Chapter 383: หนทางกลับสู่ฟิรุแมน
กระท่อมเล็กๆของลิงค์
ที่ชั้นสองของกระท่อมมีห้องสมุดอยู่ และโต๊ะก็เคยมีข นาดเล็กมากมาก่อน แต่ว่าตอนนี้ลิงค์ได้เป็นลูกศิษย์อย่า งเป็นทางการของร็อกแฮมแล้ว และตอนนี้เขาก็ยังเป็นคนดู แลห้องทํางานเวทมนตร์ด้วย เขามีหลายสิ่งที่จะต้องทํา ลิงค์เปลี่ยนเป็นโต๊ะยาวอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันสามารถนั่งทํา งานพร้อมกัน 4-5 คนได้อย่างไม่มีปัญหา
ที่ข้างโต๊ะ มิลด้ากําลังตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับสิ่งที่ต้อ งสร้างในห้องนี้อย่างระมัดระวัง เธอนั้นเป็นเจ้าหญิงและต อนนี้เธอก็เป็นนักเวทย์เลเวล 8 นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก หรับเธอ
ในอีกด้านนึง ลิงค์กําลังอ่านหนังสืออยู่พร้อมกับทําการ จดอย่างกระตือรือร้น สิ่งที่ดีที่สุดในการเป็นลูกศิษย์ของร็อก แฮมนั้นก็คือการที่เขาสามารถอ่านอะไรก็ได้ตามต้องการ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสดีๆแบบนี้หลุดรอดไป เขาได้อ่า นหนังสือเหมือนกับคนบ้ามาเป็นเวลา 3 วันติดต่อกันแล้ว
เขานั้นมีชีวิตชีวาและอ่านมันอย่างรวดเร็ว ด้วยความช่วย เหลือของระบบ เขาจะไม่มีทางลืมอะไรเด็ดขาด และต่อให้ เขาไม่เข้าใจมัน เขาก็จะจดมันเอาไว้ก่อนและค่อยไปทํา ความเข้าใจทีหลัง
ร็อกแฮมนั้นเป็นระดับตํานานเลเวล 13 มีหนังสือประ มาณ 35 เล่มที่เกี่ยวกับเรื่องพลัง ลิงค์ยืนอยู่ตรงหน้าชั้นวา งหนังสือและไล่ดูพวกมันอย่างกระหาย ร็อกแฮมรู้เรื่องพวก นี้อยู่แล้ว แต่ว่าเขาไม่สนใจมัน ใครจะไปเรียนรู้ได้จากการ เปิดผ่านๆล่ะ? เขาคิดว่าลิงค์กําลังอ่านพวกมันเพราะความ อยากรู้อยากเห็น
ริเอลฝึกศิลปะการต่อสู้กับนานะเหมือนกับทุกที และด้วย ความที่พลังของเขาถูกผนึกเอาไว้อยู่ เขาจึงพบว่าหลังจากที่ เขาฝึกฝนอย่างหนักหน่วง พละกําลังภายในของเขาก็ได้ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในฟิรุแมน เขาติดอยู่ที่เลเวล 7 และไม่ได้เก่งขึ้นมาเป็นเว ลานานแล้ว แต่ตอนนี้ มันเห็นได้ชัดว่ามีการพัฒนาเพิ่มขึ้นทุ กวัน และนี่ก็ทําให้เขามีความสุขในทุกๆวัน
ทุกคนนั้นต่างก็มีสมาธิในงานของตัวเอง เวลาผ่านไปอย่า งรวดเร็วและเวลาครึ่งวันก็ได้ผ่านไปในชั่วพริบตา
ในระหว่างที่จัดการกับเอกสารอยู่ มิลด้าก็พูดกับลิงค์ “ข้า ทําเกือบเสร็จแล้ว งานไปได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยเฉลี่ย แล้ว ห้องทํางานนี้สามารถสร้างกําไรได้ 100 เห รียญทองต่อวัน แล้วเจ้าคิดว่ายังไงหล่ะ? จะรักษาสถานภา พตอนนี้เอาไว้หรือว่าจะเพิ่มผลกําไรขึ้นดี?”
