เจ้าของโรงแรม แมต จำ เอเลียร์ด ได้ และ ลิงค์ ก็ได้สร้างความประทับใจให้กับเขามากขึ้น ในตอนที่เขาเห็น เอเลียร์ด เขายักไหล่แล้วพูด “ห้องเหรอ? เขาไม่ได้อยู่ในห้องหรอก หลังจากที่คุณออกไป ท่าน ลิงค์ ก็อาศัยอยู่ในห้องใต้หลังคามาโดยตลอด”
อะไรนะ? ห้องใต้หลังคา!
หัวใจของ เอเลียร์ด เต้นระรัว เขาพยายามที่จะไม่แสดงออกทางสีหน้าและถามต่อ “ทำไมเขาถึงไปอยู่ในห้องใต้หลังคาได้ล่ะ?”
“ไม่มีเงินไง นอกจากนั้นแล้วจะมีอะไรอีกหล่ะ?” แมต พูดตามหลักความจริง “ก่อนหน้านี้เขากินขนมปังทุกวันเลยด้วยซ้ำ สองก้อนต่อวัน มื้อกลางวันและมื้อเย็น เร็วๆนี้ดูเหมือนเขาจะหาเงินมาได้ แต่ฉันบอกได้เลยว่าคงไม่เยอะมากหรอก ส่วนมากเขาจะหมกตัวอยู่ในห้องใต้หลังคา ถ้าคุณอยากไปหาเขา เขาอยู่ที่ชั้นบน”
พอเขาได้ยินเช่นนั้น หัวใจของ เอเลียร์ด ก็เต้นระรัวอีกครั้ง เขารู้ว่าหลังจากที่ ลิงค์ ให้เงินเขา 1300 เหรียญทอง เขาคงไม่เหลือเงินมากนักแต่เขาไม่คิดว่ามันจะทำให้ ลิงค์ ต้องเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้
แต่ทำไมเขาถึงไม่พูดถึงมันในจดหมายเลยหล่ะ? ในจดหมายเขาพูดถึงความสวยงามของป่าเกอเวนท์ แล้วก็คำถามและทฤษฎีที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ แต่ไม่มีสักคำที่กล่าวถึงสภาพความเป็นอยู่ของเขาเลย
ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นหล่ะ? เอเลียร์ด ไม่อาจรู้ถึงคำตอบได้ เขาขอบคุณ แมต และภายใต้สายตาของผู้คนในห้องโถงของโรงแรม เขาก็ขึ้นบันไดเพื่อไปที่ห้องใต้หลังคา
ระหว่างที่เขาไป เขาได้ยินคนคุยกันที่ห้องโถง
“นั่นมันนักเวทย์ตัวจริงเลยนะ! เขามาที่นี่เพื่อพบ ลิงค์ จริงๆหรอ?”
“ถ้างั้นก็หมายความว่า ลิงค์ เป็นนักเวทย์จริงๆหน่ะสิ?”
“เป็นไปไม่ได้! เขาสวมเสื้อผ้าขาดๆ กินและอยู่ในที่ๆแม้แต่ฉันยังไม่อยากอยู่เลย คนแบบนั้นจะเป็นนักเวทย์ได้ยังไงกัน?”
