หลิงฮันไม่ชักช้า พวกเขาทั้งสามเข้าสู่สนามรบสองดินแดนและมุ่งหน้าไปยังทางเข้าดินแดนใต้พิภพ
ไม่ใช่แค่หลิงฮันคนเดียว แต่จักรพรรดินีกับสตรีนกอมตะเองก็มีเป้าหมายคือเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียน สายตาของพวกเขาย่อมมองไปสูงกว่าที่จะหยุดอยู่ที่เซียน เพราะงั้นสตรีทั้งสองเองก็ต้องการเข้าสู่ดินแดนใต้พิภพเพื่อทำความเข้าใจอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพีแตกต่างเช่นกัน
พวกเขาจะเป็นกลุ่มแรกในขณะที่พวกจักรพรรดิพิรุณ ติงผิงและคนอื่นๆจะตามเข้ามาดินแดนใต้พิภพในภายหลัง แต่แน่นอนว่าหากหลิงฮันบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วพอ เขาจะนำทุกคนเข้าหอคอยทมิฬและพาทุกคนเข้าไปยังดินแดนแห่งเซียนโดยตรง
ทั้งสามคนค่อยๆเดินเข้าสู่ส่วนลึกของสนามรบสองดินแดน หลังจากมาถึงบริเวณหนึ่งแล้วจำนวนจอมยุทธของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ลดน้อยลง ในทางกลับกัน จำนวนของจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพกลับมีมากขึ้น นี่หมายถึงเข้าได้เข้าสู่อาณาเขตของดินแดนใต้พิภพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หืม คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์!” จอมยุทธของดินแดนใต้พิภพปรากฏตัวและรีบก้าวเดินเข้ามาใกล้
เขาคือปรมาจารย์ระดับดาราที่เพิ่งจะทะลวงผ่านระดับมาได้ไม่นานเนื่องจากออร่ายังไม่มั่นคง เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเยาว์วัยและมีใบหน้าหยิ่งยโสอวดดีเนื่องจากสามารถบรรลุระดับดาราได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
สายตาของเขามองมายังจักรพรรดินีก่อนจะแสดงสีหน้าชะงัก
สตรีงดงาม!
เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาจึงลงมืออย่างไม่ลังเล รุ่นเยาว์ผู้นั้นคว้ามือมายังจักรพรรดิทันที พวกหลิงฮันทั้งสามคนปกปิดพลังบ่มเพาะเอาไว้ทำให้ไม่สามารถคาดเดาพลังบ่มเพาะได้ แต่การที่มายังสนามรบสองดินแดนแห่งนี้ใครบ้างจะไม่ใช่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่ง?
ที่รุ่นเยาว์ของดินแดนใต้พิภพผู้นี้มาที่นี่ก็เพราะเขาเพิ่งทะลวงผ่านระดับดาราสำเร็จและอยากจะโอ้อวด
จักรพรรดิเผยจิตสังหาร ในโลกนี้มีบุรุษเพียงผู้เดียวที่สามารถแตะต้องนางได้ซึ่งไม่ใช่ชายตรงหน้าอย่างแน่นอน!
หลิงฮันเป็นคนลงมือตัดหน้านาง เขาปล่อยหมัดทั้งสองออกไปอย่างไม่แยแส
‘ตุบ ตุบ ตุบ’ เพียงทุบตีไม่กี่หมัดอีกฝ่ายก็สลบเหมือดนอนแน่นิ่ง
“ไปกันต่อ ไม่ต้องไปใส่ใจคนแบบนี้” หลิงฮันยิ้ม
“อืม!” จักรพรรดิเชื่อฟังหลิงฮัน
หลิงฮันโคจรแก่นพลังจ้าวอสูร ออร่ารอบตัวของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเหมือนกับของจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพทันที
จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะไม่มีความสามารถเช่นนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาไม่จำเป็นทั้งสองจึงเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬและเปลี่ยนตัวกับจักรพรรดิจอมอสูร
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ของข้า เพื่อท่านแล้วจักรพรรดิน้อยผู้นี้ยอมตายแทนได้!” จักรพรรดิจอมอสูรตะโกนลั่นทันทีที่ได้ออกมาก่อนจะชะงัก “นะ นี่มันดินแดนใต้พิภพ!”
เขากลับมาสู่บ้านเก่าแล้ว?
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ท่านกำลังจะไปยึดครองดินแดนใต้พิภพ?” จักรพรรดิจอมอสูรตื่นเต้น เขาอดใจรอที่จะข่มขู่รังแกผู้อื่นโดยพึ่งพาบารมีของนายท่านที่แข็งแกร่งของเขาไม่ไหวแล้ว
“ผิดแล้ว พวกเรากำลังหลบหนีเพราะถูกตามล่า” หลิงฮันตัดฝันของจักรพรรดิจอมอสูร
“ใครกำลังไล่ล่าพวกเราอยู่ขอรับ?” จักรพรรดิจอมอสูรรีบเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เซียน” หลิงฮันจงใจกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
พรวด!
จักรพรรดิจอมอสูรสำลักออกมา ซะ เซียนงั้นรึ?
