ถัดจากระดับโลกียนิพพานก็เป็นระดับแบ่งแยกวิญญาณ ระดับขอบเขตตำหนักอมตะ ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้และระดับราชานิรันดร์
ระดับขอบเขตตำหนักอมตะเป็นระดับพลังที่สามของดินแดนแห่งเซียน เทียบกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คือระดับดารา เรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
หลิงฮันมองไปยังเด็กน้อยตรงหน้าที่ดูไม่มีผู้อาวุโสแม้แต่น้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านมีชื่อรึไม่?”
“ข้าคือจักรพรรดิเพลิงอัสนี!” เด็กน้อยกอดอกแน่นด้วยท่าทางอวดดี
หลิงฮันจ้องมองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเลิกสนใจ ในเมื่อข้อตกลงระหว่างเขากับอีกฝ่ายบรรลุเสร็จสิ้นแล้วเขาไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อและหันหลังก้าวเดินออกจากถ้ำ
แต่ในขณะที่เขาเริ่มก้าวเท้านั่นเองเขาก็รู้สึกว่าเสื้อของตัวเองถูกดึงเอาไว้ เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่ามีมือขนาดเล็กจับชายเสื้อของเขาเอาไว้
“อย่าบอกนะว่าพอท่านกลับกลายมาอยู่ร่างของเด็กแล้วจะไม่กล้าไปไหนคนเดียว?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮึ่ม ใต้สวรรค์นี้ไม่มีโบราณสถานใดที่ข้าไม่กล้าบุกเข้าไปสำรวจ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาว่าร้ายเช่นนั้น!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“แล้วท่านจะจับข้าทำไม?” หลิงฮัยเอ่ยถาม
“…ข้าแค่ไม่รู้ว่าจะออกไปอย่างไร” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าวด้วยสีหน้าอับอายเล็กน้อย
พรวด!
หลิงฮันหัวเราะจนสำลักออกมาทันที “ความมืดในถ้ำเป็นพลังที่เกิดจากตัวท่านเอง แต่ท่านกลับไม่สามารถกลับออกไปได้?”
“ไร้สาระ ที่นี่เป็นสิ่งที่ข้าสร้างไว้ในตอนที่ยังหลงเหลือความแข็งแกร่งอยู่ ด้วยพลังระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นต้นเป็นไปได้อย่างไรที่จะกลับออกไปได้?” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกัดฟัน
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าว “ท่านมีค่าเดินทางรึเปล่า?”
จะ เจ้าคนเห็นแก่เงิน!
จักรพรรดิเพลิงอัสนีตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นใครโลภมากเช่นเด็กหนุ่มตรงหน้ามาก่อน
หลิงฮันหัวเราะ “ข้าแค่ล้อเล่น ไม่เห็นจะต้องคิดเป็นจริงเป็นจังเลย! เพียงแต่หากท่านจะให้อะไรข้าเล็กๆน้อยๆเป็นการตอบแทนข้าก็ยินดีรับไว้”
จักรพรรดิเพลิงอัสนีกรอกตาและไม่ต่อล้อต่อเถียงกับหลิงฮัน
หลิงฮันปลดปล่อยเพลิงเก้าสวรรค์ออกมาเป็นสลายความมืดมิด
“โอ้!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีประหลาดใจ “เหตุใดเพลิงนั่นถึงทำให้ข้ารู้สึกได้ความหวาดกลัวได้ขนาดนี้? ต่อให้เป็นตัวข้าในอดีตก็ไม่คงไม่กล้าเอาตัวเองไปรับเพลิงนั่นตรงๆ”
หลิงฮันไม่กล่าวอธิบายใดๆ เพลิงบรรพบุรุษล้ำค่าเกินไป ตอนนี้เขากับอีกฝ่ายมีความสัมพันธ์กันเพียงน้อยนิด บางทีสมบัติก็สามารถเปลี่ยนมิตรสหายให้กลายเป็นศัตรูได้
ทั้งสองคนเริ่มเดินกลับออกจากถ้ำ เพียงแต่ว่าหลังจากเดินกลับมาได้ราวๆสองในสามส่วน จู่ๆหลิงฮันก็หลิงฮันก็รู้สึกว่าเอวของตนเองกำลังถูกดึง ดูเหมือนเวลาถึงเวลาหนึ่งวันแล้วจักรพรรดินีเลยทำการดึงเชือกตามที่ตกลงกันไว้
เมื่อเป็นเช่นนี้ความเร็วของเขาจึงเพิ่มขึ้น ผ่านไปเพียงไม่นานทั้งสองก็ออกมาจากถ้ำได้
“หืม?” จักรพรรดินีมองไปยังจักรพรรดิเพลิงอัสนีด้วยสายตาประหลาดใจ การที่คนหนึ่งเดินเข้าไปในถ้ำแล้วกลับออกมาพร้อมกับเด็กน้อยอีกคนนั้นเป็นภาพที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องประหลาดใจ
“เป็นสตรีที่งดงามนัก แม้แต่ในดินแดนแห่งเซียนข้าก็ไม่เคยพบเจอสตรีที่มีเสน่ห์เช่นนางมาก่อน” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าวในขณะที่สำรวจจักรพรรดินีตั้งแต่หัวจรดเท้า
