Advent of the Archmage – ตอนที่ 443: ที่มาของเผ่าพันธุ์มังกร: เรือข้ามฟาก

Advent of the Archmage Chapter 443: ที่มาของเผ่าพันธุ์มังกร: เรือข้ามฟาก

 

ราชามังกรดำหรอ?

 

นี่เป็นข่าวใหม่เลย ลิงค์มองไปที่ผู้อาวุโสที่อยู่รอบๆเขา เมื่อเห็นสีหน้าอันลึกซึ้งและมีการแอบซ่อนความรู้สึกของตัวเอง เขาก็สามารถบอกได้เลยว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่

 

ลิงค์มองไปที่เกรเทลแล้วถาม “แล้วผมจะกลับร่างเป็นมนุษย์ได้ยังไง?” เขามีความรู้สึกว่าเขาจะทํามันได้ แต่เขาไม่รู้ว่าทํายังไง

 

“สุดหายใจเข้าลึกๆ อั้นไว้ แล้วปล่อยพลังลงไปที่ท้อง ใช่แล้ว ตอนนี้เจ้ากลับไปเป็นร่างมนุษย์แล้ว”

 

ลิงค์สามารถรู้สึกได้ถึงโครงสร้างภายในของเขาอย่างชัดเจนและเขาก็ทําตามที่ราชินีบอกได้อย่างง่ายดาย ในตอนที่เขาทําสําเร็จ เขารู้สึกว่าร่างของเขาถูกบีบ พลังมังกรที่แผ่ขยายออกนั้นตอบสนองอย่างรวดเร็ว และร่างกายของเขาก็ย่อขนาดลงอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

 

3 วินาทีต่อมา เขาก็กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง

 

หลังจากนั้น เสื้อผ้าของเขาก็กระโดดออกมาจากอุปกรณ์มิติโดยอัตโนมัติและกลับเข้าสู่ร่างกายของเขา ลิงค์มองลงมาที่มือ พวกมันกลับมาเป็นปกติ, ไม่มีเกล็ดมังกรหรือหนามคริสตัลเลย

 

สิ่งเดียวที่แตกต่างไปก็คือผิวหนังของเขานั้นเรียบเนียนขึ้น รอยย่นและรอยแผลต่างก็หายไปจนหมด

 

หลังจากที่แปลงร่างเป็นมังกร ในที่สุดลิงค์ก็เข้าใจถึงความลึกซึ้งของมัน เขารู้ว่าร่างกายของมังกรนั้นเป็นเกราะป้องกันเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งโดยธรรมชาติ ไม่ มันไม่ใช่เกราะ มันเหมือนกับเครื่องจักรมีชีวิตที่ซับซ้อนมากๆ!

 

เวทมนตร์นี้มีความซับซ้อนขั้นสุดยอดและประกอบไปด้วยความรู้อันไร้ที่สิ้นสุด รวมไปถึงความรู้ที่ลิงค์ยังไม่เคยรู้มาก่อนด้วย เขาสามารถบอกได้เลยว่าเวทย์นี้คือห้องสมุดยักษ์ดีๆนี่เอง

 

ตอนนี้ลิงค์ต้องการที่จะหาที่เงียบๆและใช้ความพยายามทั้งหมดของเขาในการศึกษามัน!

 

พรึ่บ! ราชินีมังกรแดงกางปีกของเธอและบินลงมาจากแท่น ในตอนที่เธอมาถึงตัวลิงค์ เธอก็หุบปีกและมองมาที่เขาอย่างจริงจัง, เหมือนว่าเธอจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง

 

บรรยากาศนั้นค่อนข้างหนักหน่วง หลังจากผ่านไปซักพัก ลิงค์ก็ถามขึ้น “ผมสามารถแปลงร่างที่ละส่วนแบบคุณได้ไหม?”

