Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง – ตอนที่ 18

R/C – 2-8

ไฟ

 

“จริงสิ…..”

คุณกระต่ายที่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ก็กำลังจะพูดขึ้น แต่ก็หยุดชะงักลงทั้งแบบนั้นก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดหายเข้าไปในป่าโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เรดมองด้วยความสงสัย ก่อนที่เธอจะแหงนหน้ามองท้องฟ้าตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆ เที่ยงแล้ว สงสัยวันนี้เธอคงได้ทานอาหารกลางวันกับคุณยาย

เพราะอีกไม่นานก็จะถึงบ้านคุณยายแล้ว แต่จู่ๆ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นใน ‘ความฝัน’ ขึ้นมาซะอย่างนั้น

เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องนั้นในเวลานี้.. แต่พอเธอมองไปยังเส้นทางที่ทอดยาวออกไปข้างหน้านี้มันเหมือนกับเดจาวูขึ้นมา

เหมือนกับว่าเธอเคยเดินผ่านมันมาแล้ว ทิวทัศน์และป่ารอบด้านล้วนเหมือนกับสิ่งที่เธอเคยเห็นมาในฝัน

อาจจะเป็นเพราะแบบนั้นเลยทำให้เธอมานึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาก็ได้.. แต่เรดมั่นใจว่านั่นเป็นความฝันไม่ผิดแน่…

ไม่สิ.. ต้องบอกว่า ‘มันต้องเป็นความฝัน’ มากกว่า เพราะในตอนนั้น.. เธอ..

เรดก้มลงมองที่ท้องของตัวเองและแขนของตัวเอง… เธอถูกผ่าท้องและกัดแทะมือ.. ถ้านั่นเป็นความจริงเธอจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง

อีกอย่างเมื่อวานเธอก็ไปในเมืองมา ไม่มีทางที่เธอจะไปหาคุณยายมาแล้ว ก็คือวันนี้เป็นวันแรกที่เธอเดินทางไปหาคุณยาย

ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง วันนั้นจะหายไปไหน…

แต่ว่าทำไมความทรงจำในความฝันมันถึงเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครสามารถตอบเรดได้ในตอนนี้ แม้แต่ตัวเธอเองก็ตามที

อย่างไรก็ตามเหมือนกับว่าความเจ็บปวดนั้นมันแทรกซึมเข้าไปในหัวของเธอมันอดที่จะทำให้มือเล็กๆ ของเรดสั่นอย่างช่วยไม่ได้

และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเดินมาถึงหน้าประตูบ้านของคุณยาย.. หัวใจของเรดเต้นระรัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว..

“ไม่เป็นไร.. ไม่เป็นไร.. นี่เป็นแค่นิทาน.. นี่เป็นแค่นิทาน”

“แค่นี้ฉันไม่ต้องพึ่งยาหรอก…”

เธอพึมพำกับตัวเอง แต่สายตาก็เอียงไปเห็นขวานที่วางอยู่หน้าบ้านคุณยาย… ขวานี้มันเหมือนขวานที่เคยวางอยู่หน้าบ้านของแม่เรดเลย

ไม่สิ.. นั่นมันคือความฝัน แต่คำถามคือทำไมมันมาอยู่ที่นี่..

“ไม่สิ เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง.. แต่ถ้าทุกอย่างเป็นตามนิทาน..”

ใช่ ถ้าทุกอย่างเป็นตามนิทานแล้วละก็ เจ้าหมาป่ามันต้องเข้าไปอยู่ในบ้านคุณยายและปลอมตัวเป็นคุณยายแล้วแน่ๆ

ถ้าอย่างนั้นเธอควรจะปล่อยให้ตัวเองโดนกินแล้วรอนายพรานมาช่วยเหรอ.. ไม่มีทางอยู่แล้ว เรดกัดริมฝีปากเดินไปจับขวานขึ้นมาแล้วค่อยเคาะประตูเบาๆ

“คุณยายคะ หนูมาเยี่ยมคุณยายแล้วค่ะ คุณยายช่วยเปิดประตูให้หนูหน่อยได้ไหมคะ?”

เรดพูดขึ้นแบบนั้นก็ตามมาด้วยเสียงตอบกลับอันแหบพร่าของคุณยาย ซึ่งเรดไม่มีทางรู้เลยว่ามันเกิดจากการที่เธอเจ็บคอหรือเป็นเสียงของหมาป่า..

“เปิดประตูเข้ามาเลยจ้ะ ยายไม่ได้ล็อกประตูไว้นะ”

“ค่ะ..”

เรดที่ได้ยินบทพูดแบบนั้นเธอก็สะดุ้งเล็กน้อย อย่างที่บอกว่าเธอต้องอ่านนิทานให้เด็กๆ ฟังเสมอ จึงไม่แปลกที่เธอจะจำบทพูดบางอย่างจากในนิทานหลายเรื่องได้

และแน่นอนว่าบทพูดคุณยายเองก็เช่นกัน นี่มันเป็นบทพูดที่เหมือนคัดลอกวางมาจากในนิทานที่เธอเคยอ่านให้เด็กๆ อ่านฟังแบบไม่มีผิดเพี้ยน

ไม่มีทางที่มันจะเป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน.. เธอไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ในตอนนี้จึงทำได้เพียงผลักและเดินเข้าไปในบ้าน ซึ่งมีคุณยายนอนคลุมโปงอยู่แบบนิทานไม่มีผิดเพี้ยน…

เมื่อเห็นแบบนั้นเรดก็ถึงกับถอยหลังทันที.. เพราะนี่มันเหมือนในนิทานเลย นอกจากนี้ผ้าที่คลุมโปงอยู่มันก็ยาวตั้งขึ้นมา

เหมือนปากของหมาป่าไม่มีผิดเลย.. มือของเธอกำขวานไว้แน่นขึ้นเพราะว่าเธอคิดว่าถ้าหากอีกฝ่ายเป็นหมาป่าจะคลุมโปงแบบนี้ เธอจึงไม่ได้ซ่อนขวานแต่กำไว้ในมือแน่นขึ้น..

“มีอะไรมาให้ยายเหรอจ๊ะ แค่กๆ ..”

คุณยายไอออกมาเพราะเจ็บคอ.. ซึ่งดูแล้วค่อนข้างทรมาน แต่มันหลอกเรดไม่ได้หรอก.. อาจจะเป็นเพราะเธอเคยเห็นฉากนี้ในฝันหรือเพราะเธอมั่นใจมากว่านี่เป็นนิทาน หมาป่าต้องอยู่บนเตียงแล้วแน่ๆ

กล่าวคือเธอมั่นใจว่าตอนนี้ที่อยู่บนเตียงต้องเป็นหมาป่าแน่ๆ

ดังนั้นตอนนี้เรดจึงกำขวานแน่น เธอวางตะกร้าใส่อาหารลงกับพื้น… ในตะกร้าที่มีทั้งไวน์ขนมปังและแอปเปิล พอวางลงกับพื้นมันจึงมีเสียงดังพอสมควร

บ้านคุณยายเป็นบ้านที่ไม่ใหญ่มาก พอวางลงกับพื้นทั้งแบบนั้นแน่นอนว่าต่อให้คุณยายไม่สบายอยู่ขนาดไหนเธอก็ได้ยินเสียงตะกร้าชัดเจน

และแน่นอนว่าเธอต้องรู้เช่นกันว่าตะกร้าไม่ได้วางบนโต๊ะ แต่วางลงพื้นต่างหาก.. แต่จะคิดอย่างไรนั่นก็ไม่เกี่ยวกับเรดในตอนนี้

ในตอนนี้สำหรับเรดคนที่นอนอยู่บนเตียงมีโอกาสเป็นหมาป่ามากเกือบสิบส่วน นอกจากนี้เธอยังมีจุดน่าสงสัย

เช่นทั้งๆ ที่ตัวเรดเป็นหลานของเธออุตส่าห์มาเยี่ยมแต่เธอไม่แม้แต่จะขึ้นมามอง หรือตอนนี้เป็นตอนเที่ยงแท้ๆ อากาศออกไปทางร้อนด้วยซ้ำทำไมเธอถึงคลุมโปงแบบนั้น ต่อให้บอกว่าไม่สบายแต่แบบนั้นมีแต่จะทำให้หายใจไม่ออกเปล่าๆ

ด้วยเหตุเช่นนี้ เรดกำขวานในมือแน่นขึ้นพร้อมกับเดินไปที่เตียงคุณยายพร้อมกับขวานในมือ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความลังเล หรือความสงสัยอะไร เรดก็พูดขึ้น

“ว่าแต่ทำไมคุณยายต้องนอนคลุมโปงด้วยล่ะคะ?”

“ยายไม่ค่อยสบายน่ะ แค่กๆ!”

สิ่งที่เธอพูดขึ้นมานั้นเป็นบทพูดที่เธอเคยอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้เด็กๆ ฟังซึ่งไม่รู้ว่าเกิดจากความสับสนหรือความเคยชินแบบใด

“ทำไมเสียงคุณยายถึงแหบขนาดนี้ล่ะ?”

“ยายเจ็บคอ เสียงมันก็เลยแหบแบบนี้แหละจ๊ะ”

แม้นี่จะเป็นตอนเที่ยงแล้วแต่ตะเกียงที่จุดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเหมือนจะยังไม่ถูกดับ อาจจะเพราะเป็นบ้านหลังเล็กจึงเลือกใช้ตะเกียงไฟแทนเห็ดเรือนแสง ซึ่งดูจะสิ้นเปลืองเกินไปสำหรับบ้านหลังเล็ก

แต่ถึงจะบอกว่าตะเกียงถูกกว่าแต่การจะใช้ข้ามวันข้ามคืนคงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่อยู่ดี การที่เทียนไม่ถูกดับแบบนี้เหมือนกับเจ้าของบ้านไม่อยู่บ้านและลืมดับเทียนซะมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายพอสมควร

แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอก็ยังนอนอยู่บนเตียงดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอะไรแบบนั้น แต่คำถามคือทั้งที่อยู่บนเตียงทำไมไม่ไปดับละ.. เพราะถึงจะเป็นของไม่แพงมากแต่ก็เป็นเงินเป็นทองอยู่ดีนะ

เรดถือขวานในมือพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ๆ ด้วยความสับสน หัวใจเต้นระรัวขึ้นจากความเครียดหรือความกลัวไม่มีใครรู้นอกจากตัวเรด

ไม่สิ ต่อให้เป็นตัวเธอเองก็คงยากจะเข้าใจตัวเองในตอนนี้ อันที่จริงภาพตรงหน้าของเธอมันเบลอไปจนหมด

ความฝันที่เคยเห็นเมื่อคืนนั้นชัดเจนที่สุด เตียงที่คุ้นเคย หน้าต่างที่คุ้นเคย กลิ่นไม้ที่คุ้นเคย ราวกับว่าเธอเคยมาที่นี่มาก่อน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาเหยียบบ้านหลังนี้อยย่างแน่นอน แม้เธอจะไม่อยากเชื่อแบบนั้นแต่ความจริงตรงหน้ามันยังทำให้เธอคิดแบบนั้น

“กรอด..”

เธอกัดฟันจนเกิดเสียงที่น่ากลัวขึ้นในปากของเธอเอง และคำถามสุดท้ายก็ดังขึ้นพร้อมกับตอนที่เธอยกขวานในมือขึ้นสูง

“แล้วทำไมปากคุณยายถึงได้ยาวและมีฟันที่แหลมคมขนาดนี้ล่ะคะ?”

คุณยายที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้ตอบทันที เธอนิ่งเงียบภายใต้ผ้าห่มไปหลายวินาที.. ดวงตาของเรดแดงก่ำไปด้วยความกระวนกระวาย

ไม่เป็นไรนี่มันเป็นนิทาน ขอแค่เธอกำจัดหมาป่าได้ ทุกอย่างก็จะจบ.. ที่เธอเห็นมันแค่ความฝัน ใช่มันเป็นแค่ความฝัน….

“นั่นก็มีไว้เพื่อที่จะก…”

ก่อนที่เสียงอันแหบพร่าจะดังขึ้นมาจนจบนั้น เรดกำขวานและสับลงใส่คอมันอย่างรุนแรงก่อนที่มันจะทันได้พุ่งออกมาจากผ้าห่ม

ไม่รู้ว่าเธอเอาแรงมาจากไหน ทันทีที่ขวานนั้นปักลงเลือดสีแดงฉานไหลอาบไปทั่วผ้าห่มแทบจะทันที

“ยังไม่พอ.. ยังไม่พอ”

เธอกัดริมฝีปากพร้อมกับสับขวานลงไปที่ผ้าห่มอีกครั้ง.. อีกครั้ง อีกครั้ง.. ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเธอจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นได้ชัดเจน

และสิ่งที่เธอได้รับจากตอนนั้นมันคือความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยาย ราวกับนี่เป็นการแก้แค้น ดวงตาที่แดงก่ำของเธอยกขวานสับลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เสียงอันแหบพร่าเงียบไปตั้งนานแล้ว แต่ทว่าโกรธ ความสับสัน ความกระวนกระวายและความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จักมันปะทุขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“ปึก”

เธอวางขวานลงกับพื้นพร้อมกับหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า เพราะเหวี่ยงขวานเป็นสิบๆ รอบ แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมเธอถึงมีแรงขนาดนั้นมากกว่า

แต่เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง เรดรีบวิ่งไปหาคุณยายในบ้าน เธอได้แต่คาดหวังว่าคุณยายจะไม่ได้ถูกกินไปก่อน แต่ไม่ว่าจะหายังไงก็หาไม่เจอ

“คุณยาย อยู่หรื—”

เรดเดินตามหาไปทั่วบ้านก็ไม่เจอคุณยาย แต่พอเดินกลับมาที่ห้องพักเหมือนเดิมเธอก็หยุดชะงักหันไปมองเตียงที่อาบไปด้วยเลือด…

ความคิดบางอย่างแล่นมาในหัวของเธอ เป็นความคิดที่ไม่น่าจะใช่ความจริง.. ไม่สิ.. ไม่ควรเป็นความจริงมากกว่า

เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ เตียงที่อาบไปด้วยเลือดช้าๆ ราวกับทุกอย่างไหลช้าลงอย่างน่าประหลาดใจ เสียงหัวใจที่ไม่สมควรจะดังขนาดนี้แต่กลับดังกึกก้องไปทั่วประสาทสัมผัส

กล้ามเนื้อตึงขึ้นด้วยความสับสนและกังวล…

เธอค่อยๆ เดินไปเปิดผ้าห่มและดึงมันออกอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยภาพอน่ากลัวของหญิงชราซึ่งนอนตายอย่างสยดสยองพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ

คอขาด ใบหน้ามีแผลโดนสับลงหลายครั้งจนมองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่ากระดูกศีรษะแตกเละไม่น่าดู ดวงตาเบิกกว้างด้วยความเจ็บปวดแต่กลับเหมือนไม่สามารถเปิดปากได้.. รอบๆ ใบหน้าของหญิงชรามีแก้วแตกกระจายมีรอยแผลบาดอยู่ทั่วทั้งใบหน้าอีกด้วย

บางทีหญิงชราคงตั้งใจจะกลั่นแกล้งหลานสาวตัวน้อย หรืออะไรก็ตามไม่มีใครทราบโดยใช้แก้วคว่ำใส่ปากตัวเองส่งผลให้มีลักษณะคล้ายปากของหมาป่าเมื่อคลุมโปง..

“….ไม่.. ไม่… ฉัน.. ฉันฆ่า… ฉันฆ่า… คน…”

วินาทีเดียวกันนั้นสมองของเรดทำงานแทบจะทันที ความหวาดกลัวและสับสนวิ่งเข้ามาภายในหน้าอกชั่วพริบตาเดียว

พร้อมกับเสียงร้องแหลมปี๊ดของเรดดังขึ้น เธอตกใจกลัวถอยหลังแทบจะทันที แต่ทว่าเลือดที่ไหลอาบไปทั่วพื้นทำให้จังหวะที่เธอก้าวถอยหลังจึงทำให้เธอก้าวพลาดลื่นล้มจนหัวไปกระแทกกับมุมโต๊ะด้านหลังจนหมดสติ

ทว่ายังไม่จบ ราวกับนี่คือจุดสิ้นสุดของการเดินทาง ปลายทางของชีวิตเธอ เพราะโต๊ะที่มีเทียนวางอยู่ซึ่งเรดล้มใส่ก็คว่ำลงมาพร้อมกันนั้น แน่นอนว่าไฟกับไม้เป็นของคู่กัน ทันทีที่เทียนคว่ำลงมามันก็ไหม้ไม้…ลามไปยังเสื้อผ้าหน้าผมของเรด

และเพียงไม่นานไฟก็ลามไปทั่วทั้งบ้านที่ทำจากไม้แห่งนี้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเรดเองก็เช่นกัน…

อนิจจาวินาทีที่เจ้าตัวถูกไฟคลอกดวงตาก็เปิดขึ้นเพราะความร้อน แต่สิ่งที่รอเธออยู่มีเพียงไฟที่กำลังไหม้เสื้อผ้าหน้าผม

ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องเจ็บแสบทรมานของเรดที่กระเสือกกระสนดิ้นรนลุกขึ้นมาพยายามจะวิ่งออกไปจากบ้านไม้หลังนี้ ทว่าพอลุกขึ้นกลับลื่นเลือดจนหน้าฟาดไปที่เตียงอีกครั้ง ไม้ที่ลุกไหม้อยู่เมื่อถูกกระทบกระเทือน.. หลังคาจึงพังถล่มลงมาในวินาทีถัดมา

“อ้ะ—”

นั่นคือเสียงในวินาทีก่อนที่เธอจะถูก ไม้ที่มีความร้อนสูงแหละหนักทับไปยังร่างเผาร่างเธอทั้งเป็น…

…….

Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง

Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง

Status: Ongoing
อ่านเรื่อง Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง ชื่อเรื่อง : Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง เรื่องย่อ – เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่มีความผิดปกติทางจิต เขาจึงต้องคอยเดินทางไปรักษากับจิตแพทย์อยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่เป็นปัญหากับชีวิตเขามากเท่าไหร่.. ละมั้งนะ ? เขามีชื่อว่า ‘เรด’ เป็นอาจารย์สอนโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในเมืองธรรมดาๆ แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นอาจารย์สอนโรงเรียนอนุบาลทำให้เขาศึกษานิทานพื้นบ้านอยู่หลายเรื่อง.. หนึ่งในนั้นคือนิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดง หนูน้อยหมวกแดงเป็นนิทานพื้นบ้านสอนเด็กที่ตัวของเรดได้อ่านให้เด็กๆ ฟังบ่อยๆ เพราะมันมีการให้ข้อคิดว่าไม่ควรออกนอกลู่นอกทางอะไรแบบนั้น …… แต่ทว่าอยู่มาวันหนึ่งเรดก็พลันหายตัวไปราวกับผีได้ลักซ่อนตัวของเขา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset