อีกไม่กี่วันต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็หลุดพ้นออกจากอาณาเขตหิมะ
สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าพวกเขาหลังจากนั้นคือแม่น้ำอันผันผวน ด้วยอำนาจของคลื่นน้ำในแม่น้ำหากตกลงไปคงหนีไม่พ้นความตาย
หากต้องการมุ่งหน้าไปยังสถานที่สุดท้ายของหุบเหวสืบสานนิพพานเพื่อทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพาน พวกเขาจำเป็นต้องข้ามผ่านแม่น้ำแห่งนี้ไปจนถึงชายฝั่งให้ได้
ใครที่คิดจะเหาะเหินข้ามผ่านแม่น้ำไปโดยตรงเลยก็อย่าได้ฝัน เนื่องจากไอน้ำที่ระเหยออกจากแม่น้ำสายจะมีแฝงเอาไว้ด้วยอำนาจแห่งเต๋าอันทรงพลัง ต่อให้เป็นตัวตนระดับโลกียนิพพาน แบ่งแยกวิญญาณหรือขอบเขตตำหนักอมตะก็ถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย
หากต้องการข้ามผ่านแม่น้ำสายนี้ ทุกคนจำเป็นต้องนำต้นไม้พิเศษที่เติบโตขึ้นในละแวกนี้มาสร้างเป็นเรือ
และอีกอย่างคือไม่ว่าก่อนหน้านี้ใครจะเลือกเดินผ่านรูถ้ำรูไหนของกำแพงภูเขา สุดท้ายเส้นทางของพวกเขาก็จะมาบรรจบกันที่แม่น้ำสายนี้
ต้นไม้พิเศษในบริเวณนี้ล้ำค่าเป็นอย่างมาก
ไม่เพียงแค่สามารถใช้สร้างเป็นเรือได้ แต่ผลของมันก็ยังเป็นสมบัติล้ำค่าอีกด้วย ผลของมันถูกเรียกว่าผลตัดผ่านนิพพาน
คุณสมบัติของผลตัดผ่านนิพพานนั้นก็ตามชื่อของมัน ผลชนิดนี้มีไว้สำหรับช่วยทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพาน
ผลตัดผ่านนิพพานไม่ได้ช่วยให้เข้าใจหลักการของการทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานง่ายขึ้น แต่มันคือสมุนไพรที่ดูดซับอำนาจของสวรรค์และปฐพีในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้มากักเก็บเอาไว้ หากกินเข้าไปอำนาจแห่งสวรรค์และปฐพีที่สะสมเอาไว้ภายในสมุนไพรช่วยจะช่วยให้จอมยุทธทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
แต่ก็แน่นอนว่าหากเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศอยู่แล้ว พวกเขาย่อมรู้แจ้งถึงอำนาจแห่งสวรรค์และปฐพีได้ด้วยตัวเอง และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผลตัดผ่านนิพพาน
พวกหลิงฮันต้องการข้ามผ่านแม่น้ำจึงจำเป็นต้องหาต้นไม้มาสร้างเป็นเรือ
ซึ่งพวกเขาเองก็โชคดีไม่น้อยที่เวลาผ่านไปไม่นานก็พบเจอไม้พิเศษต้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ตระหง่านสูงชี้ฟ้า หลิงฮันนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมาตัดลำต้นของต้นไม้เป็นหลายท่อนและใช้เชือกหนามัดเชื่อมพวกมันเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นเรือแพอย่างง่าย
แน่นอนว่างานใช้แรงงานเช่นนี้หลิงฮันย่อมทำคนเดียว แต่ยังไม่ทันที่จะทำส่วนสุดท้ายเสร็จ กลุ่มคนสี่คนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา ทันทีที่ทั้งสี่คนมองเห็นเรือแพที่ใกล้เสร็จสมบูรณ์ พวกเขาก็เผยสีหน้าดีใจออกมาทันที
“ทิ้งเรือแพไว้แล้วไสหัวไป” รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งในกลุ่มกล่าวอย่างอวดดี
ในกลุ่มสี่คนมีสามคนที่เป็นจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งในขณะที่อีกคนเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน เนื่องจากพรสวรรค์ของนิรันดร์ผู้นี้ไม่ได้โดดเด่นอะไร เขาจึงมาที่นี่อีกครั้งเพื่อทะลวงผ่านนิพพานที่สอง
แต่ต่อให้เขาจะเป็นนิรันดร์หนึ่งนิพพานที่อ่อนแอเพียงใด พลังของระดับโลกียนิพพานก็อยู่เหนือระดับสร้างสรรพสิ่งอย่างสมบูรณ์ เพราะเหตุนี้กลุ่มทั้งสี่จึงมีท่าทีอวดดีเป็นอย่างมาก
นิรันดร์หนึ่งนิพพานผู้นี้มีรูปลักษณ์อยู่ในช่วงอายุห้าสิบปี เขาเป็นชายที่ค่อนข้างชราและไว้หนวดสั้น มือทั้งสองข้างของเขาพาดเอาไว้ที่ด้านหลังและเผยสีหน้าเหยียดหยาม
ครั้งนี้เขาไม่ได้มาเพื่อทะลวงผ่านสองนิพพานเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีหน้าที่คุ้มกันรุ่นเยาว์ทั้งสามของตระกูลในการทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานอีกด้วย หากรุ่นเยาว์ทั้งสามทะลวงผ่านสำเร็จทุกคนเลยก็คงดี เพราะอำนาจของตระกูลพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
แต่น่าเสียดายที่ระดับโลกียนิพพานไม่ใช่สิ่งที่จะบรรลุกันได้ง่ายๆ
หลิงฮันชำเลืองมองไปยังทั้งสี่คนและกล่าว “คิดจะปล้นชิงข้า?”
“พวกข้าไม่ได้ปล้นชิง แต่แค่พวกข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า สิ่งที่เจ้าต้องทำคือยอมเชื่อฟังแต่โดยดี ไม่เช่นนั้นล่ะก็…” รุ่นเยาว์คนเดิมกล่าวพร้อมทำสีหน้าโหดเหี้ยม
ที่นี่คือเขตแดนลี้ลับที่ตัดขาดจากโลกภายนอก หากไม่มีใครเป็นพยานรู้เห็นพวกเขาจะสังหารใครก็ได้ตามใจชอบ
หลิงฮันส่ายหัวและหันไปกล่าวกับภรรยาทั้งสอง “ดูเหมือนต้องมีการปะทะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว”
เขานำสตรีนกอมตะเข้าสู่หอคอยทมิฬก่อนจะกล่าวกับจักรพรรดินี “เจ้าอยากรับมือกับคนที่แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ?”
“แข็งแกร่ง!” จิตวิญญาณสู้รบของจักรพรรดินีลุกโชน
“อืม ถ้ารับมือไม่ไหวก็รีบบอกข้า” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จักรพรรดินีพุ่งทะยานร่างเป็นฝ่ายลงมือโจมตีนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ร่างแยกทั้งเก้าของนางปรากฏตัวออกมา รูปลักษณ์อันงดงามของร่างแยกส่งผลให้ศัตรูทั้งสี่คนอ้าปากค้าง
ในโลกนี้มีสตรีที่งดงามขนาดนี้อยู่ได้อย่างไร?
เพียงแต่เมื่อเห็นการโจมตีของจักรพรรดินีที่ถาโถมเข้ามา ชายชราระดับโลกียนิพพานก็ตกตะลึง พลังของสตรีผู้นี้เหนือกว่าระดับสร้างสรรพสิ่งหลายเท่า แม้จะยังเทียบไม่ได้กับระดับโลกียนิพพานที่หนึ่งนิพพาน แต่ก็เพียงพอที่จะสามารถกล่าวได้ว่าเป็นระดับหนึ่งนิพพานครึ่งก้าว
สุดยอดอัจฉริยะ!
“เหอๆๆ” ชายชราระดับโลกียนิพพานหัวเราะ ต่อให้จักรพรรดินีจะมีพลังต่อสู้ระดับโลกียนิพพานครึ่งก้าว แต่ต่อหน้าระดับโลกียนิพพานที่แท้จริงพลังของนางก็ยังถือว่าอ่อนแอ
ทว่าความจริงกลับไม่เป็นตามที่เขาคาดคิด พลังต่อสู้ของจักรพรรดินีแข็งแกร่งจนแม้แต่ตัวตนระดับหนึ่งนิพพานเช่นเขาก็ไม่อาจกำราบได้แม้จะแลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปหลายกระบวนท่าแล้ว
และในระหว่างที่เขาไม่สามารถกำราบจักรพรรดินีได้นั่นเอง หลิงฮันก็ใช้โอกาสนั้นลงมือกับรุ่นเยาว์ระดับสร้างสรรพสิ่งอีกสามคน
“รนหาที่ตาย!” รุ่นเยาว์ทั้งสามเค้นเสียงเย็นชาและตอบโต้
หลิงฮันซัดหมัดออกไป ‘ปัง’ ร่างของรุ่นเยาว์คนหนึ่งระเบิดออกกลายเป็นฝนโลหิตในพริบตา แม้แต่เศษเนื้อก็ไม่หลงเหลือ
ในความคิดของหลิงฮัน กลุ่มคนสี่คนนี้น่ารังเกียจยิ่งกว่าอันธพาลขวางทางทั้งสิบสามคนนั้นอีก
“ไม่จริง!” รุ่นเยาว์อีกสองคนโอดครวญหวาดผวา พวกเขาเกรงกลัวว่าตนเองจะกลายเป็นเหมือนรุ่นเยาว์คนเมื่อครู่
ชายชราระดับโลกียนิพพานเองก็ตกตะลึง รุ่นเยาว์ทั้งสองคนที่พวกเขาพบเจอแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หากทั้งสองเป็นราชาแห่งยุคล่ะก็ เหตุใดเขาถึงไม่ได้ได้ยินเรื่องราวของทั้งสองมาก่อนเลยแม้แต่น้อย?
“บังอาจ!” ชายชราระดับโลกียนิพพานผลักฝ่ามืออย่างรุนแรงเข้าใส่จักรพรรดินีจนลอยกระเด็น เขาหันหน้ามายังหลิงฮันและเพื่อโจมตี หากเขาไม่รีบหยุดยั้งอีกฝ่ายเอาไว้ รุ่นเยาว์ของตระกูลอีกสองคนต้องตายอย่างแน่นอน
หลิงฮันเมินเฉยชายระดับโลกียนิพพานและลงมือโจมตีรุ่นเยาว์อีกสองคนต่ออย่างไม่รีรอ
‘โผล๊ะ โผล๊ะ’ ยังไม่ทันที่ชายระดับโลกียนิพพานจะได้ลงมือ รุ่นเยาว์อีกคนก็ถูกหลิงฮันสังหารไม่เหลือแม้แต่เศษซาก
“อ้ากกก!” ชายชราะระดับโลกียนิพพานโมโหจนแทนบ้าคลั่ง ร่างของเขาพุ่งทะยานมาถึงพอดีและคว้าร่างของรุ่นเยาว์คนสุดท้ายเข้าสู่อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ เขาคำรามอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับโจมตีเข้าใส่หลิงฮัน
“ข้าจะยอมให้เจ้าโจมตีหนึ่งร้อยกระบวนท่า หากทำให้ข้าบาดเจ็บได้เจ้าจะถือว่าเป็นผู้ชนะ” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
‘ตูม ตูม ตูม’ ชายชราระดับโลกียนิพพานกระหน่ำโจมตีเข้าใส่หลิงฮันด้วยความโกรธ แต่ไม่ว่าเขาจะซัดร่างของหลิงฮันรุนแรงขนาดไหน บนร่างกายของอีกฝ่ายก็ไม่มีบาดแผลปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
ร่างของชายชราระดับโลกียนิพพานชะงักแข็งค้าง รุ่นเยาว์ผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดแบบใดกันแน่!
ไม่ต้องเอ่ยถึงระดับสร้างสรรพสิ่งเลย ต่อให้เป็นนิรันดร์หนึ่งนิพพานเช่นเดียวกับเขา ก็ไม่มีทางที่หากรับการโจมตีของเขาเข้าไปเต็มๆแล้วร่างกายจะไม่ปรากฏแม้แต่รอยขีดข่วนเลยเช่นนี้