สุนัขตัวดำจากไปด้วยท่าทางที่ดูน่าเกรงขาม
หลิงฮันมองร่างของมันที่หายไปพร้อมกับถอนหายใจออกมา สุนัขตัวดำได้กลับคืนสู่ยุทธภพแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีคนอีกมากมายเท่าใดที่ต้องพบเจอกับความปั่นป่วนที่มันสร้างขึ้น เขารู้สึกอยากไว้อาลับให้กับคนเหล่านั้นจริงๆ
เขากับจักรพรรดินีมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม และเดินออกจากสถานที่แห่งนี้
“ตอนนี้แก่นกำเนิดนิรันดร์ของข้าแข็งแกร่งขึ้นมากทีเดียว” จักรพรรดินีกล่าว ด้วยความช่วยเหลือจากแก่นพลังราชานิรันดร์ แก่นกำเนิดนิรันดร์ของนางได้ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ถึงแม้นางจะยังสร้างร่างแยกได้แค่เก้าร่างเช่นเดิม แต่พลังต่อสู้นั้นเพิ่มขึ้นมามากทีเดียว
ยิ่งกว่านั้นถึงแม้กายหยาบของนางจะไม่ได้เปลี่ยนเป็นแก่นกำเนิดนิรันดร์เปลวเพลิง แต่จักรพรรดินก็สามารถเรียกใช้ อำนาจแห่งกฎเกณ์เปลวเพลิงได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วยิ่งกว่าจอมยุทธในระดับเดียวกัน
“แล้วเจ้าล่ะ?” จักรพรรดินีเอ่ยถาม
หลิงฮันหัวเราะ ‘พรึบ’ ทั่วร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง “ร่างกายของข้าพัฒนากลายเป็นแก่นกำเนิดนิรันดร์เปลวเพลิงแล้ว นอกจากข้าจะมีความใกล้ชิดกับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงยิ่งขึ้น ข้ายังสามารถกระตุ้นอำนาจแห่งเต๋าเปลวเพลิง เพื่อยกระดับพลังต่อสู้ให้สูงขึ้นได้ชั่วคราวด้วย”
หากให้พูดล่ะก็ ความสามารถเช่นนี้นี่ล่ะคือแก่นกำเนิดนิรันดร์ หนึ่งคือมันจะช่วยให้จอมยุทธมีความใกล้ชิดกับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มากขึ้น สองคือมันสามารถช่วยทำให้จอมยุทธใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ ที่ทรงพลังยิ่งกว่าระดับพลังของตนเองได้ เพียงแต่ว่าอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ทรงพลังขึ้นนั้น จะคงสภาพอยู่ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น แถมบางครั้งอาจจะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สาหัส
“การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเจ้าในตอนนี้อยู่ในระดับใด?” จักรพรรดินีเอ่ยถามด้วยความสงสัย
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ต่อให้จื่อเหอปิงอวิ๋นและลั่วจ่างเฟิงกลับมามีชีวิต ข้าก็สามารถสังหารทั้งสองได้ภายในหนึ่งกระบวนท่า” แน่นอนว่าหนึ่งการโจมตีที่ว่านั้น คือการโจมตีที่ยกระดับพลังต่อสู้ด้วยการยืมพลังจากเต๋าแห่งเปลวเพลิงแล้ว
จักรพรรดินียิ้ม ยิ่งหลิงฮันแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งมีความสุข
ณ ตอนนี้หลิงฮันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า สุนัขตัวดำไม่ได้พูดเพื่อบั่นทอนความมั่นใจของเขา แต่ในดินแดนแห่งเซียนแห่งนี้ มีสุดยอดอัจฉริยะที่แข็งแกร่งกว่าเขาอยู่จริงๆ
ทั้งสองคนเดินหน้ากลับไปยังหุบเขา ซึ่งในตอนนี้กลายเป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
ถึงแม้ออร่าอันรุนแรงภายในเขตแดนลี้ลับจะสลายไปแล้ว แต่ทุกคนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แถมระยะเวลาที่เข้ามาในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ยังใกล้จะเกินสิบปีแล้วด้วย พวกเขาจึงตัดสินใจล่าถอยออกไปก่อนเพราะไม่อย่างเสี่ยงชีวิต
หลิงฮันและจักรพรรดินีไม่หยุดพักและเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ไปยังทางออกเขตแดนลี้ลับ
ทั้งสองเคลื่อนที่ได้รวดเร็วจนสามารถไล่ตามกลุ่มสุดท้ายที่ออกจากหุบเขาได้ทัน และเมื่อเวลาผ่านไปอีกไม่กี่วัน พวกเขาก็ออกมาจากเขตแดนลี้ลับในที่สุด
ในตอนนี้ ภายนอกเขตแดนลี้ลับครึกครื้นเป็นอย่างมาก โดยมีทั้งคนที่กำลังตื่นเต้นและกำลังเป็นกังวล แน่นอนว่าเหล่าคนที่ตื่นเต้นนั้น เป็นเพราะสมาชิกตระกูลของพวกเขา สามารถกลับออกมาจากเขตแดนลี้ลับได้อย่างปลอดภัย พร้อมกับศิลาโลหิตมังกรจำนวนมาก ส่วนเหล่าคนกำลังเป็นกังวลนั้นก็เพราะ สมาชิกตระกูลของพวกเขายังไม่กลับออกมา และมีโอกาสที่อาจจะตายอยู่ด้านในเขตเขตแดนลี้ลับ
“มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น!” จู่ๆใครบางคนก็ตะโกนออกมา “ในการสำรวจเขตแดนลี้ลับครั้งนี้ มีฆาตกรโหดเหี้ยมที่สังหารผู้สืบทอดจากหลายขุมอำนาจไปมากมาย!”
