Chapter 446: เป็นไปไม่ได้
หมู่บ้านมังกร
ฟิ้ว, ฟิ้ว
นักรบมังกรสี่คนบินลงมาจากท้องฟ้า ในตอนที่พวกเขาถึงพื้น, พวกเขาทั้งสี่ก็เปลี่ยนเป็นร่างครึ่งมังกร, ชุดเกราะสีแดงงดงามผสานกับร่างของพวกเขาอย่างแน่นหนา
“นี่คือสถานที่เกิดเหตุครั้งล่าสุด เอมิล, เจ้าเจออะไรไหม?” เฟลิน่ามองไปทางนักรบมังกรคนนึง
นักรบคนนี้เพิ่งไปถึงจุดสูงสุดของเลเวล 8 แล้วเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดรอยตามด้วย
เขาคุกเข่าลง, แล้วสังเกตุพื้นที่อย่างละเอียด
พวกเขากําลังยืนอยู่บนผืนปาโล่งแจ้ง รอบตัวพวกเขามีแต่ตอไม้ที่เกิดจากชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงตัดต้นไม้ทิ้ง มีร่องรอยอยู่บนพื้นมากมาย, แต่ไม่มีรอยเท้าเลย, มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนพยายามลบมันออกอย่างระมัดระวัง สิ่งเดียวที่ผิดแปลกไปในที่นี้ก็คือรอยเลือดที่ซึมเข้าไปในดิน
ที่รอยเลือดนั้นมีพลังมังกรอ่อนๆแผ่ออกมา, ซึ่งไม่ว่าจะเป็นมังกรตัวไหนก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน
หลังจากที่ตรวจสอบดูทุกซอกทุกมุม, เอมิลก็ส่ายหัว “ฆาตรกรเป็นคนเจ้าเล่ห์จริงๆ, ไม่มีเงื่อนงําที่สามารถสืบไปถึงคนทําได้เลย, และข้าก็ไม่เจออะไรที่พวกเราสามารถใช้ประโยชน์ได้ซักอย่าง บางทีพวกเราน่าจะไปถามชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงนะ, เผื่อจะมีชาวบ้านคนไหนเห็นอะไรผิดปกติ”
นักรบมังกรทั้งสี่มองหน้ากันแล้วพยักหน้า
มีหมู่บ้านอยู่ห่างออกไปจากจุดที่พวกเขายืนอยู่สองไมล์ พวกเขาบินออกไปพร้อมกัน, และไม่นานนัก, หมู่บ้านของมังกรสามัญชนที่ถูกประกบด้วยภูเขาทั้งสองฝั่งก็โผล่เข้ามาในทัศนวิสัย,
“หมู่บ้านนี้กว้างใหญ่, น่าจะมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 2,000 คน ข้าคิดว่าพวกเราน่าจะแยกกันไปถามรอบหมู่บ้านนะ”
คนอื่นพยักหน้าแล้วทําตามที่คุยกัน
ในขณะที่คดีฆาตกรรมในหมู่บ้านมังกรยังดําเนินต่อไปก็กลับมาที่วิหารมังกร, นักเวทย์ของสมาคมมรกตยังคงสนทนากันเรื่องรอยแตกมิติ, โดยไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
ในห้องโถงใหญ่โตมีสมาชิกหลักของสมาคมมรกตอยู่: มีนักเวทย์ระดับตํานานทั้งหมดหกคน, รวมทั้งตัวราชินีมังกรแดงด้วย
บางคนเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง, ยกตัวอย่างเช่นราชินีมังกรแดง, และตัวแทนของไฮเอลฟ์, ไบรอันท์ อย่างไรก็ตาม, คนอื่นๆนั้น, ได้ตีตัวออกห่างจากโลกภายนอก มีบุคคลที่แทบไม่เป็นที่รู้จักอยู่ทั่วทวีป, ยกตัวอย่างเช่นคนแคระนักปราชญ์ฮีโรโตะ, สายเลือดยุคหิน ลูเซีย ซิลเวอร์สตาร์, และอีกสองคน, ที่เลือกจะปกปิดตัวเองด้วยผ้าคลุมเวทย์แสง หนึ่งในพวกเขาเป็นนักเวทย์แห่งความมืด, และอีกคนเต็มไปด้วยพลังงานแสง, ตัวตนของพวกเขานั้นเป็นปริศนาสําหรับทุกๆคน
สมาคมมรกตเป็นกลุ่มอิสระที่สมาชิกจะข้องเกี่ยวแค่ปัญหาที่เกิดขึ้นรอบโลกฟิรุแมน สงครามระหว่างความดีและความชั่วนั้นเป็นเรื่องที่พวกเขาเข้ามาข้องเกี่ยวน้อยที่สุด
แม้ว่าสมาชิกสมาคมที่มารวมกันนั้นจะมีมากกว่า 100 คน, แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็มาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เวทมนตร์มากกว่า มีแค่นักเวทย์ระดับตํานานหกคนเท่านั้นที่กําลังถูกกันเรื่องการแก้ปัญหารอยแตกมิติ
อันที่จริง, ในที่นี้อาจจะมีแค่คนเดียวที่แก้ปัญหานี้ได้
