Advent of the Archmage Chapter 468: เงาแห่งการทําลาย
ในตอนลิงค์กลับมาถึงเฟิร์ด,เขาก็ไปที่ท่าเรือในทันทีและได้พบกับพลเอกกองทัพเรือเกรย์สัน
“เดี๋ยวหลังจากนี้จะมีกลุ่มไฮเอลฟ์มาที่นี่ฉันอยากให้พวกนายทุกคนเตรียมเรือสามเสากระโดงให้หนึ่งลำแล้วก็ขนเสบียงพวกน้ำ, อาหาร, แล้วก็ยารักษาโรคตุนเอาไว้ในเรือด้วย พอพวกเขามาถึงก็เอาเรือให้พวกเขาซะ, แล้วถ้าพวกเขาเสนออะไรมาก็ให้รับเอาไว้ได้เลย” ลิงค์พูด
“ครับลอร์ด”เกรย์สันรู้สึกว่าคำสั่งนี้ค่อนข้างแปลก, แต่ในเมื่อมันเป็นคำสั่งโดยตรงจากลอร์ดเฟิร์ด, เขาก็เลยไม่คิดอะไรมากและทำตามที่บอก
จากนั้นลิงค์ก็ออกจากท่าไปครึ่งชั่วโมงต่อมา, ทหารคนนึงก็เข้ามารายงานเขาว่ามีกลุ่มไฮเอลฟ์มาที่ท่าเรือ
กลับไปที่ท่าเรือ,เกรย์สันเห็นว่ามีไฮเอลฟ์อย่างน้อย 100 คน, และทุกคนก็สวมผ้าคลุมต่อสู้สีเขียวเข้มเหมือนกันหมด พวกเขาส่วนใหญ่ดูหมดสภาพ, และบางคนก็มีบาดแผลสาหัสตามร่างกาย หนึ่งในคนที่อาการสาหัสนั้นแขนทหักจนแทบไม่เหลือชิ้นดี
มีเอลฟ์ผมขาวคนนึงก้าวออกมาจากในกลุ่มแล้วพูดกับเกรย์สัน“ท่านคือผู้บัญชาการกองทัพเรือของที่นี่ใช่ไหม พวกเราต้องการเรือลำนึงเพื่อใช้เดินทางกลับไปที่เกาะรุ่งอรุณ และก็แน่นอนว่า, พวกเรายินดีที่จะตอบแทนสำหรับความลำบากของท่านอย่างเต็มที่”
พอพูดจบ,ไฮเอลฟ์ก็เอาดาบเวทมนตร์คุณภาพดีซึ่งแผ่คลื่นพลังเวทย์ออกมา เกรย์สันรู้สึกหลงรักสิ่งที่เขาเห็นในทันที
เขาได้เตรียมเรือสำเภาเอาไว้ให้ไฮเอลฟ์แล้วตามคำสั่งของลอร์ด,และโดยไม่มีการอ้อมค้อมใดๆเขาก็รับดาบด้วยรอยยิ้ม “พวกท่านมาทันเวลาพอดีเลย ข้าได้เตรียมเรือเอาไว้ให้ท่านกับคนของท่านเรียบร้อยแล้ว”
จากนั้นเขาก็เรียกกะลาสีคนนึง“จาเดนซ์, พาพวกเขาไปที่เรือหน่อยซิ”
ไบรอันท์คือไฮเอลฟ์ที่เข้ามาหาผู้บัญชาการเขารู้สึกตกตะลึงในตอนที่ได้ยินแบบนี้, เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องมันจะง่ายขนาดนี้, มันง่ายจนเขาคิดว่ามันอาจจะเป็นกับดักอีกครั้ง
ในตอนที่เห็นสีหน้าไม่ไว้ใจของไฮเอลฟ์,เกรย์สันก็พูดเสริม “มันเป็นคำสั่งจากลอร์ดของพวกเราครับ, ดังนั้นอย่ามัวมายืนอยู่ตรงนี้เลย, ไปที่เรือกันเถอะ”
“งั้นหรอ,เข้าใจแล้ว” ไบรอันท์พูดอย่างนุ่มนวลด้วยความรู้สึกโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากความวุ่นวายรอบๆเรือสงบลง,ไฮเอลฟ์ก็ขนพลขึ้นเรือเสร็จในที่สุด ด้วยความที่ทิศทางลมไม่ถูกต้อง, ไฮเอลฟ์นักเวทย์ส่วนนึงจึงติดตั้งรูนธาตุลมแบบง่ายๆเอาไว้บนเรือ, และเรือสำเภาลำนี้ก็เริ่มเดินทางออกจากท่าเรืออย่างช้าๆ
หลังจากผ่านไปไม่นาน,พวกเขาก็ทิ้งห่างจากท่าเรือไปได้ไกลแล้ว
ไบรอันท์ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ,แล้วเหม่อมองแสงสลัวๆของท่าเรือที่อยู่ไกลออกไป
ข้างๆเขามีเสียงเดินเหยียบแผ่นไม้ดังขึ้นมันคือเสียงเดินของวอนเฮลอน
เขารายงาน“ท่านนักทำนาย, มียารักษาอยู่บนเรือด้วย, และนักรบของพวกเราก็ได้รับการดูแลอย่างดีโดยไม่มีปัญหาอะไรนัก”
