เฉิงเฟิงหยุนอ้าปากกว้างจนแทบจะยัดไข่เข้าไปได้ทั้งใบ
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นผู้สืบทอดของนิกายซู่หนู่ และเป็นอัจฉริยะในรอบพันล้านปีหรอกรึ?
บ้าบอสิ้นดี มีที่ไหนกันที่การประลองยังไม่เริ่ม แต่เจ้าก็ยอมแพ้ไปดื้อๆเลยแบบนั้น
เฉิงเฟิงหยุนสบถอย่างไม่สบอารมณ์อยู่ในใจ ก่อนจะกวาดสายตามองผู้คนรอบข้าง ที่มองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม
“ข้าขอตัว!” เขาคำรามพร้อมกับทิ้งการเดิมพันและจากไป
……
หลังจากการประลองสิ้นสุด ธิดาโร๋วก็ไล่ตามหลิงฮันออกมาจากสถานที่จัดงานประลอง
“พี่ชายหลิง ไม่ใช่ว่าท่านต้องไปตำหนักมัจฉาวายุภักษ์หรอกรึ?” เสน่ห์ของสตรีผู้นี้นับว่าเย้ายวนอย่างแท้จริง เพียงแค่คำพูดของนางก็ทำให้ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกจิตใจหวั่นไหว
สตรีนกอมตะแสดงท่าทีระมัดระวัง นางไม่ใช่จักรพรรดินีผู้สูงส่งที่เหยียดหยามโลกล้า นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น เพราะงั้นนางจึงไม่มีทางใจกว้างพอที่จะแบ่งหลิงฮันให้สตรีอื่นเด็ดขาด
นางทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับธิดาโร๋ว และไม่ยินยอมให้อีกฝ่ายเข้าใกล้หลิงฮัน
หลิงฮันยิ้ม “เรื่องมันพูดยากน่ะ”
เขาไม่คิดจะสาธยายความโชคร้ายของตนเองให้อีกฝ่ายฟัง
“โอ้!” ธิดาโร๋วมีท่าทีไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เหตุใดเจ้าถึงได้ทำตัวเย็นชาห่างเหินกับข้าอยู่ตลอดเลย? อยู่กับข้ามันน่ารําคาญขนาดนั้นเลยรึไง?
เจ้าบุรุษตัวเหม็นน่ารังเกียจ!
นางสบถอย่างไม่สบอารมณ์ในใจ โดยที่ใบหน้ายังคงยิ้มอย่างมีเสน่ห์ด้วยทักษะของนิกายซู่หนู่
แต่น่าเสียงดายที่เสน่ห์ที่ว่านั้นใช้กับหลิงฮันไม่ได้ผล นางสะบัดมืออย่างฉุนเฉียวและหันหลังจากไป
ในวันต่อมา หลิงฮันก็ได้พบเจอกับคู่ต่อสู้คนสุดท้ายของการประลองในอาณาเขตที่หนึ่ง อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่ชื่อว่า ‘จู’ และไม่มีแซ่ ซึ่งเป็นไปได้ว่าชื่อของชายผู้นี้อาจจะเป็นเพียงนามแฝงเท่านั้น
“นายน้อยเฉิง…” ที่ด้านบนแท่นผู้ชม ใครหลายคนจ้องมองไปยังเฉิงเฟิงหยุนอีกครั้ง
พวกเขารู้สึกนับถือเฉิงเฟิงหยุนผู้นี้จริงๆ ทั้งๆที่กินเก้าอี้ก็แล้ว ตบหน้าตัวเองก็แล้ว เผ่นหนีการเดิมพันก็ได้ แต่ก็ยังกล้าปรากฏตัวอยู่อีก
เฉิงเฟิงหยุนส่ายหัวเพื่อบ่งบอกว่าวันนี้เขาไม่คิดจะออกความเห็น
ผู้ชมรอบข้างรู้สึกผิดหวังทันที หากเป็นแบบนี้ความสนุกของการประลองก็คงลดลงไปหลายส่วน
ที่บนลานประลอง หลิงฮันแผ่มือและกล่าว “เชิญลงมือ!”
เพียงแต่เขาก็ไม่คิดจะดูถูกอีกฝ่าย การที่ชายผู้นี้ฝ่าฝันคว้าชัยชนะมาถึงรอบนี้ได้ เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้อ่อนแอ
จูหรี่ตาจ้องมองหลิงฮัน พร้อมกับแสยะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูน่าสยดสยอง เนื่องจากเขาไม่มีทั้งฟันและลิ้น
แต่ถึงอย่างนั้นจิตใจของหลิงฮันก็ไม่หวั่นไหว
ร่างของจูพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว และโจมตีเข้าใส่หลิงฮันด้วยดาบในมือขวา
ดาบเล่มนี้เป็นดาบที่เรียวบางเป็นอย่างมาก ความหนาของมันบางเสียยิ่งกว่าเส้นผมด้วยซ้ำ
ดาบถูกแท่งออกไปหลายครั้งราวกับห่าฝนด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ปกคลุมอยู่ที่ตัวดาบ ส่งผลให้แม้แต่ห้วงมิติอันว่างเปล่าก็ยังถูกฉีกขาด
แข็งแกร่ง!
เฉิงเฟิงหยุนชะงักและรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ทำไมวันนี้เขาถึงไม่เดิมพันกันนะ? ทั้งๆที่มีโอกาสชนะเดิมพันได้แท้ๆ!
เขาอยากจะตบหน้าตัวเองจริงๆ หลายวันมานี้เขาเฝ้ารอดูความพ่ายแพ้ของหลิงฮันอย่างใจจดใจจ่อ แต่พอวันที่โอกาสมาถึง เขากลับพลาดไม่เดิมพันเสียได้
หลิงฮันไม่ทำการป้องกันคมดาบนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้าใส่แม้แต่นิดเดียว
‘ปัง ปัง ปัง’ คมดาบนับไม่ถ้วนปะทะเข้ากับร่างหลิงฮันเต็มๆ แต่จูก็ไม่เผยสีหน้าดีใจแม้แต่น้อย เนื่องจากเขาที่เป็นคนโจมตีย่อมรู้ดีกว่าใครว่า การโจมตีที่เขาจู่โจมออกไปน้อย ไม่สามารถทำอะไรร่างกายหลิงฮันได้เลย
คู่ต่อสู้ของเขาผู้นี้แข็งแกร่งจนถึงขนาดที่ว่า การโจมตีด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์แห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ไม่อาจทำอะไรได้
เมื่อรับการโจมตีเสร็จ หลิงฮันก็ขยับตัวเล็กน้อยและจ้องมองไปที่จู
ร่างของจูสั่นสะท้านจนหัวใจบีบรัด และรีบล่าถอยเว้นระยะห่างอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันยิ้ม “พลังของเจ้าแข็งแกร่งมากทีเดียว ในหมู่คู่ต่อสู้ที่ข้าเผชิญหน้ามาหลายวันนี้ ข้ากล่าวได้เต็มปากเลยว่าเจ้าทรงพลังเป็นอันดับหนึ่ง”
จูผู้นี้มีพลังต่อสู้ที่เกือบจะเทียบเท่าได้กับราชาในหมู่ราชา หากอีกฝ่ายพบเจอกับจื่อเหอปิงอวิ๋น หรือลั่วจ่างเฟิงล่ะก็ อาจจะพอรับมือได้ถึงสองกระบวนท่า
แต่หน้าเสียดายที่คู๋ต่อสู้ของอีกฝ่ายคือเขา
หลิงฮันลงมือ เขาเกร็งนิ้วทั้งห้าและผลักฝ่ามือเข้าใส่จู
แม้ฝ่ามือจะยังไม่ปะทะเป้าหมาย แต่แรงกดดันที่พรั่งพรูออกมาจากฝ่ามือก็หนักหน่วงราวกับขุนเขานับพัน ร่างของจูชะงักแข็งข้างและเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ แม้เขาจะต้องการหลบหลีกฝ่ามือที่พุ่งเข้ามา แต่ขาทั้งสองข้างก็สั่นไม่หยุด ทำให้ยากที่ขยับตัวเคลื่อนไหว
เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็คืออัจฉริยะที่เกือบจะเทียบเคียงได้กับราชาในหมู่ราชา!
จูส่งเสียงคำรามระเบิดพลังออกมา จนสลัดร่างออกจากแรงกดดันของหลิงฮันได้ในที่สุด พร้อมกับสะบั้นดาบโจมตีสวน
ต่อให้เขาจะเป็นฝ่ายแพ้ ก็ต้องแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี
ปัง!
หลังจากการโจมตีเข้าปะทะกัน จูก็ถูกคลื่นกระแทกซัดลอยกระเด็นออกนอกลานประลอง และไม่ลุกยืนขึ้นมาอีกเลย
ณ แท่นผู้ชม ทุกคนที่ดูอยู่ต่างแน่นิ่งกลายเป็นไร้คำพูด
ไม่ว่าใครก็ล้วนแต่คิดว่าหลิงฮันจะพ่ายแพ้ตั้งแต่ ถูกคมดาบนับไม่ถ้วนกระหน่ำใส่แล้ว ไม่คาดติดว่านอกจากหลิงฮันจะพลิกกลับมาชนะแล้ว ยังสามารถคว้าชัยชนะไปได้อย่างรวดเร็วด้วย
เฉิงเฟิงหยุนแอบรู้สึกโชคดีที่ตนเองไม่ได้เดิมพันในวันนี้ เพราะไม่อย่างนั้นล่ะก็… แต่ถ้าหากผลลัพธ์กลายเป็นแบบนี้แล้ว ก็คงต้องรอให้เหล่าอัจฉริยะที่แข็งแกร่งราวกับสัตว์ประหลาดในอาณาเขตที่สี่ เป็นคนจัดการหลิงฮันสถานเดียว
เมื่อจบสิ้นการประลองของวัน ผู้เข้ารอบทั้งสี่คนของอาณาเขตที่หนึ่งก็ถูกตัดสิน ทั้งสี่คนที่ว่าคือ หลิงฮัน จางฉวน เหอเยว่และหยางปี้เยว่
นอกจากหลิงฮันแล้ว ผู้เข้ารอบอีกสามคนนั้นต่างก็เป็นผู้สืบทอดขุมอำนาจสามดาวเหมือนกัน และเป็นราชาแห่งยุค
เมื่อเสร็จสิ้นการประลอง พวกเขาทั้งสี่ไม่ได้กลับไปยังที่พักของตนเอง แต่ถูกเรียกให้มารวมตัวกันเพื่อมุ่งหน้าสู่อาณาเขตที่สี่ และร่วมประลองรอบตัดสินในวันพรุ่งนี้
หลิงฮันรู้สึกคาดหวังเป็นอย่างมาก ห้องบ่มเพาะกาลเวลาของอาณาเขตที่สี่นั้น มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมกว่าของอาณาเขตที่หนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้เขาหลอมเม็ดยาเตาแรกสำเร็จให้รวดเร็วยิ่งขึ้น