เมื่อเหาะขึ้นมาถึงความสูงแปดพันฟุตหลิงฮันก็เริ่มรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน ไม่ใช่ว่ากายหยาบของเขาต้านไม่ไหว แต่เป็นเพราะแรงกดดันมันหนักหน่วงเกินไปจนเคลื่อนที่ได้ลำบาก
หลิงฮันฝืนเหาะไปได้แค่เก้าพันฟุตก็ไม่สามารถไปสูงได้มากกว่านี้
นี่คือขีดจำกัดของเขา
หลิงฮันไม่ยินยอมที่จะล่าถอย จากกลิ่นที่สัมผัสได้ผลของต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์คงอยู่ห่างไปอีกพันฟุตเท่านั้น
จะเก็บเกี่ยวอย่างไรดี?
เขาหยุดฝืนขึ้นไปต่อและสะบัดฝ่ามือปลดปล่อยปราณดาบขึ้นไปที่ยอดต้นไผ่
เพียงแต่ว่าในขณะที่ปราณดาบกำลังทะยานขึ้นฟ้า ระหว่างทางคลื่นอากาศได้พัดกระหน่ำเข้าใส่ปราณดาบจนค่อยๆสลายไปราวกับถูกทักษะกาลเวลาแปรผันพันปี
ปราณดาบลอยขึ้นไปได้เพียงสามสิบฟุตก็สลายไปอย่างสมบูรณ์
ยังห่างอีกไกล
หลิงฮันโจมตีด้วยศรฆ่ามังกรทะลวงดาราธรรมดา แต่การโจมตีก็ขึ้นไปได้สูงเพียงเจ็ดสิบฟุต หากเขายิงศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเต็มกำลังออกไปการโจมตีคงจะขึ้นไปได้สูงกว่านี้อีกสิบเท่า แต่นั่นก็ยังไม่ถึงระยะพันฟุตอยู่ดี
ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่?
หลิงฮันครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะนำดาบไม้พุพังออกมาและแทงเข้าใส่ลำต้นของต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์
ตูม!
เมื่อปลายดาบไม้พุพังปะทะเข้ากับลำต้นไผ่ อักขระมากมายก็ถูกปลดปล่อยออกมาต้านทานดาบไม้พุพัง ต้องรู้ก่อนว่าถึงแม้ดาบไม้พุพังนี้จะไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่หากถูกโจมตีโดยตรงต่อให้เป็นเซียนหรือจ้าวอสูรก็ต้องบาดเจ็บ
สมกับที่ต้นไผ่เป็นวัสดุเซียน!
หลิงฮันคาดเอาไว้แล้วว่าผลลัพธ์คงเป็นเช่นนี้ เขาเพียงแค่อยากลองดูเท่านั้น
แต่ในขณะที่เขากำลังจะดึงดาบกลับมา จู่ๆรูปแบบอาคมอสูรก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากดาบไม้พุพัง
น่าแปลก… เขายังไม่ได้กระตุ้นใช้งานมันด้วยปราณก่อเกิดเลยแท้ๆ
ดาบไม้พุพังกำลังฟื้นฟูตัวมันเอง!
เขาล้มเลิกความคิดที่จะดึงดาบกลับมาและรอดูต่อไป
ดาบไม้พุพังถูกโอบล้อมไปด้วยรูปแบบอาคมอสูรพร้อมกับปลดปล่อยออร่าสีดำทมิฬอันเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพออกมา หลิงฮันใดรับผลกระทบจากจิตสังหารของดาบจนดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำและเกิดความคิดอยากจะสังหารทุกชีวิตบนโลก
เขารีบควบคุมสติของตัวเองด้วยสัมผัสสวรรค์ทันที ดาบเล่มนี้โหดเหี้ยมเกินไปจนไม่อาจประมาทได้เลยแม้วินาทีเดียว
‘ฉึบ’ ดาบไม้พุพังสามารถเฉือนทะลุเข้าไปในลำต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์ได้!
หลิงฮันตกตะลึงก่อนจะรู้สึกตื่นเต้น เขารีบกำด้ามดาบและออกแรงทำลายลำต้นไผ่ เพียงแต่ว่าในตอนนี้เองเขาถึงได้รับรู้ว่าวัสดุเซียนนั้นทนทานเพียงใด แม้ดาบไม้พุพังจะทะลุเข้าไปในลำต้นไผ่แล้วแต่เขาก็ไม่สามารถขยับดาบได้แม้แต่นิดเดียว
หากดาบไม้พุพังไม่ปลดปล่อยรูปแบบอาคมอสูรออกมาทำลายต้นไผ่เอง เขาก็ไม่สามารถทำลายต้นไผ่ได้
หลิงฮันมองไปยังตำแหน่งที่ดาบไม้พุพังแทงทะลุเข้าไปในล้ำต้นไผ่และพบว่าที่บริเวณนั้นสีของต้นไผ่ได้เปลี่ยนจากสีเขียวสดเป็นสีเหลือง ผ่านไปอีกหนึ่งลมหายใจบริเวณที่เป็นสีเหลืองก็สลายกลายเป็นเศษขี้เถ้าลอยไปตามอากาศ
นี่มัน!
หลิงฮันตกตะลึง ดาบไม้พุพังเล่มนี้ดูเหมือนจะมีพลังในการดูดกลืนเช่นกัน เพียงแต่สิ่งที่มันดูดกลืนไม่ใช่แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์แต่เป็นต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อนที่เป็นธาตุไม้จากธาตุทั้งห้า
ต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อนสั่นไหวเล็กน้อย ใบตามลำต้นของมันค่อยๆร่วงหล่นลงมา
ความเร็วในการดูดกลืนของดาบไม้พุพังดูเหมือนจะค่อยๆรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ หลิงฮันมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตำแหน่งสีเหลืองของต้นไผ่ที่ถูกดาบไม้พุพังแทงทะลุค่อยๆแพร่กระจายเป็นวงกว้างไปทั่วทั้งต้นไผ่
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ผลสีฟ้าก็ร่วงหล่นมาจากท้องฟ้า
เนื่องจากลำต้นของต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อนไม่เหลืออำนาจไว้คอยค้ำจุนแล้ว ผลของมันจึงหลุดร่วงลงมา
หลิงฮันรับไปรับไว้อย่างรวดเร็วและใช้สัมผัสสวรรค์ส่งมันเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬ
เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีใครแย่งชิงมันไปได้
‘ครืนนน’ ทั่วทั้งลำต้นของต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อนพังทลายเนื่องจากแก่นพลังทั้งหมดของมันถูกดาบไม้พุพังดูดกลืนไปหมดสิ้น ดาบไม้พุพังเกิดการเปลี่ยนแปลง ตำแหน่งที่เสียหายของมันถูกซ่อมแซมใหม่โดยสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
หลิงฮันประหลาดใจและเอ่ยถามหอคอยน้อย “ดาบเล่มนี้ก็เป็นอุปกรณ์นิรันดร์?”
“เหอะ!” หอคอยน้อยแสยะยิ้มราวกับกำลังเหยียดหยามนับหมื่นเท่า
“แค่พูดออกมาเจ้าจะตายรึไง?” หลิงฮันสบถ “ไม่งั้นเลิกคิดเรื่องศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวายได้เลย”
หอคอยน้อยยอมแต่โดยดีและกล่าว “มันคือกฎของธรรมชาติ ทั้งต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อนและดาบไม้ของเจ้าต่างเป็นธาตุไม้ทั้งคู่จึงสามารถดูดกลืนกันและกันได้ แต่จะบอกว่ามันเป็นอุปกรณ์นิรันดร์น่ะรึ? ช่างน่าขัน!”
