Advent of the Archmage Chapter 425: ไฮเอลฟ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“มันไปเอาความกล้ามาจากไหนกันนะ?” เฟลิน่ามองหลังของโจรด้วยความตกใจ
โจรเลเวล 6 ที่กล้าปลอมตัว, เข้ามาในหอคอยเวทมนตร์ของนักเวทย์ระดับตํานาน, และขโมยสมุดโน้ตของลิงค์ไป ปริมาณความกล้าหาญที่เขามีนั้นเข้าขั้นบ้าได้เลย
ตอนนี้เฟลิน่าสนใจในตัวเขามากๆ
มันเป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว ดวงอาทิตย์กําลังจะลับขอบฟ้า, และยังมีแสงอยู่อ่อนๆ ผู้คนเดินไปมาบนถนนของเทือกเขามอดไหม้ มันยังคึกคักอยู่
โจรเดินออกมาจากหอคอยเวทมนตร์และออกไปที่ถนน เขายิ้มแล้วโบกมือให้กับนักเวทย์ฝึกหัดบางคนที่เขารู้จักแล้วเดินหน้าต่อ
ที่พื้นที่แห่งนึง, เขายืนอยู่ตรงมุมถนนแล้วคุยกับขนขับรถม้าที่อยู่ข้างถนน หลังจากที่ตกลงราคาได้, เขาก็ขึ้นรถม้าไป
รถม้าเริ่มขยับไปตามเส้นทางจากเทือกเขามอดไหม้ไปถึงท่าเรือ
“มันกําลังไปที่ท่าเรือ” เฟลิน่ากําลังจะเร่งความเร็วเพื่อไล่ตามเขา
“กลับมานี่ก่อน” ลิงค์หยุดเธอ
“ทําไมหล่ะ?” เฟลิน่าไม่เข้าใจ
“มันไม่ได้ขึ้นรถม้าหรอก ตามฉันมานี่” ลิงค์อธิบายในขณะที่เดิน “ไม่มีใครอยู่ในรถม้า, มันต้องเป็นวัตถุเวทมนตร์ที่แผ่ออร่าคล้ายๆกันออกมาแน่ๆ มันน่าจะเป็นหินรูนนะ ส่วนไอโจรนั่นน่าจะใช้เวทย์หายตัวหนีไปทางอื่น”
ด้วยความที่มองไม่เห็น, ทั้งสองจึงเดินไปที่กําแพงตรงจุดที่รถม้าเคยอยู่ ลิงค์ชี้ไปที่รอยเท้าเปื้อนโคลน “ดูสิ, มันไปทางนั้น โจรคนนี้ระวังตัวมากและน่าจะรู้สึกตัวว่าถูกคนสะกดรอยตามอยู่”
ในขณะที่พูด, ลิงค์ก็ร่ายเวทย์ทัศน์วิสัยปลอดโปร่ง
สัญญาณที่ไม่สําคัญทั้งหมด, อย่างเช่นการพูดคุยกันรอบๆพวกเขา, การกระทบกันของกรีบม้า, และเสียงดังของรถม้าหายไปทั้งหมด สิ่งที่ยังเหลืออยู่ในสายตาของลิงค์ก็คือรอยเท้าจางๆที่อยู่บนพื้นและออร่าอ่อนๆในอากาศ
เขาตามมันไป, แล้วเฟลิน่าก็ตามเขาไปติดๆ
“มันเดินมาถึงกําแพงนี้เหมือนกับพวกเรา…เดี๋ยวนะ, มันกําจัดออร่าเวทมนตร์ทิ้ง ตอนนี้มันคือคนธรรมดา…ดูนั่น, ฉันเห็นมันแล้ว”
โจรปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ระยะห่างออกไป 150 ฟุต
เขาได้ทําการแปลงโฉมใหม่ ผ้าคลุมเวทมนตร์จากก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนเป็นชุดเกราะหนัง ผมของเขาที่เคยมัดเป็นหางม้าตอนนี้ถูกปล่อยลงมา แถมเขายังเปลี่ยนออร่าด้วย, ตอนนี้เขาดูเหมือนกับคนธรรมดาอย่างสมบูรณ์
