ายของเขาและไม่เคยออกมาอีกเลย…ดังนั้นไม่ว่ายังไง มันก็เป็นสถานที่ที่อันตรายมากๆ”
ลิงค์เองก็รู้ข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขานี้เยอะอยู่เหมือนกัน แต่ว่านั่นเป็นข้อมูลจากในเกม ภายในเกม ที่นี่มีเควสเนื้อเรื่องอย่างน้อยประมาณ10เควส มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ซ่อนอยู่ในแต่ละส่วนของหุบเขา หลายส่วนยังคงไม่เปิดให้ผู้เล่นเข้าไปแม้ว่าจะเข้าสู่ช่วงหลังของเกมแล้วก็ตาม
นี่คือหุบเขาปริศนาที่เต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่รู้จัก
หลังจากคิดอยู่พักนึง ลิงค์ก็ถามเมลินดา “มีเส้นทางอ้อมไหม?” เว้นเสียแต่ว่าไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ เขาก็ไม่อยากจะผ่านสถานที่ๆน่ากลัวแบบนี้เลย
“ข้าไม่รู้” เมลินดาส่ายหัวของเธอ “พวกเราเคยแต่บินผ่านไปด้วยเรือเหาะของพวกเรา”
“แล้วถ้าพวกเราลองผ่านมันจากกำแพงที่อยู่ด้านข้างล่ะ?”สคินอร์สเสนอแนะ
“อาจจะเป็นไปได้นะ…เดี๋ยว น่าจะไม่ได้แล้วหล่ะ ดูนั่นสิ!” ลิงค์ชี้ไปยังท้องฟ้าที่อยู่ด้านหลังพวกเขา
สคินอร์สกับเมลินดาหันไปและเห็นจุดดำๆมากมายเต็มท้องฟ้า เมื่อนับดูอย่างรวดเร็ว ก็พบว่ามันมีมากกว่า 100 จุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกปีศาจต้องตามพวกเขามาทันแล้วแน่ๆ
“ฉันรู้สึกได้เลยว่าปีศาจพวกนี้แข็งแกร่งมากๆแถมพวกมันก็มีเยอะด้วย พวกเราสู้มันไม่ได้เพราะฉะนั้นเราจะไปด้านบนไม่ได้ พวกเราต้องเข้าไปในหุบเขา!” ลิงค์พูด
หุบเขานั้นแคบมาก และกำแพงทั้งสองฝั่งก็ได้ปิดบังทัศนวิสัยของศัตรู ดังนั้นมันจะสามารถลดภัยคุกคามจากท้องฟ้าได้อย่างมาก
ในการเผชิญหน้ากับปีศาจระดับสูงมากกว่า 100 ตัว นี่เป็นตัวเลือกเดียวของพวกเขา อ่านโดจิน doujinza.com
“พวกมันเร่งความเร็วขึ้นแล้ว บางทีพวกมันอาจจะเห็นเราแล้วนะ” เสียงของสคินอร์สมีความตื่นตระหนกเล็กน้อย
ลิงค์ติดสินใจใช้เวทย์เทเลพอร์ท ภายใต้แสงสีขาวพวกเขาก็หายไปจากหน้าทางเข้าหุบเขา และในตอนที่พวกเขาปรากฎตัวอีกครั้ง พวกเขาก็มาอยู่ข้างในแล้ว เวทย์เคลื่อนย้ายจะทำให้ศัตรูหาพวกเขาไม่เจอชั่วขณะ ทำให้พวกเขามีเวลาเพิ่มขึ้น
“ไร้ร่องรอย!” ลิงค์ร่ายเวทย์หายตัวใส่พวกเขาอีกครั้ง เวทย์นี้ไม่เพียงแค่จะปกปิดร่างกายของพวกเขาเท่านั้น, แต่ยังรวมถึงเสียง, ออร่าและทุกๆอย่างที่อีกฝ่ายสามารถใช้ในการสะกดรอยได้ด้วย
“ไม่ว่าพวกเราจะเร็วแค่ไหนก็คงจะหนีไม่ได้” ลิงค์พูด “เพิ่มความเร็วคงไม่ได้ช่วยอะไร พวกเราทำได้แค่ต้องซ่อนตัวจากการไล่ล่าของพวกมันเท่านั้น”
ระหว่างที่เขาพูด ลิงค์ก็ร่ายเวทย์อื่น: แสวงหา
แสวงหา
เวทย์ลึกลับเลเวล5
ผล: ยืมพลังลึกลับจากกาลเวลาเพื่อหาเส้นทางที่ปลอดภัยให้กับผู้ใช้
(หมายเหตุ:มันจะบอกคำตอบที่ถูกต้องให้กับคุณ)
มีเสียงดังขึ้นเบาๆ และหมอกสีขาวจางๆก็ปรากฏขึ้นในทัศนวิสัยของลิงค์ หมอกนั้นได้กลายเป็นเส้นใยและยืดไปข้างหน้า บอกทางให้กับเขา
“ตามฉันมา” ลิงค์เดินตามหมอกสีขาวไปข้างหน้า
การเผชิญหน้ากับปีศาจระดับสูงกว่า 100 ตัวนั้น ทำให้สคินอร์สตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาเคยต่อสู้กับปีศาจระดับสูงมามากมายที่ป่าทมิฬ และเขาก็รู้ถึงความน่ากลัวของพวกมันดี
สำหรับเมลินดา เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย ในตอนนี้ เธอเกาะนานะแน่น แม้กระทั่งปืนของเธอก็สั่นไปพร้อมกับเธอ มีแค่ลิงค์คนเดียวที่ใจเย็นอยู่เหมือนทุกที เขานั้นเป็นเสาหลักของทีมชั่วคราวนี้ดังนั้นพวกเขาจะทำทุกอย่างตามที่เขาพูด ไม่มีใครปฏิเสธเขา
…
พรึ่บ…พรึ่บ… เสียงกระพือปีกดังขึ้น กลุ่มของปีศาจได้บินมาและลงมายังทางเข้าของหุบเขา
พวกมันมีมากกว่า 120 ตัว ส่วนใหญ่นั้นเป็นปีศาจปีกโหยหวนและมีเลเวลมากกว่า 7 หนึ่งในสามของกลุ่มนั้นมีเลเวล 8 พวกมันเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งมากๆ
หากเป็นในอดีต, มันคงเป็นภาพที่ไม่สามารถจินตนาการได้เลย แต่ตอนนี้ พวกปีศาจที่ถูกอัญเชิญจากความมืดนั้นถูกกฎจำกัดน้อยลงแล้ว และด้วยความที่พลังแห่งกฎอ่อนลง ปีศาจที่ถูกอัญเชิญมายังฟิรุแมนจึงแข็งแกร่งขึ้นด้วยความเร็วอันน่ากลัว
ตอนนี้ ความแข็งแกร่งของพวกมันอยู่ในระดับที่น่ากลัวมากๆ
ลิงค์น่าจะเป็นคนเดียวที่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไม เมื่อเจอกับสิ่งนี้ เขาก็ทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ
ใครกันที่จะได้ประโยชน์เป็นกลุ่มแรกเมื่อความหนาแน่นของมานาในโลกเพิ่มขึ้น? มันไม่ใช่มนุษย์ ไฮเอลฟ์หรือพวกชนเผ่าดั้งเดิมหรอก คนกลุ่มแรกที่ได้ประโยชน์ก็คือพวกที่แข็งแกร่งอยู่แล้วในต่างโลก-พวกปีศาจ!
เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นในเกมเช่นกัน เป็นเวลานานกว่า 5 ปีที่พวกปีศาจได้ขึ้นปกครองโลกโดยไร้ผู้ต่อต้าน ไม่มีใครในโลกแม้แต่คนเดียวที่สามารถสู้กับพวกมันได้
หลังจากผ่านไป 5 ปี ชนเผ่าที่แข็งแกร่งมากมายก็ได้เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน จนพวกเขาสามารถผนึกปีศาจได้
“ข้าเห็นพวกมันหายไปที่นี่” ปีศาจปีกโหยหวนลงมาที่พื้นแล้วสังเกตหารอยเท้าที่พื้นอย่างระมัดระวัง จมูกของเขากระตุกไม่หยุด ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็ได้ข้อสรุป “ท่านนายพล กลิ่นของพวกมันอยู่ภายในหุบเขาแห่งนี้ พวกมันอยู่ข้างในครับ”
นายพลนั้นถูกปกคลุมด้วยหมอกสีดำและมองเห็นร่างกายได้ไม่ค่อยชัด สิ่งเดียวที่เห็นได้ชัดก็คือดวงตาสีแดงที่ส่องประกายในหมอก ปีกของเขาแตกต่างจากพวกปีศาจปีกโหยหวน
พวกมันมีชั้นพังผืดที่ปีกในขณะที่ปีกของเขามีสีดำ และแทนที่จะมีปีก 1 คู่ เขากลับมีปีกคู่เล็กๆอยู่ใต้ปีกใหญ่ของเขาด้วย
เขาลงมาอย่างช้าๆและสะบัดตัว ปีกได้กลายเป็นหมอกสีดำรวมเข้ากับร่างกายของเขาและเสียงที่น่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้น “นักเวทย์มนุษย์คนนี้มีสถานะที่พิเศษมากๆ พยายามจับมันมาเป็นๆหล่ะ”
“ท่านนายพล การจับเป็นนักเวทย์นั้นเหมือนกับการเล่นกับไฟเลยนะครับ” ปีศาจปีกโหยหวนพูดในเชิงไม่เห็นด้วย การจับเป็นนั้นหมายถึงการออมมือและการทำแบบนั้นในการต่อสู้ถึงตายก็คือการหยอกล้อกับความตายชัดๆ ไม่มีใครอยากจะทำแบบนั้นหรอก
แคร่ก ด้วยเสียงแหลมสูง อยู่ๆปีศาจก็กระเด็นลอยไปในอากาศ บอลหมอกสีดำค่อยๆหายไปในจุดที่เขาเคยยืนอยู่ ไม่มีใครเห็นว่านายพลทำอะไร เขานั้นเร็วเกินไป
“จำเอาไว้นะ ข้าไม่ได้คุยอยู่กับเจ้า ข้าสั่งเจ้าอยู่! ข้าจะให้โอกาสพิสูจน์ตัวเองแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เข้าใจนะ?”
เงาดำค่อยๆเอนเข้ามาทีละนิด จ้องไปที่ปีศาจปีกโหยหวนที่ล้มอยู่ด้วยดวงตาสีแดงเข้มของเขา
ปีศาจปีกโหยหวนตัวนี้มีเลเวล 8 แต่กลับไร้ทางป้องกันเมื่ออยู่ต่อหน้าเงาดำ เขานั้นไม่เต็มใจแต่ก็ไม่กล้าที่จะแสดงมันออกมา “ครับ” เขาพูดพึมพำ
“ดี” เงาดำกลับมายืนตัวตรงและชี้ไปยังหุบเขา “ลมจะเป็นตัวบอกทิศทาง แต่ว่ามันจะไม่ได้อยู่ตลอดไป พวกเราจะต้องรีบแล้ว”