“เท่าที่ข้ารู้ วัสดุธาตุไม้ที่กลายเป็นอุปกรณ์นิรันดร์ได้นั้นมีเพียงสามชิ้น”
“สามชิ้นไหนรึ?” หลิงฮันสงสัยเป็นอย่างมาก
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ตอนนี้” หอคอยน้อยกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า “รีบๆไปตามหาศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวายได้แล้ว!”
ฮึ่ม เจ้านี่มันเป็นสมบัติของเขาหรือเจ้านายของเขากันแน่!
หลิงฮันส่ายหัวและเหาะลงมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เขาได้ผลของต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อนมาแล้วแถมดาบไม้พุพังก็พัฒนาขึ้นด้วย ถึงแม้ดาบเล่มนี้จะถูกหอคอยน้อยเหยียดหยาม แต่ก่อนจะเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนมันสมควรเป็นสมบัติที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
“ส่งผลของต้นไผ่และดาบนั่นมา” ถังโม่ขวางทางเขาเอาไว้และกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแสราวกับผู้อาวุโสกำลังออกคำสั่งรุ่นเยาว์
ทันใดนั้นเอง อุปกรณ์บินต่างๆก็เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ อุปกรณ์บินเหล่านั้นเป็นของจูป้า หยุนเหอและจอมยุทธคนอื่นๆที่เข้ามาในเขตแดนลี้ลับ ถึงแม้พวกเขาจะถูกทิ้งห่างไปไกลแต่หลิงฮันก็ใช้เวลาเก็บเกี่ยวผลของต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์นานพอสมควรพวกเขาจึงไล่ตามมาทัน
อุปกรณ์บินทั้งหมดหยุดเคลื่อนที่ ในตอนแรกทุกคนไม่เข้าใจสถานการณ์แต่ฉื้อหวงจี่่ก็ได้อธิบายให้พวกเขาฟัง
ม่อหลี จูป้าและหยุนเหอก้าวออกมาพร้อมกับกล่าว “สิ่งที่เก็บเกี่ยวได้ในเขตแดนลี้ลับขึ้นอยู่กับความสามารถของคนคนนั้น หากเจ้าคิดจะแย่งชิงก็ต้องผ่านพวกข้าไปเสียก่อน!”
“พวกไร้ค่า คิดรึว่าข้าไม่กล้าสังหารพวกเจ้า?” ถังโม่กล่าวอย่างเย็นชา แม้เขารังเกียจที่จะให้มือตนเองเปื้อนเลือดของมดปลวก แต่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำนั้นล้ำค่าเกินไป ต่อให้เป็นตระกูลของพวกเขาก็มีปลูกไว้เพียงสองต้นแถมยังเติบโตไม่เต็มที่อีกด้วย
หากเขาได้มันมาครอบครองย่อมเกิดผลประโยชน์มหาศาล
แต่หากอยู่ในมือของมดปลวกเหล่านี้น่ะรึ? มีแต่จะเสียของโดยเปล่าประโยชน์!
“พวกข้าไม่เชื่อ!” จูป้า หยุนเหอและคนอื่นๆส่ายหัว ด้านนอกมีจ้าวอสูรของพวกเขาอยู่ถึงสิบเจ็ดคน ถังโม่จะกล้าผลีผลามลงมือรึ?
ถังโม่เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม “พวกเจ้ารนหาที่ตายเอง!” เขาก้าวออกมาด้านหน้าถังโม่ จูป้าและคนอ่นๆ ทันใดนั้นวงโคจรดาราจักรก็ปรากฏออกมาจากร่างของเขา ภายในวงโคจรดาราจักรประกอบไปด้วยดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน
“บ้าไปแล้ว!” สายตาของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ไม่มีทางมองพลาดแน่นอน ร่างของทุกคนสั่นสะท้านหวาดกลัวทันทีที่เห็นจำนวนของดวงดาวในวงโคจรดาราจักร
จำนวนของดวงดาวมีมากกว่าสองล้านห้าแสนดวง!