หนึงนาทีต่อไป หลิงฮันเปลี่ยนไปเป็นท่าที่สอง แคร๊ก แคร๊ก แคร๊ก กระดูกภายในร่างกายของเขาแตกหักอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะกายาเหล็กไหลได้สมบูรณ์แบบ และความแข็งของกระดูกเทียบได้กับเหล็กหายากในระดับเดียวกัน แต่เขาก็ยังคงรู้สึกได้ว่ากระดูกของเขากำลังแตกหัก
เนื่องจากเขาเป็นคนที่ทำท่าทางนี้ด้วยตัวเอง มันจึงเทียบเท่ากับการต่อสู้กับตัวเอง ดังนั้นแม้ว่ามันจะเป็นเหล็กหายากในระดับเดียวกัน เหล็กศักดิ์สิทธิ์ก็ยังต้องแตก
ด้วยท่าทางแปลกประหลาดนี้ เลือด เนื้อและกระดูกของเขาราวกับว่าพวกมันแต่ละส่วนนั้นมีชีวิต และดูดซับพลังอย่างเมามันแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานให้กับเขา แต่ทว่ามันกลับไม่ได้เปลี่ยนเป็นพลังก่อเกิด แต่เป็นพละกำลังแทน
กล้ามเนื้อของเขาไม่ได้ใหญ่โตขึ้นแต่อย่างใด แต่เขาก็ยังคงรู้สึกได้ว่าเซลล์แต่ละเซลล์นั้นเต็มไปด้วยพลังและเขาสามารถบดขยี้ขุนเขาได้ด้วยพลังเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นภาพลวงตา เขาเพิ่งจะบ่มเพาะมัน ดังนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะแสดงประสิทธิภาพอันน่าทึ่งออกมาได้รวดเร็วเพียงนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่เขาบ่มเพาะมันได้อย่างสมบูรณ์และมีกายหยาบเทียบได้กับกายหยาบพระเจ้า เช่นนั้นกำปั้นของเขาก็จะเต็มไปด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวของมังกรที่แท้จริงเก้าตัว
หลิงฮันเปลี่ยนไปเป็นท่าที่สามและ แคร๊ก แคร๊ก แคร๊ก กระดูกของเขายังคงแตกหักอย่างต่อเนื่อง เขาถึงขั้นกระอักเลือดออกมา แต่มีสิ่งสกปรกปะปนออกมาด้วย ทำให้เขารู้สึกงงงวยด้วยความประหลาดใจ ประสิทธิภาพของมันเห็นได้ชัดจนเกินไป
เม็ดเหงื่อบนร่างกายของเขาเหมือนกับฝน และเส้นผมต่างเปียกโชก ด้วยเสียงที่หยดไหลของเม็ดเหงื่อและอากาศที่ร้อนขึ้นทำให้ก่อตัวเป็นไอน้ำสีขาว
ฮูหนิวรู้สึกว่ามันน่าสนใจและเริ่มเลียนแบบท่าทางของหลิงฮันทันที
“มันเจ็บ!” เด็กสาวตัวน้อยกรีดร้องออกมาไม่หยุด นางทรุดตัวลงกับพื้นและพูดออกมาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “ไม่เห็นจะสนุกเลยแม้แต่น้อย!”
หลิงฮันอยากจะหัวเราะออกมา เด็กสาวตัวน้อยที่เป็นเหมือนสัตว์ประหลาดนั้นไม่ได้แปลกประหลาดไปทั้งหมด
สิบสองนาทีต่อมา หลิงฮันทำท่าทางทุกอย่างอีกครั้ง เม็ดเหงื่อก่อตัวปกคลุมไปทั่วร่าง หลิงฮันเปียกโชกไปทั้งตัว จากนั้นหลิงฮันเปลี่ยนท่าทางอีกครั้งแล้วกลับไปอยู่ในท่าแรก
ร่างกายของเขายังคงดูดซับพลังงานเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่อง แต่มันค่อนข้างแปลกประหลาดทีเดียว ในตอนที่เขาเปิดใช้งานทักษะห้าธาตุสวรรค์ พลังพวกนั้นจะกลายเป็นพลังก่อเกิด แล้วถูกเก็บรวบรวมไว้ที่ตันเถียนและมหาสมุทรวิญญาณ แต่ทว่าตอนนี้นั้นพลังที่ดูดซับมาได้จากทุกเซลล์จะกลายเป็นพละกำลัง
พลังก่อเกิดหรือพละกำลัง อะไรคือความแตกต่าง?
