ตระกูลหวังไม่ใช่ขุมอำนาจของเมืองนี้แต่เป็นเมืองใหญ่
ตระกูลหวังในปัจจุบันมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าสองล้านปีและเต็มไปด้วยปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด ในจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์พวกเขาถือว่าเป็นขุมอำนาจอันดับต้นๆ
ผู้นำของตระกูลหวังนั้นได้ให้กำเนิดบุตรทั้งหมดสิบเอ็ดคน ซึ่งบุตรทั้งสิบเอ็ดต่างก็เปี่ยมล้นไปด้วยพรสวรรค์ มีบุตรเก้าคนที่สามารถก้าวสู่ระดับสุริยันจันทราได้ในขณะที่อีกสองคนก็ด้อยกว่าเพียงหนึ่งขั้น ทั้งสิบเอ็ดคนถูกเรียกว่าสิบเอ็ดพยัคฆ์แห่งตระกูลหวัง
ครั้งนี้สิบเอ็ดพยัคฆ์แห่งตระกูลหวังได้ออกเดินทางมาเพื่อเก็บเกี่ยวสมบัติที่กำลังจะปรากฏออกมา แต่เพราะว่าสมบัติยังไม่ถูกค้นพบ พยัคฆ์ห้าคนจึงได้คอยเฝ้าดูอยู่ในขณะที่พยัคฆ์ที่เหลือทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลในเมือง
เมื่อสิบเอ็ดพยัคฆ์ออกเดินทางมาที่นี่ พวกเขาได้นำรุ่นเยาว์ของตระกูลติดตามมาด้วยมากมายเพื่อเปิดหูเปิดตา ชายที่พวกเจียนเสี่ยวหลิงลงมือด้วยคือหลานชายของหวังฉวนฉี
หลานชายถูกเตะไข่จนปูดบวม มีรึที่หวังฉวนฉีจะทนไหว
แม้หวังฉวนฉีจะไม่ใช่คนผลีผลาม แต่ออร่าของหลิงฮันนั้นธรรมดาสามัญจนเหมือนกับคนทั่วไป ส่วนคนรอบข้างเขาเท่าที่มองดูก็มีแค่เพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีเท่านั้น
มดปลวกระดับภูผาวารีกล้ายั่วยุตระกูลหวังงั้นรึ?
หลิงฮันกวาดสายตามองก่อนที่จะชักสายตากลับ หวังฉวนฉีเป็นเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นเท่านั้น เขาไม่แยแสที่จะลงมือแม้แต่น้อยจึงสะบัดมือไล่ “สั่งสอนรุ่นเยาว์ของเจ้าให้ดี ไม่เช่นนั้นเจ้าจะลำบาก”
หวังฉวนฉีเกรี้ยวกราด เจ้าจะอวดดีเกินไปแล้ว! เขากวาดสายตามองผ่านร่างหลิงฮันและกล่าว “ฮึ่ม ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตายเช่นนี้ ข้าก็จะสังหารพวกเจ้าทั้งหมด… ส่วนเด็กสาวคนนั้นข้าจะนำไปมอบให้กับหลานชายข้า!” เขาชี้ไปยังเจียนเสี่ยวหลิง
หวังฉวนฉีลงมือโจมตีสังหารทันที ในความคิดของเขากลุ่มคนเหล่านี้เป็นเพียงลูกไก่ในกำมือที่มีพลังเพียงระดับภูผาวารี เขาสามารถสังหารทุกคนพร้อมกันได้ในพริบตา
หลิงฮันถอนหายใจและกล่าว “จะให้ข้าลงมือกับเจ้าก็เหมือนรังแกคนไม่มีทางสู้” เพียงแต่เมื่ออีกฝ่ายเลือกลงมือ เขาก็ไม่ลังเลที่จะตอบโต้เช่นกัน หลิงฮันชี้นิ้วไปทางหวังฉวนฉี พริบตาเดียวร่างของอีกฝ่ายก็สั่นสะท้านและระเบิดเป็นฝนโลหิต
เขาสะบัดมืออีกฝ่ายเพื่อสลายฝนโลหิตจนหายไปราวกับหวังฉวนฉีไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
“อาจารย์ปู่ช่างแข็งแกร่ง!” เจียนเสี่ยวหลิงกล่าวประจบ
“นั่นคือสิ่งที่นายท่านโสมสอนให้เอง” โสมเฒ่ากระโดดขึ้นไหล่หลิงฮันและกล่าวอย่างภูมิใจ
“ข้าไม่ได้กินซุปโสมมานานแค่ไหนแล้วนะ” หลิงฮันกล่าวลอยๆ
โสมเฒ่ารู้ว่าหลิงฮันพูดล้อเล่น แต่เขาก็ยังหวาดกลัวและรีบวิ่งไปหลบที่ไหลของเจียนเสี่ยวหลิง
พยัคฆ์เจ็ดของตระกูลหวังถูกสังหารไปแล้ว เหตุการณ์นี้ถือว่าใหญ่โตมากและเกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทั้งเมืองอย่างรวดเร็ว
“อาจารย์ พวกเราแย่งชิงสมบัติมาได้!” ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินหลุยเจียงและคนอื่นๆก็กลับมาพร้อมกับถือดาบไม้สีดำสนิทอยู่ในมือ บนตัวดาบมีรูปริแตกมากมายจนดูเหมือนไม่ใช่สมบัติแม้แต่นิดเดียว
“นั่นน่ะรึสมบัติที่พวกเจ้าแย่งมาได้?” หลิงฮันใบหน้ากระตุก
“อาจารย์อย่าได้มองสิ่งนี้เพียงผิวเผิน แม้มันจะดูไม่เหมือนสมบัติเท่าไหร่ แต่ต่อให้เป็นพลังของพวกเราก็ไม่สามารถทำลายมันได้” จิ่วเยากล่าว
หลิงฮันประหลาดใจและคว้าดาบมาดูก่อนจะลองใช้ฟันใส่โต๊ะจนโต๊ะขาดพังทลาย
หลิงฮันขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ตกตะลึงที่ดาบสามารถฟันทำลายโต๊ะได้ สิ่งที่เขาตกตะลึงคือเมื่อครู่เขาได้ชี้นำพลังให้เข้าไปในตัวทำเพื่อทำลายโต๊ะ หรือก็คือดาบไม้เล่มนี้ทนทานเป็นอย่างมากที่สามารถต้านทานพลังของเขาได้
หลิงฮันพยายามทำลายดาบไม้ แต่ครั้งนี้เขาก็ต้องตกตะลึงอย่างแท้จริง แม้แต่พลังของเขาก็ไม่สามารถทำลายมันได้
ด้วยความทนทานเช่นนี้อย่างน้อยมันก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยม
“วางดาบลง!”
“พี่ใหญ่ พี่สอง พี่สาม!” ทันใดนั้นเอง กลุ่มคนสองกลุ่มก็มายังโรงน้ำชาพร้อมกัน
“หืม เฒ่าหก เฒ่าแปก เฒ่าเก้า เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร ได้ข่าวอะไรมารึไง?”
“ไม่ได้การแล้ว เฒ่าเจ็ดถูกสังหาร!”
“ว่าไงนะ!”