“ไปกันได้แล้ว!” หลิงฮันนำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมาและออกเดินทางอย่างไร้จุดหมาย ถึงแม้ในดินแดนแห่งนี้เซียนจะไม่ทรงพลังเท่าเดิม แต่สัมผัสสวรรค์ของเซียนก็ยังสามารถปกคลุมได้ทั้งดวงดาวทั้งดวง หากยังอยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะถูกฮูเฟิงพบ
นอกจากนั้นเขาก็ไม่ได้มาดินแดนใต้พิภพเพื่อซ่อนตัวอย่างเดียวแต่ต้องการฝึกฝนด้วย ระดับวรยุทธของดาวดวงนี้ต่ำเกินไป แม้แต่จ้าวอสูรก็ยังไม่มี เพราะงั้นเขาจึงต้องมุ่งหน้าไปยังสถานที่หลากหลาย
เขาขับเคลื่อนอุปกรณ์บินแหวกเมฆาโดยไม่มีจุดหมายที่แน่นอน อันที่จริงดินแดนใต้พิภพกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้แตกต่างกันเลย สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันมีเพียงอำนาจกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพีที่ส่งผลให้วิถีวรยุทธของทั้งสองดินแดนเปรียบเสมือนคู่ขนาน
หลังจากมาถึงที่นี่พวกหลิงฮันทั้งสามคนไม่สามารถเรียกใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่พวกเขาเคยฝึกฝนมาก่อนได้เลย พลังต่อสู้ของพวกเขาหลงเหลือเพียงอำนาจจากพลังบ่มเพาะ
โชคดีที่หอคอยทมิฬเป็นสมบัติที่ล้ำค่า ขอแค่หลิงฮันต้องการเขาก็สามารถนำอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพเข้าไปยังหอคอยทมิฬได้ ซึ่งทำให้โลกภายในหอคอยทมิฬมีอำนาจกฎเกณฑ์เหมือนดินแดนใต้พิภพ
พวกหลิงฮันนั่งลงใต้ต้นสังสารวัฏและพยายามปรับตัวให้เข้ากับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพให้เร็วที่สุด หากไร้ซึ่งอำนาจแห่งกฎเกณฑ์พวกเขาย่อมไม่สามารถแสดงพลังต่อสู้ที่แท้จริงออกไปได้
ภายใต้ต้นสังสารวัฏ การปรับตัวของพวกเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วโดยที่พลังบ่มเพาะยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
……
ฮูเฟิงมาถึงสนามรบสองดินแดนช้าไปเพียงเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วและเข้าใจความคิดของหลิงฮันในทันที
อีกฝ่ายคิดจะหลบหนีไปยังดินแดนใต้พิภพเพื่อที่จะไม่ให้เขาตามตัวพบได้เนื่องจากอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกัน
ฮูเฟิงแสยะยิ้ม นับว่าเป็นแผนการที่ไม่เลว แต่ถึงอย่างนั้นที่ตัวหลิงฮันก็ยังมีบ่วงอาฆาตของตระกูลฮูติดตามอยู่และมันจะไม่สลายไปเพียงเพราะเข้าไปยังดินแดนใต้พิภพ! หากหลิงฮันเป็นเซียนย่อมสามารถมองเห็นและลบล้างบ่วงอาฆาตทิ้งได้อย่างง่ายดาย แต่น่าเสียดายที่หลิงฮันยังห่างจากระดับนั้นอีกไกล
เขาครุ่นคิดในขณะที่เข้าสู่สนามรบสองดินแดนและเดินตามบ่วงอาฆาตที่ติดตัวหลิงฮันอยู่
ผ่านไปไม่นานฮูเฟิงก็พบเห็นจอมยุทธผู้หนึ่งนอนหมดสติอยู่จึงยื่นมือออกไปปลุกอีกฝ่ายให้ฟื้น
แน่นอนว่าคนที่หมดสติไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นชายผู้โชคร้านที่ถูกหลิงฮันซัดจนสลบ เขายังคงคิดว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์ก่อนจะหมดสติ เมื่อถูกปลุกให้ตื่นเขาจึงคำรามออกมา “บังอาจลอบโจมตีนายท่านเจี่ยผู้นี้ จงรับการบวนท่าของข้า!”
เขารู้ว่าหลิงฮันแข็งแกร่งกว่าตนเองแต่ก็ไร้ความหวาดกลัว ที่นี่คืออาณาเขตของดินแดนใต้พิภพ มีรึที่เขาจะเสียเปรียบ?
เป็นจอมยุทธของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่กลับกล้ามาอวดเบ่งที่นี่?
เขาพุ่งทะยานจู่โจมเข้าใส่ฮูเฟิง
หืม? ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายมีกันอยู่สามคนหรอกรึ? ช่างมัน ไม่ว่าอย่างไรจอมยุทธตรงหน้าก็เป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องกำจัดอยู่ดี!
ฮูเฟิงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงชะงักแน่นิ่ง ไม่ใช่หลิงฮันที่เป็นเพียงจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์แค่คนเดียวที่กล้าต่อต้านเขา แต่ตอนนี้แม้แต่จอมยุทธระดับดาราตั้วจ้อยก็ยังกล้าเป็นฝ่ายโจมตีเขาก่อน? นี่เขาดูไม่เหมือนกับเซียนขนาดนั้นเลยรึไง? ต่อให้เขาจะแสดงใบหน้าเป็นมิตรอยู่ตลอดเวลาและเป็นคนง่ายๆก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีศักดิ์ศรีของเซียน
หรือเขาจะเก็บตัวอยู่ในดินแดนต้องห้ามนานเกินไปจนโลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว?