สามวันต่อมา หลิงฮันเดินทางไปที่ภูเขาเชียนเฟิง ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประลอง
เนื่องจากการต่อสู้นั้นได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมาย มันไม่ได้ดึงดูดแค่คนภายนอกเท่านั้น แต่ยังดึงดูดศิษย์ในสำนักด้วย ดังนั้นผู้คนมากมายในเมืองจักรพรรดิทุกคนต่างดิ้นรนเข้าไปในสำนักเพื่อดูการต่อสู้
จ้าวหลุนปรากฏตัวและกำลังยืนอยู่บนยอดเขาพร้อมกับลูกน้องอีกสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา
ซาหยวน หลิวฮุ่ยหลัน จิงอู่เสวี่ย ชางกวนหยวนจี ทั้งสี่คนเป็นคนมีชื่อเสียงในสำนัก แต่เดิมจ้าวหลุนนั้นอ่อนแอกว่าพวกเขาทั้งสี่คน อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด ทำให้เขาอยู่ในระดับเดียวกันกับทั้งสี่คนนั้น
“ตามความคิดเห็นของพวกเจ้า เจ้าเด็กนั่นสามารถทำอะไรได้บ้าง?” ซาหยวนหัวเราะ
“เจ้าเด็กนั่นเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้น แม้จะอยู่ชั้นสูงสุด แต่อัจฉริยะสี่ดาวก็ทำให้เขาเทียบได้กับระดับกลางเท่านั้น แม้แต่ไป๋หยวนซือก็สามารถจัดการเจ้าเด็กนั่นได้อย่างง่ายดาย” หลิวฮุ่ยหลันกล่าว
ตระกูลหลิวซื่อสัตย์ต่อแม่ทัพจ้าว ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่หลิวฮุ่ยหลันจะเอาใจจ้าวหลุน อย่างไรก็ตามที่นางพูดออกมาถือว่าเป็นความจริง จิงอู่เสวี่ยและชางกวนหยวนจีเลยพยักหน้าเห็นด้วย ในขณะที่ใบหน้าของจ้าวหลุนเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“ถ้างั้นพวกเรามาพนันกันเถอะ” ซาหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าอยากพนันอะไร?” จ้าวหลุนถาม เขาและซาหยวนต่างก็เป็นบุตรของแม่ทัพด้วยกันทั้งคู่ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ทั้งสองคนจะไม่แสดงด้านอ่อนแอของตนเองออกมา
“ข้าเดิมพันข้างเจ้าเด็กนั่นว่าสามารถยืนหยันได้มากกว่าห้าร้อยกระบวนท่า หรือแม้กระทั่งเป็นฝ่ายชนะ!” ซาหยวนกล่าว
เมื่อจ้าวหลุนและคนอื่นได้ยินพวกเขาต่างก็รู้สึกตกใจ พวกเขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร?
ความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด มันไม่มีโอกาสที่หลิงฮันจะเป็นฝ่ายชนะเลย แม้แต่ยืนหยัดสิบกระบวนท่ายังเป็นเรื่องยาก แต่ซาหยวนกับเดิมพันว่าเขาสามารถยืนหยันได้มากกว่าห้าร้อยกระบวนท่าหรือแม้กระทั่งเป็นฝ่ายชนะ
“พี่ซา ท่านจะรับการเดิมพันจริงหรือ?” จิงอู่เสวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แต่ไม่ได้คิดอะไร เพราะเขามีนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว
ซาหยวนยิ้มและพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว”
“ตกลง ในเมื่อเจ้าเดิมพันข้างเจ้าเด็กนั่น ถ้างั้นข้าก็ขอเดิมพันด้วยแร่เหล็กเมฆาดาราขาว!” จ้าวหยุนกล่าว
โอ้!
หลิวฮุ่ยหลัน จิงอู่เสวี่ย และชางกวนหยวนจีต่างก็รู้สึกตกตะลึง แร่เหล็กเมฆาดาราขาวเป็นแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด มันมีค่าอย่างมหาศาล
“หรือเจ้าจะไม่กล้าแล้ว?” จ้าวหลุนแสยะยิ้ม
“ข้ายอมรับการเดิมพัน!” ซาหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หลิวฮุ่ยหลันรีบพูดทันทีว่า “ในเมื่อพี่ซากล้ารับเดิมพัน ข้าก็ไม่อยากเสียมารยาทกับพี่ซา เช่นนั้นข้าจึงขอร่วมเดิมพันด้วยหยดวิหคเพลิงเมฆาสามหยด!”
นี่เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่
หยดวิหคเพลิงเมฆานั่นไม่สามารถเทียบกับวิหคเพลิงที่แท้จริงได้ แต่มันก็ถือว่ามีสายเลือดของวิหคเพลิง ดังนั้นหยดเลือดของมันถือว่าล้ำค่าและหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง
“โอ้ว ถ้างั้นข้าขอเดิมพันด้วยหยกแรดสามก้อน” ชางกวนหยวนจีกล่าวพรางหัวเราะ
“ถ้างั้นข้าเดิมพันด้วยหญ้าดารา” จิงอู่เสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ถึงแม้ซาหยวนจะมั่นใจในความสามารถของหลิงฮัน แต่ถ้าเขาแพ้การเดิมพัน เขาจะต้องสูญเสียอย่างมหาศาล ซึ่งจะทำให้เขายากจนไปอีกหนึ่งหมื่นปี
แต่ถ้าเขาเป็นฝ่ายชนะการเดิมพันล่ะ? มันจะเป็นผลกำไรครั้งยิ่งใหญ่!