เฟลิน่าตกใจมาก “ลิงค์, เจ้ามั่นใจหรอว่าเป็นโจรคนนั้น ข้าคิดว่าไม่ใช่นะ”
“เป็นมันแน่ๆ รูปร่าง, วิธีเดิน, และกลิ่นตัวของมันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เธอไม่รู้สึกบ้างหรอ?” ลิงค์รู้สึกว่ามันแปลก ตอนนี้พวกเขาเป็นมังกรทั้งคู่ ดังนั้นเฟลิน่าน่าจะมีประสาทสัมผัสไวเหมือนกัน
เฟลิน่ายักไหล่ “มีผู้คนมากมายบนถนนพร้อมกับกลินอีกมากมาย ข้าจะลบพวกมันทิ้งได้ยังไง? แล้วก็นะ, พลังมังกรของเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าตั้งสิบเท่า”
“อ้าวหรอ, ขอโทษนะ แต่ว่าเป็นไอโจรนั่นไม่ผิดแน่ รีบไปกันเถอะก่อนที่มันจะปลอมตัวอีกครั้ง” พอพูดจบ, น้ำเสียงของลิงค์ก็ฟังดูเร่งรีบขึ้น
โจรเดินมาถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวซ้าย ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ลิงค์ก็รู้สึกว่าออร่าที่เขากําลังตามอยู่หายไป ในเวลาเดียวกันนั้น, ก็มีกลิ่นฉุนของกระเทียมลอยเข้ามา ด้วยกลิ่นนี้, ลิงค์ไม่สามารถระบุตัวตนของโจรจากกลิ่นได้เลย
ทั้งสองวิ่งไปที่สี่แยก, แต่โจรก็หายไปแล้ว
เฟลิน่าอ้าปากค้าง “มันหายไปเหมือนกับฝุ่นเลย มันมีพรสวรรค์ใช้ได้เลยนะเนี่ย!”
ลิงค์ก็คลาดกับเขาเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้กังวล ด้วยความช่วยเหลือของเวทมนตร์, ลิงค์ก็เดินวนรอบพื้นที่ระแวกนี้แล้วในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่กําแพงคฤหาสน์หลังนึง
“ดูสิ, อิฐก้อนนี้ดูแปลกๆนะ ดูที่เส้นของมันสิ” ลิงค์ชี้ไปที่อิฐก้อนนึง
เฟลิน่ามองตาม มีดินสีดําอยู่บนก้อนอิฐ แล้วก็มีรอยแตกอยู่ที่มุมด้วย มันคือผลลัพธ์จากการใช้พลังบางอย่าง
“มันปีนขึ้นหลังคาหรอ?” เฟลิน่ามองขึ้นไป “มันวางเท้าตรงนี้แล้วก้าวไปอีกที่ตรงนี้ดูจากการออกแรงแล้ว มันต้องปืนขึ้นหลังคาแน่ๆ”
ลิงค์ไม่ได้รีบด่วนสรุป เขาสังเกตุต่อและห้าวินาทีต่อมา, เขาก็พูดขึ้น “ดูรอยแหว่งที่มุมมืดตรงนั้นสิ มันมีรอยนิ้วมืออยู่ด้วย น่าจะเป็นนิ้วโป้งของโจรนะ พลังตรงจุดนี้หนาแน่นมาก มันหนาแน่นพอที่จะดีดตัวโจรขึ้นไป 65 ฟุต เข้าใจแล้ว, ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ปีนขึ้นหลังคา แต่มันผ่านบ้านหลังนี้แทน ดูสิ, มีรอยเท้าใหม่อยู่ตรงนั้นด้วย”
เฟลิน่าตามลิงค์ไป พวกเขาเข้าไปในตรอกเล็กๆ, แล้วเธอก็เห็นรอยเท้าสดใหม่อยู่บนพื้นหิน เห็นได้ชัดว่ารอยเท้าพวกนี้เคยใช้สําหรับถ่ายเทพลังออกมา มีหินบางก้อนแตกละเอียดด้วย
