Advent of the Archmage Chapter 469: ถึงเวลาตอบแทนเพื่อนเก่า
นักเวทย์ไอเซนิสนั้นถือว่าเป็นคนที่ใช้ได้เลย เขาทํางานเพื่อเงินและให้ข้อมูลที่ละเอียดมากๆ แถมเขายังระบุพลังพื้นฐานของศัตรูเอาไว้ให้ด้วย
ซึ่งนี่ช่วยให้ลิงค์วางแผนได้เจาะจงขึ้น
แท่นบูชากริซซินนั้นโดยหลักแล้วจะถูกใช้เป็นสปายสืบข่าวกรองของเฟิร์ด สมาชิกหลักนั้นมีแค่นักฆ่าเลเวล 6 พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งมาก
เป้าหมายของลิงค์มีแค่การทําลายช่องทางติดต่อของเทพแห่งการทําลาย, ไม่ใช่การฆ่าพวกเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจถ้าพวกเขาจะหนีไป เขาแค่ไม่อยากให้พวกเขามาก่อความวุ่นวายในดินแดนของเขาเพียงเท่านั้น หลังจากที่กลับไปถึงหอคอยเวทมนตร์, เขาก็เขียนคําสั่งให้แจ็คเกอร์จัดตั้งทีมกวาดล้างศัตรู
ในขณะเดียวกันนั้นเอง, เขาก็เตรียมตัวขึ้นเหนือ
ตามที่คําภีร์เขียนเอาไว้, ตอนนี้ดยุคอาเบลอยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 9 แล้วพลังของเขาก็ได้รับมาจากเทพแห่งการทําลาย เขาแข็งแกร่งและมีเหตุผลมากมายในการสังหารผู้คนในแต่ละวันและดูดซับพลังชีวิตของพวกเขา เขาจะฆ่าอย่างน้อยห้าสิบคนในหนึ่งวัน; เขากําลังแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆวัน
ลิงค์ต้องรีบขึ้นเหนือ!
นอกจากความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว, ยังมีเรื่องอื่นด้วย เพราะความแข็งแกร่งและความเป็นชนชั้นสูง, ตอนนี้เขาจึงมีผู้ติดตามมากมาย เขาค่อยๆกลายเป็นตัวเต็งที่จะได้เป็นกษัตริย์คนใหม่ของนอร์ตัน หลังจากที่กษัตริย์ลีออนเสียเมืองฮอทสปริงไป, เขาก็ตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง
ซึ่งนี่หมายความว่าต่อให้ลิงค์สามารถฆ่าอาเบลได้สําเร็จ, มันก็คงจะเกิดความวุ่นวายในป้อมโอริด้า และเพื่อเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้น, ลิงค์ต้องวางแผนให้ดี
ตอนนี้, ร่างมังกรของเขาต้องการเวลาอีกห้าเดือนถึงจะฟื้นฟูได้เต็มที่ และความคล่องแคล่วของเขาก็เป็นปัญหา ดังนั้น, เขาต้องวิจัยเวทย์สาหรับเดินทาง
ลิงค์มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาวางแผนที่จะใช้การผลักของสนามพลังเพื่อให้เกิดความเร็วสูงขึ้นมาทฤษฎีนั้นง่ายมาก, แต่ยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่ต้องจัดการ ยกตัวอย่างเช่น, จะทํายังไงถึงจะคล่องแคล่ว, และไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลย, การเพิ่มความเร็วจนถึงขีดสุด, และอื่นๆ ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพเหล่านี้จําเป็นต้องไปลงรายละเอียดกันอีกที
ด้วยความที่เวลาไม่ค่อยมี, และเขาจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เขาจึงตรงไปหาอัลโลว่าแล้วเริ่มปรึกษาเรื่องเวทมนตร์ใหม่กับเธอ
