หลังจากทานอาหารกันเสร็จ พวกเขาตัดสินใจใช้เวลาสามชั่วโมงเพื่อทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด
หลิงฮันพาสุ่ยเยี่ยนยวี่ไปที่มุมหนึ่งของป่า
ทั้งสองคนไม่พูดคุยอะไรกันเลยตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในถ่้ำ
“เจ้าต้องการอะไร?” สุ่ยเยี่ยนยวี่จ้องมองไปที่หลิงฮัน
“เจ้าคิดว่าอะไรล่ะ?” หลิงฮันหัวเราะกลบเกลื่อน
“อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง เจ้ามักทำตัวไร้ยางอายกับข้าอยู่บ่อยครั้ง นี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ดูเหมือนจะโกรธมาก
หลิงฮันอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้และพูดว่า “เจ้าเป็นภรรยาของข้า!”
สีหน้าของสุ่ยเยี่ยนยวี่กลายเป็นสีแดง คำว่าภรรยาทำให้อารมณ์ของนางเปลี่ยนไปทันที แล้วเชิดหน้าพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เจ้าอย่าได้ลืมว่าพวกเราแค่แกล้งเป็นคนรักกันเท่านั้น”
“แค่ล้อเล่น ข้าไม่คิดอะไรโง่เขลาแบบนั้น!” หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “เจ้าคือภรรยาของข้า ข้าไม่อาจสูญเสียเจ้าไปได้”
“เจ้าคิดว่าข้าจะยอมรับเจ้าอย่างนั้นรึ?”สุ่ยเยี่ยนยวี่ดูดื้อดึงมาก
หลิงฮันพานางไปยืนอยู่ด้านหน้าต้นไม้และใช้มือพิงแล้วพูดว่า “เจ้าพูดว่าไงนะ?”
ใบหน้าของสุ่ยเยี่ยนยวี่แดงก่ำกว่าเดิมและพูดว่า “เจ้าโรคจิต นี่เจ้าคิดจะทำอะไรข้ากันแน่?”
“มอบรอยยิ้มของเจ้าให้ข้า” หลิงฮันลูบคางของนางและยกใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางขึ้นมา
“เจ้าโรคจิต!” สุ่ยเยี่ยนยวี่บ่นพึมพัมเล็กน้อย
“เจ้าช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน” หลิงฮันพูดกระซิบอยู่ข้างหูของสุ่ยเยี่ยนยวี่
สุ่ยเยี่ยนยวี่จ้องมองไปที่หลิงฮันและพูดว่า “เจ้าเป็นจักรพรรดิของโลกใบเล็ก ทุกคนคงต้องอยากแต่งงานกับเจ้าเป็นแน่ แล้วข้าถือเป็นภรรยาคนแรกของเจ้าหรือไม่?”
หลิงฮันดึงมือกลับมาอย่างจงใจและทำเป็นนับนิ้ว
นี่ทำให้สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกตกตะลึง นี่เขามีภรรยามาแล้วกี่คนกันแน่?
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ปัจจุบันข้ามีคนเดียวเท่านั้น” แน่นอนว่าเขาไม่นับหลีซื่อฉาง หลิวอู๋ตงและจูเสวี่ยนเอ๋อ
แม้ว่าหลิงฮันจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก แต่เขาก็รู้ว่ายิ่งตอบว่าน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะสุ่ยเยี่ยนยวี่ถามเขาแค่ว่ามีภรรยาอยู่กี่คนและเขาก็ตอบตรงคำถามของนาง ซึ่งภรรยาของเขามีแค่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนคนเดียวเท่านั้น และเขายังไม่พบสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ด้วย
“เจ้าแน่ใจรึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ยืนกอดอก
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หลิงฮันหัวเราะกลบเกลื่อนอีกครั้ง และจ้องมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของสุ่ยเยี่ยนยวี่ ความงามของนางไม่ได้น้อยไปกว่าจูเสวี่ยนเอ๋อและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ด้วยเลย
ในเมืองจักรพรรดิคงจะมีเพียงแค่จักรพรรดินีเท่านั้นที่งดงามกว่านาง
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครพิชิตใจของจักรพรรดินีได้และทำได้แค่เงยหน้ามองจากเบื้องล่างเท่านั้น
หัวใจของหลิงฮันรู้สึกหวั่นไหวอีกครั้ง ทุกครั้งที่เขานึกถึงจักรพรรดินี
ความงดงามของจักรพรรดินีนั้นน่าอัศจรรย์มาก ถึงแม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ความงามของนางได้ตราตรึงอยู่ในใจของหลิงฮันถึงกระดูก
มันไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเลยว่านางเป็นสตรีที่งดงามที่สุด
ในขณะนั้นเอง ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน กิ่งก้านของมันจำนวนมากกลายเป็นหอก และต้องการทิ่มแทงไปที่แผ่นหลังของหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “นี่เจ้าจะช่วยไม่ขัดจังหวะข้าหน่อยได้หรือไง?” เขายื่นมือออกไปและเริ่มใช้พลังแรงโน้มถ่วง ตึง กิ่งก้านของต้นไม้ถูกกดทับและกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
สติของสุ่ยเยี่ยนยวี่กลับมาและผลักหลิงฮันออกไปพร้อมกับพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไร”
พรึบ กิ่งก้านหลายร้อยกิ่งเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกันพร้อมกับหนามที่แหลมคนที่ต้องการรัดหลิงฮัน
“ต้นไม้ปีศาจ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่อุทาน “นี่เจ้าไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นต้นไม้ปีศาจ?”
หลิงฮันสวนกลับด้วยหมัดขวาและกระแทกไปที่ลำต้นของมัน
ความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันน่าสะพรึงกลัวมาก เมื่อเขาปล่อยหมัดออกไป จึงทำให้ต้นไม้ปีศาจถูกทำลายทันทีและพ่นละอองน้ำสีเขียวออกมา
มันเป็นแค่ต้นไม้ปีศาจเท่านั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้อย่างไร?
“แน่นอนข้ารู้ดี ไม่งั้นข้าจะพาเจ้ามาที่นี่ทำไม?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สุ่ยเยี่ยนยวี่ถึงกับพูดไม่ออก เจ้าพาข้ามาที่นี่โดยใช้ต้นไม้ปีศาจเป็นพื้นหลังคิดว่ามันโรแมนติกมากเลยหรือไง?
“พวกเรามาทำลูกกันเถอะ!” หลิงฮันกล่าว “ความสัมพันธ์ของพวกเรามันเป็นการหลอกพ่อของเจ้า แต่ถ้าพวกเราไม่รีบทำกัน เจ้าจะไม่สามารถปกปิดความลับนี้ได้ตลอดไป”
“….เจ้าอุ้มท้องเองสิ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่สะบัดแขนเสื้อและเดินหนี
หลิงฮันถอนหายใจ ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันจะฝืนใจบังคับสุ่ยเยี่ยนยวี่ได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะให้นางสมยอม
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินกลับ และเห็นหูเฟยหยินกำลังนอนหลับสนิทอยู่ข้างกองไฟ ซึ่งเสียงฝีเท้าของพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ทำให้นางตื่น
“ข้าไม่รู้เลยว่าทำไมจักรพรรดินีถึงอนุญานให้นางเข้ามาที่นี่” สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกแปลกใจ เมื่อคิดถึงความรักของจักรพรรดินีที่มีให้กับราชินีที่เก้าแล้ว นางไม่ควรให้ราชินีที่เก้าเข้ามาที่นี่
หลิงฮันไม่พูดในสิ่งที่เขาเห็นออกมา แต่การที่สามารถเรียกใช้เศษเสี้ยวพลังของจักรพรรดินีได้ ถือว่าเป็นตัวตนที่ไร้พ่ายในสถานที่แห่งนี้อย่างแท้จริง
พวกเขายังคงหยุดพัก การนอนหลับพักผ่อนถือเป็นการพักฟื้นพลังที่ดีที่สุด
หลังจากที่พักผ่อนจนเพียงพอแล้ว พวกเขาก็ออกเดินทางกันต่อ
ครึ่งวันต่อมา ถ้ำเปลวเพลิงก็ปรากฏให้เห็นอยู่ในสายตาของพวกเขา
ถ้ำเปลวเพลิงอยู่ในภูเขาขนาดใหญ่ ปากทางเข้าเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่มาก บริเวณโดยรอบของมันถูกปกคลุมไปด้วยสีแดงเพลิงของลาวา
ทั้งที่พวกเขายังไม่ได้เข้าไปข้างใน แต่ก็สามารถรู้สึกได้ถึงความร้อนแรงแม้จะอยู่ในระยะไกลก็ตาม และหากมีลมกระโชกพัดพาความร้อนมาทางพวกเขา เสื้อผ้าของพวกเขาคงจะไหม้เกรียมและเส้นผมก็อาจไหม้ได้
สุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินโคจรพลังปราณออกมาสร้างเป็นเกราะป้องกันอยู่รอบตัวเพื่อต้านทานความร้อน มีแค่หลิงฮันเท่านั้นที่ไม่ทำอะไร แต่เสื้อผ้าของเขามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาจึงต้องโคจรพลังปราณออกมาด้วยเช่นกันไม่เช่นนั้นเขาคงล่อนจ้อน
ในอนาคตข้าจะต้องหาเสื้อผ้าที่ทนต่อทุกสภาพแวดล้อมให้ได้ มิฉะนั้นข้าคงต้องอับอายเพราะล่อนจ้อน
“พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ดีกว่า ข้าจะเข้าไปคนเดียว” หลิงฮันพูดแนะนำ
หูเฟยหยินพยักหน้าอย่างรวดเร็ว นางไม่มีความกล้าที่จะเข้าไปข้างหน้า การมีชีวิตที่สงบสุขเป็นอุดมคติสูงสุดของนาง
สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัวและพูดว่า “ข้าจะเข้าไปข้างในกลับเจ้า!”