ครั้งนี้, ดูเหมือนว่าโจรจะคิดว่าสลัดคนไล่ตามหลุดแล้ว รอยเท้าบนพื้นจึงชัดเจนขึ้น พวกมันเข้ามาในตรอกจนกระทั่งหายไปอีก, แล้วปรากฏขึ้นอีกครั้งบนกําแพงเทือกเขามอดไหม้
“มันปืนขึ้นไป” เฟลิน่าพูด
“ใช่” ลิงค์พยักหน้า เฟลิน่าจับร่องกําแพงตั้งใจจะปีนขึ้นไป, แต่ว่าลิงค์ก็ห้ามไว้ “ไม่จําเป็นต้องทําแบบนั้นหรอก”
ลิงค์ออกแรงกดที่กําแพงแล้วขูดรูนมิติขึ้นมาด้วยนิ้วของเขา จากนั้นเขาก็เพิ่มพลังมังกรแล้วส่งเข้าไปที่กําแพง
ด้วยเสียงฟุบ, กําแพงก็เปลี่ยนเป็นระลอกคลื่น จากนั้นก็มีรอยแตกเกิดขึ้น, แล้วทางออกก็ปรากฏออกมา มันแปลกมากๆ มันดูเหมือนกับคลื่นน้ำ มีระลอกโปร่งแสงอยู่รอบๆมันในขณะที่กําแพงที่ล้อมรอบมันอยู่นั้นไม่ได้รับความเสียหายเลย มันน่าสนใจมาก
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ด้ายโปร่งแสงจํานวนมากก็ปรากฏขึ้นที่มือของลิงค์ พวกมันเชื่อมต่อกับระลอกมิติที่อยู่รอบๆประตูเวทมนตร์
“มันคือเวทย์ประตูมิติหน่ะ ไปกันเถอะ”
ทั้งสองเดินเข้าไปในกําแพง ลิงค์กําหมัดแล้วด้ายก็มารวมกลุ่ม แสงเองก็หายไปเหมือนกัน ด้วยเสียงฟุบ, รูที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังอันแปลกประหลาดก็กลับมาปิดแนบสนิทอีกครั้ง ไม่มีร่องรอยของการทําลายอยู่บนกําแพงเลย
เฟลิน่าแอบชําเลืองมอง ตอนนี้เธอรู้สึกตัวชากับเทคนิคของลิงค์ พลังของนักเวทย์มนุษย์คนนี้กําลังเพิ่มขึ้นติดจรวจมุ่งหน้าไปยังจุดที่ไม่สามารถอธิบายได้ เธอไม่สามารถเข้าใจมันได้อีกแล้ว
ที่ด้านนอกกําแพง, มันไล่ตามได้ง่ายกว่า ไม่มีถนนหินอีกแล้ว แต่มีถนนดินแทน ซึ่งรอยเท้าที่นี้สังเกตุได้ง่ายกว่ามาก
“อี๋, กลิ่นมันช่าง” เฟลิน่าทําหน้ายู่เหมือนกับเปลือกส้มแห่ง เธอสบัดมืออยู่ที่จมูกของเธอ
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ มีของเสียงจากม้า, แกะ, และแม้กระทั่งมนุษย์อยู่ทั่วทุกที่ ถึงแม้ว่าจะมีคนทําความสะอาดอยู่, แต่มันก็ไม่ได้ผลอะไร ผู้พักอาศัยทั้งหมดของเมืองมอดไหม้นั้นคือผู้อพยพ, และส่วนใหญ่ก็เป็นเกษตรกร พวกเขายังไม่คุ้นเคยกับชีวิตในเมืองเลยสักนิด และการขับถ่ายบนถนนก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะว่านั้นคือสิ่งที่พวกเขาทําในหมู่บ้านของพวกเขา
ลิงค์เองก็ไม่ได้มีสีหน้าปกติ พวกเขาตามรอยเท้าแล้วเดินหน้าต่อ “โจรสัมผัสถึงอันตายได้อีกแล้ว มันเริ่มเร่งความเร็วขึ้น เราเองก็มาเพิ่มความเร็วกันเถอะ..ฉันจะร่ายเวทย์ลอยให้เธอนะ”
เฟลิน่ากําลังเดินเขย่งอยู่เพราะเธอไม่อยากเหยียบขี้ม้า ลิงค์เหนื่อยกับการเห็นภาพนี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงช่วยให้เธอลอย จากนั้น, เขาก็ใช้มือแห่งนักเวทย์พาเธอไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
พวกเขาออกจากเมืองในเวลาไม่นานแล้วเข้ามาที่สลัม
“มันตรงไปทางท่าเรือ น่าจะมีใครบางคนกําลังรออยู่” เฟลิน่าพูด
“น่าจะนะ อย่าให้มันหนีขึ้นเรือได้ก็แล้วกัน”
ลิงค์เองก็เร่งความเร็วขึ้น ที่นี่, เฟลิน่าไม่ต้องกังวลเรื่องของเสียอีกแล้ว เธอเริ่มเร่งความเร็วขึ้นตามลิงค์
โจรกลับมาระวังตัวอีกครั้งในสลัม ไม่มีร่องรอยถูกทิ้งเอาไว้เลย; แถมเขายังเพิ่มร่องรอยปลอมเอาไว้ด้วย
ลิงค์กับเฟลิน่านั้นรวดเร็ว, แต่พวกเขาก็ต้องหยุดอยู่เรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบร่องรอย ดังนั้น, พวกเขาจึงไล่ตามโจรไม่ทัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา, พวกเขาก็มาถึงท่าเรือ
ลิงค์มองไปข้างหน้า เขาเห็นเงาดําๆกระโดดขึ้นเรือพ่อค้าที่กําลังจะออกจากท่า
การเอาเรือออกจากท่าในเวลากลางแบบนี้เป็นเรื่องที่แปลกจริงๆ
“มันกําลังหนี!” เฟลิน่าเร่งความเร็วขึ้น
ลิงค์ไม่ได้กังวล เขาใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งทั้งสองข้างทําเป็นวงกลม อากาศในวงกลมเบลอแล้วเกิดเป็นเลนส์มิติขึ้นมาทั้งสองข้าง ลิงค์เอาพวกมันมาซ้อนกันที่ตาของเขา, สร้างเป็นกล้องโทรทรรศน์กําลังขยายสูงขึ้นมา
เขามองคนๆนั้นอย่างละเอียดด้วยกล้องโทรทรรศน์ หลังจากผ่านไปสามวินาที, เขาก็พูดขึ้น “โจรหนี้ไปแล้วแต่สมุดโน้ตเวทมนตร์ในมือหายไป”
เฟลิน่าหยุด “เจ้าหมายความว่ามันจงใจล่อให้พวกเราไล่ตามมันไปหรอ?”
เพื่อที่จะแกล้งเป็นนักเวทย์ฝึกหัด, โจรจึงไม่ได้เอาเครื่องมือหรืออุปกรณ์มิติติดตัวมาด้วย เขาเก็บสมุดโน้ตเอาไว้กับตัวหลังจากที่ได้มันมา ลิงค์เห็นมันอย่างชัดเจนในตอนที่เขาออกมาจากหอคอยเวทมนตร์
แต่ตอนนี้, มีบางอย่างผิดปกติในตอนที่เขาเห็นโจรกระโดดขึ้นเรือ เขาใช้กล้องโทรทรรศน์เพื่อตรวจสอบและยืนยันว่าโจรได้เคลื่อนย้ายสมุดโน้ตไปแล้ว
ความคิดของลิงค์กําลังหมุน ไม่กี่วินาทีต่อมา, เขาก็พูด “เฟลิน่า, เธอตามโจรไปแต่ไม่ต้องเข้าไปใกล้นะ คอยรักษาระยะเอาไว้ก็พอ”
“เข้าใจแล้ว” เฟลิน่าเข้าใจสิ่งที่ลิงค์คิด โจรได้เคลื่อนย้ายสมุดโน้ตไปแล้วดังนั้นต้องมีใครบางคนมารับมันไป การไล่ตามโจรไปนั้น, จะทําให้อีกฝ่ายคิดว่าเธอถูกโจรหลอกและคิดว่าตัวเองปลอดภัย ซึ่งลิงค์จะซ่อนตัวและหาจังหวะจับตัวคนๆนั้น