ทั้งคู่เป็นคนที่ชอบหมกมุ่นอยู่กับเวทมนตร์ และในตอนที่พวกเขาเริ่มวิจัย, พวกเขาก็ลืมเรื่องอื่นๆไปจนหมดเวลาได้ล่วงเลยไป โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลย
ทางอัลโลวานั้นยังดีกว่า เพราะเธอไม่ได้ยุ่งมากและมีเวลาทําเรื่องอื่นๆ
แต่ลิงค์เป็นลอร์ด นอกจากการวิจัยเวทมนตร์แล้ว, เขายังต้องเขียนหนังสือเสริมพลัง, หาเวลาไปสอนเซลีน, ตรวจสอบเอกสารสําคัญ, และจัดการเรื่องจุกจิกอื่นๆด้วย เขาแทบไม่มีเวลากินหรือเวลานอนด้วยซ้ำ
เซลีนเองก็ยุ่งเหมือนกัน เธอตกหลุมรักเวทมนตร์เสริมพลัง เธอเห็นมาโดยตลอดว่าลิงค์ยุ่งแค่ไหนและเธอก็อยากจะแข็งแกร่งพอที่จะช่วยเหลือเขา
ตอนนี้, เธอกําลังฝึกยิงปืน, เสริมพลัง, และศิลปะการต่อสู้พร้อมกัน เธอยุ่งมากจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นเลย
ในอีกด้านนึง, แจ็คเกอร์, ผู้บัญชาการของกองทัพเฟิร์ด, กําลังจัดตั้งทีมไปกวาดล้างแท่นบูชาอยู่ ข่าวนี้ไม่ได้เป็นความลับในหมู่พวกระดับสูงของเฟิร์ด เช้าวันต่อมา, เอเลียร์ดก็มาหาแจ็คเกอร์
เอเลียร์ดพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้การพัฒนาของฉันมันติดขัดอยู่หน่ะ ฉันสามารถช่วยได้นะ”
ตอนนี้เขาอยู่เลเวล 8; ความรู้ด้านเวทมนตร์ของเขาก็มาถึงระดับนี้แล้วเช่นกัน เขาสามารถร่ายเวทย์เลเวล 8 ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม, เขารู้สึกว่าการพัฒนานั้นคงจะยากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น, เขาจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนความคิดซักหน่อยในขณะที่ช่วยลิงค์ไปด้วย
แจ็คเกอร์ได้ตัดสินใจเลือกคนเอาไว้แล้ว พอเห็นเอเลียร์ด, เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ “ภารกิจนี้อันตราย ท่านไม่ควรไปนะครับ”
เอเลียร์ดเป็นเพื่อนสนิทของลิงค์และตอนนี้ก็เป็นนักเวทย์เลเวล 8 ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเขามีศักยภาพพอที่จะกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ เขาอาจจะได้กลายเป็นนักเวทย์ระดับตํานานคนต่อไปของเฟิร์ดด้วยซ้ำ
แล้วแจ็คเกอร์จะเอาคนที่สําคัญขนาดนี้มาเสี่ยงได้ยังไงกัน?
เอเลียร์ดหัวเราะแห้ง “แจ็คเกอร์, ฉันไม่ได้เป็นแค่นักวิชาการนะ นายก็เห็นทักษะของฉันในตอนที่กวาดล้างที่รกร้างเฟิร์ดด้วยกันนี่”
แจ็คเกอร์ยักไหล่ “ตอนนี้มันไม่เหมือนกันนะครับ ศัตรูของพวกเราในครั้งนี้แข็งแกร่งกว่าไอ้เจ้าพวกนั้นเยอะเลยนะครับ”
“เพื่อนเอ๋ย” เอเลียร์ดพูดอย่างจริงจัง “นั่นยิ่งเป็นเหตุผลที่ฉันจําเป็นต้องต่อสู้ให้มากกว่านี้ เวทย์ของฉันไม่ใช่แค่พลุไฟเด็กเล่นนะ ตอนนี้ลิงค์ตัวคนเดียว เขามักจะยุ่งอยู่เสมอและสูญเสียความสุขในชีวิตไป ดังนั้นฉันจะไม่ช่วยจัดการเรื่องเล็กๆแบบนี้ได้ยังไงหล่ะ?”
