เมื่อพลังของแก่นกำเนิดนิรันดร์แห้งเหือด เขาก็ต้องเรียกใช้ครั้งต่อไปและต่อไป
ราวกับว่านี่เป็นการนับถอยหลัง เมื่อใดที่ใช้พลังของแก่นกำเนิดนิรันดร์ครบสามครั้ง เขาก็จะพบเจอกับความพ่ายแพ้
แก่นกำเนิดนิรันดร์นั้นในดินแดนแห่งเซียนมันคือหนึ่งในความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่สุด หากเป็นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้มันควรจะเหนือชั้นกว่าทุกสรรพสิ่ง! ยิ่งกว่านั้นแม้เขาจะนำอุปกรณ์เซียนออกมาใช้แล้วก็ยังตกเป็นฝ่ายด้อยกว่าหลิงฮัน
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่ทำไมเขาถึงพ่ายแพ้
กู่ต้าวอี้คำราม แสงของแก่นกำเนิดนิรันดร์ถูกคายออกมาพร้อมกับระเบิดแสงสว่างเจิดจ้าที่ยิ่งกว่ากายหยาบทองคำ
เขาจะสู้จนถึงที่สุด!
พลังของแก่นแท้นิรันดร์ครั้งสุดท้ายถูกกระตุ้นใช้งาน แทนที่จะรอคอยความพ่ายแพ้เขาเลือกที่จะสู้ให้ถึงที่สุด แม้จะน้อยนิดแต่บางทีอาจจะมีโอกาสที่เขาจะพลิกกลับกลายมาเป็นผู้ชนะ
ร่างของกู่ต้าวอี้ระเบิดพลังแห่งเจตจำนงอันแรงกล้าออกมา อำนาจของดาบเซียนในมือถูกรีดเค้นจนถึงขีดจำกัดออร่าของมันพุ่งทะยานสูงเสียดฟ้าและพลังต่อสู้ของเขาได้ถูกยกขึ้นเป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด
พลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นกระทันหันนี้ทำให้เขากลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบและเริ่มกระหน่ำจู่โจมใส่หลิงฮัน
ใบหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นเย็นชา นี่คงเป็นการระเบิดพลังเหือกสุดท้ายของกู่ต้าวอี้ซึ่งหลิงฮันไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะคงสภาพพลังนี้เอาไว้ได้นาน
เพียงแต่ว่ากู่ต้าวอี้ในตอนนี้ทรงพลังอย่างแท้จริง พลังต่อสู้ที่ระเบิดออกมาของเขาสามารถกำราบแม้กระทั่งคู่ต่อสู้ที่มีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นต้นได้อย่างราบคาบ
ทุกคนที่เห็นต่างอ้าปากค้างและนิ่งเงียบไม่ส่งเสียงใดๆ
ณ เวลานี้กู่ต้าวอี้มีพลังที่ทัดเทียมได้กับศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งๆที่เพิ่งจะบรรลุระดับวารีนิรันดร์
แต่หลิงฮันทางด้านหลิงฮันเองก็ทำให้พวกเขาพูดไม่ออกเช่นกัน
แม้การโจมตีของกู่ต้าวอี้จะรุนแรงแค่ไหน หลิงฮันก็สามารถป้องกันได้อย่างง่ายดาย
นั่นเป็นเพราะหลิงฮันได้โคจรอำนาจของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เอาไว้ เขาสามารถป้องกันการโจมตีของเซียนได้หนึ่งครั้ง และเมื่อไม่ใช้การโจมตีที่ทรงพลังของเซียนอำนาจของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์จึงคงสภาพเอาไว้ได้ยาวนาน
กู่ต้าวอี้จ้องมองและรับรู้ได้ว่าทุกครั้งที่หลิงฮันรับการโจมตีของเขา ร่างกายของอีกฝ่ายจะส่องแสงสว่างสีทองออกมาพร้อมกับถูกเผาผลาญพลังปราณไปอย่างรวดเร็ว เพราะงั้นแล้วตราบใดที่เขายื้อเวลาเอาไว้ได้จนกระทั่งพลังปราณของหลิงฮันไม่เหลือเขาก็จะเป็นฝ่ายชนะ
แต่กว่าจะถึงตอนนั้นพลังแก่นกำเนิดนิรันดร์ของเขาคงแห้งเหือดหมดก่อนและจะเป็นเขาที่พ่ายแพ้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเลือกอื่น สู้ให้ถึงที่สุดอย่างเดียว!
เขาโจมตีอย่างบ้าครั้งเข้าใส่หลิงฮัน… ไม่อยากแพ้! ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากแพ้!
หลิงฮันแน่นิ่งราวกับภูเขา นี่เป็นเพียงการประลองเท่านั้น หากเป็นการต่อสู้เป็นตาย ต่อให้เขาตกตายก็ยังสามารถคืนชีพได้และกลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด
อันที่จริงเขายังไม่ได้ใช้หยดวารีอมตะเลยด้วยซ้ำ แต่หยดวารีอมตะสามารถช่วยแค่ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเท่านั้นไม่สามารถฟื้นฟูพลังปราณได้
เขายังมีไพ่ลับเหลืออยู่ในขณะที่กู่ต้าวอี้ไม่เหลืออะไรแล้ว
การประลองนี้ท้ายที่สุดผู้ชนะก็คือเขา!
กู่ต้าวอี้แทบจะบ้าคลั่ง เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพลังของแก่นกำเนิดนิรันดร์กำลังถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็ว อย่างมากก็คงสภาพอยู่ได้อีกสิบลมหายใจเท่านั้น
ต้องเอาชนะให้ได้ภายในสิบลมหายใจ
ตูม! ตูม! ตูม!
กู่ต้าวอี้กระหน่ำโจมตีไม่ยั้ง อุปกรณ์เซียนถูกสะบั้นออกไปโดยที่เขาไม่สนใจแล้วว่าการโจมตีของเขาจะเผลอสังหารหลิงฮันรึไม่ ณ เวลานี้เขามีเพียงความคิดเดียวก็ต้องชนะ
แต่พลังป้องกันของหลิงฮันก็ได้ทำให้เขาสิ้นหวังอย่างแท้จริง
หนึ่งลมหายใจ… สองลมหายใจ… เก้าลมหายใจ… สิบลมหายใจ!
พลังต่อสู้ของกู่ต้าวอี้ลดลงอย่างรวดเร็วราวกับกระแสน้ำที่ย้อนกลับ
“หยุดการประลอง!” แต่ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“ภรรยาเซียน!” เหล่าศิษย์คงไม่รู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร แต่เหล่าผู้อาวุโสทุกคนรู้ดี พวกเขารีบลอยไปบนลานประลองเพื่อหยุดการต่อสู้
คำพูดของภรรยาเซียนซิงฉาเปรียบเสมือนคำพูดของเซียนซิงฉา ใครจะกล้าไม่ทำตาม?
ภรรยาเซียน? เหล่าศิษย์สับสน
หลิงฮันขมวดคิ้ว คราวนี้จูซิ่วเอ๋อจะสร้างปัญหาอะไรอีก?
ท่ามกลางสายตาของทุกคน จูซิ่วเอ๋อก้าวเดินไปบนลานประลองอย่างช้าๆและกล่าว “ผลการประลองเป็นที่ประจักษ์แล้ว เหตุใดยังไม่ประกาศอีก?”
เหล่าผู้อาวุโสยังไม่เข้าใจสถานการณ์ ภรรยาเซียนอยู่ฝ่ายไหนกันแน่?
เพียงแต่ว่าพวกเขาก็ใช่คนหัวทึ่มและตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่านางต้องไม่ได้มาเพื่อช่วยเหลือหลิงฮันแน่นอน เพราะว่าหากปล่อยไว้อีกไม่กี่กระบวนท่าหลิงฮันก็ต้องเป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว มีเหตุผลอันใดที่ภรรยาเซียนจะต้องปรากฏตัว?
“อะแฮ่ม!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกระแอม “ข้าขอประกาศ ผู้ชนะการประลองศิษย์ใหม่ในครั้งนี้คือกู่ต้าวอี้!”
เหล่าผู้ชมตกตะลึง กู่ต้าวอี้เองก็เช่นกัน เขาไม่รู้จักจูซิ่วเอ๋อเสียหน่อย ทำไมนางต้องยื่นมือมาช่วยเขาด้วย?
แต่เพราะไม่อยากพ่ายแพ้ เขาจึงไม่ได้กล่าวอะไรออกไป
แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมไม่อาจยอมรับผลตัดสินเช่นนี้และกล่าว “ข้าขอถามว่าทำไมข้าถึงแพ้?”
ทำไมถึงแพ้? เรื่องนั้น… ผู้อาวุโสหลายคนมองหน้ากัน
“เวลาการประลองคือหนึ่งวันหนึ่งคืน ในเมื่อการประลองไม่อาจตัดสินในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ชนะย่อมเป็นคนที่โดยรวมแล้วแข็งแกร่งกว่า” จูซิ่วเอ๋อเอ่ยตอบ “ก็อย่างที่ทุกคนเห็น กู่ต้าวอี้นั้นเป็นฝ่ายได้เปรียบจึงเป็นผู้ชนะ”
ก็จริงที่ว่าในตอนแรกกู่ต้าวอี้ดูเหมือนจะได้เปรียบ แต่คำถามคือการประลองดำเนินไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว? ดวงจันทร์ยังไม่ทันลอยขึ้นฟ้าเลยด้วยซ้ำ จะบอกว่าคบหนึ่งวันแล้วก็ดูจะเร็วไปหน่อยรึเปล่า?
แต่ภรรยาเซียนเป็นคนกล่าวเช่นนั้นใครจะกล้าโต้แย้งโดยไม่ไว้กล้านาง?
“หรือว่านางจะเป็นภรรยาของเซียนซิงฉา?”
“นางให้กำเนิดบุตรของเซียนซิงฉา?”
“แบบนี้เอง ถึงว่าทำไมผู้อาวุโสมากมายถึงได้มีท่าทีสุภาพกับนางขนาดๆนั้นทั้งๆที่นางเพิ่งจะเป็นจอมยุทธที่ทะลวงผ่านระดับดาราสำเร็จ”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ย “ภรรยาเซียนเอ่ยปากตัดสินใจแล้ว ใครจะกล้าไม่ยอมรับ? พวกเจ้าเหล่าศิษย์แยกย้ายได้ ไม่ต้องกล่าวอะไรให้มากความ ผู้ชนะในครั้งนี้คือกู่ต้าวอี้!”
“ข้าคนหนึ่งที่ไม่ยอมรับ!” หลิงฮันตะโกน เขาไม่มีทางยอมอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่ขัดแย้งกับจูซิ่วเอ๋อตั้งแต่แรก
เสียงของเขาดังก้องกังวาล!