หลังจากออกมาจากหอคอยนักเวทย์ของ เอร์เรร่า ลิงค์ ก็เดินวนเวียนอยู่บริเวณลานแห่งแรงบัลดาลใจของไบรอัน เพื่อทำให้แน่ใจว่าเขาดูเหมือนกับออกมาเดินเล่นเหมือนกับทุกที
หลังจากนั้น เขาก็เดินกลับไปที่หอคอยนักเวทย์ของเบล แต่ว่าเมื่อเขากลับไปถึงที่หอคอย เขาพบว่าบรรยากาศของห้องโถงได้เปลี่ยนไป
มันเงียบสนิท แม้แต่เสียงพึมพำที่มีอยู่ตามปกติก็หายไป แต่ว่า ลิงค์ มองไปรอบๆและยังเห็นว่านักเวทย์ฝึกหัดเกือบทุกคนอยู่ที่นั่น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมมันถึงเงียบจัง?
ลิงค์ ตรวจดูรอบๆห้องโถงอย่างระมัดระวังและพบสาเหตุของความเงียบผิดปกตินี้ ตรงนั้น ข้างๆกับตู้หนังสือทรงครึ่งวงกลมมีชายแก่ผมขาวที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวอยู่
หน้าของชายแก่นั้นเต็มไปด้วยรอยย่น ตัวของเขานั้นผอมมากๆและเขาน่าจะอายุอย่างน้อย 70 ปี
อายุกับปริมาณมานาในร่างกายของเขานั้นตรงกันข้ามกับมารยาทที่อ่อนน้อมของเขา ทำให้เขาดูเหมือนไม่ค่อยทรงพลังเท่าไหร่ แต่ เดเร็ค และ ดาริส ที่ยืนอยู่ข้างๆชายแก่ ดูเคารพเขาเป็นพิเศษในตอนที่พวกเขาคุยกับชายแก่
นั่นจะต้องเป็นนักเวทย์ เบล แน่ๆ! นี่เป็นครั้งแรกที่ ลิงค์ ได้เห็นนักเวทย์ที่ดูไม่มีราศีนับตั้งแต่เข้าสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟมา
เขาดูแก่กว่าในเกมมาก ความจริงคือ เขาดูอ่อนแอและบอบบางมาก สิ่งที่โดดเด่นเพียงอย่างเดียวในตัวเขาก็คือดวงตาที่มีสีน้ำเงินเข้มของเขา มันมีกลิ่นอายลึกลับที่ดูเหมือนจะเก็บความน่ากลัวอันมหาศาลเอาไว้ในจิตวิญญาณที่อ่อนแอ นั่นหมายความว่าชายแก่คนนี้มีพลังอันน่ากลัวภายใต้เปลือกของร่างกายที่อ่อนแอ
ร่างกายของเขาอาจจะแก่ตัวลง แต่พลังเวทย์ของเขายังคงอยู่
เบล ถูกห้อมล้อมไปด้วยนักเวทย์ฝึกหัดมากมายที่ถามคำถามกับอาจารย์อย่างเป็นทางการของนักเวทย์ฝึกหัดทุกคนในหอคอยเวทย์มนตร์นี้ เขายิ้มขณะที่ค่อยๆตอบคำถามของพวกเขาอย่างใจเย็น
ลิงค์ รีบกลับไปที่ห้องของเขาก่อนที่จะมีใครสังเกตเห็นเขา หลังจากที่เขามาถึงห้อง เขาก็รีบนำเอาสมุดลิสท์การสั่งซื้อมาวางไว้บนโต๊ะ
การถูกพบว่า ลิงค์ ได้แอบเอาสมุดจดออกไปจากหอคอยนั้นจะต้องทำให้ เบล สงสัยในตัวลิงค์ แน่ๆและนั่นก็หมายถึงหายนะ
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ก็มีใครบางคนมาเคาะประตูห้องของเขา
“ลิงค์ ออกมาหน่อย อาจารย์อยากพบนาย”
นั่นเป็นเสียงของ เดเร็ค
ลิงค์ ตกใจ แต่เขาก็กลับมาสำรวมอย่างรวดเร็ว
“สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมออกไป” ลิงค์ ตอบด้วยน้ำเสียงที่ดังและชัดเจน
ในตอนที่เขาเปิดประตู ลิงค์ เห็นสายตาทุกๆคู่ในห้องโถงมองมาที่เขา สายตาหลายคู่นั้นแสดงถึงความไม่เคารพ อิจฉาริษยาแต่ว่ามีหนึ่งคู่ที่เป็นข้อยกเว้นจากทั้งหมด ซึ่งก็คือศิษย์ชั้นผู้ใหญ่ของเบล ดาริส ที่ยืนอยู่ข้างๆอาจารย์ของเขา สายตาของเขานั้นจ้องมาที่ ลิงค์ ด้วยความไม่ไว้วางใจอย่างเห็นได้ชัด
ลิงค์ รู้สึกสงสัย เขาจำได้ว่าเขาไม่ค่อยได้ไปยุ่งกับศิษย์ชั้นผู้ใหญ่เท่าไหร่เลย แต่ถึงอย่างนั้น ดาริส ก็ดูเหมือนจะโกรธอะไรบางอย่าง เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นศัตรูคู่แค้นกัน
ฉันจะต้องระวังตัวเวลาอยู่ใกล้ๆเขาให้มากขึ้นสินะ จากนั้น ลิงค์ ก็คิดว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องเล็กๆน้อยๆ
เบล ก็มองมาที่เขาเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจนักเวทย์ฝึกหัดหนุ่มคนนี้มาก เมื่อ ลิงค์ มาถึงเบล เบล ก็ทักเขาอย่างสุภาพ
“หนุ่มน้อย ข้าได้เห็นคัมภีร์เวทมนตร์ของเจ้าแล้ว” เบล พูด “พวกมันน่าทึ่งจริงๆ เป็นเกียรติของข้าจริงๆที่มีชายหนุ่มที่มีความสามารถเช่นนี้มาเป็นลูกศิษย์ของข้าในช่วงตกต่ำอย่างนี้ ถ้าเจ้าต้องการ เจ้าสามารถมาเป็นลูกศิษย์ของข้าที่หอคอยนี้ต่อได้นะ ในตอนที่เจ้าได้กลายเป็นนักเวทย์เต็มตัวแล้ว”
ในตอนที่คำพูดพวกนี้ออกมาจากปากของ เบล ทั่วทั้งห้องโถงก็เต็มไปด้วยเสียงฮือฮาและเสียงซุบซิบคุยกัน ตอนนี้ไม่มีใครนับถือ ลิงค์ แล้ว ทุกคนต่างก็พากันอิจฉานักเวทย์ฝึกหัดหน้าใหม่ที่แสนโชคดีคนนี้—บางคนถึงขั้นเคียดแค้นเขาเลยก็มี
เบล มีชื่อเสียงมากในอาณาจักรนอร์ตัน เขาได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักเวทย์ระดับสูงผู้มากประสบการณ์ในอาณาจักร ถึงแม้ว่านักเวทย์ฝึกหัดพวกนี้จะร่ำเรียนเวทมนตร์ในหอคอยของเบล แต่พวกเขาก็ไม่เคยถูกอาจารย์ เบล สอนเลยจริงๆ แต่แล้วผู้ที่ไม่เคยสอนนั้นจู่ๆก็มาสนใจในตัว ลิงค์ และยังเชิญให้เขาอยู่ต่อหลังจากเป็นนักเวทย์เต็มตัวแล้วด้วยตัวเองอีกต่างหาก? นักเวทย์ฝึกหัดบางคนรู้สึกว่ามันไม่สามารถยอมรับได้และไม่ยุติธรรม
สิ่งที่พวกเขาไม่ยอมรับก็คือความจริงที่ความแข็งแกร่งของมานาของ ลิงค์ นั้นต่ำมาก ถ้าอาจารย์ยอมรับเขาเพราะความแข็งแกร่งของเขา พวกเขาก็จะยอมรับการตัดสินใจนั้นได้ แต่ทั้งหมดที่ ลิงค์ ทำได้ก็มีแค่การสร้างคัมภีร์เวทมนตร์ที่สวยงามเพียงเท่านั้น!
ถ้ามานาต้นกำเนิดของ ลิงค์ ไม่แข็งแกร่งพอในตอนที่เขาสามารถเป็นนักเวทย์เต็มตัวได้เขาก็จะไม่สามารถขึ้นไปสูงกว่าเลเวล 2 ได้ แล้วอะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสร้างคัมภีร์เวทย์มนตร์ที่สวยงามในเมื่อเขาติดอยู่ที่การเป็นนักเวทย์เลเวล 2 หล่ะ? ทำไมเบลถึงสนใจคนที่อ่อนแออย่างนี้?
ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีนักเวทย์ฝึกหัดคนไหนที่กล้าส่งเสียงไม่พอใจออกมา ยังไงซะนี่ก็คือหอคอยนักเวทย์ของเบล ดังนั้นคำพูดของเขาจึงเป็นประกาศิต ไม่มีใครกล้าพอที่จะขัดการตัดสินใจของเบล
แม้แต่ตัว ลิงค์ เองก็ตกใจกับการประกาศของเบล เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้น ในตอนที่เขามองขึ้นมาก็พบกับดวงตาอันน่ามหัศจรรย์ของเบล พวกมันจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกันอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง
ดวงตาของ ลิงค์ นั้นนุ่มลึกและไม่สามารถอ่านได้ ขณะที่ของ เบล นั้นมีออร่าของความสง่างามปล่อยออกมา ในช่วงเวลาหนึ่งที่พวกเขาได้ทำการติดต่อกันผ่านดวงตา จิตวิญญาณที่แตกต่างกันของพวกเขาก็ปะทะกันอย่างไม่ตั้งใจ
วินาทีต่อมา ลิงค์ ได้ลดสายตาของเขาลงด้วยใบหน้าที่เปี่ยมความสุขและพูด “ขอบคุณมากครับ ท่านอาจารย์”
เบล กระพริบตาอย่างไม่ตั้งใจและคิ้วของเขาก็ยักขึ้นเล็กน้อย
เขาได้ตัดสินใจรับนักเวทย์ฝึกหัดหนุ่มคนนี้เป็นลูกศิษย์เพราะเขาประทับใจในการสร้างคัมภีร์อันมหัศจรรย์ของเขา เปรียบเทียบกับนักเวทย์ฝึกหัดคนอื่นๆแล้ว ความสามารถในการสร้างคัมภีร์ของ ลิงค์ นั้นน่าประทับใจจริงๆ ยังไงก็ตาม สิ่งที่ เบล เห็นจริงๆก็คือความสามารถในการควบคุมมานาของ ลิงค์ ตะหาก โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ยินว่า ลิงค์ เข้ามาช่วยงานอันหนักหน่วงอย่างการสร้างคัมภีร์เป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน
ความสามารถในการสร้างคัมภีร์ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันโดยที่ไม่เหนื่อยเลยนั้นได้พิสูจน์ว่า ลิงค์ มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง และนั่นก็เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของนักเวทย์ที่ยิ่งใหญ่
มานาที่อ่อนแอของ ลิงค์ ไม่ใช่ปัญหาเพราะเขายังหนุ่มมากๆ เบล เชื่อว่าเขาจะต้องพัฒนามานาต้นกำเนิดของเขาได้อย่างมากในอนาคต อิงจากประวัติศาสตร์ มีผู้ที่แข็งแกร่งมากมายที่เพิ่งมาเบ่งบานทีหลัง ดังนั้นเรื่องของ ลิงค์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงที่ว่าชายแก่คนนี้เริ่มที่จะค้นคว้าศาสตร์มืดอย่างเวทมนตร์ดำ แต่ความตั้งใจดั้งเดิมของเขาเพียงแค่ต้องการยืดชีวิตของตัวเองออกไปเท่านั้น เบล ไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไรเลย เมื่อเขาค้นพบทางที่จะรับประกันชีวิตหลังความตายที่ดีเยี่ยมแล้ว เขาก็รู้สึกดีใจและต้องการที่จะหาวิธีที่จะบรรลุเป้าหมายอย่างแม่นยำ
ยังไงก็ตาม หลังจากที่ได้มองไปที่ดวงตาสีดำของ ลิงค์ เบล ก็ไม่อาจห้ามอาการขวัญเสียของเขาได้ เขารู้แล้วว่าจิตวิญญาณของ ลิงค์ นั้นทรงพลังมาก แต่ในช่วงเวลาสั้นๆที่สบตากัน เขาพบว่าวิญญาณของ ลิงค์ นั้นอาจจะแข็งแกร่งจนสามารถครอบงำเขาด้วยพลังอันมหาศาลได้
มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จิตวิญญาณอันแข็งแกร่งนั้นจะมีพลังมานาน้อยขนาดนี้!
เบล ต้องการที่จะตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเขา เขาจึงตรวจสอบ ลิงค์ อย่างระมัดระวังอีกหลายครั้ง แต่ ลิงค์ ก็ไม่ได้แสดงถึงพลังอันรุนแรงเหมือนที่เขาทำก่อนหน้านี้อีกแล้วและตอนนี้เขาก็เป็นเพียงนักเวทย์ฝึกหัดที่อ่อนน้อมธรรมดาๆคนนึง ต่อให้ เบล จะตรวจสอบเขาอีกหลายครั้งก็ตาม
ฉันแค่คิดไปเองเฉยๆอย่างงั้นเหรอ? เบล สงสัย
ในอดีต เบล คงจะไม่ปล่อยให้เรื่องเล็กๆน้อยๆคอยกวนใจเขา เขาจะไม่กลับมาคิดถึงมันอีกและจะลืมมันในทันทีในเวลาไม่กี่วินาที แต่นั่นเป็นเวลาปกติที่เขาไม่มีอะไรต้องปกปิด
ตอนนี้เขาไม่สามารถทำตัวอย่างไม่ระมัดระวังได้เพราะเขามีความรู้สึกสำนึกผิด เขาได้ปกปิดความลับที่น่ากลัวเอาไว้และไม่สามารถให้ใครมารู้ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยู่ในตำแหน่งที่ทำให้ตัวเขาต้องถูกสงสัยในทุกวันนี้
เมื่อสักครู่ฉันรีบร้อนเกินไปหน่อยสินะ เบลคิด ฉันควรไปตรวจประวัติของนักเวทย์ฝึกหัดคนนี้ให้มากกว่านี้ก่อนที่ฉันจะติดสินใจอะไรอย่างโดยที่ไม่ทันระวังอีก
เนื่องจากความดื้อด้านทางความคิดของ เบล ได้เชื้อมาจากความลับอันดำมืดของเขา ความเต็มใจของเขาที่จะรับ ลิงค์ เป็นลูกศิษย์คนใหม่ของเขาจึงถูกแบ่งออกเป็นครึ่งนึง
เบล ไม่ได้ตระหนักเลยแม้ว่าเขาจะเอาเท้าจุ่มเข้าไปในเวทย์มนตร์แห่งความมืดพร้อมกับความตั้งใจแรกเริ่มในการยืดชีวิตของเขา แต่ความชั่วร้ายที่แอบแฝงอยู่ในเวทมนตร์ดำนั้นไม่ใช่เรื่องตลก มันได้สร้างปีศาจสามตัวในหัวใจของ เบล ซึ่งก็คือ :การหวาดระแวงอยู่เสมอ, ความกลัวที่จะถูกเปิดเผยและความโลภที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ภายใต้การกระทำของปีศาจทั้งสาม คุณสมบัติที่เขาครอบครองในดินแดนแห่งแสงจึงค่อยๆลดลงไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว
จากนั้น เบล ก็เหมือนกับว่าจะลืมสิ่งที่เขาพูดไป ทัศนคติของเขาที่มีต่อ ลิงค์ เปลี่ยนไปอย่างมากและเขาก็หยุดพูดกับ ลิงค์ เขาอยู่ในห้องโถงอีกซักพักโดยที่ไม่ได้ทำอะไรหรือไม่ได้พูดอะไรเลย
หลังจากนั้นซักพักเขาก็หันไปหา ดาริส ลูกศิษย์ที่เขาเชื่อใจมากที่สุด และพูด “ข้าเหนื่อยแล้ว กลับขึ้นไปข้างบนกันเถอะ ในตอนที่เจ้าว่าง ไปบอก ลิงค์ ให้ย้ายออกจากห้องเก่าแล้วจัดห้องใหม่ให้เขาอยู่ที่ชั้นสองด้วย”
“ครับ อาจารย์” ดาริส ตอบอย่างเคารพ
จากนั้น เบล ก็ลุกขึ้น และดาริสก็รีบไปช่วยเหลืออาจารย์ของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็ไปที่บันไดและมุ่งหน้าสู่ชั้นบนสุดของหอคอยเวทย์มนตร์
“ดาริส นายคิดว่า ลิงค์ เป็นยังไง?” เบล ถามขึ้นมา พวกเขามาถึงชั้นสามและไม่มีใครอยู่รอบๆ
“ผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนัก” ดาริส ตอบ “ปกติเขามักจะเงียบมากๆและผลการเรียนของเขาก็อยู่ในระดับปกติ ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของทหารที่ให้สร้างคัมภีร์เวทมนตร์ ผมก็คงจะไม่รู้เลยว่าเขาจะเก่งด้านคัมภีร์เวทมนตร์ขนาดนั้น ผมได้ยินมาว่า เดเร็ค สนิทกับเขา เพราะฉะนั้นเขาน่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับ ลิงค์ มากกว่าผมครับ” ดาริส ตอบตามที่ถูกถามและทำให้มั่นใจว่าเขาไม่ได้ใส่อารมณ์ส่วนตัวลงไปด้วย
แต่ว่า เบล รู้จักลูกศิษย์ของเขาดี พอเขาได้ยินน้ำเสียงของ ดาริส ในตอนที่พูดถึง ลิงค์ ใบหน้าของเขาก็บูดบึ้ง
“แสดงว่าเจ้าไม่ชอบเขาสินะ หืม?” หัวหน้านักเวทย์ถาม