ไม่ว่าจะหลิงฮันหรือจักรพรรดินีต่างก็หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ได้แต่จะไม่ยอมรับความอัปยศเด็ดขาด
เพราะงั้นพวกเขาย่อมไม่มีวันยอมแพ้!
สถานการณ์ค่อยๆเสียเปรียบขึ้นเรื่อยๆ ศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ทั้งหมดสิบสองคนร่วมมือกันกำราบพวกเขา ต่อให้ทั้งสองมีพรสวรรค์ที่ราวกับสัตว์ประหลาดขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์เนื่องจากความต่างของระดับพลังและจำนวนคนนั้นมีมากเกินไป แค่พวกเขาประคับประคองมาถึงตอนนี้ได้ก็เรียกว่าปาฏิหาริย์แล้ว
พละกำลังของหลิงฮันยังไม่ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์จากการแย่งชิงวาสนาก่อนหน้านี้ ทั้งกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านและหยดวารีอมตะไม่สามารถใช้ได้
แต่ยิ่งสู้มากเท่าไหร่ จิตวิญญาณอันบ้าคลั่งการต่อสู้ของเขาก็ยิ่งก่อตัวเป็นรูปธรรมมากขึ้น
แววตาของทุกคนเผยถึงความประหลาดใจ
“หมอนั่นน่าสะพรึงกลัวมาก จิตวิญญาณสู้รบของเขาช่างแข็งกล้า”
“จอมยุทธระดับดาราคนไหนจะกล้าปะทะกับปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ถึงสิบสองคนพร้อมกัน ไม่ต้องกล่าวถึงเข้าปะทะกัน แค่ยืนเผชิญหน้าปรมาจารย์ระดับนั้นก็เป็นเรื่องยากแล้ว”
“แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งสองคนกำลังเสียเปรียบและผ่ายแพ้ได้ทุกเมื่อ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้เป็นอัจฉริยะขนาดไหนก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงวัฒนธรรมของสำนักได้ วัฒนธรรมนี้เป็นสิ่งที่ศิษย์ใหม่ทุกคนต้องพบเจอ”
ไม่มีใครเลยที่เคลือบแคลงใจในความแข็งแกร่งของหลิงฮันกับจักรพรรดินี แต่ก็ไม่มีใครเชื่อว่าทั้งสองคนจะสามารถรอดพ้นสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปได้
ตอนนี้ศิษย์เก่าทั้งสิบสองคนยังเป็นเพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นเท่านั้น หากศิษย์เก่าระดับนี้ยังไม่สามารถกำราบพวกหลิงฮันได้ ศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง ขั้นสูงหรือขั้นสูงสุดย่อมลงมือต่อ
วัฒนธรรมนี้เป็นโชคชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง!
‘พรึบ’ จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นอีกคนลงมือร่วมสู้ เขาเป็นศิษย์เก่าคนสุดท้ายที่มีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นในสำนักย่อยที่แปด
แม้จำนวนคนจะเพิ่มขึ้นเพียงหนึ่ง แต่แรงกดดันที่หลิงฮันกับจักรพรรดินีได้รับนนั้นเพิ่มสูงขึ้นหลายสิบเท่า
ในระยะที่ห่างไกลออกไป รุ่นเยาว์ที่มีรูปลักษณ์หล่อเหลาคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนยอดสูง เขาสวมชุดสีขาวและมีผิวเนียนดั่งหยก ร่างของเขาสะท้อนแสงเจิดจ้าราวกับพระเจ้า
รอบข้างเขามีศิษย์เก่าอยู่มากมาย แต่ไม่มีใครเลยที่กล้าขยับเข้ามาใกล้รุ่นเยาว์ผู้นี้
รุ่นเยาว์ผู้นี้คือหนึ่งในศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด เริ่นเฟยอวิ๋น เขาบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดเมื่อเจ็ดล้านปีก่อน พลังต่อสู้ของเขานั้นทรงพลังเกินกว่าจะจินตนาการ ตัวเขาอยู่ห่างจากระดับสร้างสรรพสิ่งเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น
แต่หนึ่งก้าวนี้ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธมากมายเพียงใดไม่อาจข้ามผ่านไปได้ หนึ่งร้อยเขตดวงดาวใกล้เคียงที่มีดาวนับพันนับหมื่น มีดาวดวงไหนบ้างที่ไม่มีจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด? แต่ในหลายร้อยล้านปีมานี้จะมีสักกี่คนเชียวที่ก้าวข้ามระดับพลังนี้ไปได้?
เพียงแต่ว่าจอมยุทธระดับนี้ก็ยังถือว่าเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งอยู่ดี ไม่ว่าจะไปที่ไหนภายใต้เซียนพวกเขาถือว่าไร้เทียมทาน!
เริ่นเฟยอวิ๋นเผยรอยยิ้มและกล่าวกับตัวเอง “ในตอนแรกข้ายอมที่จะก้มหัวให้กับวัฒนธรรมของสำนัก ทำให้เกิดตราบาปค้างอยู่ในจิตใจและติดอยู่ในระดับพลังนี้อาจไม่อาจข้ามผ่านไปได้”
“หากข้าช่วยเหลือพวกเขา บางทีตราบาปความเสียใจในจิตใจของข้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง”
“เพียงแต่ว่า ทั้งสองคนต้องเอาตัวรอดจากการรุมโจมตีในตอนนี้ให้ได้เสียก่อน ไม่เช่นนั้น… ทั้งสองคนคงไม่มีคุณสมบัติพอให้ข้าลงมือช่วย”
จักรพรรดินีคำรามเสียงเบา “เก้าร่างปั่นป่วนพิภพ!”