“เอาล่ะ ถ้างั้นมารอดูกัน!” ซาหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่จ้าวหลุนเห็นอีกฝ่ายดูกระวนเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะมันเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ และอัตราต่อรองข้างหลิงฮันนั้นยังสูงมากด้วย
……
“หลิงฮัน!” ถังเฟยกระโดดออกมาจากกลุ่มฝูงชนและยืนขวางทางหลิงฮัน เขารออยู่ที่นี่มานานแล้ว
หลิงฮันหันไปมองอีกฝ่ายและพูดว่า “เจ้าเป็นใคร?”
ถังเฟยแทบจะเป็นลม เขาเป็นอันดับหนึ่งในจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดของสำนักสีชาดฝ่ายเหนือ แต่หลิงฮันกลับไม่รู้จักเขา?
“เจ้ากล้าต่อสู้กับข้าหรือไม่?” ถังเฟยตะโกนพูดเสียงดัง
หลิงฮันยิ้มและส่ายหน้า แล้วพูดว่า “เหลวไหล ข้าไม่อยากรังแกเจ้า!”
“เจ้าทำตัวอวดดีเกินไปแล้ว!” ถังเฟยรู้สึกโกรธจนทนไม่ไหวและกระโจนเข้าไปต่อยหลิงฮันทันที
เขาและหลิงฮันต่างก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดด้วยกันทั้งคู่ จึงไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากหลิงฮัน และสามารถท้าสู้ได้ทันที ตราบใดที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บจนพิการหรือตาย
หลิงฮันหลบและพูดว่า “นี่ถือเป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายของข้า มิฉะนั้นข้าจะถือว่าเจ้าเรียกร้องเอง!”
“หึ่ม!” ถังเฟยไม่สนใจ และโจมตีใส่หลิงฮันด้วยฝ่ามือ ซึ่งฝ่ามือของเขาปรากฏอักขระศักดิ์สิทธิ์สามแถวขึ้นมาและปลดปล่อยกลิ่นอายที่แปลกประหลาดออกมา
“หรือว่านั่นจะเป็นสามฝ่ามือกุยหยวน?” ใครบางคนที่อยู่ด้านข้างกล่าว
“ใช่แล้ว ข้าเคยได้ยินมาว่าถังเฟยเป็นอันดับหนึ่งในหมู่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดได้เพราะทักษะโบราณนี่”
“มาดูกันว่าหลิงฮันจะป้องกันได้ยังไง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าว่าไม่น่ามีปัญหา มิฉะนั้นถังเฟยคงไม่กล้าปล่อยการโจมตีแบบนั้นออกมา มิฉะนั้นเขาจะต่อสู้กับไป๋หยวนซือได้อย่างไร?!”
“เจ้าเรียกร้องหามันเอง!” หลิงฮันเริ่มเป็นฝ่ายโจมตี ปัง เขาไม่ปกปิดกลิ่นอายของตนเองแม้แต่น้อย และปรากฏภูผาวารีสองลูกอยู่เบื้องหลังพร้อมกับแสงสีเหลืองที่เป็นอักขระศักดิ์สิทธิ์แรงโน้มถ่วงและแสงสีแดงที่เป็นอักขระศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิง
ตู้ม!
ถังเฟยถูกโจมตีและกระเด็นไปอยู่ตีนเขาด้านหลัง ทำให้เกิดหลุมที่เป็นรูปคนและติดอยู่ในนั้น
เขาไม่ได้มีกายหยาบที่เทียบเท่ากับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ และถึงแม้เขาจะโคจรพลังปราณทั้งหมดป้องกันการโจมตี แต่ก็ยังมีโลหิตจำนวนมากไหลออกมาจากผิวของเขา
ในขณะนั้นเองบรรยากาศกลายเป็นเงียบงัน แต่หลังจากนั้นชั่วครู่ทุกคนก็เริ่มส่งเสียงแตกตื่น
“ข้าไม่คิดเลยว่าหลิงฮันจะทะลวงผ่านขั้นกลางแล้ว!”
“มันน่าทึ่งมาก จากเดิมที่เป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติ เพียงแค่ครึ่งปีเขาก็กลายเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางแล้ว ความก้าวหน้าของเขาช่างรวดเร็วยิ่งนัก!”
“ใช่แล้ว ถึงแม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจากผลึกภูผาวารี อย่างน้อยเขาต้องใช้เวลาหนึ่งร้อยปีเพื่อทะลวงผ่านขั้นกลาง แต่นี่เขากลับใช้เวลาแค่ครึ่งปีเท่านั้น!”
“นี่มัน….สัตว์ประหลาด!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมก่อนหน้านี้หลิงฮันถึงไม่รับคำท้าของถังเฟยก่อนหน้านี้ เพราะเขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นกลางแล้วนี่เอง”
“ถังเฟยช่างโชคร้ายยิ่งนัก พรสวรรค์ของหลิงฮันนั้นสูงกว่าเขามาก และตอนนี้ยังมีระดับพลังที่สูงกว่าอีก ข้าไม่แปลกใจเลยที่ถังเฟยพ่ายแพ้ด้วยการโจมตีเดียว”
“จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางนั้นไม่สามารถท้าจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นสู้ได้ แต่ถังเฟยนั้นเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”
ทุกคนต่างก็รู้สึกแปลกใจและหัวเราะใส่ถังเฟยที่กลายเป็นตัวตลกในตอนนี้ เพราะเขาต้องการเอาชนะหลิงฮัน
ด้านบนของภูเขา นอกจากซาหยวนแล้ว จ้าวหลุนและคนอื่นต่างก็รู้สึกตกใจกับความก้าวหน้าของหลิงฮัน มันเหนือกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก
“ซาหยวน เจ้ารู้เรื่องนี้อยู่แล้วใช่หรือไม่?” จ้าวหลุนถามด้วยความขุ่นเคือง