ด้านนอกเขตแดน ถังเฟิงกำลังลอยสำรวจรอบเขตแดนวนไปมา
“ไม่ธรรมดา! ไม่ใช่ธรรมดาเลย!” ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้นเรื่อยๆ “นี่ไม่ใช่แค่เขตแดนลี้ลับของจ้าวอสูรระดับดำแน่ หรือต่อให้เป็นเขตแดนลี้ลับของจ้าวอสูรสวรรค์ข้าก็สมควรค้นพบร่องรอยสักหนึ่งถึงสองอย่างแต่นี่กลับไม่พบอะไรเลย”
“นี่ต้องเป็นเขตแดนลี้ลับมาหลุดมาจากดินแดนแห่งเซียนเป็นแน่ มหาโศกนาฏกรรมในอดีตได้ทำให้ขุมอำนาจที่ทรงพลังมากมายล่มสลาย การจะพบเห็นเขตแดนลี้ลับของดินแดนแห่งเซียนที่นี่ก็ใช้ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
“เรื่องนี้แม้แต่ข้าก็คงทำอะไรไม่ได้เช่นกัน… คงต้องให้ท่านผู้นำเป็นคนมาตรวจสอบด้วยตัวเอง”
ถังเฟิงเคลื่อนที่ไปยังบริเวณหนึ่ง เขานำก้อนหินบางอย่างออกมาและกล่าวคำพูดสองสามคำ คลื่นพลังงานบางอย่างที่แม้แต่จ้าวอสูรทั้งสิบเจ็ดคนก็ไม่สามารถสังเกตเห็นถูกส่งออกไปยังห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่หลายร้อยล้านไมล์
……
‘ตูม’ คลื่นถาโถมเข้าใส่อย่างรุนแรงจนเรือเหาะมีรอยแตกร้าว ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถต้านทานคลื่นระลอกต่อไปได้แล้ว
ม่อหลีไม่ลังเลที่จะนำเรือเหาะลำที่สองออกมา เมื่อทุกคนย้ายเสร็จเรือเหาะลำเดิมก็ถูกทิ้งลงสู่มหาสมุทร
ระยะของพวกเขาอยู่ห่างจากพวกถังโม่ไม่มากนัก
ม่อหลีควบคุมเรือเหาะให้ไม่ใกล้ชิดพวกถังโม่เกินไป
ถังโม่เผยสีหน้าอวดดี เขาเห็นแล้วว่าพวกหลิงฮันประสบความยากลำบากขนาดไหนกับการต้านทานคลื่นยักษ์แถมยังไม่กล้าไล่ตามมาใกล้พวกเขาอีก
ก็แค่พวกดินแดนใต้พิภพอันต่ำต้อย
เมื่อมุ่งหน้าต่อไป ต้นไผ่สีเขียวที่ยืดยาวออกมาจากมหาสมุทรก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าพวกเขา
ต้นไผ่นั้นอยู่ห่างออกไปราวๆพันไมล์ แค่มองด้วยตาเปล่าก็เห็นแล้วว่ามันเป็นต้นไผ่ที่ทั้งสูงและดูหนาเป็นอย่างมาก
ในที่สุดก็พบ… ต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อน!
พวกถังโม่เองก็ต้องเห็นเหมือนกันแน่ เนื่องจากพวกเขาหักเหเส้นทางเล็กน้อยเพื่อเคลื่อนที่ไปยังทิศทางของต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อน
ม่อหลีขมวดคิ้ว หากต้องสู้กับพวกถังโม่เพื่อแย่งชิงต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์พวกนางจะเอาชนะได้อย่างไร? ไม่ใช่แค่นางกับหลิงฮัน ต่อให้ศิษย์หรือทายาทของจ้าวอสูรทั้งสิบเจ็ดร่วมมือกันก็อาจจะไม่สามารถหยุดยั้งถังโม่ได้
พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งจนถึงขั้นที่ว่าจำนวนไม่สามารถทดแทนความต่างของพลังได้
แต่จะให้ย่อมแพ้ไปง่ายๆก็เป็นไปไม่ได้!