บังเอิญเหลือเกินที่คนทั้งสองกลุ่มเป็นคนของตระกูลหวัง หนึ่งกลุ่มรับหน้าที่แย่งชิงสมบัติและไล่ตามมาถึงที่นี่ ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มที่รับหน้าที่หาข่าวในมือและรับรู้ว่าหวังฉวนฉีถูกสังหารจึงได้มุ่งมาที่นี่เพื่อแก้แค้น
“ส่งมอบดาบมาและยอมรับความตายซะ!” พี่ใหญ่ของตระกูลหวังกล่าว พวกเขาเที่ยวอาละวาดมาเป็นเวลากว่าล้านปี นี่เป็นครั้งแรกที่พี่น้องของพวกเขาตกตายซึ่งทำให้พวกเขาโกรธเป็นอย่างมาก
ตัวเขาบ่มเพาะพลังจนบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงแล้วโดยที่ด้อยกว่าบิดาเพียงหนึ่งขั้น
“ฮึ่ม กล้าออกคำสั่งกับอาจารย์ของข้ารึ!” เฉินหลุยเจียงออกหน้าเป็นคนแรก
เหล่าพยัคฆ์ของตระกูลหวังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเนื่องจากออร่าของหลิงฮันถูกซ่อนเอาไว้จนดูเหมือนคนธรรมดา ซึ่งเป็นไปได้อย่างที่คนธรรมดาจะลูกศิษย์เป็นถึงจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา? แต่ตอนนี้อีกฝ่านได้ล่วงเกินตระกูลหวังแล้ว ไม่ว่าอย่างไรพวกหลิงฮันก็ต้องตาย!
ณ เวลานี้ ผู้คนมากมายได้ค่อยปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ทุกคนคือกลุ่มคนที่แย่งชิงสมบัติล้มเหลว หลังจากรู้ว่าพวกเฉินหลุยเจียงเป็นคนได้สมบัติไปพวกเขาจึงไล่ตามมา
“มอบสมบัติมา!” คนอย่างน้อยหนึ่งร้อยกว่าคนกล่าวพร้อมกับมีคนค่อยๆมาถึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ได้สมบัติไปแล้วยังไม่รีบหนีไปซ่อนตัวอีกแถมยังกล้ามาผ่อนคลายที่โรงน้ำชา สมองของกลุ่มคนเหล่านี้คงผิดปกติเป็นแน่
“ถ้าอยากให้สมบัติก็เข้ามา ข้าจะเป็นคนเล่นกับพวกเจ้าเอง” เจียนเยว่ซวนกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วยุโดยที่มือหนึ่งถือพัดเอาไว้
“ฆ่า!” ทุกคนไม่ลังเล แม้พวกเขาทุกคนจะไม่รู้ว่าสมบัติคืออะไร แต่แค่คำว่าสมบัติก็เพียงพอแล้วที่จะให้พวกเขาต่อสู้เพื่อแย่งชิง
เฉินหลุยเจียงและศิษย์คนอื่นๆลงมือตอบโต้ ในฐานะลูกศิษย์พวกเขาต้องเป็นคนรับหน้าจัดการปัญหาแทนอาจารย์
หลิงฮันไม่ลงมือ ด้วยพลังของเขาในตอนนี้เขาสามารถบดขยี้กลุ่มคนเหล่านี้ได้ในพริบตา เพราะงั้นคงเป็นการดีกว่าหากให้เหล่าศิษย์ของเขาใช้แรงเสียบ้าง
“หยุด!” เสียงอันทรงอำนาจดังขึ้น
เสียงนี้แฝงไว้ด้วยอำนาจราวกับฟ้าฝ่า ทุกคนตกตะลึงจนหยุดมือโดยไม่ตั้งใจ
เสียงนั่นต้องเป็นของปรมาจารย์ระดับดาราเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ทรงพลังเพียงนั้น
ร่างหนึ่งปรากฏตัว สายตาของเขาจับจ้องมายังดาบไม้ในมือหลิงฮัน “สหาย เจ้าจะยอมปล่อยมือจากสมบัตินั่นได้รึไม่?”
เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ทุกคนรวมทั้งสิบพยัคฆ์ของตระกูลหวังก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
เหตุใดปรมาจารย์ที่แท้จริงอย่างระดับดาราถึงได้มีท่าทีสุภาพเช่นนี้?