 

“ได้ แต่ว่าเจ้าต้องฝึกฝนให้มากกว่านี้”

 

นี่เป็นข่าวดี ลิงค์รู้สึกพอใจ ด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถสร้างชั้นเกล็ดขึ้นมาในระหว่างการต่อสู้เพื่อเป็นเกราะยามฉุกเฉินได้

 

ในตอนนี้ พวกผู้อาวุโสที่จิตตกไปก่อนหน้านี้ได้ดึงสติของพวกเขากลับมา ผู้อาวุโสเพทตาลองเดินเข้ามาและพูด “องค์ราชินี ข้าคิดว่าท่านควรพิจารณาแผนของท่านใหม่อย่างจริงจังนะขอรับ อย่าให้ประวัติศาสตร์ต้องซ้ํารอยเลย”

 

ตอนนี้เขาได้ปฏิบัติกับลิงค์ในฐานะคนของเผ่ามังกรแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ปกปิดมันกับลิงค์อีกต่อไป ยังไงก็ตาม ราชินีมังกรแดงได้ตัดบทเขาอย่างห้วนๆ “โอเค พูดอะไรก็ระวังด้วย ลิงค์จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเรา เขาเป็นลอร์ดของมนุษย์ และประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ํารอยอย่างแน่นอน!”

 

“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว” เพทตาลองมองมาที่ลิงค์ สายตาของเขาเองก็ดูมีปัญหาเช่นกัน มันมีทั้งความเสียใจและความหวาดกลัว

 

เกรเทลมองมาที่ลิงค์ด้วยสีหน้าที่เหน็ดเหนื่อย “เอาหล่ะ ข้าได้ทําตามสัญญาของข้าแล้ว เจ้าเป็นแค่สมาชิกธรรมดาของเผ่าและไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ไปที่วิหารมังกรและเตรียมตัวเข้าประชุมของสมาคมมรกตเถอะ”

 

ท่าทางของเธอนั้นแปลกไปเล็กน้อย เธอเคยให้ความเคารพในตอนแรก แต่ตอนนี้เธอทําตัวเย็นชา ลิงค์คิดว่าร่างมังกรของเขานั้นเป็นสิ่งต้องห้ามด้วยเหตุผลบางอย่าง ยังไงก็ตาม มันเข้ากับเขา เขาไม่ใช่คนโง่และมองออกจากท่าทีของพวกเขาว่าพวกมังกรคาดหวังกับเขาเอาไว้สูง ถ้าเกิดว่าร่างมังกรของเขาเป็นอย่างที่พวกเขาหวังเอาไว้จริงๆ พวกเขาจะต้องเข้ามายุ่งมากกว่านี้อย่างแน่นอน

 

ช่างประจวบเหมาะจริงๆ

 

พอคิดได้แบบนี้ ลิงค์ก็พูดขึ้น “งั้นผมไปแล้ว อ้อ ผมได้ยินมาว่าพวกคุณมีห้องสมุด ผมสามารถไปที่นั่นได้ไหม?”

 

“ได้สิ ที่นั่นมีแค่พวกหนังสือประวัติศาสตร์ ทําตัวตามสบายและอ่านเล่มที่เจ้าอยากอ่านเถอะ

 

“ได้เลย”

 

ลิงค์โค้งให้เกรเทลเล็กน้อยจากนั้นเขาก็เดินออกไปจากแท่นบูชาบรรพบุรุษ หลังจากที่เขาออกไป เพทตาลองก็พูดขึ้นมา “หรือนี่จะเป็นสัญญาณจากบรรพบุรุษ?”

 

เกรเทลตกอยู่ในความเงียบ เธอมองขึ้นไปที่รูปปั้นมังกรที่พันอยู่รอบแท่นบูชาและถอนหายใจ “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ว่ามันได้เกิดขึ้นแล้ว มังกรดํานั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งการทําลายล้าง แต่ว่าพวกเราใฝ่หาความสมดุล เขาอยู่นอกเหนือการพิจารณาไปแล้ว อย่าไปคิดถึงมันเลย”

 

“ขอรับ” ผู้อาวุโสทุกคนตอบ

 

ใน อีกด้านนึง ลิงค์ไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้เลย เขาได้มาถึงห้องสมุดในวิหารมังกรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

มันไม่ได้ใหญ่มาก มันเป็นห้องทรงกลมที่มีขนาด 150 ตารางฟุต และมีหนังสืออยู่ประมาณ 5,000 เล่ม

 

บรรณารักษ์นั้นคือมังกรแก่ใจดี เขาไม่ได้แข็งแกร่งมาก เขามีเลเวลแค่ 7 และเขาก็มีออร่าแห่งความตาย ดูเหมือนว่าเขาจะมีชีวิตเหลืออยู่อีกแค่ไม่กี่วัน

 

ในตอนที่ลิงค์มาถึง เขากําลังเขียนอะไรบางอย่างที่โต๊ะ และพอเห็นลิงค์ เขาก็เงยหน้าขึ้นมาพูด “เจ้าหนุ่ม เจ้าสามารถอ่านมันได้ แต่อย่าทําลายหนังสือของข้าล่ะ”

 

“ผมจะระวังครับ” ลิงค์พยักหน้า

 

ในตอนที่ลิงค์เดินไปที่ชั้นหนังสือ ผู้เฒ่าก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ดูจากท่าที่ของเจ้าแล้ว ข้ามั่นใจว่าเจ้าอยากรู้ประวัติศาสตร์ของพวกเราสินะ ไปอ่านหนังสือเล่มที่ 37 นับจากทางซ้ายที่อยู่ชั้นบนสุดของชั้นหนังสือที่ 3 สิ”

 

“โอเค ขอบคุณครับ”

 

ตอนนี้ลิงค์มีความสนใจเรื่องแปลงมังกรอย่างมาก ในตอนที่เขาใช้มันก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกคุ้นเคยกับเทคนิคการร่ายของมัน แน่นอนว่า มันเป็นเพียงแค่ความคิดเขาต้องการที่จะยืนยันมันในตอนนี้

 

เขาทําตามคําแนะนําของผู้เฒ่า ลิงค์เจอหนังสือและหยิบมันออกมา มันมีชื่อว่าพงศาวดารฟิรูแมน

 

หนังสือนั้นเก่ามากๆ และให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าจะสลายคามือลิงค์ได้ทุกเมื่อ เขาถือมันอย่างระวังและเดินไปนั่งที่เก้าอี้ เขาพบว่ามีคนอยู่น้อยมากในห้องสมุด พวกเขากระจัดกระจายกันอยู่

 

ในตอนที่ทุกคนเห็นเขา พวกเขาจะเงยหน้าขึ้นและจากนั้นก็กลับไปอ่านหนังสือของพวกเขาต่อ มันเป็นเรื่องที่ดีที่ไม่มีใครมารบกวนเขา เขาเปิดหนังสือออกและเริ่มอ่านมันอย่างกระตือรือร้น

 

ซึ่งเขาก็ต้องตะลึงตั้งแต่หน้าแรก

 

มันเขียนเอาไว้ว่า ในสมัยโบราณ ภูเขาได้ถล่มลงมา และโลกก็แตกออก น้ําท่วมไปถึงท้องฟ้าและไม่มีที่ไหนในฟิรูแมนที่ปลอดภัย นักปราชญ์ 72 คนของเผ่าได้มารวมตัวกันที่วิหารและใช้เวลาถึง 3 ปีกับอีก 96 วันในการสร้างเรือข้ามฟากเวทมนตร์เพื่อที่จะเอาตัวรอดจากภัยพิบัติ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของชนเผ่ามังกร

 

มีภาพของเรือข้ามฟากเวทมนตร์อยู่ที่หน้าแรก มันดูเหมือนกับมังกรเลย!

 

ลิงค์ได้อ่านบันทึกของอารากู่และได้จดบันทึกประวัติของอารากู่เอาไว้ด้วย มันบอกว่าโลกนั้นได้แตกออกจากกัน และนักปราชญ์โมเซสก็แยกภพออกจากกัน และสร้างขึ้นมาเป็นอารากู่

 

ทั้งคู่ได้พูดถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนประวัติศาสตร์ แต่กลับแสดงวิธีแก้ไขที่ต่างกัน โมเซสได้แยกภพออกจากกันในขณะที่นักปราชญ์มังกรนั้นเลือกที่จะสร้างเรือขึ้นมา

 

พวกมันเป็นตํานานและดูไม่น่าเชื่อถือ แต่ถ้าเกิดว่าตํานานของทั้ง 2 ภพเหมือนกันมากขนาดนี้ และแม้กระทั่งไฮเอลฟ์เองก็ยังบันทึกประวัติศาสตร์เอาไว้ใกล้เคียงกัน มันก็มากพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าภัยพิบัตินั้นเคยเกิดขึ้นมาก่อนในฟิรุแมนเมื่อครั้งอดีตกาล

