อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เป็นทั้งพลังของหลิงฮันหรือฉือชิ่วเหริน แต่เป็นดาบกำเนิดมารกับกระบี่ไร้เทียมทาน
เจตจำนงในดาบกำเนิดมารถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญหน้ากับกระบี่ไร้เทียมทาน มิฉะนั้นอาจเป็นดาบกำเนิดมารที่จะถูกกระบี่ไร้เทียมทานผ่าเป็นสองส่วน และทำให้พวกเขาทั้งสองคนมีพลังเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับทลายมิติ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่พรสวรรค์ของหลิงฮันกับฉือชิ่วเหรินแต่อย่างใด
แต่บทบาทของพวกเขาไม่สามารถเพิกเฉยได้ ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งต้องตกตายไป ดาบกำเนิดมารและกระบี่ไร้เทียมทานก็จะไม่มีวันได้เฉิดฉายอีกต่อไปและจะจบลงอยู่ที่นี่
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด ดาบกำเนิดมาร
ความเสียหายดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อาวุธวิญญาณระดับสิบสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ เหมือนกับจอมยุทธที่มีความสามารถในการฟื้นฟู – ตราบใดที่อักขระบนดาบไม่ถูกทำลายมันก็จะยังคงเป็นอาวุธวิญญาณ
เห็นได้ชัดว่าการปะทะกันของอาวุธวิญญาณนั้นกระบี่ไร้เทียมทานเหนือกว่าดาบกำเนิดมาร แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของหลิงฮันนั้นเหนือกว่าฉือชิ่วเหรินเลยทำให้เขาลบข้อด้อยดังกล่าวออกไป ดังนั้นพลังต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองคนจึงอยู่ในระดับเดียวกัน
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่พึงพอใจอย่างยิ่งสำหรับหลิงฮัน เขาเพิ่งใช้พลังของหอคอยทมิฬเพิ่มพลังต่อสู้ของเขาในปัจจุบัน แต่เมื่อใดที่พลังของเขาลดลง นั่นคงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
หลิงฮันไม่ได้เป็นคนควบคุมดาบกำเนิดมาร มันสามารถต่อสู้เองได้อย่างอิสระ เขาจึงนำคันศรตะวันยอแสงออกมาแทนที่จะใช้ทักษะดาบลึกลับสามพันเล่ม นี่แสดงให้เห็นว่าตอนนี้ทักษะธนูของเขานั้นแข็งแกร่งที่สุด
ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์สามทักษะหลอมรวมกันเป็นหนึ่งและหลิงฮันยิงลูกศรออกไป
พรึบ ลูกศรของเขากลายเป็นลำแสงและพุ่งเข้าหาฉือชิ่วเหริน
ฉือชิ่วเหรินใช้กระบี่ขึ้นมาปัดป้อง ตู้ม กระบี่ไร้เทียมทานผ่าลูกศรที่เป็นถึงแร่เหล็กระดับแปดเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย
จากนั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างตกตะลึง
หลิงฮันรู้สึกตกใจกับปฏิกิริยาของฉือชิ่วเหริน อีกฝ่ายสามารถป้องกันศรฆ่ามังกรทะลวงดาราของเขาได้
ส่วนฉือชิ่วเหรินนั้นรู้สึกตกใจยิ่งกว่า เพราะเขาไม่ได้ฟาดฟันกระบี่ออกไป แต่เป็นกระบี่ไร้เทียมทานที่หยุดศรนั่น
พวกเขาทั้งสองคนต่างคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่อาจประมาทได้แม้แต่น้อย
หลังจากการโจมตีของหลิงฮัน ทั้งสองคนไม่ได้เข้าปะทะห่ำหั่นกันอีก
“ข้ากลับคำพูด เจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่หาได้ยากยิ่งนัก” ฉือชิ่วเหรินยิ้ม “ตอนนี้ข้ายังไม่อาจสังหารเจ้าได้”
เขาค่อนข้างเป็นคนที่ซื่อตรงทีเดียว
หลิงฮันแสดงรอยยิ้มออกมาเช่นกันและพูดว่า “ข้าเองก็ไม่สามารถฆ่าเจ้าได้”
“ถ้างั้นพวกเรามาพักรบกันชั่วคราว” ฉือชิ่วเหรินเก็บกระบี่ไร้เทียมทาน “เมื่อข้าเจอเจ้าครั้งหน้า ถ้าความแข็งแกร่งของเจ้าไล่ตามข้าไม่ทัน เจ้าจะต้องเสร็จข้าอย่างแน่นอน”
“เจ้าก็เหมือนกัน!” หลิงฮันกล่าว
ฉือชิ่วเหรินไม่หันไปมองผู้คน และทยานขึ้นไปในอากาศแล้วจากไป
หลิงฮันจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเขา ก่อนที่จะลับหายไปจากสายตา
พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นเพราะพลังของหอคอยทมิฬและเม็ดยา หรือว่านั่นจะเป็นพลังต่อสู้ที่แท้จริงของฉือชิ่วเหริน? ไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้สำหรับเขาที่พึ่งพากระบี่ไร้เทียนทานตั้งแต่ต้นจนจบ
ถ้าพวกเขาทั้งสองคนต่อสู้กันต่ออีกครั้ง นั่นหมายความว่าถ้าลูกเล่นของใครหมดก่อน ประตูแห่งชีวิตและความตายจะเปิดออกมาให้เห็น ซึ่งนั่นไม่ใช่อะไรที่พวกเขาทั้งสองคนอยากจะเห็น
ดังนั้นฉือชิ่วเหรินจึงหยุดต่อสู้ และหลิงฮันก็ไม่ได้พูดปฏิเสธแต่อย่างใด
“น้องเขย…น้องเขยของข้า!” หลี่เฟิงหยู่กระโจนเข้ามาหา การต่อสู้นั่นทำให้เขาแทบบ้าคลั่ง จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณและจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวากับมีพลังต่อสู้เทียบเท่าจอมยุทธระดับทลายมิติ
หลิงฮันเก็บดาบกำเนิดมาร อาวุธวิญญาณนี่จะต้องได้รับการซ่อมแซมอยู่สักระยะ แต่ด้วยพลังของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณของเขานั้นไม่สามารถทำได้ แต่ถ้าเป็นหอคอยทมิฬล่ะก็สามารถทำได้
“ขอแสดงความยินดีด้วยพี่ชายหลิง!” เหวินเหรินเชียนเชียนกล่าวด้วยความจริงใจ
ถ้าหลิงฮันชนะราชันกระบี่น้อย มันแค่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะเขา แต่การต่อสู้เมื่อครู่เพียงพอที่จะทำให้อัจฉริยะทุกคนรู้สึกสิ้นหวัง
หลิงฮันและฉือชิ่วเหรินนั้นไกลเกินกว่าที่จะเรียกว่าอัจริยะแล้ว พวกเขาเหนือกว่าคำว่าอัจฉริยะและยังคงเหนือขึ้นไปอีก
บนท้องฟ้า การต่อสู้ระหว่างอสูรศิลาและย่าวหุยเย่วได้จบลงแล้ว ผลของการต่อสู้ย่าวหุยเย่าวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ สีหน้าของเขาดูซีดขาว เขาหันหลังและจากไปและไม่มีหน้าจะพูดคุยอีกจูเสวี่ยนเอ๋ออีก
– แม้แต่หุ่นเชิดของหลิงฮันยังเอาชนะไม่ได้ แล้วจะมีหน้าเผชิญหน้ากับหลิงฮันได้อย่างไร?
“ไปกันเถอะ!”
หลิงฮันมุ่งหน้าต่อไปตามเส้นทาง แต่เขาไม่ได้ไปหาจักรพรรดิพิรุณและมู่ชิงหลง แต่พาเหยียนเฮิงเหอไปด้วย ผู้คนจำนวนมากกำลังเดินทางไปในทะเล และด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาเพียงแค่ใช้พลังเล็กน้อยก็สามารถเดินบนน้ำได้แล้ว
แม้ว่าการต่อสู้จะผ่านไปได้ไม่นาน แต่ทุกคนยังคงตราตรึงการต่อสู้ของหลิงฮันกับฉือชิ่วเหรินไว้ในใจ มันน่าทึ่งมาก และไม่อาจทำให้พวกเขาหยุดความตื่นเต้นนี้ได้
พื้นที่ทะเลมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษและไม่มีเกาะ ทำให้พวกเขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะหยุดพักเพื่อกินอาหาร แต่โชคดีที่หลังจากทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน อาหารไม่จำเป็นอีกต่อไป แม้จะมีผลกระทบอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เพราะพวกเขาเดินทางออกมาไกลแล้ว ทำให้ทัศนียภาพรอบตัวเปลี่ยนไป ทุกคนเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายมากยิ่งขึ้น พวกเขาไม่พูดคุยกันอีกต่อไปเพียงแค่อยากบินให้พ้นไปจากทะเลนี่เสีย
ครื้น!
ทันใดนั้น เกิดคลื่นยักษ์ซัดเข้าใส่พวกเขาและมีหนวดปรากฏออกมาพุ่งเข้าใส่พวกหลิงฮัน
หลิงฮันปล่อยหมัดออกไป แต่ก็ไร้ประโยชน์และถูกหนวดของมันดูด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาถูกโจมตีตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงทะเล แต่นี่เป็นการโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุด
“สัตว์อสูรระดับก้าวสู่เทวา!” หลิงฮันล่าถอย เจ้าสัตว์อสูรตัวนี้ยังไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็นมีเพียงแค่หนวดของมันเท่านั้นที่โผล่ออกมา
“หรือว่ามันจะเป็นอสูรหมึกยักษ์?” ทุกคนกำลังคาดเดา พวกเขาทุกคนอาศัยอยู่บนบกและไม่ค่อยได้สัมผัสกับทะเล ซึ่งเป็นดินแดนของเผ่าใต้ทะเล
ครื้น หนวดเริ่มขยับอีกครั้งและทำให้เกิดคลื่นยักษ์ขึ้น
ไม่มีใครกล้าที่จะยืนหยัดต่อสู้กับมัน แม้แต่อสูรศิลาก็ยังไม่กล้า มีเพียงแค่หลิงฮันเท่านั้นที่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน
“หมึกย่าง! หมึกย่าง!” ฮูหนิวส่งเสียงเชียร์และกระโจนเข้าหาหนวดยักษ์เพื่อตัดมัน