เฟลิน่าเร่งความเร็วขึ้นแล้วไล่ตามเรือไป
ลิงค์ยังคงหายตัวอยู่ เขาค่อยๆย่องไปข้างหน้าในเงามืดด้วยการตามร่องรอยของโจร, เขาเดินไปได้ประมาณ 1,000 ฟุตและไปถึงพื้นที่เก็บสินค้า
ที่นี่, สินค้าถูกนํามาวางกองกันเป็นภูเขา บางส่วนเพิ่งถูกเอาออกมาจากเรือในขณะที่อีกส่วนกําลังถูกขนขึ้นเรือ พวกมันถูกจัดวางเอาไว้อย่างไม่เป็นระเบียบ
พอเข้าไปใกล้, ลิงค์ก็รู้สึกได้ถึงรูนติดตามที่เขาใส่เอาไว้ในสมุด เพื่อที่จะไม่ให้ดึงดูดความสนใจของโจร มันจึงอ่อนมากๆ เขาแทบจะใช้มันตามรอยสมุดไม่ได้เลย แต่พอมาอยู่ใกล้ๆ, ลิงค์ก็รู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน
เขาไม่ได้ไปเอามัน แต่, เขาหาที่ซ่อนแล้วเริ่มรออย่างอดทนแทน
เวลาผ่านไปสามชั่วโมง ตอนนี้มันเป็นเวลาประมาณสี่ทุ่มแล้ว ท่าเรือที่พลุกพล่านเงียบลง, และคนตามท้องถนนก็น้อยลงด้วย หลังจากนั้น, คนงานหน้าตาธรรมดาคนนึงก็เดินเข้ามา เขามองซ้ายมองขวาอย่างกังวล
ในตอนที่เขาเข้ามาใกล้พื้นที่เก็บสินค้า, เขาก็เดินวนไปวนมาแล้วจากนั้นก็ออกไป ลิงค์มองเห็นอย่างชัดเจนว่าเขากําลังซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ แล้วก็รู้สึกได้ถึงออร่าของสมุดด้วย
ลิงค์ยังไม่ได้ปรากฏตัวเพราะมันเห็นได้ชัดว่าคนงานคนนี้ไม่ใช่คนบงการ ต้องมีใครบางคนจ้างเขาให้มาทําแบบนี้แน่ๆ เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขากําลังถืออยู่นั้นคืออะไร ลิงค์ไม่ได้ไปขัดขวางเขา เขาแค่ตามคนงานไปจากที่ไกลๆ
คนงานยังคงเดินไปข้างหน้าต่อแล้วออกจากท่าเรือไป เขาเดินไปยังพื้นที่สูงที่อยู่ข้างๆท่าเรือ ที่นั่นมีประภาคารตั้งอยู่ เขาไปที่ประภาคารแล้วเอาสมุดออกมา, วาไว้ที่ช่องว่างระหว่างก้อนหินทั้งสองก้อน
หลังจากนั้น, เขาก็วิ่งกลับไปที่ท่าเรือด้วยความเร็วที่มากที่สุดเท่าที่เขาจะวิ่งได้
ลิงค์รออย่างอดทน แล้วสามนาทีต่อมา, ก็มีเงาคนๆนึงออกมาจากข้างหลังประภาคาร คนๆนั้นมีหูตั้งยาว ในตอนที่เงานั้นเข้ามาใกล้, ลิงค์ก็มองเห็นผิวหนังสีขาวเปลือกไข่และหน้าตาอันงดงามของเธอ เธอมีออร่าธาตุที่เป็นเอกลักษณ์อยู่รอบตัวเธอด้วย
เธอเป็นไฮเอลฟ์– ที่เพิ่งจะมาจากเกาะรุ่งอรุณ
เรื่องราวกําลังซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆแล้ว
เธอเป็นไฮเอลฟ์– ที่เพิ่งจะมาจากเกาะรุ่งอรุณ
เรื่องราวกําลังซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆแล้ว