หลิงฮันเคยได้ยินมาว่าบางคนเกิดมาพร้อมกับพละกำลังมหาศาล พวกเขาไม่จำเป็นต้องฝึกฝนบ่มเพาะพลังแม้แต่นิดเดียว เพียงแค่หมัดและลูกเตะก็สามารถทำลายภูเขาสูงได้ทั้งลูก เหมือนกับมนุษย์และมด ซึ่งมดจะต้องฝึกฝนกี่ระดับกันก่อนที่จะสามารถเผชิญหน้ากับพละกำลังของมนุษย์ได้?
ทักษะกายาเก้ามังกรทรราชบางทีอาจถูกสร้างขึ้นโดยสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งและมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะกายา และกลายเป็นกายหยาบพระเจ้า!
หลิงฮันหยุดความคิดที่ทำให้เขาเสียสมาธิและมุ่งสมาธิทั้งหมดเพื่อชี้นำโลหิต กล้ามเนื้อ เส้นโลหิตและกระดูกดูดซับพลังงานที่ลอยอยู่ในอากาศและเปลี่ยนให้มันกลายเป็นพละกำลัง สิ่งที่เขากินไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้นมากมายมาก ดังนั้นพลังที่แปลงเปลี่ยนมาจากพวกมันจึงน่าหวาดกลัว ทำให้เขารู้สึกได้ว่ามันกำลังจะระเบิดออกมา
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา หลิงฮันหยุดและนั่งลงบนพื้นทันทีแล้วอ้าปากหายใจ
นี่มันเป็นอะไรที่เหนื่อมาก แต่ก็ให้ความรู้สึกสบายที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้และก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ
หลังจากนั่งพักได้ชั่วครู่ เขาก็เข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่ออาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วทดสอบพละกำลังของเขา
มันเทียบได้กับระดับรวมธาตุ!
พระเจ้า เขาฝึกมันเพียงแค่ชั่วโมงเดียว และก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว
หลิงฮันพยักหน้าให้กับตัวเอง ตอนนี้เขาอยู่ในระดับแก่นแท้จิตวิญญาณและกินยาบำรุงมามากมาย และเมื่อสิ่งเหล่านี้เหือดแห้งไป มันจะยังคงเพียงพอสำหรับคนปกติที่จะข้ามผ่านระดับหลอมกายาได้ทันทีหรือไม่?
ในทางตรงกันข้าม ถ้าปล่อยให้จอมยุทธระดับหลอมกายากินยาบำรุงมากมายเกินไป พวกเขาจะตายเพราะกินเยอะเกินไป
“อย่างไรก็ตาม ข้าเริ่มต้นเร็วเกินไปเพราะข้าอยู่ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณแล้ว และความก้าวหน้าบางทีอาจจะไม่รวดเร็วนัก” หลิงฮันพูดกับตัวเองและฉีกยิ้มออกมา การบ่มเพาะกายาเป็นหนึ่งในไผ่ลับของเขา ในอนาคตถ้าใครคิดว่าเขาตกอยู่ในสถานการณ์หมดหนทาง แต่จู่ๆเขาก็ระเบิดพละกำลังมหาศาลออกมา เขาก็จะผลิกสถานการณ์ได้ทันทีด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
หลิงฮันออกจากหอคอยทมิฬ เขาก่อไฟและเริ่มต้มน้ำกับฮูหนิว ตอนนี้เขาใช้พลังไปจำนวนมากและมีความอยากอาหารมากยิ่งขึ้น
“ในอนาคต ภายในหอคอยทมิฬข้าจะเลี้ยงสัตว์อสูรให้มากขึ้น” หลิงฮันกล่าว มิฉะนั้น อาหารคงจะไม่เพียงพอสำหรับท้องของเขาและฮูหนิว
“เย้ เย้!” ฮูหนิวแสดงท่าทางดีใจออกมา และจ้องมองไปที่หลิงฮันพร้อมกับน้ำลายที่หกไหลออกมา “ไข่นั่น!”
“ไข่นั่นกินไม่ได้!” หลิงฮันรีบพูดออกมา เด็กสาวตัวน้อยยังไม่ละทิ้งความพยายามและไม่ลืมเรื่องไข่ของอีแร้งเพลิงสีคราม
“ฮึ่ม ขี้งก!” ฮูหนิวบุ้ยปาก แต่เมื่ออาหารปรุงเสร็จแล้ว นางก็เริ่มกินมันอย่างรื่นเริงทันที
เมื่อพวกเขากำลังจะกินอาหารเสร็จ พวกเขาก็เห็นว่ามีใครบางคนกำลังปีนขึ้นมาอย่างยากลำบาก
มันคือเชิงจงเฉิน
หลิงฮันไม่คิดเลยว่าคนที่จะมาถึงเป็นคนที่สามนั้นจะไม่ใช่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานจากรุ่นก่อน แต่กลับเป็นราชันดาบชุดคลุมขาวผู้ที่เป็นอัจฉริยะอันดับแปดของปีนี้
หลิงฮันพยักหน้า การทดสอบรอบที่สามนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่ง…และแน่นอนว่าถ้าไม่ใช่สัตว์ประหลาดอย่างหลิงฮันและฮูหนิวที่เป็นระดับแก่นแท้จิตวิญญาณขั้นสองและสาม แต่กลับมีพลังที่เทียบเท่ากับขั้นเก้า นั้นก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งทันที
โดยรวมแล้วการทดสอบครั้งนี้ทดสอบความดื้อรั้นของคน
จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณนั้นได้เปิดมหาสมุทรวิญญาณขึ้นแล้ว ซึ่งทำให้มีการไหลเวียนพลังก่อเกิดอย่างเนื่องเนื่องและสร้างรากฐานวิญญาณที่สามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์ได้ การปีนไต่แบบนี้นั้น พวกเขาไม่มีทางเหน็ดเหนื่อยอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม แรงดึงดูดที่นี่มันหนักหน่วงเกินไปและทำให้ผู้คนรู้สึกเหนื่อยได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นคนที่เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าและช้ากว่านั้นขึ้นอยู่กับความแน่วแน่ของแต่ละคน
…ถ้าเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็หยุดพักแล้ว แล้วจะถึงเมื่อไหร่กัน?
สายตาของนักดาบผู้นี้เป็นเหมือนกับดาบ เขาเต็มไปด้วยความดื้อรั้นและแน่วแน่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่หยุดจนกว่าจะไปถึงปลายทาง
สภาพร่างกายของเขาเหมือนกับหลิงฮันก่อนหน้านี้ที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อและเส้นผมที่เปียกโชก แต่ชายที่หลั่งเหงื่อไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกเห็นใจ แต่เห็นว่าเป็นชายที่เข้มแข็ง
ผู้ชาย…ควรจะเป็นเช่นนั้น!
หลิงฮันล้มเลิกความคิดที่จะชวนเขากินอาหาร เชิงจงเฉินกำลังทะลวงผ่านขีดจำกัดของตัวเองและเป็นไปได้มากว่าระดับพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหรือมีความก้าวหน้าบนวิถีแห่งดาบ
“ฮูหนิว พวกเราจะมัวทำตัวขี้เกลียดไม่ได้แล้ว ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดในทีเดียวกันเลย!” หลิงฮันกล่าว
“ไปกันเลย!” ฮูหนิวชูกำปั้นเล็กๆของนางขึ้นมา
ทั้งสองเริ่มปีนไต่อีกครั้ง พลังของพวกเขาเหนือกว่าระดับของตัวเอง และเนื่องจากสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยแรงโน้มถ่วง แต่ความเร็วของพวกเขานั้นค่อนข้างเร็วและในไม่ช้าก็แซงเชิงจงเฉิน
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันนั้นได้ถอนหายใจออกมา เขาทำตัวผ่อนคลายเกินไป ซึ่งมันจะทำให้เขาไม่สามารถทะลวงผ่านขีดจำกัดของตัวเองได้
ในทางกลับกัน มันก็เป็นเพราะเขาได้ทะลวงผ่านขีดจำกัดของระดับนี้ไปแล้วเลยทำให้ตอนนี้เขาสามารถทำตัวผ่อนคลาย