‘ครืน’ คลื่นแสงเก้าคลื่นส่องสว่างออกมาจากร่างของนางและทะยานสูงเสียดฟ้าก่อนที่คลื่นแสงจะย้อนกลับลงมาสู่ร่างของนางพร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
นี่คือกระบวนท่าลับของทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญที่จะกระตุ้นร่างแยกทั้งเก้าและช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ให้สูงขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ
“บดขยี้!” นางทะยานพุ่งทะลวงผ่านการป้องกันของคู่ต่อสู้
หลิงฮันบัดมือ ดาบอสูรนิรันดร์และดาบไม้ผุพังปรากฏขึ้นในมือของเขาและเข้าจู่โจมใส่ศิษย์เก่าผมขาว อีกฝ่ายเคยโดนโจมตีจนอับอายมาแล้ว ดังนั้นรูปแบบการต่อสู้ของอีกฝ่ายจึงมีช่องโหว่และเป็นจุดอ่อนของศิษย์เก่าทั้งสบิสามคน
ตูม!
ดาบทั้งสองเล่มถูกสะบัดจู่โจม พลังทำลายของดาบทั้งสองนั้นทรงพลังจนแม้แต่ศิษย์เก่าผมขาวที่เป็นปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ก็ไม่กล้ารับมือตรงๆและเลือกที่จะล่าถอย เขารู้สึกว่าหากถูกดาบทั้งสองเล่มนี้จู่โจมเข้าโดยตรง แม้กระทั่งแก่นกำเนิดพลังในร่างของเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บ
เพียงแต่แม้เขาจะล่าถอยอย่างรวดเร็วจนหลบดาบทั้งสองได้แต่ก็ยังคงถูกปราณจากดาบจู่โจม บริเวณหน้าอกและช่วงท้องของเขาปรากฏบาดแผลอย่างน่าเวทนา
หลิงฮันเองก็ไม่ได้มีสภาพดีเช่นกัน เขาถูกตอบโต้โดยศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์อีกสิบสองคน ข้อมือและขาของเขาถูกโจมตีอย่างรุนแรง แม้จะเป็นกายหยาบที่แข็งแกร่งของเขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวดจนกระอักโลหิตออกมา
ร่างของหลิงฮันเต็มไปด้วยโลหิตแต่ก็ยังยืนตรงสง่าราวกับหอกที่ชี้ขึ้นสวรรค์
ศิษย์เก่าผมขาวไม่เหลือพลังให้สู้ต่อ หลิงฮันจ้องมองไปยังศิษย์เก่าที่เหลืออยู่สิบสองคน
“ต่อไปเป็นใคร?” หลิงฮันกล่าวดังก้อง ถึงแม้ร่างกายของเขาจะได้รับบาดเจ็บแต่นั่นก็แค่เปลือกนอก
ศิษย์เก่าทั้งสิบสองที่ถูกกล่าวเหมือนกับดูถูกกลายเป็นเกรี้ยวกราดทันที
จักรพรรดิจ้องมองไปยังบาดแผลของหลิงฮันและรู้สึกเจ็บปวดในใจ นางโมโหจนระเบิดปราณก่อเกิดออกมาจากร่างราวกับคลื่นมหาสมุทร ผมแต่ละเส้นของนางสยายออกพร้อมกับแปรเปลี่ยนเป็นอสรพิษยักษ์จำนวนมาก
ภายใต้ความโกรธ พลังแห่งสายเลือดของนางได้ถูกปลุกขึ้นมา
“ตาย!”
ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครคิดจะล่าถอยและเข้าปะทะกันจนเกิดเป็นการต่อสู้นองเลือด
หลิงฮันทั้งเป็นฝ่ายจู่โจมและได้รับบาดเจ็บ ผ่านไปสักพักศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์สามคนก็ใช้พลังหมดจนไม่อาจสู่ต่อได้ไหว แต่ยิ่งสู้บาดแผลของหลิงฮันก็ยิ่งสาหัส ร่างของเขาบาดเจ็บจนสามารถมองเห็นเนื้อภายใต้ผิวหนัง บางจุดถึงขนาดมองเห็นกระดูก
หลิงฮันราวกับว่าจะร่วงหล่นได้ตลอดเวลาหากถูกโจมตีอีกเพียงครั้งเดียว แต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้นเขายังคงลุกขึ้นยืนอย่างไม่ลดละราวกับไม่มีวันตาย
คู่ต่อสู้ของพวกเขาค่อยๆหมดพลังในการต่อสู้จนตอนนี้เหลือศิษย์เก่าที่ยืนหยัดอยู่เพียงเจ็ดคน!
ตราบใดที่หลิงฮันไม่หมดแรงและยังคงประคับประคองสถานการณ์ได้เช่นนี้ต่อไปก็เป็นไปได้ว่าเขาจะสามารถโค่นล่มปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ทั้งสิบสามคนลงได้
แต่หลิงฮันจะสามารถสู้ต่อไปได้นานถึงเพียงนั้น?
ร่างของเขาเอนโซเซไปมาและเต็มไปด้วยโลหิต แม้แต่จะทรงตัวให้มั่นคงยังไม่อาจทำได้ มีเพียงแค่ดวงตาคู่หนึ่งของเขาเท่านั้นที่ยังคงมุ่งมั่นและส่องประกาย
‘ตุบ’ แต่ทันใดนั้นเองร่างชุดขาวร่างหนึ่งก็ปรากฏตัว เขายืนตรงปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังที่ราวกับอยู่เหนือสวรรค์
เริ่นเฟยอวิ๋น ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด!