นายน้อยไห่? ฟู่ทงไห่?
หลิงฮันรับรู้เช่นกันว่าเป็นเพราะเขา สถานะของฟู่เกาหยุนในช่วงนี้จึงมั่นคงขึ้นมาเป็นอย่างมาก การสนับสนุนจากปรมาจารย์นักปรุงยาสามดาวมีน้ำหนักมากเกินไป จนฟู่ทงไห่ไม่อาจนิ่งเฉยได้
หากยังปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ตำแหน่งผู่สืบทอดที่แท้จริงจะต้องตกเป็นของฟู่เกาหยุนแน่
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ข้ารู้สึกว่าข้าไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกับฟู่ทงไห่นะ”
“จะไม่มีได้อย่างไร!” นางยิ้มด้วยเสน์อันเย้ายวนราวกับดอกไม้นับร้อยที่เบ่งบาน
“ถ้าคิดจะพูดคุยกันล่ะก็ หัวข้อที่จะพูดคุยก็มีออกเยอะแยะ” นางปัดผมตัวเองเล็กน้อย เพื่อเผยให้หลิงฮันเห็นใบหูอันงดงาม
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ข้าไม่สนใจ”
“นายน้อยฮัน ท่านต้องการทำให้ข้าอับอายรึ?” หลิวฮวายยวี่ทำสีหน้าโศกเศร้า
ท่าทีของหลิงฮันยังคงนิ่งเฉย ทักษะการยั่วยวนของหลิวฮวายยวี่นับว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง แต่น่าเสียดายที่ต่อหน้าหลิงฮันที่ได้เห็นใบหน้าของจักรพรรดินีอยู่ทุกวันอยู่แล้ว เสน่ห์เพียงแค่นี้ย่อมไร้ผล
เขายิ้มหน้าตายและกล่าวตอบ “ขอเชิญแม่นางหลิวกลับไป”
“หรือนายน้อยฮันกลัวว่าภรรยาทั้งสองจะหึงหวง?” หลิวฮวายยวี่หัวเราะโดยยกมือขึ้นมาปิดปากและกล่าว “ด้วยพรสวรรค์ของนายน้อยฮัน อย่ากล่าวถึงเรื่องมีภรรยาสองคนเลย ต่อให้มีภรรยานับร้อยก็เป็นเรื่องที่เหมาะสม”
หลิงฮันสะบัดมือพร้อมกับกล่าว “เชิญกลับไป!”
“นายน้อยฮัน!” หลิวฮวายยวี่โน้มตัวเข้าประชิดตัวหลิงฮันและจับมือเขาเอาไว้ “นายน้อยอย่าได้ไร้เยื่อใยเช่นนั้นเลย ขอแค่บอกว่ามาอยากให้ข้าทำอะไร ข้าก็ยินยอมทำให้นายน้อยฮันทุกอย่าง!”
ดวงตาที่กระจ่างใสและริมฝีปากที่ร้อนแรงราวกับเปลวเพลิงของนาง สามารถทำให้ใครก็ตามที่จ้องมองรู้สึกเร่าร้อนได้อย่างไม่ยากเย็น
หลิงฮันเค้นเสียง “ยังไม่ไปอีกรึ?”
“นายน้อยฮัน!” ใบหน้าของหลิวฮวายยวี่เปลี่ยนเป็นขึงขัง “นกที่ฉลาดย่อมต้องเลือกต้นไม้ที่จะใช้เป็นที่พักพิงให้ดี”
“ถึงแม้ตำแหน่งของฟู่เกาหยุนในตอนนี้จะนับว่าค่อนข้างมั่นคง แต่คิดรึว่าเขาจะสามารถเทียบชั้นกับนายน้อยไห่ที่สะสมขุมกำลังมานานหลายพันล้านปีได้?”
“ถ้าหากนายน้อยฮันกับนายน้อยไห่ร่วมมือกัน ตำแหน่งประมุขตระกูลจะต้องตกเป็นของนายน้อยไห่แน่นอน ซึ่งนายน้อยไห่ได้กล่าวไว้ว่าเมื่อถึงตอนนั้น เขาจะมอบตำแหน่งผู้นำขุมอำนาจอันดับหนึ่งภายใต้การปกครองตระกูลฟู่ให้แก่นายน้อยฮัน หรืออาจจะถึงขั้นยอมสร้างเมืองให้ด้วย!”
แน่นอนว่าตอนนี้ฟู่ทงไห่จะยื่นข้อเสนออะไรก็ได้ แต่ในอนาคตภายภาคหน้าเขาจะยอมทำให้หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงคำสัญญาปากเปล่า
ใบหน้าของหลิงฮันเผยรอยยิ้มดูถูกพร้อมกับกล่าว “ในอนาคตข้าคือคนที่จะกลายเป็นราชินิรันดร์ เจ้าไม่คิดว่าข้อเสนอของพวกเจ้าจะดูถูกข้าไปหน่อยรึไง?”
ร่างของหลิวฮวายยวี่ชะงักทันทีที่ได้ยิน
นางเคยพบเห็นผู้คนที่ยกยอตนเองมาแล้วมากมาย บุรุษที่มักกล่าวโอ้อวดตัวเองเพื่อต้องการความสนใจจากนางก็มีอยู่ไม่น้อย แต่คำโอ้อวดของคนเหล่านั้นเมื่อนำมาเทียบกับของหลิงฮันแล้ว พวกเขาดูธรรมดาไปเลย
กลายเป็นราชานิรันดร์งั้นรึ ช่างน่าขัน!
ราชานิรันดร์คือตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนแห่งเซียน ต่อให้เป็นชายที่หยิ่งทะนงในตัวเองอย่างฟู่ทงไห่ ก็ตั้งเป้าหมายอยู่แค่ระดับขอบเขตตำหนักอมตะเท่านั้น หรือบางทีถ้าหากเขาโชคดี ก็อาจจะมีความหวังอันริบหรี่ที่สามารถกลายเป็นตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ได้ แต่สำหรับราชานิรันดร์นั้นเลิกพูดถึงไปได้เลย
ต่อให้เป็นทายาทของนิกายยักษ์ใหญ่ที่สามารถเผาผลาญทรัพยากรได้อย่างไร้ขีดจำกัดขนาดไหน คนที่มีโอกาสจะบรรลุเป็นราชานิรันดร์ก็คงจะมีเพียงแค่หนึ่งในหมื่น
ตัวตนระดับนิรันดร์นั้นมีอายุขัยไร้ที่สิ้นสุดก็จริง แต่ทว่าจำนวนของราชานิรันดร์กลับมีอยู่เพียงน้อยนิดจนน่าอนาถใจ
เพราะงั้นการที่หลิงฮันกล่าวประโยคโอ้อวดอย่างการที่ตนเองจะกลายเป็นตัวตนระดับราชานิรันดร์ออกมา จึงมีแต่จะทำให้ผู้คนหัวเราะใส่เท่านั้น
“นายน้อยฮันช่างมีความทะเยอทะยานที่สูงส่งยิ่งนัก…” หลิวฮวายยวี่แน่นิ่งไปนานพอสมควร ซึ่งคำพูดที่นางกล่าวตอบกลับไปนั้นไม่ใช่คำชมอย่างแน่นอน เพียงแค่นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานตัวจ้อย ที่มีปรมาจารย์นักปรุงยาสามดาวสองคนหนุนหลังอยู่เท่านั้น กลับกล้าพูดออกมาอย่างเต็มปากว่าตนเองจะกลายเป็นราชานิรันดร์งั้นรึ?
สิ่งที่เจ้าพูดออกมามีแต่จะทำให้เจ้ากลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น
หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “หากฟู่ทงไห่ช่วยให้ข้าบรรลุเป็นราชานิรันดร์ได้ ข้าจะยอมไปพบเขา แต่ถ้าทำไม่ได้ก็อย่ามาทำให้ข้าเสียเวลา”
หลิวฮวายยวี่แทบจะยื่นมือออกไปตบหน้าหลิงฮัน หากมีวิธีทำให้บรรลุเป็นราชานิรันดร์ได้ ฟู่ทงไห่จะต้องการตำแหน่งผู้นำตระกูลฟู่ไปทำไม?
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะลองถามนายน้อยไห่ดู” หลิวฮวายยวี่ยอมแพ้และยอมกลับไปในที่สุด
นี่เป็นครั้งแรกที่นางหมดความอดทนต่อหน้าบุรุษ และยังเป็นครั้งแรกด้วยที่นางต้องกลับไปมือเปล่า จิตใจของนางได้รับผลกระทบจนอดคิดไม่ได้ว่า หรือเสน่ห์ของนางจะลดลงทำให้ไม่งดงามเหมือนเดิม?
หลิวฮวายยวี่จากไปได้ไม่นานกี่ชั่วโมง ก่อนที่ใครบางคนจะมาหาหลิงฮันอีกครั้ง
แขกในคราวนี้คือฟู่ทงไห่ หนึ่งในสี่ผู้สืบทอดตระกูลฟู่
ชายผู้นี้มีกลิ่นอายที่น่าดึงดูดเป็นอย่างมาก แถมทุกๆการเคลื่อนไหวของเขายังน่าเกรงขามจนสามารถทำให้สตรีจิตใจหวั่นไหว
“ข้าคือฟู่ทงไห่!” ทันทีที่เดินผ่านประตูที่พักเข้ามา ฟู่ทงไห่ก็แนะนำตัวกับหลิงฮันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ยินดีที่ได้พบพี่ชายไห่”
“น้องชายฮัน เจ้าช่างเป็นชายที่มีความทะเยอทะยานสูงนัก ข้าเองก็เป็นคนเช่นนั้น ทำไมพวกเราถึงไม่มาร่วมมือกันสร้างยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ไปด้วยกันล่ะ?” ฟู่ทงไห่จ้องมองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้ามุ่งมั่น เสน่ห์อันน่าดึงดูดของเขาสามารถทำให้ผู้คนใจอ่อนและยอมทำตามได้อย่างง่ายดาย
ด้วยกลิ่นอายที่น่าเกรงขามขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมสตรีที่งดงามอย่างหลิวฮวายยวี่ถึงได้ยินยอมติดตามชายผู้นี้