“เข้าใจแล้ว”ไบรอันท์รู้สึกมีความสุขและรู้สึกเศร้ากับเรื่องนี้ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับการดูแลที่ทั่วถึงขนาดนี้จากลิงค์
วอนเฮลอนเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัดพวกเขามาที่นี่ด้วยเรือรบของพวกเขา, และตอนนี้, ไม่ใช่แค่พวกเขาจะถูกลิงค์ช่วยเอาไว้เท่านั้น, แต่พวกเขายังอาศัยเรือของเขากลับไปที่เกาะรุ่งอรุณอีกด้วย มันเป็นเรื่องที่น่าละอายเกินกว่าจะพูดออกมาได้
หลังจากเงียบไปซักพัก,วอนเฮลอนก็พูดขึ้นมา “ท่านนักทำนาย, นั่นคือเทพแห่งการทำลายจริงๆหรอ?”
“ใช่ข้ารู้สึกได้ถึงตัวตนของมัน…มันน่ากลัวยิ่งกว่าเทพแห่งความมืดราชินีแมงมุมลอร์ธเสียอีก บันทึกประวัติศาสตร์ได้เขียนเอาไว้ว่าการปรากฎตัวของมันนั้นมักจะพาภัยพิบัติร้ายแรงมาให้กับทั่วทั้งฟิรุแมนเสมอ และครั้งนี้…ก็คงจะไม่ใช่ข้อยกเว้นอีกเช่นกัน”
วอนเฮลอนถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา“แล้วนี่ก็เป็นโอกาสที่ลอร์ดเฟิร์ดจะได้เฉิดฉาย, ท่านรู้ใช่ไหม?”
เทพแห่งการทำลายนั้นเป็นศัตรูร่วมกันของทุกสิ่งมีชีวิตบนทวีปแห่งนี้,และแม้กระทั่งไฮเอลฟ์เองก็ไร้พลังในการที่จะต่อต้านเขา อย่างไรก็ตาม, มีโอกาสที่เทพแห่งการทำลายจะถูกลอร์ดเฟิร์ดจัดการอยู่ และถ้าไปถึงตอนนั้นเมื่อไหร่, ก็คงจะไม่มีใครสามารถหยุดความก้าวหน้าของเขาได้อีก
ไบรอันท์รู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม,ในขณะเดียวกันนั้นเองเขาก็นึกถึงคำพูดของลิงค์ก่อนที่จะจากพวกเขาไปตอนที่อยู่มหาสมุทร เขาอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ฮีโร่ของมนุษย์หรอ? มันช่างผ่านมานานเหลือเกิน; ข้าเกือบจะลืมเรื่องเกี่ยวกับมันไปแล้วสิ ตอนนี้ข้าสมควรได้รับโอกาสกู้ชื่อเสียงของตัวเองรึเปล่านะ? ไบรอันท์คิด
เขาไม่รู้คำตอบสำหรับคำถามนั้น
…
เมืองมอดไหม้
ในตอนนี้,ลิงค์รู้สึกว่าปัญหามันหนักเกินไป, มันไม่ใช่ปัญหาจากไฮเอลฟ์, แต่เป็นปัญหาจากการปรากฎตัวของเทพแห่งการทำลาย
แทนที่จะเทเลพอร์ทกลับหอคอยเวทมนตร์เหมือนปกติ,เขากลับเรียกรถม้าคันนึงแล้วขึ้นไป ลิงค์สั่งให้คนขับค่อยๆขับไปอย่างช้าๆ, และเขาก็นั่งบนรถม้าอย่างเงียบๆ, แล้วครุ่นคิดถึงวิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการกับเทพแห่งการทำลาย
จากนอกรถม้า,เสียงกรีบม้าพร้อมทั้งเสียงของล้อที่หมุนไปตามพื้นดินนั้นดังจนสามารถได้ยินได้ แสงของเมืองระยิบระยับเหมือนกับดวงดาวในตอนที่มองผ่านหน้าต่างตลอดการเดินทางจากท่าเรือไปยังเมืองมอดไหม้
เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ได้ลดความขุ่นเคืองระหว่างเขากับไฮเอลฟ์ลงไปมาก,ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องดีเพียงเรื่องเดียวที่เข้ามา
แต่ตอนนี้,เทพแห่งการทำลาย, ที่กำลังแฝงตัวอยู่ในมุมมืดของโลกตลอดเวลามานี้, ได้เผยคมเขี้ยวอันดุร้ายและกรงเล็บอันแหลมคมขึ้นมาบนโลกแล้ว กองกำลังแห่งความมืดของเขาได้ปรากฎตัวขึ้นครั้งแรกที่เมืองลาริเอล, และถัดจากนั้นก็ใต้ประภาคารของเฟิร์ด และคืนนี้, กองเรือไฮเอลฟ์ก็ถูกพวกมันขยี้ที่น่านน้ำของเฟิร์ด
อย่างไรก็ตาม,ครั้งนี้, ลิงค์สามารถรู้ถึงแผนการชั่วร้ายของสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดพวกนี้ได้ ซึ่งก็ต้องขอบคุณสายตาแห่งความจริงของเขา ถ้าลิงค์มาไม่ทันเวลา, ไฮเอลฟ์ก็คงจะถูกพวกมันสังหารในทะเลอย่างแน่นอน, และนั่นก็คงจะเป็นชนวนให้เกิดสงครามระหว่างเฟิร์ดกับเกาะรุ่งอรุณอย่างเลี่ยงไม่ได้
ถ้าสงครามเช่นนี้เกิดขึ้น,ทั้งสองฝั่งก็คงจะได้รับความเสียหายหนัก, ในขณะเดียวกันนั้นเองเทพแห่งการทำลายจะยังคงค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นในความมืด เขาสามารถเล่นงานโลกได้ตลอดเวลา, และเมื่อถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครหยุดเขาได้อีก
นี่คือศัตรูที่เจ้าเล่ห์กว่าและโหดร้ายกว่าดาร์คเอลฟ์หรือปีศาจซะอีก
ความโหดร้ายที่ข้ารับใช้ของเทพแห่งการทำลายได้กระทำในคืนนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ,และฉันก็กลัวว่าจะมีที่เลวร้ายกว่านี้อีกในอนาคต ว่าแต่ตอนนี้พวกมันอยู่ที่ไหนหล่ะ? แล้วพวกมันจะเคลื่อนไหวยังไงต่อ? ลิงค์คิด
ลิงค์ตระหนักได้ว่าเขาแทบไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเทพแห่งการทำลายเลยนี่คือศัตรูที่เขาไม่รู้อะไรเลยสักนิด
เขารู้สึกกังวลมากขึ้นในขณะที่ครุ่นคิด,จนในที่สุด, เขาก็บอกให้คนขับหยุด
“ท่านครับ,มีอะไรรึเปล่า?” คนขับจำลิงค์ไม่ได้, แต่ก็สัมผัสได้ว่าเขาต้องเป็นคนสำคัญอย่างแน่นอน
ลิงค์เปิดประตูรถม้าแล้วก้าวออกมาจากนั้นก็โยนเงินหนึ่งเหรียญทองให้คนขับ “ปล่อยฉันลงที่นี่ก็ได้ มันดึกแล้ว, คุณควรกลับบ้านได้แล้วนะ”
“ขอบคุณมากครับท่านช่างเป็นคนดีจริงๆ” คนขับรู้สึกดีใจมากที่ได้รับค่าตอบแทนพิเศษขนาดนี้
ลิงค์เดินตรงไปยังคฤหาสน์ที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เขายืนอยู่,แต่ว่าเขาไม่ได้เข้าไปในคฤหาสน์หลังนั้น, เขาแค่เดินอ้อมไปจนถึงพื้นที่โล่ง จากนั้นเขาก็ไปเจอหินก้อนใหญ่แล้วไปนั่งตรงนั้น
เขาเอาหินรูนที่ได้รับจากนักเวทย์พเนจรไอเซนิสออกมาแล้วใส่พลังเวทย์เข้าไปมีแสงอ่อนๆเปล่งออกมาจากหิน, และลิงค์ก็ติดตั้งหินรูนเอาไว้บนก้อนหิน จากนั้นก็เฝ้ารออย่างอดทน
ประมาณสามนาทีต่อมา,ลิงค์ก็สัมผัสได้ถึงระลอกมิติอ่อนๆที่ก่อตัวขึ้นข้างๆเขา เวลาผ่านไปหลายวินาที, แล้วชายยับบ้าตัวเล็กก็ปรากฎขึ้นในที่สุด เขาคือนักเวทย์พเนจรไอเซนิส
เขาเห็นลิงค์,แล้วใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา “อ้ะ, นักเวทย์นี่หน่า, ผ่านมาพักนึงแล้วสินะ เจ้าแข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนนั้นเยอะเลยนี่”
ลิงค์ตรงเข้าประเด็น“ท่านเคยบอกว่าท่านแค่มาที่นี่เพื่อความสนุกเท่านั้น, ดังนั้นท่านต้องรู้เรื่องการรุกรานของเทพแห่งการทำลายแน่ๆ, ถูกไหม?”