ไล่ตามต่อไป
ระยะพันไมล์นั้นสำรับอุปกร์เหินเวหาย่อมไม่ใช่ระยะทางที่ห่างไกล ผ่านไปเพียงครู่เดียวพวกเขาก็มาถึงด้านหน้าต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อน
ใหญ่โตอะไรเช่นนี้
แค่ส่วนที่ยื่นออกมาจากผิวมหาสมุทรก็มีความสูงถึงหลายพันฟุต ที่บริเวณยอดบนสุดของต้นไผ่จะพบเห็นผลบางอย่างสีฟ้าได้อย่างชัดเจน แม้จะอยู่ห่างไกลกลิ่นหอมของมันก็ยังลอยมาถึง
ต้นไผ่ตรงหน้าได้ตายไปแล้ว เพียงแต่ว่าพลังชีวิตทั้งหมดของมันได้ถ่ายเทไปยังผลสีที่อยู่ด้านบนสุด
สมบัติ!
ลำต้นของต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์สามารถใช้สร้างเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนผลของมันเองก็เป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าหาสิ่งใดเปรียบ
“จงลงมา!” ถังโม่ปล่อยหมัดเข้าใส่ลำต้นของต้นไผ่เพื่อหวังใช้คลื่นพลังทำให้ผลด้านบนร่วงลงมา เขาเองก็คงทดสอบแล้วเช่นกันว่าท้องฟ้าด้านบนนั้นมีแรงกดดันของสายลมรุนแรงที่แม้แต่ตัวเขาก็ไม่กล้าเหาะขึ้นไปโดยตรง
‘พรึบ’ ต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยอักขระออกมา ลำต้นของมันกลับไปแน่นิ่งไม่มีการสั่นไหวใดๆ
ล้อเล่นรึเปล่า ลำต้นของต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เป็นถึงวัสดุเซียน มีรึที่จะถูกทำให้สั่นไหวง่ายๆ?
ถังโม่ขมวดคิ้ว ลอยขึ้นไปเอาด้วยตัวเองก็ไม่ได้ ทำให้ลำต้นสั่นไหวก็ไม่ได้ แล้วทีนี้เขาจะเก็บเกี่ยวผลนั่นได้อย่างไร? นอกจากนั้นเขาก็ยังอยากได้ลำต้นของต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้านี้ไปหลอมเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน
หลิงฮันยืดตัวและกล่าว “พวกเจ้ารอข้าสักครู่”
ยังไม่ทันที่พวกม่อหลีจะตอบสนองร่างของหลิงฮันก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
หมอนั่นคิดจะเหาะขึ้นไปเก็บเกี่ยวผลของต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อนตรงๆเลย!
“แต่กายหยาบของเขาน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก บางทีอาจจะทำสำเร็จ” ใครบางคนกล่าว
“แต่กลุ่มของพวกถังโม่ก็อยู่ที่นี่ด้วย ต่อให้หลิงฮันเก็บเกี่ยวสำเร็จก็ต้องถูกพวกนั้นชิงไปอยู่ดีไม่ใช่รึไง?”
“หากได้มาแล้วพวกเราจะเผ่นหนีทันที ข้าไม่เชื่อว่าพวกนั้นจะไล่ตามพวกเราทัน”
“ใช่แล้ว พวกเราไล่ตามพวกนั้นได้ทันก็หมายความว่าพวกเราไวกว่า”
ทุกคนซุบซิบคุยกัน ณ ตอนนี้อูเจวี๋ยไม่เขม่นหลิงฮันอีกต่อไปและหันมาอยู่ข้างเดียวกันแทน
ม่อหลีมีสีหน้าจริงจัง นางเคยสู้กับถังโม่มาก่อนทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายทรงพลังขนาดไหน ถ้าหลิงฮันเก็บเกี่ยวผลของต้นไผ่สำเร็จจริงๆ ต่อให้ม้วนคัมภีร์จะไม่สามารถไล่ตามพวกเขาทันแต่หากเป็นถังโม่คนเดียวล่ะ?
อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคัมภีร์ก็มีพลังแข็งแกร่งพอจะทำให้จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ทุกคนตกอยู่ในความสิ้นหวัง
แต่ตอนนี้หลิงฮันได้เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีอย่างเดียวคือเมื่อหลิงฮันลงมาแล้วต้องรีบเผ่นหนีทันที
พวกถังโม่ห้าคนที่เห็นการกระทำอันโง่เขลาของหลิงฮันต่างกลั้นหัวเราะไม่ไหว
“โง่อะไรอย่างนี้ ขนาดพวกเรายังไม่กล้าขึ้นไปถึงความสูงพันฟุต แต่เจ้าหมอนั่นกลับเหาะขึ้นไปเก็บผลของต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์ตรงๆแบบนั้น ข้างไร้สมองโดยแท้”
“ไม่ต้องไปสนใจเขา!”
“อืม แต่ต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์นี่แข็งทนทานมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสั่นต้นของมันเพื่อให้ผลร่วงลงมา พวกเราจะทำอย่างไรดี?”
ถังโม่กล่าว “เขตแดนลี้ลับแห่งนี้ล้ำค่าเกินว่าที่เหล่าจ้าวอสูรด้านนอกจะจินตนาการออก ข้าคิดว่าผู้อาวุโสหกคงรายงานกลับไปยังตระกูลแล้ว เมื่อถึงเวลาต่อให้ท่านผู้นำจะไม่มาที่นี่ด้วยตัวเองแต่ผู้อาวุโสห้าหรือผู้อาวุโสที่สูงกว่านั้นจะต้องเดินทางมาด้วยตัวเองแน่ ณ เวลานั้นสมบัติทั้งเขตแดนลี้ลับนี้ก็จะเป็นของพวกเราทั้งหมด!”
“ใช่แล้ว ทั้งหมดต้องตกเป็นของพวกเรา!” รุ่นเยาว์อีกสี่คนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ทั้งห้าจ้องมองไปยังหลิงฮัน ถึงแม้พวกเขาจะคิดไว้แล้วว่าหลิงฮันไม่มีทางทำสำเร็จพวกเขาก็ยังไม่จากไปไหน เพราะอย่างไรความสูงแค่พันฟุตสำหรับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ย่อมไม่ใช้เวลานานเท่าไหร่ เอาไว้ดูความล้มเหลวของหลิงฮันก่อนค่อยไปจากที่นี่ก็ได้
หลิงฮันเหาะเหินทะลวงชั้นอากาศด้วยความเร็วสูงจนค่อยๆสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน
สายลมบนฝากฟ้านั้นรุนแรงและคมกริบราวกับกระบี่
แต่พลังเพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาบาดเจ็บ ความเร็วของเขาไม่ลดลงแม้แต่น้อย ร่างของเขาเหาะเหินอย่างรวดเร็วและทะลุผ่านความสูงหนึ่งพันฟุตได้ในที่สุด
“เหลือเชื่อ!”
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าพวกฉื้อหวงจี่่ต่างตกตะลึง พวกเขารู้อยู่แล้วว่ากายหยาบของหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งแต่ก็ยังอดไม่ได้อยู่ดีที่จะอุทานออกมา
ในด้านของพวกถังโม่ พวกเขามีสีหน้าชะงักแน่นิ่งจนพูดไม่ออก แต่ใบหน้าตกตะลึงของพวกเขาก็ค่อยๆปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก
‘หากหมอนั่นเก็บเกี่ยวผลของต้นไผ่ลงมาได้ก็เหมือนกับอีกฝ่ายนำของขวัญลงมาส่งมอบให้แก่พวกเขา!’