ถึงแม้ฝ่ามือที่โจมตีออกไปจะไม่ใช่พลังเต็มที่ของเขา แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นสามารถต้านทานได้
จ้าวหลุนเข้าใจทันทีว่าถึงแม้ก่อนหน้านี้หลิงฮันจะถูกไป๋หยวนซือโจมตีใส่ แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย เมื่อครู่เขาตกตะลึงที่ไป๋หยวนซือถูกสังหารจึงมองข้ามเรื่องนี้ไป
ร่างของเจ้าหมอนี่ถูกสร้างขึ้นจากโลหะศักดิ์สิทธิ์รึไง?
จ้าวหลุนตะลึง แต่ฝ่ามือของเขาก็ยังไม่หยุดนิ่ง เขายกฝ่ามือขึ้นเพื่อเตรียมโจมตีหลิงฮันอีกครั้ง
แม้ฝ่ามือก่อนหน้านี้จะสังหารหลิงฮันไม่ได้ แต่หลิงฮันก็ได้รับบาดเจ็บ เห็นได้ชัดว่ากายหยาบของหลิงฮันแม้จะไร้เทียมทานแต่ก็ใช้ว่ามันจะทนทานจนป้องกันการโจมตีของเขาได้อย่างสมบูรณ์
หลิงฮันขยับตัวล่าถอย ถ่ามกลางสายตาของสาธารณชนเขาไม่สามารถเปิดเผยความลับเรื่องอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ได้ เขาเพิ่งจะใช้ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราแบบเต็มพลังออกไปซึ่งตอนนี้เขาต้องใช้เวลาสักพักในการฟื้นฟูพลัง
“ข้าคนนี้ลงมือแล้ว เจ้ายังคิดว่าจะหนีพ้น?” จ้าวหลุนแสยะยิ้มและกระแทกฝ่ามือเข้าใส่หน้าอกหลิงฮัน
ปัง!
ร่างของหลิงฮันถูกโจมตีจนกระเด็นอีกครั้ง แต่เขารู้สึกได้ว่าภายในร่างกำลังร้อนระอุและรู้สึกกระอักกระอ่วน ตอนนี้ทั้งพลังปราณและพลังกายของเขากำลังฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว หากมีเวลาอีกสักครู่พลังของเขาจะกลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
สำหรับหลิงฮันพลังกายเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะฟื้นฟูได้รวดเร็ว แต่ทำไมเขาถึงสามารถฟื้นฟูพลังปราณได้รวดเร็วเหมือนกัน?
สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่เขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นกลาง… หรือนี่จะเป็นเพราะทักษะหกธาตุประสานที่ถูกนำมารวมกันและสร้างขึ้นใหม่? หลิงฮันค่อยไม่แน่ใจในเรื่องนี้เท่าไหร่
‘ตุบ’ ร่างของเขาล้มลงกับพื้นและสำลักโลหิตออกมาอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับว่ากระดูกในร่างกำลังสั่นสะท้านราวกับกำลังจะแตกหัก
จ้าวหลุนไม่ใช้จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดทั่วไป แต่เขาเป็นอัจฉริยะสี่ดาว ต่อให้หลิงฮันมีกายหยาบที่เทียบเท่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม แต่ถ้าหากยังถูกโจมตีต่อในเรื่อยๆเขาก็คงหนีไม่พ้นได้รับบาดเจ็บสาหัส
ผู้คนที่มองดูอยู่ตกตะลึงจนเยี่ยวแทบไหล หมอนี่เป็นเพียงระดับภูผาวารีขั้นกลางแท้ๆ แต่เมื่อถูกจ้าวหลุนโจมตีไปสองครั้งกลับบาดเจ็บเพียงแค่สำลักโลหิตออกมาเล็กน้อย นี่มันเหลือเชื่อเกินไป!
แววตาของจ้าวหลุนเปลี่ยนเป็นเย็นชาและก้าวเข้าหาหลิงฮัน คิดรึว่ากายหยาบที่ทนทานของเจ้าจะสามารถช่วยให้ไม่เจ้าถูกข้าสังหารได้?
“จ้าวหลุน เจ้าทำเกินไปแล้ว!” หลี่เหว่ยเหว่ยเดินขึ้นมา “หลิงฮันเป็นคนของคุณหนูผู้นี้ เจ้าไม่มีสิทธิ์แตะต้องเขา!”
จ้าวหลุนหยุดฝีเท้าและกล่าว “คุณหนูสี่ ถ้าชายคนนี้เป็นสามีของท่านข้าก็จะไว้หน้าท่าน! เพียงแต่ว่าชายคนนี้เป็นเพียงสุนัขรับใช้ของท่าน ซึ่งคนของข้าถูกเขาสังหาร ดังนั้นหากเขาจะใช้ชีวิตตนเองมาชดใช้ก็เป็นเรื่องที่สมควร!”
“ไร้สาระ!” หลี่เหว่ยเหว่ยเกรี้ยวกราดและกล่าว “พวกเขาประลองกับอย่างถูกต้อง นอกจากนั้นชายแซ่ไป๋ก็มีพลังบ่มเพาะสูงกว่าหลิงฮันด้วย หากฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็ควรจะเป็นหลิงฮัน!”
“ข้าไม่สน ที่ข้าเห็นมีเพียงชายคนนี้สังหารคนของข้า ถ้าข้าไม่จัดการเขาผู้ติดตามคนอื่นของข้าก็จะไม่มีทางสงบใจได้!” จ้าวหลุนไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง
ผู้ที่มีอำนาจเช่นเขา หากสังหารหลิงฮันจริงๆและคิดจะหลบหนีโทษของสำนักหรือจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ แค่เขาไม่ทำตัวโดดเด่นสักสองสามปีเรื่องก็เงียบแล้ว
หลีเหว่ยเหว่ยตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “ไม่ว่าอย่างไร หากเจ้าคิดจะสังหารเขาเจ้าก็ต้องข้ามคุณหนูผู้นี้ไปก่อน!”
“คุณหนูสี่ ท่านประเมินตนเองสูงเกินไป!” จ้าวหลัวมองไปยังหลี่เหว่เหว่ย ‘พรึบ’ เขาปล่อยปราณแสงบางอย่างไปยังร่างของนางทำให้นางขยับตัวหรือปากไม่ได้
จ้าวหลัวแสยะยิ้มและมองหลิงฮัน “เจ้าคิดว่าที่นี่คือในสำนักแล้วข้าจะไม่กล้าสังหารเจ้า? ผิดแล้ว ข้าไม่เคยเห็นเจ้าอยู่ในสายตาเลยสักครั้ง แต่ในเมื่อเจ้าปฏิเสธที่จะเป็นสุนัขนับใช้ข้าและสังหารคนของข้า จุดจบของเจ้าก็มีเพียงความตาย!”
“แซ่จ้าว เจ้าเพียงแค่บ่มเพาะพลังมาก่อนข้าหลายปี ถ้าเจ้าอายุเท่าข้าหรือมาจากโลกเดียวกัน ข้าใช้แค่มือเดียวก็สยบเจ้าได้!” หลิงฮันกล่าวด้วยนำเสียงเหยียดหยาม
ทุกคนรอบข้างรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
ถ้าหลิงฮันร้องขอความเมตตาในตอนนี้ บางทีจ้าวหลัวอาจจะปรานี แต่หลิงฮันเล่นพูดจาแบบนี้มีแต่จะทำให้จ้าวหลุนโกรธยิ่งขึ้น
แต่เมื่อลองคิดดูที่หลิงฮันกล่าวก็มีเหตุผล
ในช่วงอายุยี่สิบปี จ้าวหลุนมีพลังบ่มเพาะระดับใด?
แน่นอนด้วยพรสวรรค์ของเขาในช่วงอายุยี่สิบปีเขาบรรลุระดับทลายมิติขั้นสูงสุดและขัดเกลาพลังต่อสู้จนถึงยี่สิบดาว เมื่อทะลวงผ่านสำเร็จ ระดับภูผาวารีก็ไม่อาจรั้งเขาไว้ได้นาน เขาบรรลุระดับภูผาวารีขั้นต้นได้ก่อนอายุห้าสิบ
แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ทั้งสองต่างกันอย่างชัดเจน!
จ้าวหลุนแสยะยิ้มและกล่าว “เจ้ามีสถานะอะไร? เจ้าเทียบข้าได้งั้นรึ?”
‘ตูม!’
เขาโจมตีจนร่างของหลิงฮันกระเด็นอีกครั้ง
ตั้งที่การโจมตีครั้งแรกของจ้าวหลุนจนถึงครั้งนี้ก็เป็นเวลาสักพักแล้ว
แต่กลับไม่มีผู้อาวุโสสำนักคนใดปรากฏตัวเลย
แค่เป็นบุตรของนายพลจ้าวก็สามารถใช้มือปกคลุมท้องฟ้าได้งั้นหรือ?
ทุกคนอดรู้สึกเย็นยะเยือกในจิตใจไม่ได้ นั่นเรื่องแม้วันนี้จ้าวหลัวจะต้องการสังหารหลิงฮัน แต่ถ้าหากวันพรุ่งนี้เป็นพวกเขาล่ะ? แม้จะเป็นการสังหารต่อหน้าสาธารณชนเล่นนี้ก็ไม่มีใครเลยที่ยื่นมือเข้าช่วย
“หยุดมือ!” เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับร่างของสตรีงดงามที่เดินเข้ามาใกล้
“นั่นกู่หลิงยื่อ!”
“ไม่จริงน่า นางเกี่ยวข้องอันใดกับหลิงฮัน?”
“ในหมู่สามสาวงามของเมืองจักรพรรดิ สองสาวงามกลับออกตัวช่วยเหลือเขา!”
ฝูงชนจำกู่หลิงยื่อได้ นางคือหนึ่งในสามสาวงามของเมืองจักรพรรดิและเป็นศิษย์ใหม่ของสำนักฝ่ายปรุงยา
ใบหน้าของจ้าวหลุนเปลี่ยนเป็นมืดมน
ถึงแม้กู่หลิงยื่อจะเป็นศิษย์ของฝ่ายปรุงยาเขาก็ไม่หวั่นเกรง แต่ที่ทำให้เขาไม่พอใจก็คือการที่มีสางงามมากมายอยู่ฝ่ายเดียวกับหลิงฮัน!
สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตัวเขาเป็นถึงบุตรชายคนเดียวของนายพลเจ้า พรสวรรค์ในด้านวรยุทธเองก็ยอดเยี่ยมจนถูกเรียกว่าอัจฉริยะในรอบพันปี ใบหน้าของเขาก็หล่อเหลา เช่นนั้นแล้วทำไมถึงไม่มีสตรีที่งดงามเช่นนั้นถวายตัวให้เขาบ้าง?
นี่เขาดีไม่เท่ามดปลวกจากโลกใบเล็กรึไง!
เรื่องนี้ทำให้เขาโกรธจนปลดปล่อยจิตสังหารออกมา