ฮูหนิวยอมรับจูเสวี่ยนเอ๋อในฐานะคู่แข่งอยู่เสมอและนางมักจะคิดหาวิธีที่จะกำจัดจูเสวี่ยนเอ๋อออกไป ดังนั้น ถ้ามีใครอยากได้ตัวจูเสวี่ยนเอ๋อ จึงเป็นธรรมดาที่นางจะสนับสนุน
ชายหนุ่มแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาบนใบหน้า
เขาเป็นใครกันน่ะหรือ แค่ผู้หญิงคนเดียวเขาจะเอามาไม่ได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม หญิงสาวผู้นี้ช่างงดงามอย่างแท้จริง ความงามของนางปรากฏอยู่บนโลกเบื้องล่างได้อย่างไร?
จากนั้นชายหนุ่มเค้นเสียงดูถูกและเริ่มแนะนำตัวเอง “ข้าคือหยีเสวียนหมิง บรรพบุรุษของข้าเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ที่แข็งแกร่ง ลุงสามก็เป็นเช่นนั้น ลุงเจ็ดเองก็ด้วย!”
จอมยุทธระดับสวรรค์สามคนเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจินตนาการได้ในชีวิตที่แล้วของหลิงฮัน แต่ในยุคสมัยนี้วิถียุทธนั้นรุ่งเรืองอย่างมาก จำนวนของจอมยุทธระดับทลายมิติเองก็มีมากกว่าหนึ่งร้อยคน แล้วจอมยุทธระดับสวรรค์สามคนจะเป็นเรื่องแปลกอะไร?
หลิงฮันทำเป็นตกตะลึงอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “พลังของจอมยุทธระดับสวรรค์เป็นอะไรที่ข้าไม่สามารถต่อกรได้ด้วยในตอนนี้”
นี่คือความจริง ถ้าเขาต้องการต่อสู้กับจอมยุทธระดับสวรรค์ เขาจะต้องบรรลุระดับก้าวสู่เทวาเสียก่อนและบวกกับพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวของเขา จะทำให้เขาสามารถต่อกรกับจอมยุทธระดับสวรรค์ได้ และเขาจะมีพลังเหนือกว่าในชีวิตที่แล้วของเขา
เมื่อคิดแบบนั้น มันเป็นเหมือนกับความฝัน ในชีวิตนี้เขาฝึกฝนบ่มเพาะพลังมากี่ปีกัน?
“เจ้าอาจจะยังไม่รู้ว่าเจ้าเป็นเพียงแค่มดปลวก นี่เจ้ายังไม่ส่งไข่มุกมาให้ข้าอีกรึ?” หยีเสวียนหมิงตะโกนออกมาอย่างเย็นชา เขาเป็นคนที่หยิ่งทนง เมื่อหลิงฮันทำให้เขาไม่พอใจ นิ้วของเขากระดิกไปมาและอยากจะฆ่าอีกฝ่ายให้แล้วจบ
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ถ้าข้าไม่ให้ เจ้าจะทุบตีข้า?”
หยีเสวียนหมิงชี้นิ้วใส่และพูดว่า “ไม่ทุบตีเจ้า แต่จะฆ่าเจ้า!”
“ลุงจู ลุงหยาง จัดการพวกมัน!” เขาหันหลังกลับไปหาชายชราทั้งสองคน
“ขอรับ นายน้อย!” จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาขานรับคำสั่งพร้อมกัน คนหนึ่งมีชื่อว่าจูปี้ และอีกคนมีชื่อว่าหยางฉง มีเหตุผลที่บอกว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องฟังรุ่นเยาว์ แต่ใครขอให้รุ่นเยาว์คนนี้มีพรสวรรค์มากที่สุดในตระกูลกันล่ะ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้พิทักษ์ของหยีเสวียนหมิง
“ข้าล่ะเกลียดคนสามประเภทนี้ยิ่งนัก” หยีเสวียนหมิงกล่าว “ประเภทแรกคือคนโง่เขลาที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความหยิ่งยโส ประเภทที่สองคนที่ปากจัด ประเภทที่สามคนที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้า”
“นี่คือคนสามประเภทที่ข้าเกลียดยิ่งนักและพวกมันจะมีจุดจบเหมือนกัน”
“—นั่นคือความตาย!”
ระหว่างพูดคุย จูปี้และหยางฉงได้กระโจนเข้าหาหลิงฮันแล้ว เจตจำนงของพวกเขาแพร่กระจายออกมา คนหนึ่งกลายเป็นพยัคฆ์สีชาด ในขณะที่อีกคนหนึ่งกลายเป็นกระเรียนขาว
แต่น่าเสียดายพลังที่พวกเขาปลดปล่อยออกมานั้นทำให้สีหน้าของหลิงฮันซีดขาวลงเล็กน้อยเท่านั้น
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เฉินเหอ เจ้าจัดการพวกมันคนหนึ่ง”
เหยียนเฮิงเหอรู้สึกตกใจ เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้วจะต่อสู้กับจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาได้อย่างไร? แม้เขาจะเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่ง แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อสู้ข้ามหนึ่งระดับใหญ่อย่างระดับก้าวสู่เทวา
แต่เนื่องจากหลิงฮันเป็นคนเปิดปากพูด เขาทำได้แค่กัดฟันสู้เท่านั้น
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ศิลาน้อย เจ้าไปช่วยเขา!”
“โฮกกก!” อสูรศิลากรีดร้อง มันเหยียบย่ำพื้นดินและเข้าไปต่อสู้เคียงข้างเหยียนเฮิงเหอ
เหยียนเฮิงเหอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที เขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของอสูรศิลาดี แม้ว่าเขาจะมีพลังต่อสู้ของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ตาม
หลิงฮันพูดออกมาอีกครั้ง “ฮูหนิว เจ้าอยากลงมือหรือไม่?”
“อืม!” ฮูหนิวกระโจนออกไปทันที นางรู้สึกโกรธมากที่ขายจูเสวี่ยนเอ๋อให้อีกฝ่ายไม่ได้
“พี่ชายหลิง ข้าอยากสู้ด้วย” เหวินเหรินเชียนเชียนกล่าว
“ได้” หลิงฮันพยักหน้า
ทั้งจูปี้และหยางฉงรู้สึกโกรธเกรี้ยวมาก รุ่นเยาว์พวกนี้กล้าที่จะดูแคลนพวกเขาราวกับไม่มีพิษสงอะไร และยังทำเป็นแบ่งกันสู้ราวกับพวกเขาเป็นตัวตลก!
ฮูหนิวเผชิญหน้ากับหยางฉง ในขณะที่พวกเหยียนเฮิงเหอสามคนร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับจูปี้
การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นทันที
สีหน้าของจูปี้และหยางฉงเปลี่ยนไปมากและรู้สึกขบขัน
รุ่นเยาว์พวกนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหนกันเชียว?
จูปี้รู้สึกไม่แยแส แม้ว่าพวกเหยียนเฮิงเหอทั้งสามคนจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้เป็นจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเสียหน่อย อย่างมากพวกเขาจะใช้อสูรศิลาเป็นเกราะกำบังและรับการโจมตีส่วนใหญ่ของจูปี้ ส่วนเหวินเหรินเชียนเชียนและหนวนเฉินเหอเป็นคนโจมตี แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาท
นี่ทำให้เขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม และเขามีความสามารถเหนือกว่าศัตรูทั้งสามคน จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาจะพลาดท่าให้กับจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้อย่างไร? แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงก็เกิดขึ้น พวกเขาสามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้
ในขณะเดียวกันสีหน้าของหยางฉงดูตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นมาก
ฮูหนิวรวดเร็วเกินไป!
ในตอนแรก เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกที่ส่งฮูหนิวมา ใครจะให้ความสนใจกับเด็กสาวตัวน้อยอายุเจ็ดปี? ฮูหนิวแสดงความสามารถให้เขาได้เห็นเมื่อนางกระโจนออกมา แน่นอนว่าสายตาของเขาไม่อาจจับตามองนางได้ทัน
พรึบ ฮูหนิวกลายเป็นลำแสงและปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าเขาในพริบตา กำปั้นเล็กๆของนางกระแทกเขาใส่ร่างของเขา เขาจึงโคจรพลังก่อเกิดออกมาเพื่อป้องกันตัวเอง แต่ก็ยังคงถูกต่อย
ไม่มีทางที่เขาจะรู้ว่ากำปั้นของฮูหนิวนั้นมาจากทิศทางไหน เขาทำได้แค่ป้องกันเท่านั้น เขาจะเทียบความเร็วของฮูหนิวได้อย่างไร?
เขาต้องตอบโต้จะตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้ นั่นเป็นเพราะฮูหนิวเป็นแค่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ ตราบใดที่เขาโจมตีนางโดน อีกฝ่ายจะต้องถูกจัดการอย่างแน่นอน แต่ปัญหาคือ แม้แต่เงาของฮูหนิวเขายังตามไม่ทัน เขาจึงทำได้แค่ป้องกันเท่านั้น
“ทักษะของหนิว หมัดผลิกสวรรค์!”
“บาทาไร้เงา!”
“ลูกเตะบุปผาร่วงโรย!”
ใครขอให้เด็กสาวตัวน้อยมีความสามารถมากเกินไปล่ะ? นอกจากร่างกายเล็กๆของนางแล้ว การโจมตีของนางทำให้สีหน้าของหยางฉงกลายเป็นสีเขียว ถ้าเขาถูกระดมการโจมตี ชีวิตของเขาอาจอยู่ไม่ถึงตอนเย็น
ความแข็งแกร่งของจูปี้และหยางฉงไม่ธรรมดา แต่พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ต่างจากที่คิดไว้อย่างสิ้นเชิง
หลิงฮันมองไปที่หยีเสวียนหมิงด้วยรอยยิ้ม “ข้าแตกต่างจากเจ้า ข้าเกลียดคนแค่ประเภทเดียวเท่านั้น แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเป็นคนประเภทไหน?”