เกวียนยังคงเคลื่อนที่ต่อไปด้านหน้า ห้วงความฝันเองก็ดำเนินต่อไปเช่นกัน
ความฝันครั้งนี้คือเส้นทางการเติบโตของติงจื่อเฉินในการทดสอบท้ายปีของแต่ละปี ความทรงจำล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งและเจ็บปวด
ติงเหยาหลงยังคงโดดเด่นเหมือนเคย เวลาผ่านไปไม่นานเขาก็ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราและได้อันดับสูงขึ้นในการประลองของตระกูล
ติงจื่อเฉินยังคงครองอันดับสุดท้าย ทุกๆครั้งเขาถูกสมาชิกร่วมตระกูลเยาะเย้ยเนื่องจากไร้การพัฒนาใดๆ
ปีแต่ละปีผ่านไปจนติงเหยาหลงอายุได้สิบหกปี เขาไม่สามารถเข้าร่วมการประลองของตระกูลได้อีกต่อไป เนื่องจากบรรลุระดับดาราแล้ว การประลองของตระกูลติงนั้น มีกฎไม่ให้จอมยุทธระดับดาราเข้าร่วม
แต่ถึงอย่างนั้นติงเหยาหลงก็ยังเฉิดฉาย เขาเป็นที่ชื่นชอบของสตรีมากมายในตระกูลรวมถึงสตรีที่ติงจื่อเฉินหลงรักด้วย
ติงเหยาหลงเป็นบุรุษผู้ชื่นชอบเรื่องรักๆใคร่ๆ เขาไม่ปฏิเสธสตรีมากมายที่เข้าหา มีสตรีมากมายที่ตั้งท้องกับเขา แต่ถึงอย่างไรติงเหยาหลงก็ไม่คิดจะแต่งงานกับใครทั้งสิ้นเนื่องจากตัวเขาเป็นดาวจรัสแสงของตระกูลติง เขาจะแต่งงานกับคนที่เหมาะสมจริงๆเท่านั้น สตรีที่ผ่านมาล้วนเป็นเพียงของเล่นสำหรับเขา
สตรีที่ติงจื่อเฉินหลงรักเองก็ตั้งท้องเช่นกัน หลังจากนางถูกปฏิเสธการแต่งงานนางก็ตัดสินใจจบชีวิตตนเอง
เรื่องนี้ทำให้ติงจื่อเฉินเกรี้ยวกราดมากและบุกไปท้าประลองติงเหยาหลง แต่ยังไม่ทันที่จะได้พบติงเหยาหลงเขาก็ถูกผู้ติดตามของอีกฝ่ายทุบตีจนเกือบตาย
เหตุการณ์นี้ทำให้เขานอนซมอยู่บนเตียงถึงครึ่งปีกว่าจะหายดี หลังจากนั้นติงจื่อเฉินได้ออกจากตระกูลเพื่อเดินทางฝึกตนไปทั่วโลกล้า เขารู้ดีว่าหากเขายังอยู่ในตระกูลเขาไม่มีทางก้าวข้ามติงเหยาหลงได้แน่
พันปีผ่านไป หมื่นปีผ่านไป ติงจื่อเฉินก็ยังคงเป็นขยะไร้ค่า พลังบ่มเพาะของเขายกระดับจากขั้นต้นชั้นต่ำมายังขั้นต้นชั้นกลางเท่านั้นซึ่งเขาได้เข้าสู่ช่วงวัยกลางคนแล้ว
มาถึงตอนนี้ ในที่สุดความมุมานะของติงจื่อเฉินก็เริ่มแสดงผล เขาติดตามกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งไปสำรวจโบราณสถาน กลุ่มของพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตจนเขาเป็นผู้เหลือรอดเพียงคนเดียว แต่ในที่สุดเขาก็ค้นพบเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง
ทันทีที่กินเม็ดยานั่นเข้าไป ไม่เพียงแต่อายุขัยจะเพิ่มพูน แต่ทั้งกายหยาบและพรสวรรค์ของเขาก็เปลี่ยนแปลงราวกับเกิดใหม่
ติงจื่อเฉินได้รับบาดเจ็บตั้งแต่อยู่ในท้องมารดา ดังนั้นเมื่อเขาเกิดมาเขาจึงมีพลังเพียงระดับรวมธาตุ ไม่เหมือนกับสมาชิกตระกูลคนอื่นที่เกิดมาพร้อมกับพลังบ่มเพาะระดับทะลายมิติ ข้อบกพร่องแต่กำเนิดนี้แทบจะทำให้เส้นทางการบ่มเพาะพลังของเขาพังทลาย แม้จะบ่มเพาะพลังจนบรรลุระดับพระเจ้าได้แต่ก็ต้องฝืนพึ่งพาทรัพยากรของตระกูล
หลังจากกินเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์เข้าไป ข้อบกพร้องแต่กำเนิดของเขาก็หายไปและพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ผ่านไปเพียงสิบปีเขายกระดับพลังบ่มเพาะของตนเองจากระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นกลางมาเป็นระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด
การพัฒนาของเขาไม่ได้หยุดช้าลงเพียงแค่นั้น หนึ่งร้อยปีต่อมาติงจื่อเฉินทะลวงผ่านระดับดารา พออีกพันปีเขาได้กลายเป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์
เมื่อมาถึงจุดนี้บวกกับเวลาหลายหมื่นปีก่อนหน้า ติงจื่อเฉินสามารถเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะชั้นแนวหน้า
บรรลุระดับวารีนิรันดร์ก่อนอายุห้าหมื่นปี!