“นางเป็นภรรยาข้า อย่าได้มองเยอะเกินไป!” หลิงฮันเอื้อมมือไปปิดตาของอีกฝ่าย
“แค่มองไม่เห็นเสียหาย ทำขี้เหนียวไปได้” จักรพรรดิเพลิงอัสนีพึมพำก่อนจะเลิกมองจักรพรรดินี
“ไหนตอนนี้ข้าก็ไม่มีจุดหมายอยู่แล้ว ข้าจะติดตามเจ้าไปก่อนแล้วกัน เมื่อบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงเมื่อไหร่ค่อยเปิดเส้นทางกลับสู่ดินแดนแห่งเซียน”
หลิงฮันเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่าท่านอย่าได้เสียใจภายหลัง!” ตัวเขาสร้างศัตรูเอาไว้มากมาย ทั้งดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาที่สามารถบุกมาไล่ล่าเขาได้ตลอดเวลา หรือความบาดหมางระหว่างดินแดนต้องห้ามแปดศิลาเองก็ยังไม่สะสางดี ยิ่งกว่านั้นคือหากขุมอำนาจอื่นๆรู้ว่าเขาไม่สามารถยกระดับพลังบ่มเพาะเป็นราชาเซียนได้แล้วเกรงว่าเขาคงจะตกเป็นเป้าหมายของพวกเขาแน่นอน
นอกจากนั้นเขาก็บดขยี้กายหยาบของหานฉีที่เป็นทายาทของขุมอำนาจจากดินแดนแห่งเซียนไปแล้วอีกด้วย
การติดตามเขาไม่ต่างอะไรกับแทงดาบใส่ตัวเอง
หลิงฮันมุ่งหน้ากลับจักรวรรดิต้าหลิงเป็น หลังจากทิ้งทรัพยากรบ่มเพาะส่วนหนึ่งเอาไว้แล้วเขาก็ใช้อุปกรณ์บินแหวกเมฆามุงหน้าไปยังดาวมู่ถู ในระหว่างการเดินทางจักรพรรดินีได้เข้าไปยังหอคอยทมิฬเพื่อบ่มเพาะพลังต่อ นางอยากจะบรรลุเป็นเซียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
จักรพรรดิเพลิงอัสนีไม่ประหลาดใจที่หลิงฮันมีอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์เนื่องจากในดินแดนแห่งเซียนสมบัติเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นสมบัติทั่วไป เขาคร้านที่จะสนใจและอยากจะนั่งอยู่เฉยๆบนอุปกรณ์บินแหวกเมฆาเพื่อใช้เวลาส่วนตัว
เพียงแต่ว่าหลิงฮันได้ไต่ถามเรื่องราวต่างๆของดินแดนแห่งเซียนจากเขาจนไม่เหลือเวลาส่วนตัว เพียงแต่จักรพรรดิเพลิงอัสนีเป็นตัวตนระดับระดับขอบเขตตำหนักอมตะ ดังนั้นสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับดินแดนแห่งเซียนจึงมีเพียงในขอบเขตของระดับพลังของเขาเท่านั้น
ในดินแดนแห่งเซียนนั้นมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด เมืองแต่ละเมืองมีขนาดเทียบเท่ากับดวงดาวขนาดใหญ่ ในขณะที่เมืองขนาดใหญ่มีขนาดเทียบเท่าเขตดวงดาว!
ยิ่งกว่านั้นทำไมในดินแดงแห่งเซียนถึงเรียกจอมยุทธระดับนิรันดร์ว่านิรันดร์น่ะรึ? เหตุผลคือสภาพแวดล้อมของดินแดนแห่งเซียนนั้นมีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพีที่สามารถทำให้จอมยุทธระดับนิรันดร์มีอายุขัยได้อย่างไม่จำกัด เพียงแต่ว่าหากออกมาจากสภาพแวดล้อมของดินแดนแห่งเซียนนานเกินไป จอมยุทธระดับนิรันดร์จะไม่ได้มีอายุขัยไม่จำกัดอีกต่อไป อายุขัยพวกเขาจะเหลือไม่ต่างกับจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง
แต่แม้กระทั่งจักรพรรดิเพลิงอัสนีก็ไม่รู้ถึงเหตุผลที่ทำให้เกิดมหาโศกนาฏกรรมในดินแดนแห่งเซียนในอดีตกาล มีเพียงข่าวลือที่ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นเพราะตัวตนระดับราชานิรันดร์ เพราะงั้นจึงมีเพียงตัวตนระดับราชานิรันดร์เท่านั้นที่จะล่วงรู้เหตุผล
สองปีต่อมาอุปกรณ์บินแหวกเมฆาก็มาถึงดาวมู่ถูในที่สุด
ด้วยการที่จักรพรรดิเพลิงอัสนีเพิ่งเกิดใหม่เขาจึงเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วทันที เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงเซียนระดับต้นที่มีพลังต่อสู้เทียบเท่าเซียนระดับกลาง ต่อให้เจอศัตรูที่สู้ไม่ได้จักรพรรดิเพลิงอัสนีก็ยังสามารถหลบหนีได้ หลิงฮันถึงไม่เป็นกังวลอะไร
“หลิงฮัน ให้ข้าออกไป!” เสียงของสตรีนกอมตะส่งมาถึงเขาผ่านหอคอยทมิฬ
หลิงฮันให้สตรีนกอมตะออกมาและพบว่าออร่าของนางในตอนนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก
นางกำลังจะทะลวงผ่าน…
ระดับสร้างสรรพสิ่ง!