เสียงพวกนี้ได้พิสูจน์คำพูดของเจ้าของโรงแรม เอลเลียร์ด รู้สึกคับข้องใจยิ่งกว่าเดิม ตาของเขาเริ่มที่จะทนไม่ได้ เขาคิดว่ามันน่าจะเป็นเพราะฝุ่นในโรงแรมเข้าไปในดวงตาของเขา
เขาจับราวไม้และขึ้นข้างบนต่อ พอเขามาถึงชั้น 3 เขาก็เลี้ยวที่หัวมุมและมาถึงห้องใต้หลังคาของโรงแรม
ห้องใต้หลังคามืดและสกปรกมาก ที่ขั้นบันไดมีพรหมที่เต็มไปด้วยฝุ่น และประตูทางเข้ายังเตี้ยและแคบอีกตะหาก ตอนที่เขาเดินเข้าประตู เขารู้สึกได้ถึงความคับแคบของพื้นที่
เขาอาศัยอยู่ในหอคอยเวทมนตร์ที่กว้างขวางและเพดานสูงมานาน การกลับมาเจอการใช้ชีวิตแบบสามัญชนแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดและอึดอัด
เอเลียร์ด เคาะประตู เบา ๆ เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสงบสติอารมณ์และรักษาความเยือกเย็นเอาไว้
“เข้ามาเลย ไม่ได้ล็อค” น้ำเสียงที่คุ้นเคย มันยังคงสงบและสุภาพเหมือนเมื่อก่อน เหมือนกับบ่อน้ำอันเงียบสงบภายใต้แสงดาว
เอเลียร์ด ผลักประตูและเข้าไปในห้อง หลังจากนั้นเขาก็เห็นภาพแผ่นหลังของ ลิงค์ ที่อาบไปด้วยแสงแดด
แสงสีทองส่องผ่านหน้าต่างบานเล็ก ๆ ในห้องใต้หลังคา มันเหมือนกับแนวสีทองในห้องมืด ๆ แสงได้ส่องเป็นแนวสว่างขึ้นที่ร่างกายที่อ่อนแอและบอบบางของเขา
บุคคลที่ผอมแห้งคนนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ดูทรุดโทรม มือของเขาถือปากกาขนห่านและเขาก็กำลังเขียนอย่างตั้งใจอยู่บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยรอยด่าง ที่มุมของโต๊ะมีหนังสือเวทมนตร์2 ถึง 3เล่มและกองม้วนกระดาษหนังแพะ
เอเลียร์ด หันไปทางขวาและเห็นที่นอนที่ไม่เป็นระเบียบอยู่บนพื้น ที่มุมของห้องมีใยแมงมุมอันใหญ่ที่มีแมงมุมตัวอ้วนอยู่ตรงกลาง ในอีกมุมหนึ่งมีช่องขนาดใหญ่บนผนังที่มีเศษผ้าอุดเอาไว้ ดูเหมือนจะไม่ค่อยช่วยอะไรมากนักเพราะกระแสของลมเย็นยังคงพัดเข้ามาในห้องใต้หลังคา
เสื่อมโทรมและผุพัง ภายในห้องเหมือนกับที่อยู่อาศัยของชาวนาจนๆเลย เอเลียร์ด เคยเป็นเด็กกำพร้ามาก่อนในอดีต เขาจึงรู้จักชีวิตแบบนี้ดี แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่า ลิงค์ ที่เป็นลูกของขุนนางจะต้องมาประสบกับชะตากรรมแบบนี้ด้วย
เพราะว่า เอเลียร์ด เคยเจอกับมันมาแล้วนั่นเอง จึงทำให้เขาสงสารกับสิ่งที่ ลิงค์ ต้องเจอเป็นอย่างมาก!
ความเจ็บปวด ความอับอาย และความกตัญญู ความวุ่นวายของอารมณ์หมุนวนอยู่ภายในใจของ เอเลียร์ด มันทำให้ดวงตาของเขาแดงและเริ่มที่จะร้องไห้ แต่ก่อนที่เขาจะร้องเขารีบเงยคางขึ้นและกลั้นน้ำตาเอาไว้
ตอนที่เขาอายุ 8 ขวบ เขาเคยถูกกลุ่มเด็กข้างถนนแกล้ง เขาทำได้แต่ร้องไห้แล้วก็ร้องไห้ แต่ว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีใครมาคอยปลอบประโยนเขา มีแต่คนมาคอยเยาะเย้ยและล้อเลียนเขา เขาสาบานไว้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าเขาจะไม่มีทางร้องไห้อีกเป็นอันขาด
แต่ในตอนนี้ ไม่มีการกลั้นน้ำตาอีกต่อไปแล้ว
ลิงค์ เป็นชนชั้นสูง เขามีเงิน 1300 เหรียญทองอยู่กับตัว เขาสามารถพักผ่อนอย่างสะดวกสบายได้ที่โรงแรมริเวอร์โควฟ แต่ว่าเขาอยากที่จะช่วย เอเลียร์ด เขาจึงยอมเสียสละความสะดวกสบายและอยู่อย่างคนจน แล้ว เอเลียร์ด จะไม่หวั่นไหวได้ยังไงกัน?
สิ่งที่เจ็บปวดมากยิ่งกว่าคือความจริงที่ว่า ลิงค์ ไม่เคยกล่าวถึงเรื่องพวกนี้เลย เขาได้รับความสะดวกสบายในหอคอยเวทมนตร์และร่ำเรียนเวทมนต์ แต่ในเวลาเดียวกัน ลิงค์ ไม่เคยพูดถึงเกี่ยวกับชีวิตที่ยากลำบากของเขาเลย แต่เขามักจะปลอบโยน เอเลียร์ด คอยเตือนให้เขาจดจ่ออยู่กับการเรียนของเขาและไม่ฟุ้งซ่าน เอเลียร์ด ไม่ได้สงสัยเลยว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นกับ ลิงค์
“ลิงค์?” เอเลียร์ด เรียกเขาอย่างลังเล ขณะที่พยายามข่มตัวเองให้สงบอยู่
ร่างกายที่อ่อนแอนั้นหยุดนิ่ง ปากกาในมือของเขาหยุดขยับ แล้วจากนั้นเขาก็หันหลังกลับมา “เอเลียร์ด นายมาทำอะไรที่นี่?” ลิงค์ พูดอย่างตกใจ
เขาผอมกว่าเดิมมาก มากกว่าเมื่อเดือนที่แล้วจนเทียบไม่ติด ตอนนี้ดวงตาของเขาเหมือนจะใหญ่ขึ้น และมันดูทึบและไม่มีชีวิตชีวา เขาสวมผ้าคลุมลินินแบบหยาบๆที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าตัวของเขาซะอีก
หัวใจของ เอเลียร์ด แตกเป็นเสี่ยงๆ เขาถึงขีดจำกัดแล้ว ตาของเขาแดงก่ำและเริ่มร้องไห้ในตอนที่เขาพูด “ทำไมคุณถึงไม่เล่าอะไรผมฟังเลยหล่ะ?”
ลิงค์ ตกใจอย่างมากเมื่อได้เห็นการแสดงออกของ เอเลียร์ด เขาสงสัยว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงอ่อนไหวขนาดนี้ เขาเกือบจะเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะร้องไห้เพราะเรื่องเล็กๆแบบนี้ได้ยังไง?
แต่เขาคิดว่านั่นเป็นเพียงสิ่งที่เขารู้จากในเกมและรู้สึกว่านี่เป็นนิสัยที่แท้จริงของ เอเลียร์ด
ในเกมมีอยู่ 3 ครั้งที่ เอเลียร์ด ร้องไห้ หนึ่งคือตอนที่ภรรยาของเขาถูกปีศาจฆ่า สองคือตอนที่เพื่อนของเขาตายในการต่อสู้ และสามคือตอนที่เขาเห็นผู้ลี้ภัยจำนวนนับไม่ถ้วนมาจากทางเหนือ
เจ้าคนครึ่งหนุ่มครึ่งเด็กคนนี้อ่อนไหวขนาดนี้เลยสินะ
ลิงค์ คิดเกี่ยวกับมันแล้วคิดว่าทำไม เอเลียร์ด ถึงโกรธขนาดนั้น เขาหัวเราะและพูด “นี่นายโทษฉันที่ฉันไม่ยอมบอกเรื่องเล็กๆแบบนี้เนี่ยนะ?”
เอเลียร์ด พยักหน้า ชีวิตของเขาในสถาบันนั้นสุขสบาย ความจริงแล้ว ถ้าเขาทำงานมากกว่านี้อีกซักหน่อยเขาคงจะสามารถหาเงินได้มากกว่านี้ เดือนนี้เขาไม่ได้ใช้เวลาในการเขียนม้วนคัมภีร์เวทมนตร์ ทำให้เขาได้เงินมาเพียง 15 เหรียญทอง นักเรียนบางคนที่ขยันมากๆสามารถทำเงินได้ถึง 50 เหรียญทองต่อเดือนเลยด้วยซ้ำ!
ถ้าเพียงแค่ ลิงค์ บอกเขา เขาก็จะไม่ต้องมาอยู่ในสภาพที่ย่ำยาอย่างงี้
ลิงค์ หัวเราะแล้วส่ายหน้า “สหายของฉัน ชีวิตของฉันไม่ได้แย่อย่างที่เห็นหรอกนะ นายก็เห็นแล้วนี่ นายลองมองออกไปนอกหน้าต่างสิ มันคือวิวของป่าเกอเวนท์ แล้วลองเงี่ยหูฟังดูสิ นายไม่คิดเหรอเหรอว่าห้องนี้มันสงบและเงียบขนาดไหน? แล้วลองคิดดู ฉันไม่มีเงิน และชุดของฉันก็เก่าและดูธรรมดา ทำให้ไม่มีใครสนใจฉัน ไม่มีใครมารวบกวนหรือมาขัดจังหวะฉัน ดังนั้นฉันจึงสามารถมีสมาธิกับการเขียนวิทยานิพนธ์และวิจัยเวทมนตร์ได้ยังไงหล่ะ นายไม่เห็นเหรอว่าฉันโชคดีขนาดไหน?”
พอเขาพูดอย่างงั้น เอเลียร์ด ก็ไขว้เขว แต่ว่าเขาไม่อาจหยุดความรู้สึกที่ว่ามีบางอย่างผิดปกติได้เลย “แต่..”
“ไม่มีแต่! นายก็รู้ว่าฉันสนใจแต่เรื่องเวทมนตร์ นอกจากเวทมนตร์แล้วก็ไม่มีอะไรที่จำเป็นต่อฉันอีกแล้ว” ลิงค์ ยิ้มกว้าง เขาดูเปล่งประกายราวกับแสงอาทิตย์ ซึ่งมันก็ได้ลบล้างความรู้สึกเศร้าและความรู้สึกผิดในใจของ เอเลียร์ด ไป
ก็ได้ ในเมื่อเขาว่าอย่างงั้น เอเลียร์ด รู้สึกดีขึ้น แต่ว่าสิ่งที่เขาเห็นวันนี้จะฝังลึกอยู่ในจิตใจของเขาและจะไม่มีทางลืมมัน
เขารู้ว่าในโลกนี้มีคนเพียงคนเดียวที่จะเสียสละเกียรติและศักดิ์ศรีของเขา คนที่เต็มใจที่จะถูกเยาะเย้ย คนที่เต็มใจที่จะใช้ชีวิตเหมือนขอทานเพียงเพื่อช่วยเขา
ในใจของเขา คนแบบนี้เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากพี่ชาย ถ้าเป็นไปได้ เอเลียร์ด จะยอมเสียสละทุกสิ่งให้กับพี่ชายคนนี้ของเขา
“ตอนนี้นายว่างรึเปล่า? ไปดื่มที่ห้องโถงกันเถอะ คิดว่าไง?” เอเลียร์ด เช็ดน้ำตาและเก็บความรู้สึกของเขาไป
“แน่นอน ไม่มีปัญหา ขอเวลาฉันเก็บม้วนเอกสารพวกนี้แปปนึงนะ” ลิงค์ พูดพลางหัวเราะ
พอทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งสองก็ลงไปที่ห้องโถงชั้นล่าง
“แมต ขออาหารที่ดีที่สุดที่มี แล้วก็เบียร์ที่ดีที่สุดด้วย” เอเลียร์ด สั่งออเดอร์
“ไม่มีปัญหา” แมต พูดด้วยรอยยิ้ม
พออาหารและเครื่องดื่มมาถึง ทั้งสองคนก็คุยกันระหว่างที่กินไปด้วย
พวกเขาคุยกันเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ของ ลิงค์ และปัญหาเรื่องทฤษฎีเวทมนตร์บางเรื่อง เอเลียร์ด เล่าให้ ลิงค์ ฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็นและเรียนมาที่สถาบันรวมถึงเรื่องซุบซิบที่เขาได้ยินมาด้วย
ทั้งสองคนคุยกันโดยที่ไม่รู้เลยว่ากินเบียร์ไปมากกว่า 10 แก้วแล้ว เอเลียร์ด ไม่สามารถทนแอกอฮอล์ขนาดนั้นได้ คำพูดของเขาจึงเริ่มมั่วๆและเริ่มที่จะพูดเรื่องไร้สาระ ในทางกลับกันความสามารถในการดื่มของ ลิง ค์นั้นไม่เลวนัก เขายังสามารถควบคุมสติของเขาได้อยู่
เมื่อเขาเมา เอเลียร์ด ก็เริ่มทำตัวแปลกๆ เขาจะร้องไห้จากนั้นก็หัวเราะ ลิงค์ ไม่รู้จะรับมือยังไง เขาเลยวานให้คนรับใช้ของโรงแรมพา เอเลียร์ด ไปที่ห้องเพื่อที่เขาจะได้พัก
“ไม่ หยุดนะ! ออกไป ฉันอยากจะนอนที่ห้องใต้หลังคา!” เอเลียร์ด ดึงดัน
ลิงค์ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมผ่อนปรนดังนั้นในตอนท้ายจึงมีการเพิ่มที่นอนอีกที่ไว้ในห้องใต้หลังคาและหลังจากนั้นครู่นึง เอเลียร์ด ก็หลับไป ลิงค์ เหงื่อออกจากความพยายามที่จะปราบ เอลียร์ด ลง และก่อนหน้านี้ไม่นานผลของแอลกอฮอล์ในตัวเขาก็ได้หมดไป
เขาเดินออกไปข้างนอกโรงแรมและพูดกับคนขับรถของ เอเลียร์ด ที่มาจากสถาบันเวทมนตร์คนขับรถบอกว่าพวกเขาวางแผนที่จะพักในเมืองคืนนี้และจะกลับไปที่สถาบันในวันพรุ่งนี้ ลิงค์ โล่งใจและมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องใต้หลังคา
ที่ห้องใต้หลังคามีหนังสือและม้วนคัมภีร์ที่ เอเลียร์ด เอามาให้เขาด้วย ของมองดูพวกมันทั้งหมดและเขาก็รู้สึกหลงรักพวกมันในทันที มันคือหนังสือเวทมนตร์ระดับสูง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขากำลังต้องการอยู่พอดี!
หนังสือเวทย์เล่มนี้มีชื่อว่า ขั้นตอนในการร่ายเวทย์ มันประกอบไปด้วยคำแนะนำของเวทมนตร์เลเวล 1 และโครงสร้างของเวทมนตร์ และมันยังอธิบายขั้นตอนของเวทมนต์ขั้นสูงแบบหยาบๆอีกด้วย ลิงค์ เปิดไล่หน้าไปเรื่อยๆและพบว่ามันมีเขียนถึงรายละเอียดโครงสร้างของรูนออร่าอีกด้วย!
“เป็นหนังสือที่ดีจริงๆ!” เขาฝังตัวอยู่กับหนังสือเล่มนี้ในทันที เขาอ่านมันโดยลืมถึงเรื่องการไหลเวียนของเวลาไปโดยสิ้นเชิง
เขาไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่จนมีเสียงเรียกมาจากข้างหลังของเขา “นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย?”
เอเลียร์ด ตื่นขึ้น
ลิงค์ ตกใจเสียง เขาคลำหานาฬิกาพกแล้วพูด “นี่มัน 1 ทุ่มแล้ว”
ลิงค์ รู้สึกว่าตอนนี้เขาหิวมาก
“ฉันจะไปหาอะไรมาให้พวกเรากินนะ” เอเลียร์ด ก็หิวเหมือนกัน ดั้งนั้นเขาจึงออกจากห้อง หลังจากนั้น 5 นาทีเขาก็กลับมาพร้อมกับชีสถาดใหญ่
ทั้งสองคนเริ่มกิน ขณะที่กิน ลิงค์ ก็อ่านตำราเวทมนตร์ต่อ เขาพลิกแต่ละหน้าอย่างระวังโดยไม่ให้ฝุ่นเข้าไปในหน้าหนังสือ อีกด้านหนึ่ง เอเลียร์ด ก็อ่านวิทยานิพนธ์ของ ลิงค์
เอเลียร์ด หลงไปกับวิทยานิพนธ์ของ ลิงค์ อย่างสมบูรณ์ ความเงียบระหว่างพวกเขาถูกขัดเพียงแค่คำพึมพำเป็นครั้งคราวของ เอเลียร์ด เช่น “นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจยิ่งนัก! โอ้ ฉันไม่เคยเห็นการตั้งสมมุติฐานแบบนี้มาก่อนเลย!”
เอเลียร์ด ถูกสะกดโดยวิทยานิพนธ์ของ ลิงค์ อย่างสมบูรณ์