แต่เท่านี้ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุด หลังจากนั้นอีกหมื่นปีเขาได้กลายเป็นเซียน
พรวด!
ฉือหวงและคนอื่นตื่นจากห้วงความฝันอีกครั้ง ใบหน้าของทุกคนประดับไว้ด้วยความตกตะลึง
ในความฝันที่พวกเขาเห็น ติงจื่อเฉินนั้นออกมาจากตระกูลทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าติงเหยาหลงที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะบรรลุระดับพลังใดแล้ว แต่การที่ติงจื่อเฉินกลายเป็นเซียนได้ในระยะเวลาเพียงหกหมื่นปีนั้นเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เกินกว่าจะพบเจอได้จากที่ใด!
“บิดาของข้าที่ถือกำเนิดจากสวรรค์และปฐพียังต้องใช้เวลาถึงสองร้อยล้านปีกว่าจะบรรลุระดับระดับสร้างสรรพสิ่ง” ฉือหวงกล่าวด้วยสีหน้าไร้คำพูด
“อาจารย์ของข้า… ใช้เวลาสามร้อยล้านปี” เป่ยหวงกล่าวเช่นกัน
เมื่อเทียบกันแล้วติงจื่อเฉินเป็นสัตว์ประหลาดอย่างเห็นได้ชัด!
“หรือในเขตดวงดาวของพวกเราจะเคยมีเซียนอยู่และตกตายลงที่นี่?”
“ไม่เช่นนั้นแล้วดาวดวงนี้จะมีป่าภูผาวารีกับหุบเขาสุริยันจันทราได้อย่างไร?”
ด้วยความสงสัย พวกเขาจึงหลับตาเข้าห้วงความฝันต่อ
หลังจากบรรลุเป็นเซียนแล้ว ติงจื่อเฉินได้กลับไปยังตระกูลติงและท้าประลองติงเหยาหลงอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาไม่ถูกผู้ติดตามของติงเหยาหลงทุบตีอีกต่อไปและเข้าถึงตัวติงเหยาหลง ทั้งสองคนปะทะกันปลดปล่อยทักษะศักดิ์สิทธิ์ออกมาไม่ขาดสาย แต่ท้ายที่สุดเมื่อติงเหยาหลงใช้ทักษะลับออกมาติงจื่อเฉินก็พ่ายแพ้ทันที ทักษะลับที่อีกฝ่ายใช้นั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมากแต่ก็แลกมาด้วยอายุขัยของผู้ใช้ ติงเหยาหลงสูญเสียอายุขัยไปอย่างน้อยร้อยล้านปี
เพียงแต่ว่าถึงแม้ติงจื่อเฉินจะพ่ายแพ้ แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากตระกูลในที่สุด ตระกูลทุ่มเทฝึกฝนและนัดหมายการแต่งงานให้แก่เขา คู่หมั้นของเขามาจากขุมอำนาจที่ทรงพลังทัดเทียมกับตระกูลติงและนางเองก็เป็นอัจฉริยะเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าเมื่อใดที่ติงจื่อเฉินยกระดับพลังตนเองสูงขึ้นอีกระดับ ทั้งสองถึงจะแต่งงานกัน
สูงขึ้นอีกระดับ?
ทุกคนตื่นขึ้นจากห้วงความฝันอีกครั้ง พวกเขาตกตะลึงและกลายเป็นไร้คำพูด
ติงจื่อเฉินบรรลุระดับเซียนแล้ว… เป็นไปได้อย่างไรที่จะยกระดับพลังสูงขึ้นอีก?
หลิงฮันมั่นใจทันทีว่าตระกูลติงต้องเป็นขุมพลังของดินแดนแห่งเซียนไม่ผิดแน่ ณ ที่แห่งนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะสามารถกลายเป็นปรมาจารย์ที่อยู่เหนือระดับสร้างสรรพสิ่ง
ยิ่งกว่านั้น ในด้านของฮูหนิวนางน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าเสียด้วยซ้ำที่สามารถเป็นเซียนได้ในระยะเวลาเพียงห้าปี
ทุกคนรีบเข้าห้วงแห่งความฝันต่อ พวกเขาอยากรู้ว่าถ้าติงจื่อเฉินยกระดับพลังของตนเองได้อีก ระดับพลังหลังจากเซียนจะเป็นอะไร
แม้ติงจื่อเฉินจะเป็นสุดยอดอัจฉริยะแล้วเขาก็ยังทะลวงผ่านระดับต่อไปไม่สำเร็จ ตอนนี้เขากับติงเหยาหลงสองคนกลายเป็นสองผู้นำรุ่นเยาว์สองตระกูลติงและเป็นตัวแทนอนาคตของตระกูล
หลังจากนั้นอีกพันล้านปี เป็นติงเหยาหลงที่ทะลวงผ่านระดับนำไปก่อน แต่อีกสามสิบล้านปีต่อมาติงจื่อเฉินก็ทะลวงผ่านระดับไปตามๆกัน
ระดับโลกียนิพพาน!
เรื่องนี้ทำให้ตระกูลติงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น ทั้งสองคนกลายเป็นสองบรรพบุรุษระดับโลกียนิพพานแห่งตระกูลติงซึ่งทำให้อำนาจของตระกูลสูงขึ้นอย่างมาก
ระดับโลกียนิพพานแบ่งออกเป็นสี่ขั้นย่อยเหมือนเดิมคือ ขั้นต่ำ กลาง สูง สูงสุด มีคำกล่าวว่าการจะทะลวงผ่านระดับนี้จำเป็นต้องสละตัดขาดชีวิตแห่งความเป็นมนุษย์ถึงสี่ครั้ง เมื่อสะสมปราณแห่งเซียนได้อย่างสมบูรณ์แล้ว อายุขัยจะกลายเป็นไร้ขีดจำกัดและใช้ชีวิตไม่แก่ตายเคียงคู่ไปกับจักรวาล
ติงจื่อเฉินเกือบต้องทิ้งชีวิตไปจากขั้นตอนเหล่านี้ หลังจากทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานเขาก็ออกเดินทางฝึกตนอีกครั้ง นี่เป็นอิสระครั้งสุดท้ายก่อนจะแต่งงานและรับหน้าที่เป็นบรรพบุรุษของตระกูล
เพียงแต่ว่าในขณะที่เดินทาง เขาบังเอิญไปพบเจอกับสตรีที่ทำให้เขาตกหลุมรักเพียงแรกเห็น ด้วยการที่รู้ดีว่าคู่หมั้นของตนเองทะนงในศักดิ์ศรีขนาดไหน เขาจึงไม่กล้าพาสตรีผู้นี้กลับตระกูลติงและเลือกที่จะใช้ชีวิตอาศัยอยู่กับสตรีผู้นี้แทน
เป็นเวลากว่าสามหมื่นปีที่ติงจื่อเฉินไม่ได้กลับตระกูลติงอีกเลย เขาเลือกปิดบังชื่อของตนเองและปลีกตัวไปใช้ชีวิตกับคนรักอย่างสงบสุข
สี่หมื่นปีต่อมาคนรักของเขาได้ให้กำเนิดบุตรสาวชื่อว่าติงหลิน
แต่ในช่วงเวลานี้เอง ในที่สุดคู่หมั้นของเขาก็พบตัวเขาและรับรู้ว่าเขาได้ทำการละทิ้งสัญญาณแต่งงานไปครองคู่กับสตรีอื่นจนให้กำเนิดบุตรสาว นางเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมากและฉวยโอกาสในตอนที่ติงจื่อเฉินไม่อยู่สังหารคนรักและบุตรสาวของเขา
พวกหลิงฮันตื่นขึ้นจากความฝันอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกจากดวงตา นี่ไม่ใช่ความรู้สึกของพวกเขาเองแต่ได้รับผลกระทบมาจากความรู้สึกในความทรงจำของติงจื่อเฉิน พวกเขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและเศร้าโศกราวกับหัวใจถูกฉีกขาด