“ก็ใช่อยู่หรอก”ไอเซนิสพูดทั้งๆที่ยังยิ้มให้เขาอย่างเริงร่า
“ผมต้องการข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้บอกสิ่งแลกเปลี่ยนมาได้เลย”
“โอ้,คืนนี้เจ้าเป็นคนตรงไปตรงมาจังเลยนะ เอาเถอะ, ข้าไม่ได้สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว” ไอเซนิสส่งคำภีร์ให้ลิงค์ “ข้าหน่ะเป็นนักธุรกิจตัวจริง, และข้าก็ชอบให้ตัวเลขของข้าถูกบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน นี่คือราคาที่ข้าเสนอ”
ลิงค์รับคำภีร์มาแล้วเปิดดูตอนแรกมันไม่มีอะไรเลย, แต่หลังจากนั้นข้อความก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบนกระดาษ ครึ่งวินาทีต่อมา, ในที่สุดเขาก็ได้เห็นสิ่งที่เขียนเอาไว้
รายละเอียดแผนการรุกรานของเทพแห่งการทำลาย(ฉบับล่าสุด), ราคา 80 โจกุ
นี่มันค่อนข้างแพงทีเดียวในตอนนี้, ลิงค์มีโจกุอยู่กับตัวแค่ 103 ชิ้น ซึ่งการใช้โจกุเกินครึ่งนึงในครั้งเดียวนั้นเป็นเรื่องที่เขารู้สึกว่ายอมรับได้ยากจริงๆ เขาเปิดปาก, เตรียมพร้อมที่จะต่อรองกับนักเวทย์คนนี้
ไอเซนิสส่ายนิ้วให้เขา,เพราะรู้ว่าเขากำลังจะพูดอะไร “ราคาของข้าได้ระบุเอาไว้ในนั้นแล้ว ไม่มีส่วนลดใดๆทั้งนั้น”
“แผนนี้จะอัพเดทอย่างต่อเนื่องรึเปล่า?”ลิงค์ถาม
“…หืมเจ้าคิดไปถึงขั้นนั้นเลยหรอ? มันก็ได้อยู่หรอกนะแต่ว่าเจ้าจะต้องจ่ายเพิ่มสำหรับแผนการที่อัพเดทอย่างต่อเนื่อง”
พอพูดจบ,ลิงค์ก็เห็นราคาใหม่ปรากฎขึ้นบนคำภีร์, มันระบุเอาไว้ว่าทุกๆการอัพเดทนั้นจะต้องจ่ายให้เขา 80 โจกุ ซึ่งนี่มันแพงเกินไป
“ก็ได้,ผมจะซื้อ ทำให้มั่นใจก็แล้วกันว่าคุณจะส่งข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้กับผม
ยับบ้าจิ๋วกระโดดขึ้นมาแล้วตะโกน“ไม่มีปัญหา, การคดโกงและการหลอกลวงนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้สำหรับนักธุรกิจที่น่าเชื่อถืออย่างข้า!”
“ถ้างั้นก็รับไปได้เลย”ลิงค์ส่งถุงที่เต็มไปด้วยโจกุให้กับไอเซนิส
ดวงตาของไอเซนิสมีน้ำตาคลอในตอนที่ได้เห็นถุงนี้เขาเอาโจกุออกมาดูอย่างกระตือรือร้นแล้วพูดพลางหัวเราะไปด้วย “อืม, โจกุจริงๆด้วย มันช่างงดงามจริงๆ; ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข้าจะได้รับมันมากขนาดนี้ในคืนเดียว”
จากนั้นเขาก็มองมาที่ลิงค์อย่างเริงร่า“เจ้าหนู, การที่เจ้าสามารถหาโจกุจำนวนมากขนาดนี้ในช่วงเวลาสั้นๆได้นั้น, จะต้องมีอนาคตที่สดใสรอเจ้าอยู่แน่ๆ ตอนนี้ข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าเจ้าจะได้เป็นลูกค้าชั้นดีของข้า เก็บคำภีร์นี้เอาไว้ให้ดี ถ้าเจ้ามีปัญหาอะไรก็ว่ามาได้เลย, และแน่นอนว่าถ้าเจ้าเก็บโจกุได้มากพอ, เจ้าสามารถเรียกข้าได้ทุกเมื่อ คะแนนเครดิทของเจ้าในตอนนี้คือหนึ่งดาว, ซึ่งเจ้าจะได้รับเครดิทเทียบเท่ากับ 10 โจกุ และถ้าเจ้าสามารถขึ้นไปถึงห้าดาวได้, ข้าจะบอกวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับรอยแตกมิติให้ และแน่นอนว่าเจ้าสามารถจ่ายให้ข้าทีหลังได้ด้วย”
นี่ฟังดูไม่ใช่ข้อตกลงที่แย่เลยลิงค์พยักหน้าแล้วโบกคำภีร์ให้เขา “สิ่งนี้จะแสดงแผนการให้ดูหรอ?”
“ใช่,ลองดูที่คำภีร์อีกครั้งสิ มันเขียนแผนการทั้งหมดเอาไว้ตามที่สัญญา”
ลิงค์ลองเปิดคำภีร์ดูอีกครั้ง,และกระดาษในตอนนี้ก็อัดแน่นไปด้วยถ้อยคำและแผนภาพที่แสดงถึงรายละเอียดแผนการรุกรานของเทพแห่งการทำลาย
“ไม่เลวนี่”พอพูดจบ, ลิงค์ก็รู้สึกได้ว่าจู่ๆอากาศก็วิ่งเข้าไปเติมเต็มความว่างเปล่าที่อยู่ข้างหน้าเขา ไอเซนิสได้หายไปแล้ว
เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด,เขานั่งลงบนก้อนหินแล้วเริ่มอ่านเนื้อหาในคำภีร์อย่างตั้งใจ
ลิงค์รู้สึกเพลิดเพลินกับสิ่งที่เขาได้อ่านจากคำภีร์ในตอนที่เขาอ่านจบ, เขาก็ถอนหายใจออกมา “ไม่แปลกใจเลยที่ดยุคอาเบลจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้”
เขาลุกขึ้นแล้วกำลังจะมุ่งหน้าไปทางเหนือในตอนที่เขาหยุดลงอย่างกระทันหัน
“คำภีร์เขียนเอาไว้ว่าดยุคได้ดูซับพลังของทุกชีวิตที่เขาฆ่าไปในตอนนี้, เขาฆ่าไปแล้ว 3,980คนและได้เป็นนักรบระดับตำนาน แถมเขายังมีอกาธา นากาคอยปกป้องจากในเงามืดด้วย ฉันกลัวว่าฉันอาจจะสู้กับเขาไม่ได้ถ้าฉันต้องเผชิญหน้ากับเขาด้วยตัวคนเดียว, และด้วยความที่เทพแห่งการทำลายยังจับจ้องอยู่ที่ดินแดนของฉัน, อาเบลก็น่าจะรู้สึกตัวได้ในทันทีถ้าฉันหายไป ฉันจำเป็นต้องกำจัดคนทรยศในกลุ่มพวกเราซะก่อน!”
ลิงค์ลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปทางหอคอยเวทมนตร์ตามที่คำภีร์เขียนเอาไว้, มีฐานที่มันของลัทธิบูชาเทพแห่งการทำลายอยู่ในเฟิร์ด มันมีชื่อว่าแท่นบูชากริซซิน ที่นั่นมีสมาชิกหลักกว่าหนึ่งร้อยคน, และสมาชิกย่อยอีกหลายพันคน
เขาต้องทำลายแท่นบูชานี้,และต้องรีบด้วย