ในที่นั่งโต๊ะกลม, ราชินีมังกรแดงพูดอย่างจริงจัง “ข้าคิดว่าพวกท่านคงจะได้เห็นรอยแตกความว่างเปล่ามาแล้วในระหว่างทางมาที่นี่ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปกปิดความจริงที่ว่า พวกเราเผ่ามังกรนั้นเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ แต่สิ่งที่ทําไปแล้วก็คือทําไปแล้ว เรื่องที่สําคัญในตอนนี้ก็คือว่าพวกเราจะจัดการทําให้เรื่องมันถูกต้องยังไงดี ข้าได้ส่งข้อมูลสรุปเกี่ยวกับรอยแตกพวกนี้ให้พวกท่านทุกคนแล้ว, และข้าอยากจะฟังความคิดเห็นของพวกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้”
มีความเงียบอยู่ชั่วขณะ, แล้วจากนั้นไบรอันท์ก็พูดขี้นมาเป็นคนแรก, “รอยแตกขนาดนี้เป็นเรื่องยากที่จะทําการแก้ไข องค์ราชินี, ตัวเลขที่ท่านให้มานั้นได้บ่งชี้อย่างชัดเจนแล้ว แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นพลังระดับข้า, อย่างมากที่สุดที่ข้าจะทําได้ก็คือชะลอการฉีกขาดของรอยแตกใหม่, แต่เอาจริงๆนะการปิดผนึกพวกมันหน่ะล้มเลิกไปเถอะ
เขาส่ายหัวอย่างช้าๆให้กับความคิดอันเปล่าประโยชน์นี้
ณ จุดนี้, ไบรอันท์ได้ฟื้นฟูความเยือกเย็นกลับมาอย่างเต็มที่แล้ว, และมีท่าทีที่สง่างามสมกับเป็นนักเวทย์ระดับตํานาน ความเจ็บปวดที่ลิงค์สร้างให้เขาในตอนที่อยู่เฟิร์ดเองก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่, สิ่งเดียวที่คอยย้ําเตือนเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นก็คือฟันปลอมที่มาแทนที่ฟันเก่าของเขา แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นความแตกต่างนี้เลย
ด้วยความที่คําตอบของไบรอันท์ไม่เป็นที่พอใจ, ราชินีมังกรแดงจึงหันไปหาลูเซีย ซิลเวอร์สตาร์
สายเลือดยุคหินสายหัว “ข้ายังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บไม่เต็มที่, ตอนนี้หัวของข้ารู้สึกเหมือนจะแยกออกจากกันเลย แต่ข้าเห็นจํานวนที่เจ้าให้มาแล้ว ข้าเกรงว่าต่อให้เป็นยุคทองของข้า, ข้าก็อาจจะไม่สามารถจัดการไปได้ดีกว่ามาสเตอร์ไบรอันท์”
สีหน้าของราชินีมังกรแดงหม่นหมอง ในขณะที่เธอมองนักเวทย์ระดับตํานานคนที่เหลือ
คนแคระนักปราชญ์ฮีโรโตะยกไหล่ขึ้นก่อนที่จะพูดอย่างหยาบคาย “พูดตามตรงนะ, ปัญหาทั้งหมดนี้มันเกิดจากอิเซนดิลัน, ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่, ข้าคงจะลงมือจัดการเขาด้วยตัวเองแล้ว”
พอเห็นสีหน้าที่เศร้าสลดของราชินีมังกรแดง, เขาก็พูดเสริมอย่างลุกลี้ลุกลน “รอยแตกที่เกิดขึ้นจากเวทย์ศักดิ์สิทธิ์นั้น มีแค่เวทย์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะลบล้างได้ ด้วยความที่พวกเราขาดพลังอย่างมาก, สิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเราสามารถทําได้ในตอนนี้ก็คือการหยุดไม่ให้รอยแตกแพร่กระจายไปมากกว่านี้ มีหินสีดําชนิดหนึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาเฮงดวน; มันมีคุณสมบัติพิเศษที่จะทําให้พวกเราคงสภาพความเสถียรของมิติเอาไว้ได้ ข้าได้พกมาด้วยจํานวนนึง, บางทีมันอาจจะมีประโยชน์กับท่านนะ”
“ข้าขอขอบคุณท่านมาก” ราชินีมังกรแดงพูดอย่างดีใจ
จากนั้น, นักเวทย์แห่งความมืดก็พูดขึ้นอย่างกระทันหัน “ข้าได้ยินมาว่ามาสเตอร์ลิงค์เองก็มาที่นี่, เขาน่าจะคุ้นเคยกับเวทย์มิติดีนะ ทําไมเขาถึงไม่อยู่ที่นี่กับพวกเราหล่ะ”
คนแคระฮีโรโตะเองก็พูดขึ้นมา “แปลกจริงๆ มันผ่านมาตั้งนานแล้วนะ, เขาไปไหนกัน?”
ณ จุดนี้, ราชินีมังกรแดงสะดุ้งเล็กน้อย, ในขณะที่ไบรอันท์ยังคงเงียบอยู่, ศรีษะของเขาก็ตกมาข้างหน้า
หลังจากเงียบไปครู่นึ่ง, ราชินีมังกรแดงก็พูดออกมาในที่สุด “มาสเตอร์ลิงค์กําลังวิจัยเวทมนตร์รูปแบบใหม่ในหุบเขาเตาหลอมเทา เขาส่งคนไปแจ้งเขาเรื่องการประชุมของพวกเราแล้ว, แต่เขายังไม่ตอบกลับมา น่าจะมีเรื่องที่เขายังจัดการไม่เสร็จอยู่”
การตอบสนองของคนแคระนั้นตรงไปตรงมาเหมือนเช่นเคย “ถ้าเป็นเช่นนั้น, ก็ปล่อยเขาไปเถอะ พลังมาจากความรู้เชิงลึก เขาเพิ่งจะเข้าสู่ระดับตํานานได้ไม่นาน, เขาน่าจะไม่สามารถคิดอะไรที่คุ้มค่ากับความสนใจของเราได้ รอยแตกมิติกําลังขยายตัวอยู่ในขณะที่พวกเรากําลังคุยกันอยู่นี้ ยิ่งยื้อเวลาไปนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งทําให้มันเสถียรยากขึ้นเท่านั้น พวกเรามาเริ่มกันเลยจะดีกว่านะ”
ในตอนที่เขาพูดจบ, เขาก็เอาก้อนหินสีเขียวออกมา, ซึ่งเมื่อตัดสินจากขนาดของมันแล้ว, มันน่าจะมีน้ําหนักประมาณ 100 ตัน
“ใช้นี่แกะสลักเป็นหินรูน, แล้ววางมันเอาไว้รอบรอยแตก, และจากนั้นก็วางบาเรียป้องกันเอาไว้ที่ชั้นนอกของรอยแตก นี่น่าจะพอหยุดการขยายตัวของมันได้นะ พวกเราควรขอบคุณที่ตอนนี้รอยแตกยังไม่ใหญ่ไปกว่าหินก้อนนี้ ถ้าพวกเรารู้สึกถึงรอยแตกช้าไปกว่านี้สักปีนึง, ข้าเกรงว่าพวกเราคงจะทําอะไรไม่ได้หากไปถึงจุดนั้น”
นักเวทย์แสงระดับตํานาน, ที่เงียบมาโดยตลอด, ได้สร้างภาพเวทมนตร์ขึ้นมาเหนือโต๊ะกลมด้วยการกวักมือเบาๆ “ทั้งหมดที่พวกเราต้องการในตอนนี้ก็คือเวทย์คงสภาพ ข้ามีต้นแบบโมเดลสามสภาพที่เสนอโดยนักเวทย์มิติลาวสันเมื่อ 800 ปีก่อน บางทีมันอาจจะช่วยจุดประกายความคิดให้กับทุกคนที่นี่ได้นะ”
ไบรอันท์, ที่ดึงตัวเองออกมาจากห้วงความคิดของเขา, เริ่มตรวจสอบโรงสร้างเป็นเวลาสิบนาทีหรือนานกว่านั้นก่อนที่จะพูด “นี่เป็นเวทย์ที่รัดกุมดีนะ, มันเป็นเวทย์ที่เดินตามเส้นทางที่ต่างไปจากข้า บางทีพวกมันอาจจะใช้ควบคู่กันไป เพื่อทําให้เวทย์คงสภาพได้ผลกว่าเดิมก็ได้”
จากนั้นเขาก็วาดโครงสร้างเวทมนตร์ของตัวเอง
ทุกคนตั้งใจดูในขณะที่เริ่มถกกันถึงโครงสร้างเวทมนตร์ทั้งสองนี้
พวกเขาทุกคนต่างก็เป็นนักเวทย์ระดับตํานาน, ซึ่งนี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงความหลงใหลในเวทมนตร์ของพวกเขา ไม่นานนักพวกเขาก็เริ่มถกเถียงกันมากขึ้นและหมกมุ่นอยู่กับการแลกเปลี่ยนความคิด
ในระหว่างการพิจารณาของพวกเขา, เวทมนตร์ใหม่ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างอย่างช้าๆ
ตลอดเวลามานี้, ราชินีมังกรแดงได้สูญเสียพลังงานไปมาก, ในขณะที่คนแคระนักปราชญ์ฮีโรโตะนั้นยังคงเป็นคนตรงเหมือนเช่นเคย, และพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่เก็บอะไรเอาไว้ ในขณะเดียวกันไบรอันท์กับนักเวทย์แสงและนักเวทย์มีดที่เป็นพวกสงบเสงี่ยม, ก็ยังคงให้ความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ มีแค่ลูเซีย ซิลเวอร์สตาร์เท่านั้น, ที่นอกจากการชี้ให้เห็นถึงปัญหาตรงจุดนั้นจุดนี้, ก็จะเงียบซะส่วนใหญ่, และใช้อาการปวดหัวของตัวเองเป็นข้ออ้าง
ทุกคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จึงไม่ได้กดดันเธอ
เวลาหนึ่งวันผ่านไปด้วยการถกเถียงอย่างร้อนแรงของพวกเขา, และทุกคนก็กลับไปพักผ่อน, เพื่อรับมือกับวันต่อไป
ในวันที่สิบ, เวทย์คงสภาพมิติก็สําเร็จ
ในช่วงเวลาสิบวันนี้, สมาชิกทุกคนของสมาคมมรกต, รวมทั้งราชินีมังกรแดง, ได้เข้าร่วมตลอด, ยกเว้นลูเซีย ซิลเวอร์สตาร์ ด้วยการใช้อาการปวดหัวและอาการอ่อนเพลียทั่วๆไปเป็นข้ออ้าง, เธอได้ลาประชุมไปเกือบครึ่งนึ่ง
ในวันที่สิบเอ็ด, ทุกคน, ยกเว้นลูเซีย ซิลเวอร์สตาร์, ที่ลาอย่างต่อนเนื่องจนดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจซักเท่าไหร่ ก็เริ่มปรับปรุงให้เวทย์คงสภาพสมบูรณ์แบบที่สุด
ณ จุดนี้, เวทย์มิติได้พัฒนามาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว, และทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือข้อบกพร่องเล็กน้อยที่ต้องทําให้เรียบร้อย บรรยากาศโดยรวมในหมู่นักเวทย์ระดับตํานานนั้นดูโล่งอก
ดูเหมือนว่าราชินีมังกรแดงจะผ่อนคลายเล็กน้อย แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถผนึกรอยแตกได้อย่างสมบูรณ์, แต่พวกเขาก็ยังคิดวิธีหยุดการขยายตัวของมันได้ บางทีหนึ่งในพวกเขาน่าจะคิดหนทางแก้ที่ได้ผลกว่าได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้
เธอยืดตัวขึ้นเล็กน้อยและกําลังจะพูดในตอนที่เธอสังเกตเห็นเพทตาลองที่ทางเข้าห้องโถงใหญ่ เขายืนมองราชินีพร้อมกับกวักมือเรียก
พอเห็นสีหน้ามีปัญหาของเขา, เกรเทลก็ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วขอตัว “ขอเวลาข้าสักครู่นะ”
เธอเดินตรงไปที่ทางเข้า, แล้วร่ายกําแพงป้องกันเสียงขึ้นรอบตัวแล้วถาม “มีอะไร? มีสัตว์แห่งความว่างเปล่าตัวอื่นปรากฏขึ้นในหมู่บ้านมังกรหรอ?”
“ไม่ใช่ครับ, มันเลวร้ายกว่านั้นอีก ทั้งหมู่บ้านวีด้า, ที่อยู่ห่างไป 100 ไมล์ถูกกวาดล้างแล้ว พวกเขาทั้งหมด 60,000 คน…ถะ ถูกสังหารหมดเลย” มังกรอาวุโสมากล้าพูดจบประโยค
นี่อาจจะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในหมู่บ้านมังกรในช่วง 5,000 ปีมานี้ และที่แย่ยิ่งกว่าก็คือพวกเขาไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร!
“เจ้าว่ายังไงนะ!?” เกรเทลตัวสั่นอย่างเดือดดาล, และไม่สามารถคงสภาพบาเรียป้องกันเสียงเอาไว้ได้อีกต่อไป
คนหกหมื่นคนถูกพบเป็นศพในหมู่บ้านใกล้เคียง เธอไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย
.