ลิงค์วางหนังสือลงแล้วคิด “คงสภาพมันเอาไว้ก็พอแล้ว พวกเราจะต้องหาวิธีกลับไปที่ฟิรุแมนให้ได้ เวทมนตร์นั้นเป็ นสิ่งจําเป็น การเอาความพยายามไปลงกับเรื่องอื่นมันไม่มี ประโยชน์อะไรหรอก”
ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปอย่างช้าๆและพวกเขาก็มีเวลามาก มายให้คิดเกี่ยวกับมัน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขา จะต้องอยู่เฉยๆโดยที่ไม่ทําอะไรเลย
“ถ้าเอาแบบนั้นสิ่งที่ต้องทําเกี่ยวกับห้องทํางานก็ไม่ค่อยมี อะไร-แค่คอยสั่งวัตถุดิบมาและคอยตรวจสอบดูการทํา งานของพวกนักเวทย์ฝึกหัดให้ทํางานทันเวลาก็พอ ซึ่งตอน นี้ก็มีคนทํางานนั้นอยู่แล้ว พวกเราเพียงแค่ต้องทําให้มั่นใจ ว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดเท่านั้น”
ลิงค์พยักหน้า เขาส่งสมุดให้กับมิลด้า “นี่คือโครงสร้างกา รวิเคราะห์ของมิติเวลาที่ฉันยืมมา มันมีเลเวล 10 และอธิ บายถึงทฤษฎีของการย้ายภพ นี่น่าจะสามารถพาพวกเราก ลับไปที่ฟิรุแมนได้นะ”
“หรอ แล้วมันเขียนว่ายังไงบ้าง?” มิลด้าให้ความสนใจ ในทันที เธอรับสมุดจากลิงค์แล้วเริ่มอ่านมันอย่างจริงจัง
ในสมุดโน้ต ลิงค์ได้อธิบายถึงแนวคิดที่เกี่ยวกับการย้าย ภพเอาไว้ 2 แบบ
แบบแรกนั้นเป็นแบบตรง เขาวาดวงกลมเอาไว้ 2 วง หมายถึงฟิรุแมนและอารากู่ ส่วนตรงกลางของมันถูกเชื่อมต่ อเอาไว้ด้วยเส้นบางๆ ด้านนอกของภพนั้นว่างเปล่า ซึ่งลิงค์ ได้เขียนเอาไว้ว่ามันคือทะเลแห่งความว่างเปล่า
ส่วนเรื่องอื่นนั้นเป็นการคํานวณโดยเฉพาะของลิงค์เอง มี เส้นบอกการเปลี่ยนแปลงมิติที่คลุมเครืออยู่ด้านข้างรูปภาพ มิลด้ามองไปที่มันและยอมแพ้ที่จะทําความเข้าใจมัน เธอทํา แค่ตรวจสอบดูว่าสมการนั้นถูกต้องหรือเปล่า
่ ่
นี่หมายความว่า ลิงค์นั้นได้ข้อสรุปโดยเฉพาะแล้ว
“เจ้าเจอทางกลับแล้วจริงๆหรอ?” มิลด้านั้นตื่นเต้นมาก โลกนี้น่ากลัวเกินไป โดยเฉพาะสําหรับเธอ มันเหมือนกับน รก ในตอนที่ผู้คนได้เห็นความสวยงามของเธอ เธอไม่สามา รถจินตนาการได้เลยว่าอนาคตแบบไหนจะรอเธออยู่ เธอได้ ฝันร้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว
่ ่
ลิงค์พยักหน้า “พอสันนิษฐานจากทุกอย่างที่พวกเรา เห็นจนถึงตอนนี้ ฉันก็เข้าใจแล้วหล่ะว่าอาราคู่กับฟิรุแมนนั้น จริงๆแล้วเป็นหนึ่งเดียวกัน”
แน่นอน ส่วนใหญ่นั้นมาจากการแจ้งเตือนของระบบเกม แต่ว่าลิงค์ไม่สามารถบอกมันได้ในตอนที่เขาพูด เขาก็ดีดนิ้ว ของเขา ลูกบอลมิติขนาดเท่าหัวคนปรากฏขึ้นมากลางอา กาศ ลิงค์ควบคุมมัน และตรงส่วนกลางของมันก็ค่อยๆ บางลงจนมีรูปร่างเหมือนนาฬิกาทราย
“ตอนนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ส่วนที่เชื่อมต่อกันตรงก ลางนั้นค่อยๆบางขึ้นเรื่อยๆจนมันแทบจะขาดออกจากกัน แล้ว ฉันค่อนข้างมั่นใจระดับนึงว่าเรื่องนี้ก็มีเหตุผลขอ งมันเหมือนกัน”
ลิงค์โบกมือของเขา ลูกบอลมิติหายไป เขาเอาหนังสืออีก เล่มที่มีชื่อว่าแหล่งกําเนิดออกมา มันได้บันทึกตํานานของชา วอารากู่เอาไว้
เขาเปิดไปหน้าที่ 10 ลิงค์ชี้ไปที่เส้นที่ขีดเอาไว้และอ่านอ อกเสียง “โมเซสเห็นนิมิตว่าจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้น เขาพาคน มายังดินแดนแห่งคําสัญญาที่อยู่ทางใต้ ที่ครึ่งทาง ภัยพิบัติที่ ทําให้โลกล่มสลายนั้นได้เกิดขึ้น นักบุญ (โมเซส) โบ กคทาของเขาและใช้พลังในการแยกทะเลของโลกออก ทุก คนปลอดภัย และพวกเขาก็สร้างบ้านขึ้นที่โลกใหม่”
หลังจากอ่านมัน ลิงค์ก็เอาหนังสืออีกเล่มออกมา มันคือพงศาวดารของอารากู่ เขาเอามันมาจากห้องสมุด ของร็อกแฮม ลูกศิษย์อย่างเป็นทางการไม่มีข้อจํากัดในการ เยืมหนังสือ และเขาเองก็หยิบหนังสือที่ไม่สําคัญมาอ่านด้วย ดังนั้นร็อกแฮมเลยไม่ได้สนใจอะไรเลย
“พงศาวดารนี้ถูกเขียนเอาไว้อย่างเป็นทางการโดยอาณ าจักรอารากู่ ฉันอ่านมันจบแล้ว ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่มันจะยก ย่องถึงอาณาจักรอารากในตอนนั้น แต่อย่างน้อ ยมันก็ยังเชื่อถือได้” ลิงค์เบิดมันและชี้ไปที่ประโยคนึ่ง “มันบันทึกเอาไว้ว่าโมเซสนั้นมีตัวตนอยู่จริงๆ แต่ไม่มีข้อมูล ว่าเขามีชีวิตอยู่ช่วงไหน และก็ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับชีวประวัติ โดยละเอียดของเขาด้วย แต่ว่านะ อย่างแรกที่ชัดเจนเล ยก็คือ ดูที่คําอธิบายนี้สิ โมเซสนั้นอาจจะเป็นอาร์ชเมจที่ ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของอารากู่ มันบอกว่าเขา มีพลังในการทะลวงภพได้”
ที่นี้ มิลด้าก็เข้าใจในที่สุด เธอพูดอย่างตื่นเต้น “ข้ารู้แล้ว ว่าเจ้าอยากจะสื่ออะไร มันตรงกับบันทึกเกี่ยวกับอาณาจัก รอารากู่ของเผ่าข้าเลย ถ้าอิงจากทั้ง 2 เรื่องนี้ มันก็หมาย ความว่าภัยพิบัตินั้นเคยเกิดขึ้นที่โลกแห่งฟิรุแมนในอดีต ระ หว่างนั้น นักเวทย์ทรงพลังนามว่าโมเซสได้ล่าถอยไปกับชา วอาราอู่บางส่วน และในที่สุด เขาก็แยกฟิรุแมนเป็นสอ งส่วน..โห ถ้ามันเป็นความจริง พลังของเขาจะต้องยิง ใหญ่จนไม่สามารถจินตนาการได้เลยนะเนี่ย!”
ลิงค์พยักหน้า “ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องยืนยันให้แน่ใจก่ อน แต่ว่าความคิดพื้นฐานนั้นถูกต้องแล้ว ในช่วงนี้ฉันได้ ลองทําการทดลองมิติ ข้อมูลนั้นตรงกับทฤษฎีมิติที่ฉันคิดขี้ นมากับราชินีมังกรแดงเลย ฉันเจอตัวแปรมิติ”
มิลด้ายักไหล่และหยุดเขา “ข้าไม่เข้าใจหรอก แค่สรุปมา ว่าพวกเราจะกลับได้ยังไงก็พอแล้ว?”
“มีสองอย่างที่ต้องทํา อย่างแรก พวกเราต้องหาพิกัดมิติ พิกัดมิติของฟิรุแมนให้ได้ก่อน อย่างที่สอง พวกเราจะต้อ งมีพลังระดับตํานานเลเวล 10 ซึ่งพวกเราทุกคนจําเป็นต้อ งมี ทางออกของฉันต้องผ่านทะเลแห่งความว่างเปล่า และ ถ้ามีพลังไม่ถึงระดับตํานาน พวกเราก็จะถูกวอยด์(ความว่า งเปล่า)กัดกินจนตาย
มิลด้าคิดไปด้วยพูดไปด้วย “ด้วยความเร็วของพวกเรา ในตอนนี้ การขึ้นไปถึงเลเวล 10 ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากนะ แต่พวกเราจะหาพิกัดมิติของฟิรุแมนยังไงหล่ะ? ลิงค์ เจ้ามี ความคิดอะไรรึเปล่า?”