แจ็คเกอร์สั่นสะท้าน เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ก็ได้ครับ, พวกเราจะออกเดินทางตอนบ่ายนี้ เตรียมพร้อมเอาไว้ด้วย”
“เยี่ยมเลย” เอเลียร์ดหัวเราะแล้วกลับไปเตรียมตัวที่หอคอยเวทมนตร์
ด้วยความที่ได้รับอิทธิพลจากลิงค์, เอเลียร์ดเองก็หมกมุ่นอยู่กับการเสริมพลัง เขาจะสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ขึ้นมาในเวลาว่าง, รวมทั้งคทา, แหวนระเบิด, และกําไลป้องกันด้วย ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขานั้นมีแต่อุปกรณ์เวทมนตร์ระดับสูง
และยังไม่ใช่แค่นั้น เอเลียร์ดได้ศึกษาเกี่ยวกับปืนเวทมนตร์ด้วย ตอนนี้เขาสร้างเกือบจะสมบูรณ์แล้ว เขาเหลือที่ต้องจัดการอีกเล็กน้อย
เขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากเซลื่น เธอมีปืนเล็กคู่ที่ทั้งงดงามและทรงพลังมากๆ, มันคืออุปกรณ์ป้องกันตัวอันยอดเยี่ยม
แน่นอนว่า, เอเลียร์ดมีศักดิ์ศรีอยู่ เขารู้ว่าลิงค์เป็นคนสร้างปืนนั้นให้เซลีน เห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ขอความช่วยเหลือจากลิงค์ เขาจะสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม, เขาก็ยังมียืมปืนของเซลีนมาศึกษาอยู่พักใหญ่ๆ แต่นี่ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ มันคือการอ้างอิง นักเสริมพลังจะไม่ขโมยความคิดของคนอื่น
เอเลียร์ดเป็นนักเวทย์, และเวทมนตร์ก็คือความเชี่ยวชาญหลักของเขา เขาต้องการปืนแค่กระบอกเดียวมาศึกษา
พอกลับไปถึงห้องเสริมพลังเล็กๆ, เอเลียร์ดก็คว้าปืนที่สําเร็จแล้วครึ่งนึงมาทําต่อ หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง, เขาก็สร้างรูนคงสภาพอันสุดท้ายเสร็จ รูนนี้จะช่วยเป็นแรงกระตุ้นให้กับกระสุนดังนั้นเอเลียร์ดจะสามารถถือปืนได้มั่นคงขึ้น
นี่คือผลงานของเขาเอง ปืนของเซลีนไม่มีฟังก์ชั่นนี้
หลังจากจัดการเสร็จเรียบร้อย, เอเลียร์ดก็มองไปที่ปืนยาวแปดนิ้ว มันเงาวับด้วยสีน้ำเงินเข้มและถูกปกคลุมด้วยรูนสีเงินเขายิ้ม
ปืนกระบอกนี้มีลักษณะแทบจะเหมือนกับของเซลีน, แต่วัสดุที่ใช้ทํานั้นไม่ได้มีคุณภาพสูงเท่า และความแข็งแกร่งก็น้อยกว่าด้วย มันสามารถสร้างการโจมตีได้แค่เลเวล 7, แต่มันก็ดีพอแล้ว
ด้วยการถือปืน, เอเลียร์ดก็คิดถึงท่าควงปืนที่เซลื่นชอบทําบ่อยๆ เขาคิดว่ามันดูเท่ดีเขาจึงลองฝึกทําตาม
แกรัก เขาควงปืนไปได้หนึ่งรอบแล้วมันก็กระเด็นออกไป, ตกลงที่พื้น
มันทําให้หัวใจของเอเลียร์ดเจ็บปวด เขารีบคว้ามันขึ้นมาแล้วตรวจสอบดูอย่างละเอียด เขาไม่ได้หายใจเลยจนกระทั่งมั่นใจว่ามัน ไม่เป็นอะไร มือของฉันไม่ได้คล่องแคล่วถึงขั้นนั้น ฉันไม่สามารถทําท่าเท่ๆแบบนั้นได้สินะ
หลังจากนั้นเขาก็เอาน้ำมันงูหลามดําออกมาขวดนึง เขาแยกส่วนประกอบของปืนออกแล้วเริ่มเอาพวกมันมาเคลือบน้ำมัน เขาเรียนรู้ทริคนี้มาจากแดนนี่ มันจะช่วยเพิ่มความแม่นยําและความคงทนให้กับปืน
ในขณะที่กําลังเคลือบน้ำมัน, เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาเปิดมันด้วยความคิด “เข้ามาสิ”
เสียงเท้าดังขึ้นข้างหลังเขาและมาหยุดอยู่ใกล้ๆ คนๆนั้นไม่ได้พูดอะไร แล้วด้วยความที่รู้สึกแปลกใจ, เอเลียร์ดจึงหันกลับมาแล้วเห็นลิงค์กําลังจ้องปืนอยู่
พอเห็นว่าเอเลียร์ดสังเกตเห็นเขาแล้ว, ลิงค์จึงชื่นชม “เป็นปืนที่ดีนะ มันเยี่ยมไปเลยหล่ะ”
“ขอบใจ” เอเลียร์ดรู้สึกพอใจกับปืนนี้จริงๆ “วันนี้นายมีเวลาว่างไหม?” เขาถาม
ลิงค์คว้าเก้าอี้มานั่งแล้วถามพร้อมกับหัวเราะ “แจ็คเกอร์บอกว่านายจะเข้าร่วมภารกิจนี้ด้วยสินะ?”