“ใช่แล้วทั้งเชียนจ้าวเถี้ยน เป่ยเสวียนหมิงและเป่ยหยิ่วย้ง ล้วนแต่ถูกฆาตกรผู้นั้นสังหาร!”
“ชื่อของฆาตกรคนที่ว่าคือ หลิงฮัน!”
เพียงแค่ชั่วพริบตา ชื่อเสียงของหลิงฮันก็แพร่กระจายไปถึงหูขุมอำนาจทั้งหมด ทางด้านของตระกูลเชียนจ้าว นิกายอาญาสิ้นแสงและขุมอำนาจอื่นๆนั้น ถึงแม้ในตอนแรกพวกเขาจะไม่เชื่อว่าผู้สืบทอดของพวกเขาจะถูกหลิงฮันสังหารได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปและคนของพวกเขาก็ไม่ออกมาสักที ขุมอำนาจทั้งหลายจึงเชื่อในที่สุดว่า ผู้สืบทอดของพวกเขาถูกหลิงฮันสังหารจริงๆ
เมื่อหลิงฮันกับจักรพรรดินีออกมาจากเขตแดนลี้ลับ แรงกดดันอันรุนแรงก็ถาโถมเข้าใส่ทั้งสองคนทันที ปรมาจารย์ที่ทรงพลังอย่างน้อยร้อยคนรุดหน้ามาปิดกั้นทางของพวกเขา
“เจ้าสังหารเชียนจ้าวหยาง?”
“เจ้าสังหารเป่ยหยิ่วย้ง?”
“เจ้าสังหาร…”
เหล่าคนที่รุดหน้ามาขวางทางคือตัวตนทรงพลังในระดับแบ่งแยกวิญญาณ ณ เวลานี้พวกเขาทุกคนต่างปลดปล่อยออร่าอันทรงพลัง ที่สามารถทำให้จอมยุทธระดับโลกียนิพพานทุกคนตัวสั่นออกมา
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “คงงั้นมั้ง ข้าก็ไม่มีเวลามากพอจะไปจำชื่อของพวกสวะเสียด้วยสิ”
เหล่านิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญารเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใด เจ้าเป็นเพียงนิรันดร์สามนิพพานสูงสุดแท้ๆ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้บังอาจทำตัวโอหังต่อหน้าพวกข้า? ในหมู่พวกเขานั้น ใครบ้างที่ไม่สามารถสังหารหลิงฮันได้นับร้อยครั้ง เพียงแค่ยกฝ่ามือ?
“เจ้าหนูจอมอวดดี ในมือเจ้ายอมรับแล้ว ก็ตายไปซะ!” หนึ่งในนิรันดร์ระดับแบ่งแบกวิญญาณของตระกูลเชียนจ้าวกล่าวอย่างเย็นชา ชื่อของเขาคือเชียนจ้าวอวี่ สำหรับขุมอำนาจระดับสามดาวแล้ว นิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณเช่นพวกเขา คือตัวตนอันสูงส่งและน่าเกรงขาม
“ให้ข้าจัดการเอง!” นิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณของตระกูลเป่ยหยิ่วเอ่ยแทรก เขาเองก็เกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก
“ไม่ ให้ข้าเอง!” ปรมาจารย์หลายคนต่างคำรามออกมา เพื่อแย่งกันเป็นคนสังหารหลิงฮัน
“ช้าก่อน!”
‘พรึบ’ ร่างเงาหนึ่งบินทะยานเข้ามา พร้อมกับปลดปล่อยออร่าอันน่าเกรงขรามปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า จนนิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณต้องล่าถอยอย่างไม่มีทางเลือก
ระดับขอบเขตตำหนักอมตะ!
“ผู้อาวุโสฟู่เยี่ยน!” ทันทีที่เห็นร่างที่ปรากฏตัว เหล่านิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณก็กล่าวทักทายด้วยความเคารพ
ไม่ว่าจะไปที่ไหน ปรมาจารย์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะก็ถือว่าเป็นตัวตนที่น่ายำเกรง แน่นอนว่าต่อให้เป็นในขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ปรมาจารย์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะผู้นี้มีชื่อว่าฟู่เยี่ยน เขาถูกฟู่เสินปิงสั่งให้มาที่นี่เพื่อรับประกันความปลอดภัยของหลิงฮัน แน่นอนว่าปรมาจารย์ที่ทรงพลังของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ก็คงมาที่นี่เพื่อคุ้มครองหลิงฮันเช่นกัน เขาจึงต้องรีบมาที่นี่ก่อน เพื่อสร้างความดีความต่อให้คนของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์เห็น
“ข้าขอถามผู้อาวุโสฟู่เยี่ยนได้รึไม่ ว่าทำไมต้องสั่งให้พวกข้าหยุดมือ?” นิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณผู้หนึ่งเอ่ยถาม ถึงแม้พลังของพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่าฟู่เยี่ยน แต่ขุมอำนาจเบื้องหลังพวกเขาไม่ว่าจะขุมอำนาจใด ก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตระกูลฟู่
ยิ่งกว่านั้น เรือรบของพวกเขาที่ลอยอยู่เหนือน่านฟ้าทุกลำ ก็ล้วนแต่มีมีพลังทำลายที่เทียบเท่ากับตัวตนระดับขอบเขตตำหนักอมตะ