“สรุปแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่?” หลิงฮันถามอย่างใจเย็น ตอนนี้เขายังไม่รู้ตัวตนของอีกฝ่ายดี
หลินอวีฉียิ้มและพูดว่า “ข้าเป็นนายหญิงของตำหนักเป่าหลินสาขาเมืองต้าหยิง”
หลิงฮันคิดว่ามันแปลกเล็กน้อย ทั้งที่นางมีเสน่ห์ขนาดนี้ แต่กลับเป็นได้แค่ผู้นำตำหนักเป่าหลินสาขาเมืองต้าหยิง? เขาเก็บข้อสงสัยไว้ในใจ แต่ใบหน้าของแลดูนิ่งมากและพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นประมุขหลินนี่เอง”
“ข้าไม่ชอบวิธีการเรียกแบบนั้น!” หลินอวีฉีส่ายหัว จากนั้นนางก็ยกขาสูงนั่งไขว่ห้างเผยให้เห็นต้นขาที่เรียวขาวเหมือนกับงาช้าง
เนื่องจากการตกแต่งภายในรถม้านั้นหรูหราเป็นอย่างมาก พื้นถูกปูด้วยพรมหนา นางจึงไม่สวมรองเท้าและเผยให้เห็นข้อเท้าที่งดงามและเล็บของนางทาด้วยสีแดงสดใสบนเท้าที่ขาวเนียน หากหลิงฮันมีความชอบไม่เหมือนใคร เขาคงคุกเข่าและเลียเท้าของนางไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังกระดิกเท้าไปมาที่ชายทุกคนจะต้องแอบมองเข้าไปในใต้กระโปรงของนางโดยที่ไม่ได้ตั้งใจเพื่อมองหาขุมทรัพย์ที่อยู่ในนั้น
แต่น่าเสียดายที่เห็นได้แค่ต้นขาที่ขาวเนียนเท่านั้น
“ข้าอนุญาตให้เจ้าเรียกข้าว่าพี่หญิง!” หลินอวีฉีกล่าว
“นายหญิงหลิน!” หลิงฮันไม่ไหวติ่ง
“พี่สาวหลิน!” หลินอวีฉีค่อนข้างเอาแต่ใจ
“นายหญิงหลิน!” หลิงฮันยังคงเรียกคำเดิม
หลินอวีฉีถอนหายใจ นางไม่เคยเห็นผู้ชายแบบนี้มาก่อน ทั้งเย็นชาและไม่แยแส แต่นั่นก็ทำให้นางเกิดความอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น แม้นางจะรู้ดีว่าเมื่อใดที่สตรีต้องการรู้เรื่องเกี่ยวกับบุรุษ นั่นอาจเป็นสัญญาณของอันตรายที่จะตกหลุมรัก
ถึงกระนั้น นางก็มั่นใจว่าสามารถควบคุมตัวเองได้ที่นางต้องทำคือให้อีกฝ่ายมึนเมาลุ่มหลงในตัวนาง
“ก็ได้!” หลินอวีฉีไม่ต่อล้อต่อเถียงอีกต่อไป “น้องชายฮัน เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าได้สร้างปัญหามากแค่ไหนหลังจากที่เจ้าหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งสำเร็จ?”
ปากของหลิงฮันกระตุก สตรีคนนี้ยอมแพ้ยากจริงๆ แม้ว่านางจะขอให้เขาเรียกว่าพี่สาวไม่สำเร็จ แต่นางก็ยังเรียกเขาว่า “น้องชายฮัน”
แต่เขาก็ขี้เกียจเถียงอีกฝ่าย และเพียงแค่ถามกลับไปว่า “ปัญหาอะไรอย่างนั้นรึ?”
“เม็ดยาปราณโลหิตคลั่งสามารถยกระดับสุริยันจันทราได้ขั้นเล็ก แล้วกล่าวกันว่ามันเป็นวเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา ถ้าเจ้ายังไม่บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ เจ้าจะต้องถูกจับตามองอย่างไม่ต้องสงสัย” หลินอวีฉีกล่าว
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “หากเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าจอมยุทธระดับสุริยันจันทราควรต้อนรับข้าและให้เกียรติข้าในฐานะแขกหรอกหรือ?”
หลินอวีฉีระเบิดเสียงหัวเราะและส่ายหัว แล้วพูดว่า “น้องชายฮันไม่มีภูมิหลังอะไรและยังสังกัดอยู่ในตำหนักฮันหลิงเล็กๆ แล้วเจ้าคิดว่าขุมพลังใหญ่ๆจะเกรงกลัวเจ้าอย่างนั้นรึ?”
“ตราบใดที่ข่าวดังกล่าวแพร่กระจายไปออก น้องชายฮันอาจถูกลักพาตัวและถูกบังคับให้หลอมเม็ดยาตลอดทั้งวันทั้งคืน”
“หรือว่าน้องชายฮันจะคิดว่าสถานะของนักปรุงยานั้นสามารถทำอะไรก็ได้บนโลกใบนี้?”
ไม่ใช่อย่างแน่นอน
เหตุผลที่นักปรุงยามีสถานะสูงส่งนั่นเป็นเพราะความต้องการเม็ดยาของเหล่าจอมยุทธ เนื่องจากตำแหน่งที่พวกเขาได้รับมาจากจอมยุทธ เช่นนั้นก็ต้องตระหนักถึงจุดอยู่ของจอมยุทธด้วย
นักปรุงยาที่ไร้ผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ก็เป็นได้แค่เครื่องมือที่ใช้สำหรับปรุงยาเท่านั้น
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “แล้วนายหญิงต้องการแนะนำอะไรกับข้า?”
“เข้าร่วมกับตำหนักเป่าหลิน!” หลินอวีฉีกล่าวออกมาทันที
ก่อนหน้านี้นางแสดงอารมณ์ต่างๆนาๆออกมา เพื่อให้เขาหลงในเสน่ห์และรูปร่างหน้าตาของนาง แต่ทันใดนั้นนางก็เริ่มเปลี่ยนเป็นพูดจริงจัง อารมณ์ของนางเปลี่ยนเร็วมากจนหลิงฮันตามไม่ทัน
หลิงฮันส่ายหน้าและพูดว่า “ถึงแม้ตำหนักเป่าหลินของเจ้าจะยิ่งใหญ่และมีศักยภาพสูง อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะออกจากตำหนักฮันหลิง”
หลินอวีฉียิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ข้าไม่ได้ขอให้น้องชายฮันออกจากตำหนักฮันหลิง เนื่องจากน้องชายฮันมีตำแห่งเป็นผู้อาวุโสของตำหนักฮันหลิงอยู่แล้ว ทำไมเจ้าไม่มาเป็นแขกอาวุโสของตำหนักเป่าหลินของพวกเราล่ะ?”
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง นี่เป็นข้อเสนอที่ไม่เลว
ตำหนักเป่าหลินเป็นเหมือนยักษ์ใหญ่และมีสาขามากมายบนดาวหยุนติ่ง กระทั่งจักรพรรดิเพลิงสวรรค์ยังต้องไว้หน้าอยู่บ้าง เช่นนั้นจะมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราคนใดกล้าลักพาตัวเขา?
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันไม่ได้กลัวว่าจะถูกลักพาตัวเพื่อเป็นเครื่องมือที่ใช้ปรุงยาตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่เป็นเรื่องของห้านิกายโบราณ
ห้านิกายโบราณตั้งรากฐานอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์มานานหลายปี ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดใช้สิ่งมีชีวิตบนทวีปฮงเทียนหลอมเป็นเม็ดยา เรื่องพวกนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้จริงหรือ? เบื้องหลังพวกมัน…บางทีอาจมีจอมยุทธที่แข็งแกร่งคอยบังการอยู่เบื้องหลัง
สมมติถ้าหลิงฮันเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งและบุกไปโจมตีห้านิกายโบราณ แน่นอนว่าพวกมันจะต้องร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่เบื้องหลัง อย่างไรก็ตามถ้าหลิงฮันเป็นคนของตำหนักเป่าหลิน ขุมพลังที่อยู่เบื้องหลังห้านิกายโบราณจะกล้าทำอะไรเขาหรือไม่?
แล้วถึงแม้ว่าห้านิกายโบราณจะไม่มีคนหนุนอยู่เบื้องหลัง อย่างน้อยพวกมันก็ต้องมีพันธมิตร ซึ่งความยิ่งใหญ่ของตำหนักเป่าหลินก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้คนพวกนั้นหวาดกลัว
ไม่เลว การมีอยู่ของตำหนักเป่าหลินนั้นมีประโยชน์มาก!
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก หลิงฮันก็พยักหน้าและพูดว่า “การเคารพเทียบไม่ได้กับการทำตามคำสั่ง ขอบคุณนายหญิง”
ฉินอวีฉียิ้มและยกนิ้วขึ้นมาแล้วพูดว่า “อย่างไรก็ตาม ข้ามีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อ”
หลิงฮันพยักหน้า อีกฝ่ายไม่มีทางช่วยเขาอย่างไม่มีเหตุผล ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีเงื่อนไข เขาพูดว่า “เงื่อนไขอะไร?” ถ้าอยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้ เขาก็จะตอบตกลง
แต่ถ้าต้องการให้เขาอุทิศชีวิตแล้วล่ะก็ เขาไม่มีทางยอมรับเงื่อนไขนี้เด็ดขาด
หลินอวีฉีพูดเงื่อนไข “เงื่อนไขของข้ามีอยู่สองข้อ เจ้าสามารถเลือกข้อใดข้อหนึ่งก็ได้ ข้อแรกหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งให้ข้าทุกปี ข้อสอง สอนวิธีการหลอมเม็ดยาโลหิตคลั่งให้กับซินเหยียน”
เงื่อนไขทั้งสองข้อไม่ใช่เรื่องง่าย
หลิงฮันคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “นายหญิง แล้วท่านหาผลราชาพิรุณสีชาดได้หรือไม่?” นี่คือวัตถุดิบหลักในการหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง หากไม่มีมัน ทุกอย่างก็จะสูญเปล่า
“หากข้าหามันมาไม่ได้ ข้าจะตั้งเงื่อนไขแบบนี้ได้อย่างไร?” หลินอวีฉีกล่าวด้วยความมั่นใจ
หลิงฮันพยักหน้าอย่างช้าๆและพูดว่า “ตกลง ข้าจะสอนหานซินเหยียนหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง”
ถ้าเขาเลือกเงื่อนไขแรก มันก็จะเท่ากับว่าเขามีพันธะกับตำหนักเป่าหลินไปตลอดทั้งชีวิต ดังนั้นเงื่อนไขที่สองจึงดูดีกว่าเงื่อนไขแรก แม้ว่าจะต้องใช้เวลาสอนวิธีปรุงยานานก็ตาม อย่างไรเขาก็สอนแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็แค่คัดลอกสูตรปรุงยาให้กับหานซินเหยียนก็พอ เพราะอีกฝ่ายก็เป็นนักปรุงยาระดับแปดแล้ว ที่เขาต้องทำคือชี้แนะและให้คำแนะนำ มันน่าจะใช้เวลาไม่มากเท่าไหร่สำหรับเขา
หลินอวีฉีดูผิดหวังเล็กน้อย คำตอบของหลิงฮันพิสูจน์ให้เห็นว่านางยังมีเสน่ห์ไม่มากพอที่จะทำให้เขาเลือกข้อแรก มิฉะนั้น อีกฝ่ายคงเลือกข้อแรกไปแล้ว มันจะไม่ดีได้อย่างไรในเมื่อสามารถเห็นหน้านางได้หลายครั้ง?