เอเลียร์ดเอามือก่ายหน้าผากแล้วถอนหายใจ “เห้อ, หมอนั่นปากโป้งจริงๆ แล้วนายจะให้ฉันไปไหมหล่ะ?”
“แน่นอน….ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ลิงค์ถอนหายใจอย่างตื่นเต้น พอเห็นสีหน้าอันหล่อเหลาของเอเลียร์ดเปลี่ยนไป, เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา “เวทมนตร์ไม่ใช่แค่พลุเด็กเล่น มีหลายครั้งที่นายจําเป็นต้องต่อสู้จริงถึงจะฝ่าฟันเรื่องบางอย่างได้ ฉันไม่มีทางห้ามนายอยู่แล้ว แต่ว่านะ, แท่นบูชากริซซินเป็นของเทพแห่งการทําลาย ไอ้เจ้านั่นจะมอบเวทย์ทําลายล้างที่แข็งแกร่งมากๆให้กับผู้ศรัทธาของมัน นายต้องระวังตัวให้ดี รับนี่ไปสิ”
ลิงค์ส่งหินรูนกึ่งโปร่งแสงให้เอเลียร์ด “ฉันเรียกเจ้าสิ่งนี้ว่าหินมังกร มันเก็บเวทย์รักษาคุณภาพสูงเอาไว้ นายสามารถใช้มันได้สามครั้ง, และจากนั้นมันก็จะทําการเติมพลังใหมโดยอัตโนมัติ มันใช้งานได้สามวันต่อหนึ่งครั้ง ตราบใดที่สมองของนายไม่เป็นอะไร, นายกสามารถใช้มันเอาตัวรอดได้”
เอเลียร์ดคว้าวัตถุช่วยชีวิตนี้มาแล้วหัวเราะ “ด้วยสิ่งนี้, ฉันก็จะต่อสู้ได้โดยไม่กลัวอะไรแล้วหล่ะ”
“ใช่, ลุยได้เต็มที่เลย เวทมนตร์นั้นจําเป็นต้องมีการจินตนาการที่ไม่ถูกจํากัดเอาไว้”
ลิงค์ตบไหล่ของเอเลียร์ดเป็นการให้กําลังใจ, จากนั้นก็จากไป เขาให้เวลาสําหรับเรื่องนี้ได้แค่ห้านาทีก็เลยไม่สามารถอยู่ได้นานเท่าไหร่นัก
ในขณะที่มองลิงค์เดินจากไป, เอเลียร์ดก็เก็บหินมังกรอย่างระมัดระวัง แล้วเขาก็กลับมาเคลือบน้ำมันให้ปืนต่อ สู้เว้ย, เอเลียร์ด! เขากระตุ้นตัวเอง
ด้วยการสนับสนุนจากลิงค์, เขาจึงอยู่ในสภาพที่เพียบพร้อมสําหรับการเรียนเวทมนตร์ นักเวทย์คนอื่นที่รู้คงจะอิจฉา ตอนนี้, เขาเป็นนักเวทย์เลเวล 8 ที่แข็งแกร่ง มันถึงเวลาตอบแทนเพื่อนเก่าแล้ว!
ในช่วงบ่าย, เอเลียร์ดที่เตรียมตัวเสร็จแล้วก็ออกไปรวมกับทีม มีมือปืนยับบ้าสองคน, มือปืนมนุษย์กว่า 100 คน, และนักรบมนุษย์ระดับสูงอีกกว่า 500 คน นี่คือกองกําลังที่แข็งแกร่งพอที่จะกวาดล้างแท่นบูชาเล็กๆ
ในขณะที่ทีมกําลังเตรียมตัวออกเดินทาง, ดยุคอาเบล, ที่กําลังอ่านเอกสารอยู่ในป้อมโอริได้, ก็มีแขกพิเศษมาหา