Advent of the Archmage Chapter 415: การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในดินแดน
มันก็แค่อัศวินกริฟฟินกลุ่มเดียว กลุ่มนี้มีสมาชิกกว่า 30 คน, ซึ่งถือว่าค่อนข้างมาก, แต่พวกเขาก็มีเลเวลแค่ 5 ลิงค์ เอาแส้ผู้สังหารปีศาจออกมาแล้วเปลี่ยนกริฟฟินที่อยู่ใกล้ๆ สามตัวรวมทั้งอัศวินให้เป็นฝนเลือดด้วยการโจมตีเดียว
อัศวินกริฟฟินทมิฬที่เหลือตกใจ มังกรแดงก็จัดการยากอยู่แล้ว, แต่ตอนนี้มีกําลังเสริมที่แข็งแกร่งมาอีก พวกเขาไม่สามารถยืนหยัดได้อีกแล้วและหันหลังหนี
พวกเขาไม่ได้มีความสําคัญอะไรทั้งนั้นลิงค์จึงไม่ได้ไล่ตามต่อ “บินไปทางเฟิร์ด” เขาบอกกับแลนนี่
แลนนี่ควบคุมให้เรือเหาะลําเล็กนี้กลับลําแล้วบินไปทางดินแดนเฟิร์ดที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ในห้องเครื่อง, ลิงค์หันไปมอง แล้วเห็นเฟลิน่าไล่ตามมาแล้ว
ทั้งสองบินไปด้วยกัน ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา, ดินแดนสีเหลืองที่เป็นสัญลักษณ์ของเฟิร์ดก็ปรากฏขึ้นในทัศน์วิสัยของพวกเขา ลิงค์ชี้ไปที่พื้นที่โล่งแห่งนึง “ไปจอดตรงนั้น”
หลังจากที่จอด, ลิงค์ก็กระโดดออกมาจากเรือเหาะ เฟลิน่าเองก็ค่อยๆลดระดับลงมา ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็ลงมาถึงพื้นด้วยเสียงครืน ด้วยการก้มหัวลง, เธอก็มองลิงค์อย่างแปลกใจ “มาสเตอร์, ท่านมีพลังมังกรได้ยังไงเนี่ย?”
บางทีราชินีอาจจะเป็นคนให้เขาแต่เขาก็ไม่ได้มันมาในตอนที่แยกกันครั้งล่าสุดนี้ แล้วนี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน? หรือว่าลิงค์มีสายเลือดมังกรหลบซ่อนอยู่? บรรพบุรุษของ เขาเป็นมังกรอย่างงั้นหรอ? เฟลิน่าไม่เข้าใจเลย
ลิงค์สัมผัสได้ถึงความสับสนของเธอ เขาหัวเราะเบาๆ “ตอนนี้ฉันยังอธิบายไม่ได้ไว้ฉันจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง ในตอนที่มีเวลานะ ว่าแต่ครั้งนี้เธอมาตามหาฉันหรอ?”
ในขณะที่พูด, ลิ้งค์เองก็สังเกตเฟลิน่า เมื่อเทียบกับตอนที่เจอกันครั้งก่อน, พลังของเธอก็เพิ่มขึ้นมาเช่นกัน ก่อนหน้านี้, เธอเพิ่งจะเข้าสู่เลเวล 8 แต่ตอนนี้, เธอใกล้จะไปถึงเลเวล 9 แล้ว
เฟลิน่าเริ่มอธิบาย “ด้วยเหตุบางอย่าง, ความเข้มข้นของ มานารอบหมู่บ้านมังกรได้เพิ่มขึ้นมากทั้งเผ่าพันธุ์ของข้า แข็งแกร่งขึ้น และครั้งนี้ข้ามาที่นี่ภายใต้คําสั่งขององค์ราชินี เธอบอกว่าสภามรกตจะจัดการประชุมระดับสูงขึ้นที่หมู่บ้านมังกรในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง และสมาชิกระดับสูงทุกคนจะไปรวมกลุ่มกันที่หมู่บ้านมังกร เธออยากให้เจ้าเข้าร่วมด้วย”
“งั้นหรอ, เข้าใจแล้ว”
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มานารอบหมู่บ้านมังกรจะเพิ่มขึ้น รอยแตกอยู่ตรงเทือกเขาโคโลราโด้ที่ซึ่งหมู่บ้านมังกรตั้งอยู่ และนี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทําไมสภามรกตถึงคิดจะจัดการประชุมขึ้นที่นั่น
หลังจากที่คิดอยู่ซักพัก, ลิงค์ก็พูดขึ้น “ยังมีเวลาอีกตั้งหนึ่งเดือน แถมเธอก็บาดเจ็บด้วย มาพักที่ดินแดนของฉันสักสองสามเป็นไง?”
“เอาสิ, ทําไมจะไม่ได้หล่ะ?” เฟลิน่ายิ้ม
ลิงค์กลับไปยังเรือเหาะของแลนนี้แล้วพวกเขาก็ออกบินต่อ พูดตามตรง, เขาชอบเรือลํานี้จริงๆ มีนักบิน, ไม่โดนลมตีหน้า, และที่นั่งที่สะดวกสบาย เขาสามารถนั่งชิวๆ, บอกจุดหมาย, แล้วแลนนี้ก็จะพาเขาไปที่นั่น นี้มันแทบจะเหมือนกับเครื่องบินส่วนตัวของเขาเลย
เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องหาทางทําให้แลนนี่ มาเป็นนักบินส่วนตัวของเขาให้ได้ ผ่านไปสิบนาที, เทือกเขามอดไหม้ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา
ครั้งล่าสุดที่เขาออกมาจากเทือกเขามอดไหม้, เขาได้ใช้เวลาพักใหญ่ๆอยู่ในหมู่บ้านมังกร จากนั้นเขาก็ใช้เวลาพักนึงอยู่ในทุ่งสีทองและป้อมโอริด้า เมื่อบวกเวลาทั้งหมดนี้เขาด้วยกัน, เวลาก็ได้ล่วงเลยมาเกือบครึ่งปีแล้ว
ในช่วงครึ่งปีมานี้, เทือกเขามอดไหม้ได้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
มีบ้านหลังใหม่ถูกสร้างขึ้นมากมายเป็นวงแหวนรอบเทือกเขามอดไหม้ ด้วยความที่การพัฒนาเกิดขึ้นเร็วเกินไป, แผนการจึงไม่ค่อยเป็นระเบียบและดูวุ่นวายเมื่อมองจากท้องฟ้า อย่างไรก็ตาม, มันคือความวุ่นวายที่ดูมีชีวิตชีวา มันเหมือนกับความโกลาหลของสัตว์และพืชพันธุ์ที่พร้อมกันเติบโตในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
แลนนี้มองลงไปแล้วตกใจ “มีคนเพียบเลย! ม้าก็เยอะมาก! ถนนก็ด้วย! ที่ท่าเรือเองก็มีเรือจอดอยู่เยอะเลย!”
ภายในเวลาครึ่งปี, รัศมีหนึ่งไมล์รอบเทือกเขามอดไหม้ ถูกอัดแน่นไปด้วยบ้าน มีบ้านหิน, กระท่อมฟาง, สิ่งก่อสร้างที่ทําจากไม้, และสิ่งก็สร้างที่ยังไม่เสร็จอีกมากมาย บนพื้น, มีจุดสีดําจํานวนนับไม่ถ้วนกําลังเคลื่อนไหวอยู่ ทั้งหมดนั้นคือคนงานที่กําลังยุ่ง แทบจะไม่มีใครว่างเลย ทุกคนต่างก็ยุ่งอยู่กับหน้าที่ของตัวเอง
ที่ท่าเรือ, มีเรือนับไม่ถ้วนที่เต็มไปด้วยสินค้ากําลังแล่นเข้า มาเทียบท่า ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ก็มีเรือหลายลําที่จากไปมีเรืออยู่ทุกชนิด, รวมทั้งเรือลําใหม่ของไฮเอลฟ์, เรือบนทุกสินค้าก้นสมุทร, และแม้กระทั่งเรือของมนุษย์สัตว์
มันสามารถสัมผัสถึงความรู้สึกมีชีวิตชีวาได้อย่างชัดเจนด้วยการมองแค่ปาดเดียว ถ้าทางเหนือคือนรกที่มืดมิดแล้วหนาวเหน็บ, ที่นี่ก็คือสวรรค์อันอบอุ่นและสดใส!
เมฆหมอกทั้งหมดในหัวใจของลิงค์ที่เกิดจากการเข่นฆ่า และความตายได้สลายไปด้วยความมีชีวิตชีวาอันเหลือล้นนี้
“อา” เขาสูดหายใจเข้า, เอนตัวพิงที่นั่งของเขา, ด้วยความผ่อนคลายอย่างเต็มที่
พรึบ, พรึบ มีเสียงกระพือปีกดังขึ้น นักรบกริฟฟินสองคนได้พบเรือเหาะและมังกร พวกเขาเข้ามาใกล้แล้วล้อมพวกเขาเอาไว้ นักรบที่ดูเหมือนกับเจ้าหน้าที่ถือปืนคาบศิลาแล้วชี้มาทางพวกเขาจากที่ไกลๆ, พร้อมกับตะโกน “เมืองมอด ไหม้เป็นน่านฟ้าปิด ลงพื้นเดี๋ยวนี้”
แลนนี่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยแล้วหันไปหาลิงค์ “มาสเตอร์, นี่เป็นดินแดนของท่านไม่ใช่หรอ? ทําไมพวกเราถึงบินไม่ได้หล่ะ?”
ลิงค์ก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน “มันน่าจะปลอดภัยนะ” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อพวกเราอยู่ที่นี่แล้ว, ก็ลงพื้นกันเถอะ”
“เมืองลาริเอลไม่ได้เป็นเขตห้ามบิน” แลนนี้เริ่มลงอย่างไม่เต็มใจ เฟลิน่ามาที่นี้ในฐานะแขกและแน่นอนว่าเธอตามลงไปด้วย
เจ้าหน้าที่กริฟฟินเองก็ลงพื้น เขาเดินไปทางเรือเหาะแล้ว เอาคําภีร์แสตมป์ออกมา “ตามมาตราที่ 125” เขาเริ่มอ่าน “ห้ามมิให้เที่ยวบินทุกลําบินเหนือน่านฟ้าของเมืองนี้ ผู้ฝ่าฝืนจะต้องเสียค่าปรับห้าเหรียญเงิน…”
ในขณะที่พูด, ก็มีเสียงฟีบเบาๆแล้วเรือเหาะก็เปิด ลิงค์เดินออกมา
เจ้าหน้าที่ยังคงอ่านออกมาเสียงดัง “สําหรับผู้ที่พยายามจะฝ่าฝืน, ค่าปรับจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”
ทหารที่อยู่ข้างเขาจําลิงค์ได้ เขารีบกระซิบเตือน “ท่านครับ, นั่นมันลอร์ดนะครับ”
“ลอร์ดอะไร…อ้อ, ท่านลอร์ดหรอ!?” เจ้าหน้าที่ย้ายคําภีร์ไปด้านข้างแล้วดู มันคือลอร์ดจริงๆ เขาเริ่มทําตัวงุ่มง่าม, ด้วยคําภีร์ที่อยู่ในมือของเขา, มันคงจะไม่ดีถ้าเขาอ่า นต่อไปแต่เขาก็ไม่สามารถหยุดได้เช่นกัน เขายืนแข็งที่ออยู่กับที่, มีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเขา
ลิงค์หัวเราะเบาๆแล้วโยนเงินให้ห้าเหรียญทอง “ฉันฝ่าฝืนกฏดังนั้นฉันควรจ่ายค่าปรับจริงๆนั่นแหละ นายไม่ได้ทําอะไรผิดหรอก นี่เป็นค่าปรับสําหรับฉันกับเพื่อน ส่วนที่ เหลือถือว่าเป็นโบนัสของนายแล้วกันนะ”
แต่ก็ต้องคาดไม่ถึง, เจ้าหน้าที่กลับเป็นฝ่ายสื้อ เขายืนกรานจะรับเงินแค่หนึ่งเหรียญทองเท่านั้น เขาก็มีเหตุผลเหมือนกัน “ลอร์ด, นี่คือหน้าที่ของข้า ข้าไม่ต้องการโบนัสใดๆทั้งนั้น ค่าปรับสําหรับสองคนคือสิบเหรียญเงิน, หรือไม่ก็หนึ่งเหรียญทอง ข้ารับมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
เขาเป็นคนที่มีหลักการและลิงค์ก็ชื่นชมคนแบบนี้ เขาไม่ได้บังคับให้เจ้าหน้าที่รับเงินที่เหลืออีกสี่เหรียญทอง, แล้วตบไหล่ของเจ้าหน้าที่พร้อมกับพูดออกมา “ทํางานที่นี้ ทําให้ดีแบบนี้ต่อไปนะ”
“ครับท่าน” เจ้าหน้าที่ยืนตัวตรงทําความเคารพลิงค์ ตอนนี้ที่หน้าผากของเขามีเหงื่อชุ่มกว่าเดิม ไม่มีใครรู้ว่าเขารู้สึกกดันแค่ไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าลิงค์
ลิงค์ไม่ได้อยู่นานนัก เขากวักมือเรียกเฟลิน่าที่กลายร่างเป็นมนุษย์แล้วเดินไปทางเทือกเขามอดไหม้พร้อมกับแลนนี่
ในตอนที่ทั้งสามเดินออกไปพ้นสายตา, เจ้าหน้าที่ก็ถอนหายใจออกมา ขาของเขาอ่อนยวบแล้วแทบจะทรุดลง เขาพูดในขณะที่จับทหารที่อยู่ข้างๆ “พยุงข้าที่ ข้ากําลัง จะเป็นลมแล้ว”
แม้ว่าลิงค์จะไม่ได้จงใจปล่อยออร่าระดับตํานานออกมา, แต่มันก็ยังส่งผลกับจิตใจของนักรับทั่วๆไปอย่างรุนแรง แถมเขายังมีศักดิ์เป็นลอร์ดและเป็นนักเวทย์ที่มีชื่อเสียงด้วย การที่เจ้าหน้าที่พูดตอบโต้ลิงค์ได้นั้น ก็ถือว่าพวกเขาน่ายกย่องแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง, ลิงค์กําลังเดินบนถนนที่เต็มไปด้วยโคลนและขี้ม้า เขารู้สึกไม่สบายใจมากๆ
แลนนี่กระโดดไปทั่วแล้วพูด “อี้, เหม็น, เหม็นชะมัดเลย ที่นี่จมอยู่ในขี้ม้ารึไงเนี่ย”
มันดูน่าประทับใจจากบนฟากฟ้าแต่ข้างในนั้น, เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธออยู่ในบ่อขยะ เฟลิน่าเป็นคนตรงกว่า เธอเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดจมูกเอาไว้
ลิงค์ทําได้แค่หัวเราะเบาๆเป็นครั้งคราว “มันจะดีขึ้นหน่า ตอนนี้การพัฒนาไปได้เร็วเกินไปทําให้มีหลายๆสิ่งที่ตามไม่ทัน
มนุษย์พึ่งพาม้าในการขนส่ง ในตอนที่มีม้าเพิ่มขึ้น จึงเป็นธรรมดาที่จะมีขี้ม้าอยู่ทุกที่ พวกเขาไม่สามารถเทียบชั้นกับยัยบ้าได้เลย
อย่างไรก็ตาม, หลังจากผ่านไปสามนาที, รถม้าคันใหม่ก็มาจากข้างหลังพวกเขาและค่อยๆหยุดลงอย่างช้าๆ มีอัศวินคนนึงอยู่ด้วย เขากระโดดลงจากหลังม้าแล้วทําความ เคารพลิงค์ “ลอร์ด, เชิญขึ้นรถม้าเถอะครับ”
ลิงค์จําอัศวินคนนี้ไม่ได้แต่เกราะของเขามีตราสัญลักษณ์ของลิงค์อยู่ เขาต้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาแน่ๆ ดังนั้นลิงค์จึงเปิดประตูแล้วปีนขึ้นไป พอเข้ามาข้างใน, ทั้งสาม ก็โล่งใจในที่สุด
“พอช่างฝีมือของเรามาถึงที่นี่, ข้าจะให้พวกเขาพัฒนารถขึ้นมาเพื่อกําจัดของเสียพวกนี้ออกไป” แลนนี่พูดอย่างจริงจัง “พวกเขาจะกําจัดขยะในทุกๆวัน ไม่อย่างนั้น, เมือง นี้คงจะอยู่ไม่ได้”
เธอแสดงท่าทางออกมาในขณะที่พูดแล้วสีหน้าของเธอก็จริงจัง ลิงค์กับเฟลิน่าต่างก็รู้สึกจักจี้
ทั้งกลุ่มไปถึงศูนย์กลางของดินแดนเทือกเขามอดไหม้
มีกําแพงอยู่รอบเทือกเขามอดไหม้ ข้างในนั้น, ภูมิประเทศเรียบเสมอกัน มีกระเบื้องหินอยู่บนพื้นด้วย แทนที่จะเป็นขี้ม้า, มันกลับมีดอกไม้อยู่ตามถนนแทน คนที่เดินผ่านไปมานั้นก็แต่งตัวดูดี มันเหมือนกับเป็นโลกที่แตกต่างกันเลย
เทือกเขามอดไหม้เริ่มมีเค้าลางเหมือนพื้นที่ชนชั้นสูงของเมืองแล้ว รัศมีเองก็เปลี่ยนไปมาก, รวมทั้งหอคอยเวทมนตร์ที่อยู่ห่างออกไป 900 ฟุต และตอนนี้ลิงค์ยังพบว่ามีหอคอยเวทมนตร์ขนาดกลางสามแห่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างด้วย
“ลูซี่ทําได้ดีเลยนะเนี่ย” เขาต้องยอมรับเธอเลย
การพัฒนาเร็วกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก ถ้าเขาต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง, เขาคงจะเป็นบ้าแน่ๆ
ในขณะที่เขากําลังคร่ําครวญ, รถม้าก็มาถึงทางเข้าหอคอยเวทมนตร์ ลิงค์ลงมาจากรถม้าแล้วตระหนักได้ว่าประตูเปิดรอเอาไว้แล้ว เอเลียร์ดยิ้มให้เขา
ลิงค์มองเอเลียร์ดด้วยความตกใจ ภายในครึ่งปี, ชายคนนี้ก็มาถึงจุดสูงสุดของเลเวล 6 แล้ว ตัดสินจากสายตาที่จดจ่อและท่าทีที่เยือกเย็นของเขา, เขาค่อนข้างจะมีความ สามารถในด้านเวทมนตร์
ลิงค์รู้สึกดีใจมากกับการพัฒนาของเพื่อนสนิท เขาเดินไปกอดเอเลียร์ด, ตบหลังของเขาอย่างแรงก่อนที่จะปล่อยไป พวกเขามองตากันแล้วหัวเราะออกมาอย่างเต็ม
“นายแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่ฉันคาดเอาไว้อีกนะ” เอเลียร์ดคร่ําครวญ
“นายเองก็พัฒนาเร็วกว่าที่ฉันจินตนาการเอาไว้เหมือนกันนะ” ลิงค์พูดอย่างมีความสุข เขาอยากให้เอเลียร์ดไล่ตามมาทันจริงๆ ด้วยวิธีนั้น, เขาก็จะไม่ต้องต่อสู้คนเดียว
“มาเถอะ, พวกเรารออยู่ในหอคอยเวทมนตร์ ผู้จัดการลูซี่กับผู้บัญชาการแจ็คเกอร์จะรีบตามมาในทันที”
ลิงค์พยักหน้า เขากวักมือเรียกแลนนี่กับเฟลิน่า; แล้วทั้งสามก็เดินเข้าไปในหอคอยเวทมนตร์ด้วยกัน
มีนักเวทย์ฝึกหัดกว่า 50 คนในโถงหลัก พวกเขาทุกคนยืนขึ้น, ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ในตอนที่กลุ่มของลิงค์ขึ้นไปถึงชั้นสอง, พวกเขาทุกคนก็ถอนหายใจออกมา ด้วยความโล่งอกจากนั้นก็เริ่มพูดคุยกัน
“นั่นท่านลอร์ดหรอ?”
“เขาแข็งแกร่งมาก ข้าเงยหน้าขึ้นไม่ได้เลยด้วยซ้ํา หัวใจของข้ากําลังระเบิดแล้ว”
“โหดชะมัด! ลอร์ดเป็นนักเวทย์เลเวล 8! เขาคือมนุษย์ที่ทรงพลังที่สุด!”
ลิงค์ไม่ได้ยินเรื่องพวกนี้เพราะเขาขึ้นไปที่ชั้นสองแล้ว นี่เป็นสถานที่สําหรับนักเวทย์อย่างเป็นทางการและจํานวนก็น้อยลงมาอย่างเห็นได้ชัด มีคนอยู่ที่นี่แค่หยิบมือ ลิงค์จําได้บางคนแต่คนอื่นๆเขาไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาเป็นคนที่มาเข้าร่วมหลังจากนั้น
ลิงค์เห็นไรไลอยู่ที่นี้ด้วย
เธอตัวสูงขึ้นและตอนนี้ก็เป็นนักเวทย์เลเวล 2 แล้ว ตอนนี้เธอดูมีจิตวิญญาณธาตุน้ํามากขึ้น ดูเหมือนจะมีชั้นแสงที่เหมือนกับน้ําอยู่รอบตัวเธอ นี่คือพรสวรรค์ทางธาตุน้ํา ที่โดดเด่นจริงๆ
ตอนนี้, เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงมุมๆนึง เธอไม่รู้ว่าลิงค์กลับมาแล้วแต่ในตอนที่เธอได้ยินเสียงเท้า, เธอก็เงยหน้าขึ้นมาตามสัญชาตญาณแล้วตกใจ เธอลุกขึ้นอย่างรวด เร็วแล้วพูด “อาจารย์”
ลิงค์ส่งเสียงตอบ เขารู้สึกผิดกับไรไลมากจริงๆ เขาวางแผนจะสอนเธอเป็นการส่วนตัวแต่ก็ไม่เคยมีเวลาเลย จากนั้นเขาก็ส่งเธอให้มิลด้าแต่มิลด้าก็ต้องมาจบด้วยการอา ศัยอยู่ในอารากู่
เด็กคนนึงที่มีศักยภาพทางด้านเวทมนตร์น้ําอย่างเหลือล้นกําลังจะถูกเขาทําให้สูญเปล่า
เขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแล้วเริ่มขึ้นไปชั้นบน ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, เขาก็สาบานว่าเขาจะหาอาจารย์ที่มีพรสวรรค์และความรับผิดชอบมาให้ไรไลที่บันได, เขาถาม “เซลีนอยู่ที่นี่หรอ?”
“ไม่, ตอนนี้เธออยู่ในปาเกอร์เวนท์กําลังจัดการกับคนจากเดลอนก้าอยู่ เธอไม่ได้กลับมาพักนึงแล้ว ตอนนี้เธอคือยมทูต นั่นคือความแข็งแกร่งของเธอ” เอเลียร์ดพูดพร้อมกับหัวเราะ
“แล้วเรื่องกระสุนหล่ะ?”
“มาสเตอร์วิสมัลเลอร์เป็นคนทําให้เธอ นั่นคือทั้งหมดที่เขาทําในตอนนี้”
“เยี่ยมเลย” ลิงค์ตอบกลับ แต่ลึกๆแล้ว, เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ
เขาไปทั่วทุกที่เพื่อช่วยเหลือคนอื่นแต่กลับมองข้าม เหล่าคนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุดหนึ่งในนั้นคือลูกศิษย์อย่างเป็นทางการของเขา; และอีกคนก็คือคนที่เขารักที่สุดในชีวิต
เบื้องหน้าห้องโถงหลักของชั้นบนสุด, เอเลียร์ดพูด “ตอนนี้เซลีนใช้ห้องโถงนี้อยู่ มีแค่เธอที่สามารถเปิดรูนที่ประตูได้”
ลิงค์มองมันแล้วหัวเราะ “ฉันยังจํารหัสผ่านได้อยู่”
เขาใส่รหัสแล้วประตูเวทมนตร์ก็เปิด ทั้งกลุ่มเข้าไปเลือกที่นั่งของตัวเอง พอผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงรอยเท้าตามมามากมาย
ลิงค์หันไปดูแล้วเจอกับคนกลุ่มนึง, รวมทั้งกษัตริย์ลีออนด้วย