การเตรียมความพร้อมมีความสำคัญมากก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้ แจ็คเกอร์ กับคนอื่นๆตรวจสอบอุปกรณ์ของพวกเขาและนำอุปกรณ์อื่นๆที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ในการต่อสู้ไปด้วย
ด้วยความที่ ลิงค์ มีจี้เก็บของ เขาจึงมีอิสระในการที่จะเก็บของได้มากกว่าคนอื่นๆ—โดยเฉพาะของที่ใช้ยามฉุกเฉิน อย่างเช่นขนมปังหรือน้ำในกรณีที่พวกเขาถูกขัง
เวลาภายในจี้นั้นถูกหยุดเอาไว้ ลิงค์ จึงไม่ต้องห่วงว่าของพวกนั้นจะถูกทำให้ปนเปื้อนด้วยรูนไสยเวทย์
เขายังนำคัมภีร์เวทมนตร์ 20 ม้วนที่เขาเขียนเอาไว้ในเวลาว่างอยู่ด้วย พวกมันเก็บเวทย์มนตร์เลเวล 0 กับ เลเวล 1 เอาไว้ ทำให้เขาสามารถร่ายเวทย์ได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่เสียมานา
ม้วนเวทมนตร์เหล่านี้ช่วยเพิ่มมานาสูงสุดของ ลิงค์ ในทางอ้อม และมันยังเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ด้วย และท้ายสุดเขายังนำยาฟื้นฟูมานาระดับต่ำมาด้วย
เขาซื้อน้ำยานี้มาจาก เอร์เรร่า ในราคา 20 เหรียญทอง น้ำยานี้ทำให้เขาฟื้นมานาได้ในทันที100 แต้ม ลิงค์ ได้เตรียมการมาอย่างดีเพื่อปิดจุดอ่อนของเขาเรื่องมานาสูงสุดที่มีน้อย
มันใช้เวลาไม่นานในการเตรียมตัวให้พร้อม และนายพล แอนเดอร์สัน ก็ยังดูสดชื่นขึ้นหลังจากที่ได้ทานอาหารอีกด้วย “ไปกันเถอะ” ลิงค์ พูด
แอนเดอร์สัน รู้สึกตกใจกับคุณภาพของอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ ลิงค์ และพรรคพวกของเขามี เขาต้องการที่จะสอบถามเพิ่มเติม แต่การอบรมแบบขุนนางก็ได้หยุดเขาจากการไปยุ่งเรื่องของคนอื่น
เขาอธิบายสถานการณ์ให้กับ ลิงค์ ระหว่างทาง
“แหล่งกบดานของพวกโจรถูกซ่อนเอาไว้อย่างดีเลยครับ มันมีแม้กระทั่งการร่ายเวทย์เอาไว้รอบๆด้วย พวกเราโชคดีที่สามารถจับโจรของสมาคมได้หลังจากที่ล้อมภูเขาอยู่เป็นเวลาพักใหญ่ๆ” แอนเดอร์สัน พูด “แหล่งกับดานของพวกมันซ่อนอยู่ในถ้ำที่อยู่ในหุบเขาลึก มันดูน่าสงสัยและน่าขนลุกมาก พวกเรากลัวว่ามันจะมีการลงเวทย์มนตร์เอาไว้ พวกเราก็เลยไม่อยากเสี่ยงเข้าไป”
แอนเดอร์สัน ดูหวาดกลัวเมื่อพูดถึงเรื่องแหล่งกบดาน เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดแผลทางจิตใจบางอย่างจากสิ่งที่เขาเห็นบนหุบเขา
แจ็คเกอร์ ถามคำถามที่ติดอยู่ในใจของทุกคน “หมายความว่ายังไงที่ว่ามันน่าขนลุก?”
แอนเดอร์สัน เล่าให้ฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็นด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด “หลังจากที่พบหุบเขา ผมก็นำกองทหารเข้าไปในหุบเขาเพื่อทำการสำรวจ ยังไงก็ตามหลังจากเข้าไปได้ไม่ถึง 60ฟุต พวกเราก็รู้สึกเหมือนมีเสียงพูดอยู่ในหัว มันเหมือนกับเสียงกระซิบของปีศาจที่พยายามจะดึงพวกเราไปสู่ด้านมืด ในตอนที่พวกเรากำลังจะถอย พวกทหารก็เสียสติ ตาของเขาเป็นสีแดงเลือดและร่างการของพวกเขาก็สั่นแบบควบคุมไม่ได้ และโจมตีทุกคนที่ขวางหน้า ในตอนที่พวกเราถอยมีทหารอย่างน้อยสามคนที่เสียสติไปและพวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฆ่าพวกเขา ในตอนที่พวกเราออกจากหุบเขาและหันกลับไปเพื่อที่จะไว้อาลัยกับทหารที่ตายไป พวกเราก็ได้เห็นพวกเขากลับขึ้นมายืนขึ้นอีกครั้งเหมือนกับซอมบี้! โอ้ ในนามของเทพแห่งแสง ผมมั่นใจว่าต้องมีเนโครแมนเซอร์ซ่อนอยู่ในหุบเขาแน่ๆ!”
แอนเดอร์สัน เต็มไปด้วยความกลัว เขาขึ้นเสียงเล็กน้อยในตอนที่เล่าเรื่องและเห็นได้ชัดว่าในตาของเขาเต็มไปด้วยกลุ่มเมฆแห่งความกลัว
ลิงค์ ขมวดคิ้วและใช้เวทย์ตรวจสอบออร่ากับตัวเขา
ออร่าของ แอนเดอร์สัน นั้นชัดเจนมาก ออร่าอันแข็งแกร่งรอบๆตัวของเขาเป็นสีเขียว แอนเดอร์สัน เป็นอัศวินหลวงเลเวล 4 ที่มีออร่าต่อสู้ธาตุลม ซึ่งนี่ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมออร่าธาตุลมของเขาถึงดูแข็งแกร่ง ยังไงก็ตามรอบๆขอบของออร่าของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยม่านสีดำบางๆ ที่มีรูปโครงกระดูกเกิดขึ้นมาบ่อยครั้ง ออร่านี้มันดูราวกับมีชีวิต
แอนเดอร์สัน ถูกสาปด้วยเวทมนตร์ดำ เขาสามารถที่จะต้านผลของมันได้เพราะเขาแข็งแกร่ง มันส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของเขาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ในช่วงนี้ ลิงค์ ได้เรียนเวทย์อื่นๆนอกเหนือจากเวทย์เสริมพลังด้วย โดยเฉพาะในเวลาที่เขารู้สึกอยากจะพักจากการวิจัยเวทย์เสริมพลังของเขา
หนึ่งในนั้นคือเวทย์เลเวล2 บาเรียป้องกันและอีกอันนึงก็คือเวทย์เลเวล 1 เวทย์ลบล้าง
แน่นอนเพราะไม่มีเวลามาก เวทย์พวกนี้เลยเป็นแบบพื้นฐานไม่ได้เสริมด้วยเวทย์ระดับสูงสุด แต่ว่ามันก็มากพอที่จะใช้กับสถานการณ์ในตอนนี้ได้
เวทย์ลบล้างใช้มานาน้อยมากๆ การใช้มานาพื้นฐานของเวทย์เลเวล 1 คือ 6 แต้ม ในขณะที่เวทย์ลบล้างเลเวล 1ใช้มานาแค่เพียง 3 แต้มเท่านั้น มานาสูงสุดของ ลิงค์ ในตอนนี้อยู่ที่ 148 แต้ม เขาชี้คทาไปที่ แอนเดอร์สัน และใช้เวทย์ลบล้าง
แสงอันอบอุ่นหอหุ้มรอบๆคทาและลอยไปหา แอนเดอร์สัน อย่างนุ่มนวลเหมือนกับหยดน้ำใส มันพันเข้ากับร่างกายของเขาและหายไปในประกายแสง
ลิงค์ ตรวจดู แอนเดอร์สัน อีกรอบด้วยเวทย์ตรวจสอบออร่า ออร่าสีดำที่ห่อหุ้มเขาได้หายไปแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเวทย์คำสาปเลเวล 1 ในขณะที่มันส่งผลอย่างมากกับทหารธรรมดา มันจะไม่ค่อยมีผลอะไรมากกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
ภายใต้ผลของเวทมนตร์ แอนเดอร์สัน รู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่ไหลของเขา และความกลัวที่กุมหัวใจของเขาค่อยๆคลายออกอย่างช้าๆ ในทางกลับจากป่าของเขา เขาหน้าซีดและกลัวที่จะหันกลับไปมองมุมมืดในป่า
ตอนนี้เขาสามารถอาบแดดอันอบอุ่นและรับแสงแดดอันปลอบโยนของป่าเกอร์แวนและเพลิดเพลินกับเสียงนกร้องอันไพเราะได้แล้ว เขาสูดหายใจลึกๆด้วยอากาศอันสดชื่น ด้วยกลิ่นของน้ำค้างยามเช้าที่มีชีวิตชีวา ความเมื่อยล้าจากจากกลางคืนที่เขาไม่ได้นอนได้หายไปในทันที
“รู้สึกดีขึ้นไหม?” ลิงค์ หัวเราะ
“ผมรู้สึกเหมือนเกิดใหม่เลยครับ” แอนเดอร์สัน กระปรี้กระเปร่าด้วยความตื่นเต้น
“ถ้าฉันคิดไม่ผิด น่าจะมีเวทมนตร์ดำบางอย่างวางเอาไว้ที่หุบเขานั่นและมันจะมีผลสาปใส่ใครก็ตามที่เข้าไป ส่วนการฟื้นจากความตายนั้น มันอาจจะเป็นภาพลวงตาหรืออาจเป็นผลงานของเนโครแมนเซอร์ ฉันยังแน่ใจไม่ได้จนกว่าฉันจะได้เห็นด้วยตาของตัวเอง”
“มันสามารถลบล้างได้ไหมครับ?” แอนเดอร์สัน ถามอย่างรวดเร็ว
“ทำได้แน่นอนถ้าตรวจสอบหาต้นกำเนิดของเวทมนตร์นั้นได้” ลิงค์ ตอบ
อันที่จริงเขารู้เหตุผลที่แท้จริงของการคืนชีพ มันไม่ใช่ทั้งเวทย์ลวงตาหรือเวทย์แห่งความตาย แต่มันคือเวทย์ศักดิ์สิทธ์จากแท่นบูชาของผู้ไล่ตามแห่งความมืด มอเฟียส
มอเฟียส เป็นตัวละครระดับตำนานที่แข็งแกร่งมากๆที่อยู่ในจุดสูงสุดและทำการติดต่อกับต้นกำเนิด เขาได้เตรียมตราประทับที่สามารถครอบครองแม้แต่พลังของเทพได้ ซึ่งนี่อธิบายได้จากความอุดมสมบูรณ์ของแท่นบูชาในที่ซ่อนของพวกสมาคม โจรของสมาคมแต่ละคนบูชา มอเฟียส เหมือนดั่งเทพเจ้า ราวกับว่าเขามีพลังศักดิ์สิทธ์ ยังไงก็ตามเขาไม่สามารถควบคุมพลังได้อย่างเต็มที่ถ้าเขายังอยู่ในร่างเนื้อ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพลังบางส่วนของเขาถึงอยู่ที่แท่นบูชา ในท้ายที่สุดมันก็ได้กลายเป็นเวทมนตร์ดำที่ปลุกชีพคนตายมาเพื่อเป็นผู้พิทักษ์แท่นบูชา
เวทศักดิ์สิทธ์มีผลเฉพาะคนตาย ตราบใดที่แท่นบูชาถูกทำลาย คำสาปก็จะถูกทำลาย ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวตราบใดที่เรามีความรู้นี้ ลิงค์ รู้สึกผ่อนคลาย
ลิงค์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ และ แอนเดอร์สัน ก็รู้เรื่องนั้นเขาได้เห็นการต่อสู้ระหว่าง ลิงค์ กับโจรระดับสูงของสมาคมมาแล้ว และเคยได้รับเวทย์ลบล้างจาก ลิงค์ การที่เห็น ลิงค์ มั่นใจขนาดนี้ทำให้เขารู้สึกสบายใจ
หลังจากเดินทางได้ 4 ชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหุบเขาที่มีที่ซ่อนของพวกสมาคม ยักช่า และกองกำลังริเวอร์โควฟอยู่ในค่ายที่ทางเข้าของหุบเขา
“มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่ฉันไม่อยู่ไหม?” แอนเดอร์สัน สงสัย เขาถามถึงสถานการณ์ทันทีที่มาถึงค่าย
ยักช่าอยู่ในสภาพไม่ปกติ เขาหน้าซีดและมีตาสีแดงเลือด เห็นได้ชัดว่าเป็นผลจากคำสาป เขาส่ายหน้าและพูด “มันเงียบมากๆตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ยังกับป่าช้าเลยครับ”
ยักช่า เป็นนักรบเลเวล 3 และมีออร่าต่อสู้ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ลิงค์ ใช้เวทย์ลบล้างใส่ ยักช่า ในทันที
จากนั้นเขาก็มองไปที่หุบเขาที่อยู่เบื้องหน้าของเขา
เมื่อเทียบกับในเกมหุบเขาดูน่าเกรงขามและน่ากลัว ทั้งสองฝั่งของหุบเขามีความสูง 300 ฟุต และช่องระหว่างเขากว้างเพียง 18 ฟุตเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีความน่าสยดสยองจากแสงแดดที่ไม่ค่อยมีอีก
เสียงลมกรรโชคที่ลอดผ่านช่องว่างของหุบเขาดังคล้ายกับเสียงร้องของวิญญาณพยาบาท ควบคู่ไปความมืดมิด มันดูเหมือนกับประตูไปสู่นรกเลย
ค่ายตั้งอยู่ห่างจากหุบเขาเล็กน้อย “พวกเราต้องเข้าไปใกล้กว่านี้ นายพล กัปตัน ฉันต้องการให้พวกคุณสองคนมากับฉันเพราะมีแค่พวกคุณเท่านั้นที่สามารถทนคำสาปได้” ลิงค์ ร้องขอ
พวกทหารทั้งหมดส่วนมากเป็นนักรบเลเวล1และ2—พวกเขาต้องต่อสู้อย่างยากลำบากกับคำสาป ในอีกทางหนึ่งมันสบายมากกับ แอนเดอร์สัน ยักช่า และผู้ติดตามทั้งสามของเขา.
โดยปกติ ออร่าต่อสู้เลเวล 3 สามารถป้องกันคำสาปเลเวล 1ได้
ทั้ง 6 คนจึงเข้าไปในหุบเขา
ลิงค์ ใช้ตรวจสอบออร่าและพบกับกลุ่มควันสีดำหนาในหุบเขา และแน่นอนมันเป็นแค่เวทย์เลเวล 1
ลิงค์ ก้าวเข้าไปในหุบเขาอย่างไม่ลังเลและผู้ติดตามทั้งสามก็ตามเข้าไปอย่างมั่นใจ ในอีกด้านหนึ่ง แอนเดอร์สัน ยังระวังอยู่ “เอ่อ…ท่าน ลิงค์”
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า ตามฉันมาเถอะ”
แอนเดอร์สัน กับ ยักช่า เดินตามเขาไปอย่างไม่เต็มใจ
ลิงค์ ได้ยินเสียงที่ทำให้เคลิบเคลิ้มที่ แอนเดอร์สัน พูดถึงในตอนที่เข้ามาในหุบเขาในทันที มันเหมือนกับเสียงที่อู้อี้อยู่ในหัวที่พูดเรื่องที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลเอาซะเลย การพยายามที่จะไม่สนใจมันทำให้หนาวไปถึงกระดูกสันหลัง มันรู้สึกเหมือนกับมีคนมาหายใจรดต้นคอตลอดเวลา
นอกจาก ลิงค์ คนอื่นๆก็ดูมีอาการไม่สบายเหมือนกัน แม้แต่คนกล้าหาญอย่าง แจ็คเกอร์ ก็ยังมีความลังเลในการก้าวแต่ละก้าวของเขา
นี่คือคำสาปแห่งความกลัว ไม่ต้องไปสนใจมัน มันทำได้แค่นี้แหละ” ลิงค์ พูดพลางเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ
ถ้า ลิงค์ ที่ดูอ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวเลย พวกเขาที่เหลือก็คงทำได้เพียงแค่ยอมทำตามเท่านั้น
ทันใดนั้น หลังจากที่เข้าไปได้ประมาณ 120 ฟุต ก็มีเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น “ระวัง!” แจ็คเกอร์ ตะโกนแล้วกระโดดมาอยู่ข้างหน้า ลิงค์ พร้อมกับยกโล่ของเขาขึ้น
เคร้ง! ลูกธนูถูกปัดด้วยโล่ ทิ้งรอยสีขาวไว้ที่ผิวของมัน
แม้ทัศนวิสัยในหุบเขาจะแคบ แต่ กิลเดิร์น ก็หาผู้โจมตีพบและยิงธนูไปในทิศทางนั้นได้ในทันที แสงสีแดงพุ่งผ่านและมีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นที่อีกฝั่งของหุบเขา ผู้ที่ลอบโจมตีถูกฆ่าแล้ว
“ดูนั่น เขาไม่ใช่ศพนี่” ลิงค์ พูดถึง
พวกเขาที่เหลือถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาไม่กลัวที่จะสู้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ในทางกลับกันกับคนตายนั้น…
มันเป็นเวลาไม่นานก่อนที่ ลิงค์ จะได้เห็นการฟื้นจากความตายด้วยตาของเขาเอง
โจรของสมาคมที่ถูกยิงตายเริ่มกระตุกและชักเป็นครั้งคราว หลังจากนั้น 10 วินาทีเขาก็ค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ แขนขาของเขาอยู่ในจุดผิดธรรมชาติเนื่องจากการตกจากที่สูง มันช่างเป็นฉากที่น่ากลัวจริงๆ
“ดูสิ มันกลับมามีชีวิตอีกครั้งแล้ว!” แอนเดอร์ สันตะโกนด้วยความกลัว
ศพลุกขึ้นมาในจุดที่เขาอยู่เมื่อกี้และหันกลับไปในฝั่งตรงข้ามและเดินลึกเข้าไปในหุบเขา มันใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะหายไปจากระยะสายตาของพวกเขา
“พวกเราจะทำยังต่อดีครับท่าน?” แจ็คเกอร์ กระซิบ นี่มันแปลกมาก ทำไมศพถึงไม่โจมตีพวกเขาหล่ะ?
ไม่มีสัญญาณของความหวาดกลัวบนใบหน้าของ ลิงค์ เลย กลับกันเขาชี้ไปข้างหน้าในทางที่ศพเดินไป “ตามรอยมันไปและหาต้นตอของเวทย์ที่ทำให้เกิดคำสาปกัน!”
ทุกคนต่างเงียบกริบ นักเวทย์หนุ่มคนนี้ไม่รู้จักความกลัวเลยรึไง?
ลิงค์ เริ่มต้นที่จะเดินต่อ โดยไม่สะทกสะท้านจากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น คนที่เหลือจึงต้องตามเขาไปอย่างไม่เต็มใจ ทุกคนทึ่งและสับสนกับความกล้าหาญของเขา