อันที่จริง ในตอนที่เธอถามคําถามนี้ เธอไม่ได้คิดว่าลิงค์ จะตอบกลับมาในทันที แต่ในตอนที่เธอถาม ลิงค์ก็หยิบ หนังสือเล่มใหม่มาในทันที
หนังสือนั้นมีชื่อว่า ประวัติศาสตร์ธรรมชาติภาคพื้นทวีป
ลิงค์พูดในขณะที่ยิ้ม “นี่คือส่วนที่ดีที่สุดในการเป็นลูก ศิษย์ของร็อกแฮม เขาเป็นแค่นักเวทย์ธรรมดาๆ แต่ว่าเขา มีชีวิตมา 70 กว่าปีแล้ว เขามีหนังสือที่น่าสนใจมากมายและ มีเล่มที่หายากด้วย ยกตัวอย่างเช่น หนังสือเล่มนี้เป็นแค่เล่ม ที่คัดลอกมา มันถูกเขียนขึ้นโดยนักสํารวจที่ชื่อว่ายูโรซาน เขาจดบันทึกเอาไว้ตรงนี้ ดูสิ”
เขาพลิกหนังสือไปถึงหน้าที่เขียนเรื่องสั้นเอาไว้ เขาอ่านอ อกเสียง “คนๆนี้น่าสนใจมากๆ เธอสูงไม่ถึง 3 ฟุตด้วยซ้ํา เธอเตี้ยยิ่งกว่าคนแคระซะอีก แต่ว่าน่าแปลกมาก อวัยยะ สืบพันธุ์ของเธอนั้นเป็นผู้ใหญ่ ผู้ครอบครองเธอพยายามจะ ทําให้เธอท้องเพื่อให้ผลิตสิ่งมีชีวิตเล็กๆนี้เพิ่มขึ้นอีก แต่ว่าช่า งน่าเศร้า เขาทําพลาด ร่างกายของเขานั้นใหญ่เกินไป และ ของเธอก็เล็กเกินไป เธอถูกทรมานจนตาย”
มิลด้ามองข้ามส่วนที่โหดร้ายไปและถาม “เผ่ายับบ้างั้นเหรอ?”
ลิงค์พยักหน้า “ใช่แล้ว เผ่ายับบ้า มีชนเผ่ายับบ้าอยู่ในอา ราคู่ และอยู่ๆคนๆนี้ก็ปรากฏขึ้นมา ฉันคิดว่ายับบ้าคน นี้เดินทางมาจากฟิรุแมนนะ ดูตรงนี้สิ”
่ ่
ความสนใจของมิลด้าเพิ่มขึ้นเพราะลิงค์ เธอตื่นเต้นและ ลืมเรื่องวัฒนธรรมไป เธอเข้าใกล้ลิงค์และทําการอ่านต่อ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือเผ่าพันธุ์ใหม่ ข้ามีความสนใจ มากๆ ในตอนที่สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆนั้นยังมีชีวิตอยู่ ข้าถามว่าเธ อมาจากไหน เธอบอกว่าเธอไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้ยังไง เธอเดินทางผ่านถ้ํามา และในตอนที่เธอออกมา เธอก็ไม่ สามารถกลับไปที่เดิมได้และได้มายังโลกที่โหดร้ายใบนี้.
ใช่ เธอได้บอกว่าโลกของพวกเรา “น่ากลัว” ข้าคิดว่าใน สายตาของเธอ โลกนี้มันคงจะเหมือนกับนรกและผู้ครอบค รองเธอเป็นปีศาจของนรกแห่งนี้ข้าใช้เงิน 5 เหรียญทอง เพื่อตามหาสถานที่ที่เฉพาะเจาะจงของถ้ํา ข้าหวังว่าจะเจอ อะไรที่พิเศษบ้างแต่ว่ามันน่าผิดหวังมาก ถ้ํานี้ไม่ต่างอะไรกับ ถ้ําธรรมดาเลย ข้าได้ตรวจสอบมันอยู่นานมากจนในที่สุด ข้าก็ยอมแพ้-ยูโรซาน ปี 3142 ฤดูใบไม้ผลิ
“ตอนนี้เป็นปี 3162 นี่มันมากจากเมื่อ 20 ปีที่แล้วนิ?” ดวงตาของมิลด้าเบิกกว้าง และหัวใจของเธอก็เริ่มเต้นแรง เธอเริ่มมีความหวังแล้ว
ลิงค์พยักหน้า “ยูโรซานนั้นค่อนข้างมีชื่อเสียง ฉันเชื่อว่า ถ้ํานี้น่าจะเหมือนกับวังวนวายุที่พวกเราเดินทางผ่านมา มันเชื่อมต่อระหว่างฟิรุแมนกับอารากู่ ถึงมันจะแค่แป้บเดียว แต่ว่าในเมื่อมันมีอยู่จริง มันก็น่าจะทิ้งร่องรอยมิติเอาไว้บ้าง ฉันน่าจะสามารถหาพิกัดมิติของฟิรุแมนได้จากที่นี่”
มิลด้าคิดอยู่พักนึงและถามด้วยความสับสน “ทําไมพวก เราไม่ลองหาทางเข้าที่พวกเราเข้ามาล่ะ?”
ลิงค์ส่ายหน้า “ฉันทํามันไม่ได้ ฉันลองดูแล้ว ดูนี่สิ ฉันได้ ลองทํากางเขนมิตินี้ขึ้นมา”
ลิงค์หยิบก้อนรูน 4 ก้อนออกมาจากจี้มิติของเขา เขาใส่ มานาลงไปและโยนขึ้นฟ้า พวกมันลอยขึ้นในทันที พว กมันปล่อยลําแสงออกมาระหว่างกัน และลําแสงทั้งสองก็ตัด กัน กลายเป็นรูปไม้กางเขน
“เครื่องมือนี้สามารถตรวจหาความวุ่นวายของมิติในระยะ 60 ไมล์ได้ และที่ๆพวกเรามานั้นก็อยู่ห่างออกไปประมาณ 30 ไมล์ ถ้าเกิดว่ามีมิติบิดเบี้ยวเกิดขึ้นทุก 2 ไมล์ เครื่องมือนี้ จะสั่น แต่ว่ามันไม่สั่น ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้ําที่พวกเรามาน นตอนนี้มันได้ปิดไปแล้ว”
ลิงค์เก็บมันลง เขาถอนหายใจและส่ายหัว มิดด้ามีความ เข้าใจในเวทย์มิติเล็กน้อยแต่ว่าเธอก็ยังไม่สามารถเข้าใจคํา
พูดของลิงค์ได้ “โอเค แล้วเมื่อไหร่พวกเราจะไปตามหาถ้ํา กัน?” เธอถาม
“เธอคิดว่าเธอต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะไปถึงระดับตํา นานได้?” ลิงค์ถาม
“คิดว่าน่าจะ 1 เดือนนะ”
“ริเอลก็คงจะเหมือนกัน ถ้างั้นในช่วงหนึ่งเดือนนี้ พวกเรา จะเตรียมตัวออกเดินทางกัน” ลิงค์พูด
ตอนนี้ พวกเขาคุ้นเคยกับอารากู่มากๆแล้ว แม้ว่าพวกเขา จะยังมีพลังไม่มากพอ แต่ก็จะไม่มีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นถ้าพวก เขาระมัดระวังมากพอ
แต่ถึงกระนั้นอยู่ๆก็มีเสียงระฆังดังมาจากหน้าต่าง
่ ่
แก๊ง แก๊ง! แก๊ง แก๊ง! แก๊ง แก๊ง! เสียงมันดังมากจนกระ จายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
“นี่มันตอนกลางวันแล้วนะ ระฆังนี้หมายความว่ามีอะไร เกิดขึ้นงั้นเหรอ?” มิลด้าถามด้วยความสงสัย
ลิงค์ขมวดคิ้ว “ไม่ นี่มันคือระฆังไว้ทุกข์!”
เขาตรวจสอบวัฒธรรมของอารากู่มาเป็นพิเศษ ซึ่งความ หมายของการสั่นระฆังนั้น สั่นรัวๆหมายถึงว่ามีศัตรูบุก กา รสั่นยาวนั้นหมายถึงการต้อนรับ ถ้าเกิดว่าเป็นการสั่นรัวๆ สองครั้งแล้วหยุด นั่นหมายถึงระฆังไว้ทุกข์ แสดงว่ามีใคร บางคนที่สําคัญได้ตายไปแล้ว