 

ลิงค์อ่านต่อไปด้วยความตกตะลึง หน้าที่สองนั้นได้อธิบาย ถึงวิธีการที่พวกนักปราชญ์ใช้เรือข้ามฟากในการเอาชีวิตรอด จากภัยพิบัติ

 

พวกเขาขับเรือเวทมนตร์ และเข้าไปในทะเลไม่รู้จบและได้ลอยเคว้งอยู่หลายเดือนก่อนที่ในที่สุดโลกก็สงบลง ภูเขากลับมาอีกครั้งและเริ่มมีสิ่งชีวิตเกิดขึ้น เรือข้ามฟากเวทมนตร์ได้ช่วยพวกเขาให้ผ่านภัยพิบัติไปได้

 

หน้านี้ก็มีรูปภาพเหมือนกัน มันวาดภาพกลุ่มมังกรที่บินออกมาจากฟองอากาศขนาดยักษ์

 

ลิงค์จ้องไปที่มันและรู้สึกดีใจมากๆ ร่างกายของมังกรคือเรือเวทมนตร์ แล้วทะเลนั่นก็คือทะเลแห่งความว่างเปล่าใช่ไหม? นี่หมายความว่าฉันสามารถเข้าไปในความว่างเปล่าได้อย่างปลอดภัยด้วยร่างมังกรนั้นสินะ?

 

เกรเทลนั้นพูดอยู่เสมอว่าการแปลงมังกรนั้นเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดของชนเผ่ามังกร แต่ว่าลิงค์ไม่เคยเห็นค่าของมันเลย เขาได้ฆ่าอิเซนดิลันและไม่เคยรู้เลยว่าร่างมังกรนั้นน่ากลัวถึงขนาดนี้ ตอนนี้ลิงค์เข้าใจถึงคุณค่าที่แท้จริงของมันแล้ว

 

มันคือเรือข้ามฟากไปยังความว่างเปล่า!

 

เขาอ่านมันต่อ หนังสือเล่มนี้ยังอธิบายถึงวิธีที่พวกนักปราชญ์ควบคุมเรือเวทมนตร์ให้กลับมายังฟิรุแมนที่สงบสุขด้วย เรื่องราวนั้นเริ่มธรรมดามากขึ้น นักปราชญ์กลับมายังฟิรุแมน พวกเขาสร้างเส้นทางของตัวเอง และเริ่มที่จะสร้างความแตกต่างขึ้นมา

 

พวกที่ได้ควบคุมเรือเวทมนตร์โดยตรงได้รับบทเรียนและมีความเชื่อมั่นเรื่องความสมดุล พวกเขาขับเรือเวทมนตร์ไป และอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยว ส่วนพวกคนเหลือก็พากันกระจัดกระจายไปทั่วโลก

 

หลังจากผ่านไปหลายปี พวกเขาก็เริ่มสืบพันธุ์ เจริญรุ่งเรืองขึ้น และต่อสู้กันเอง ระหว่างที่พวกเขาทําสงคราม พวกเขาได้สูญเสียประวัติศาสตร์และพลังของพวกเขาไป และได้กลายเป็นมนุษย์

 

ตรงนี้ พงศาวดารได้ใช้ภาพในการแสดงถึงเส้นเวลาที่ชัดเจนของประวัติศาสตร์

 

ในอดีตกาล นักปราชญ์ของฟิรุแมนได้หลบหนีไปยังทะเลแห่งความว่างเปล่า จากนั้นพวกเขาก็กลับมาและเริ่มแยกตัวไปตามเส้นทางของตน ชนกลุ่มน้อยของพวกระดับสูงนั้นมีความรู้ที่ไร้ขีดจํากัด พวกเขารู้สึกไว้ใจเรือเวทมนตร์มากๆ และพวกเขาก็พัฒนามันต่อไป และในที่สุดก็กลายมาเป็นมังกรในปัจจุบัน

 

และพวกที่เหลือส่วนใหญ่ก็ได้พัฒนาขึ้นและกลายเป็นมนุษย์ในปัจจุบัน

 

ยังไงก็ตาม หนังสือนั้นเขียนเอาไว้แค่เรื่องพื้นฐาน มันไม่ได้อธิบายลงลึกถึงรายละเอียดเฉพาะส่วน ลิงค์ไม่พบอะไรที่เกี่ยวกับราชามังกรดําเลย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมัน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ค้นหามัน

 

หนังสือเล่มนี้ยังบันทึกวิวัฒนาการของชนเผ่าอื่นเอาไว้ด้วย

 

ยับบ้านั้นเป็นสาขาหนึ่งของพวกคนแคระ ไฮเอลฟ์กับ ดาร์กเอลฟ์มาจากครอบครัวเดียวกัน ส่วนมนุษย์สัตว์นั้น พวกเขาเป็นชนเผ่าอื่นที่เข้ามาที่นี่หลังจากที่นักเวทย์ชา วมนุษย์ได้เปิดประตูข้ามภพ

 

หนังสือเล่มนี้ยังกล่าวถึงที่มาของเทพแห่งแสงด้วยเล็กน้อย คําที่พวกเขาใช้นั้นกํากวมและมีแค่ไม่กี่ประโยค ส่วนที่สําคัญก็คือ: เทพแห่งแสงนั้นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับภัยพิบัติในอดีต

 

นั่นคือทั้งหมด ลิงค์รู้สึกกระวนกระวายหลังจากที่อ่านมัน แต่เขาก็ไม่สามารถหาคําตอบสําหรับมันได้ เขาทําได้แค่ถอนหายใจ

 

เขาใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมงไปกับการอ่านหนังสือเล่มนี้ หลังจากนั้น เขาก็ถอนหายใจออกมายาวๆ ไม่แปลกใจเลยที่มนุษย์จะประสบความสําเร็จแม้ว่าจะไม่มีพรสวรรค์หรือมรดก พวกเรานั้นเคยมียุครุ่งเรืองในอดีตกาล! อาณาจักรอารากู่ นักปราชญ์มากมาย และเวทมนตร์ที่น่าทึ่งมากๆ

 

ตอนนี้ลิงค์ยิ่งมีความสนใจในเวทย์แปลงมังกรมากกว่าเดิม

 

เขาเก็บหนังสือโบราณกลับเข้าที่อย่างระมัดระวังและเดินไปหาผู้เฒ่า “ผมต้องการศึกษาเวทย์แปลงมังกร” เขาพูด “ที่นี่มีหนังสือที่จะช่วยผมได้ไหม?”

 

“ไม่มี” ผู้เฒ่าส่ายหัวและมองมาที่ลิงค์ “เรือข้ามฟากเวทมนตร์นั้นสมบูรณ์แบบดีแล้ว มีตรงไหนที่จําเป็นต้องพัฒนาอีกหล่ะ?”

 

“ไม่มีเวทย์ไหนที่สมบูรณ์แบบในโลกนี้” ลิงค์ส่ายหัวของเขา

 

ผู้เฒ่าเงียบไปพักนึงก่อนที่จะถอนหายใจออกมา “เจ้าพูดถูก มังกรนั้นสมบูรณ์แบบแต่ก็ยังมีความโลภอยู่ ดยุคทั้ง 3 ได้ตายไปแล้ว รอยแยกแห่งความว่างเปล่าก็เกิดขึ้นอีกครั้ง มันเป็นไปได้ยากที่จะไปอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกครั้ง…รับหนังสือเล่มนี้ไปสิ”

 

เขาหยิบหนังสือหนังเล่มสีดําออกมา มันมีคําเขียนอยู่แค่ คําเดียว “มังกร”

 

ลิงค์ระงับความตื่นเต้นของเขาเอาไว้และเปิดมันออก เมื่อเขาเห็นหน้าแรก หัวใจของเขาก็เต้นแรงมาก “ผมขอลอกมันเก็บไว้ได้ไหม?” เขาถาม

 

ผู้เฒ่าหัวเราะออกมาเบาๆ “นานกว่า 2,000 ปีแล้ว มีคนหนุ่มสาวมากมายได้เข้ามายังห้องสมุดแห่งนี้ คนที่ 269 ก็ถามคําถามนี้กับข้า และข้าก็จะให้หนังสือเล่มนี้กับพวกเขาทุกครั้ง แต่มีแค่เจ้าเท่านั้นที่เห็นค่าของมัน รับมันไปสิเจ้าหนุ่ม มันเป็นของเจ้าแล้ว”

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset