พวกหลิงฮันทั้งสามคนทำการออกเดินทางสำรวจภูเขา โดยที่หลิงฮันกล่าวเตือนเหล่าคนแคระเอาไว้แล้วว่าให้ระวังตัวกับคนนอกไว้ให้ดี แต่ด้วยการที่มีท่อนไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ คิดว่าพวกคนแคระคงไม่น่าพบเจอปัญหาอะไร
จากที่คนแคระเผ่ากูลูเล่ามา หินสมบัติขุนเขาที่ว่าจะถูกฝังลึกลงไปอยู่ใต้พื้นดิน ซึ่งบางก้อนอาจจะอยู่ลึกลงไปถึงหลายสิบเมตร
เท่าที่ได้ยินมานั้น หินสมบัติขุนเขาจะมีเอกลักษณ์ที่สังเกตเห็นได้ง่ายมาก เนื่องจากผิวของตัวหินจะส่องประกายเรืองแสงเหมือนกับสีน้ำนม และมีของเหลวใสๆอยู่ภายใน ครั้งหนึ่งเผ่ากูลูผู้กล้าหาญคนหนึ่งได้ลองเปิดหินสมบัติขุนเขาเพื่อดื่มของเหลวที่อยู่ภายในดูและเสียชีวิตลงในทันที
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชนเผ่ากูลูจึงไม่กล้ามองหินสมบัติขุนเขาเป็นสิ่งปกติอีกต่อไป และเชื่อว่าหินสมบัติขุนเขาคือการลงโทษของพระเจ้า
ด้วยพลังของพวกหลิงฮันทั้งสามคนแล้ว การขุดหรือบดขยี้พื้นดินนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่กับภูเขาลูกนี้นั้นกลับแตกต่างออกไป
โครงสร้างของมันทนทานเป็นอย่างมาก!
หลิงฮันพยายามทำลายโขดหินหลายก้อนดูแต่ก็ไม่เป็นผล จนสุดท้ายเขาก็ต้องยอมลงมือขุดดินอย่างช้าๆเหมือนคนทั่วไป
“หอคอยน้อย เจ้าพอจะเดาได้รึไม่ว่าสมบัติขุนเขาคืออะไร?” หลิงฮันเอ่ยถาม
หอคอยน้อยครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “สิ่งนั้นอาจจะเป็นหยกสมบัติวิญญาณที่เชื่อมต่อกับถ้ำ เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่เกิดจากจากรวมตัวกันของออร่าที่เล็ดรอดออกมาจากศิลาต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ มันจึงสามารถใช้เปิดถ้ำของหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ได้”
“เจ้ามั่นใจว่าหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์อยู่ในถ้ำนั่นจริงๆ”
“ข้ามั่นใจเกินกว่าเก้าส่วน” หอคอยน้อยพยักหน้า “แต่ในเมื่อตอนนี้หยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์พัฒนาจนสมบูรณ์แล้ว คาดว่าคงมีแต่พลังอำนาจระดับราชานิรันดร์เท่านั้นที่สามารถเก็บเกี่ยวมันได้ เพราะงั้นคนที่เจ้าต้องระวังเอาไว้ให้ดีมีเพียงผู้สืบทอดขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์สองคนนั่นเท่านั้น”
“แล้วเจ้าสามารถหาสมบัติขุนเขาได้รึเปล่า?” หลิงฮันถามต่อ
“หากอยู่ในระยะที่ใกล้พอ ข้าก็สามารถสัมผัสถึงมันได้” หอคอยน้อยกล่าวตอบ
“ต้องใกล้ขนาดไหนรึ?”
“ภายในระยะสิบฟุต”
หลิงฮันพยักหน้า หากสมบัติขุนเขาก้อนใดถูกฝังเอาไว้ใต้ดินไม่เกินสิบฟุตและ หอคอยน้อยจะสามารถสัมผัสถึงมันได้ล่ะก็ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าให้เขาสุ่มขุดหาไปทั่วทั้งภูเขา
หลิงฮันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลายเป็นนักขุดภูเขา
พื้นดินแทบจะทั้งหมดของภูเขาลูกนี้เต็มไปด้วยก้อนหินหนา และมีพื้นที่ส่วนที่เป็นดินอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะงั้นหากจะขุดพื้นดินของภูเขาลูกนี้ก็จำเป็นต้องใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ในการหลอมละลาย
โชคดีที่พวกหลิงฮันทั้งสามคนยืมท่อนไม้ศักดิ์สิทธิ์มาจากเผ่ากูลูด้วย พวกเขาจึงสามารถประหยัดพลังไปได้หลายส่วน
การขุดดินดำเนินเวลาไปมากกว่าห้าเดือน โดยที่ราชาแห่งยุคทั้งสามพยายามทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้น
“เจ้าหนู ไปทางซ้าย!” จู่ๆเสียงของหอคอยน้อยก็ดังขึ้น
ร่างของหลิงฮันหยุดชะงักก่อนจะเผยสีหน้าประหลาดใจ “เจ้าพบแล้วรึ?”
หอคอยน้อยกล่าวตอบอย่างฉุนเฉียว “ข้าบอกให้ไปทางซ้ายก็ไปทางซ้ายสิ จะมัวพล่ามไร้สาระทำไม?”
นี่ถ้าเจ้าไม่ปากเสียเจ้าจะตายรึไง?
หลิงฮันเบี่ยงทิศขุดไปทางซ้าย ก่อนที่เสียงของหอคอยน้อยจะดังขึ้นอีกครั้ง “มากไป ขยับไปทางขวาหน่อย”
หลังจากเบี่ยงทิศทางขุดไปมาอยู่หลายครั้ง ในที่สุดหอคอยน้อยก็นิ่งเงียบและหลิงฮันก็ทำการขุดต่อไป
“ขุดช้าๆลงหน่อย” หลังจากขุดลึกไปได้ราวๆครึ่งฟุต หอคอยน้อยก็เปิดปากพูดต่อ
หลิงฮันขุดช้าลงตามคำบอกของหอคอยน้อย และเปลี่ยนจากใช้ท่อนไม้ศักดิ์สิทธิ์มาใช้มือขุดแทน เพราะไม่ต้องการทำให้หยกสมบัติวิญญาณเสียหาย
หลังจากขุดต่อไปอีกไม่นาน หลิงฮันก็พบหยกสมบัติวิญญาณ
เหมือนกับที่เหล่าคนแคระบอกเอาไว้จริงๆ หินก้อนนี้มีสีขาวกระจ่างราวน้ำนม และโปร่งเล็กน้อยทำให้มองเห็นของเหลวที่อยู่ภายใน
“เป็นหยกสมบัติวิญญาณจริงๆ” หอคอยน้อยกล่าว
“สิ่งนี่คือสมบัติรึเปล่า?” หลิงฮันถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว หินก้อนนี้เกิดจากการควบแน่นของเศษเสี้ยวอำนาจต้นกำเนิดปฐพี ความล้ำค่าของมันสามารถทำให้แม้แต่ตัวตนระดับตำหนักอมตะรู้สึกหวั่นไหว”
หลิงฮันเข้าใจทันทีว่าทำไมคนแคระที่ดื่มของเหลวภายในหินก้อนนี้ถึงได้ตาย ไม่ใช่ว่าหยดของเหลวในหินก้อนนี้เป็นพิษ แต่ที่คนแคระผู้นั้นตายเป็นเพราะพลังอำนาจของของเหลวนั้นรุนแรงเกินไป จนทำลายของของคนแคระผู้กล้าหายในพริบตา
เหล่าคนแคระทุกคนมีพลังบ่มเพาะอยู่ในระดับทลายมิติเท่านั้น ถึงแม้พวกเขาจะมีความเกี่ยวข้องกับหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ก็ไม่สามารถต้านทานพลังอำนาจของระดับพลังที่เหนือกว่าได้
น่าเสียดายทีสมบัติชิ้นนี้จำเป็นต้องใช้สำหรับเปิดทางเข้าถ้ำ เพราะไม่เช่นนั้นเขาคงนำมันไปใช้เองแล้ว
หลิงฮันขุดหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จู่ๆจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันน่าขนลุก
“วางสมบัติขุนเขาลงซะ!” เสียงอันเย็นชาดังขึ้น ถึงแม้น้ำเสียงจะฟังดูงดงามแต่กลับแฝงไว้ด้วยจิตสังหารที่รุนแรง
การที่คนผู้นี้สามารถปรากฏตัวด้านหลังหลิงฮันโดยที่สัมผัสสวรรค์ของหลิงฮันตรวจจับไม่ได้นั้น ย่อมหมายความว่าพลังและทักษะที่อีกฝ่ายใช้ต้องทรงพลังเป็นอย่างมาก
คนที่ปรากฏตัวคือจื่อเหอปิงอวิ๋น ในฐานะที่นางเป็นถึงผู้สืบทอดของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ การจะมีทักษะระดับนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
หลิงฮันค่อยๆหันหลังและเผชิญหน้ากับจื่อเหอปิงอวิ๋น
ในมือของอีกฝ่ายถือท่อนไม้ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ โดยใช้ส่วนปลายชี้มาที่ใบหน้าของเขา
ดูเหมือนนางเองก็รู้เหมือนกันว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นใช้งานอย่างไรและทรงพลังขนาดนั้น จึงได้ใช้จะใช้มันเพื่อทำให้หลิงฮันยอมศิโรราบ
แต่ทำไมนางถึงไม่ลงมือโจมตีไปเลยน่ะรึ? นั่นเป็นเพราะนางกลัวว่าการโจมตีจะไปทำลายสมบัติขุนเขาที่อยู่ในมือหลิงฮันนั่นเอง เพราะงั้นนางจึงต้องสั่งให้หลิงฮันมอบสมบัติขุนเขามาให้ก่อน ถึงจะลงมือสังหารทีหลัง
หลิงฮันขมวดคิ้วและระเบิดจิตสังหารออกมา
“You killed!” He said, “I sensed a strong smell of blood, and More than one! ” He suddenly became angry. “You killed that dwarf village!”
“เจ้าสังหารพวกเขาไปแล้ว!” เขากล่าว “ข้าสัมผัสกลิ่นโลหิตอันรุนแรงจากร่างกายเจ้าได้ ซึ่งเป็นกลิ่นโลหิตของคนจำนวนเกินกว่าหนึ่งคน!”
โทสะของเขาปะทุออกมา “เจ้าสังหารทุกคนในหมู่บ้านคนแคระ!”
จื่อเหอปิงอวิ๋นมีท่าทีไม่แยแส ค่าสังหารคนแคระในหมู่บ้านนั้นไปจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร? คนพวกนั้นมีพลังบ่มเพาะแค่ระดับทลายมิติเท่านั้น ซึ่งไม่มีค่าพอให้นางจดจำเสียด้วยซ้ำ นางเลิกคิ้วและกล่าว “ไม่ต้องพูดให้มากความ และรีบๆส่งสมบัติขุนเขามา!”
บุรุษผู้นี้น่ารังเกียจเป็นอย่างมากที่กล้าทำให้นางต้องเปิดเผยก้นต่อหน้าสาธารณชน ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นที่สมควรตาย แต่คนอื่นๆที่เห็นก้นของนางก็สมควรตายเช่นกัน!
หลิงฮันกำหมัดและกล่าวอย่างเย็นชา “อยากได้ ก็จงเอาชีวิตของเจ้ามาแลก!”
“ตาย!” จื่อเหอปิงอวิ๋นขยับท่อนไม้ศักดิ์สิทธิ์เล็กน้อย ‘พรึบ’ คลื่นแสงถูกปลดปล่อยออกมาและพุ่งเข้าใส่ขาขวาของหลิงฮัน