ในขณะเดียวกัน เจียงหลิงซวนที่มุ่งหน้าไปที่ทางออกของเมืองหลิงเฉิงก็หยุดอยู่กลางถนนกว้าง มือที่จับดาบยาวไว้เริ่มตึงแน่นขึ้นเมื่อได้เห็นผู้ชายสองคนยืนอยู่ตรงข้ามเขา
ซูเฟิงและ…
ชูฮัน
ซูเฟิงยืนอยู่ตรงกลางถนนพร้อมกับปืนไรเฟิลยาวสีทองขนนกจากหุบเขาหยินหยาง
ส่วนชูฮันนั้นไม่ได้มีขวานซิ่วโหลในมือ เขาเพียงแค่ยืนพิงกำแพงเหมือนกับผู้ชมเฉยๆ แววตาฉายถึงความสงสัยขณะจับจ้องมาที่ซูเฟิงและเจียงหลิงซวน
“พวกนายสองคนคือ?” เจียงหลิงซวนตื่นตัวหากเขาพยายามแสร้งทำตัวผ่อนคลายต่อหน้าอีกฝ่าย
ชายสองคนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขานั้นแปลกอย่างมาก พวกเขาไม่แสดงท่าทางอะไรเลย ไม่เข้ามาสู้ ทั้งๆที่คนที่ยืนแสดงตัวต่อหน้าเขานั้นค่อนข้าดูแข็งแรงและทรงพลังอย่างมาก แต่เจียงหลิงซวนกลับรู้สึกว่าคนที่เขาไม่ควรต่อกรด้วยคือคนที่ยืนสบายๆผิงตัวกับกำแพงดูพวกเขาอยู่ต่างหาก
เจียงหลิงซวนไม่ได้มองคนที่ภายนอกเหมือนอู๋หยูเฉียง เขามีวิจารณญาณของเขาเองและรู้ว่าใครคือคนที่มีฝีมือจริงๆ ตัวเขาที่เป็นวิวัฒนาการระยะ 5 นั้นไม่มีค่าอะไรเลยเพราะสัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าคนที่ถือปืนไรเฟิลยาวสีทองอยู่ในมือนั้นแข็งแกร่งมาก เขาไม่ควรเป็นศัตรูด้วยแต่คนที่ไม่มีอาวุธอยู่ในมือนั้นอันตรายยิ่งกว่า!
“ไม่จำเป็นต้องรู้ นายอยากจะสู้เหรอไง?” ซูเฟิงเมื่อเห็นหน้าเจียงหลิงซวนก็พลันนึกขึ้นได้ว่าคือคนที่มีเรื่องกันจนเรียกฝูงซอมบี้มาเมื่อวันก่อน
เจียงหลิงซวนนิ่วหน้า จะสู้กับเขา?
ในตอนนั้นเอง ชูฮันก็เห็นสีหน้าที่แสดงออกของเจียงหลิงซวน เขาก็พลันเดาได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้มีจิตใจที่ละเอียดอ่อนอย่างมากและคาดว่าผู้ชายคนนี้คงไม่ยอมสู้ด้วยง่ายๆ เพราะงั้นชูฮันก็เลยยิ้มและเดินเข้ามาที่กลางถนนพร้อมกับสีหน้าเย้ยหยันและเดินตรงเข้าไปหาเจียงหลิงซวน “อันดับแรกแนะนำตัวกันก่อน นี่คือซูเฟิง โอ๊ะ คุณอาจจะไม่รู้จักชื่อเขาแต่เขาคือวิวัฒนาการระยะ 6”
เมื่อได้ยินคำพูดของชูฮัน นัยน์ตาของเจียงหลิงซวนก็หดตัวและจ้องตาเข้ากับซูเฟิง วิวัฒนาการระยะ 6? แน่นอนสินะ อย่างที่เขาคาดไว้ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เล่นๆ! ทันทีหลังจากนั้นสายตาของเจียงหลิงซวนก็พลันเปลี่ยนมาที่ชูฮันแทน สถานการณ์มันเห็นได้ชัด ซูเฟิงวิวัฒนาการระยะ 6 คนนี้เป็นแค่ลูกมือของผู้ชายอีกคน
ชูฮันเห็นเจียงหลิงซวนที่สบตากับเขาและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมอีกฝ่ายอยู่ในใจ เจียงหลิงซวนคนนี้เป็นที่รู้จักกันดีในนามนักฆ่าที่เก่งกาจจนทุกคนเกรงกลัว ที่ไหนที่เจียงหลิงซวนไปที่นั่นจะมีความตายเกิดขึ้น เขาเป็นคนที่ทรงพลังอย่างมาก
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่สำคัญ
ชูฮันบิดริมฝีปากยิ้มอย่างมีเลศนัยและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ก่อนหน้านี้เราเจอกับคนคนหนึ่ง…ที่คล้ายๆกับคุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงหลิงซวนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงขึ้นมา ถึงแม้ต่อหน้าเขาจะตัวนิ่งเงียบก็ตาม แววตาของเจียงหลิงซวนพลันเปลี่ยนไปทันที แต่เป็นเพราะเขายังคงความระวังตัวสูง หลิงซวนจึงไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากมองชูฮันอย่างระแวงมากขึ้น
“เธอชื่อเจียงหลิงโหลว คุณรู้จักเธอมั้ย?” ชูฮันเป็นฝ่ายเปิดก่อน
บนถนนที่เงียบสนิทจนได้ยินแม้แต่กระทั่งเสียงลมหายใจ ปืนไรเฟิลด้ามยาวสีทองของซูเฟิงดูกระหายเลือด หน้าผากของเจียงหลิงซวนเริ่มชื้นไปด้วยหยดเหงื่อ ทั้งสองคนดูเป็นคนเลือดร้อนทั้งคู่ แต่ชูฮันกลับมีสีหน้าผ่อนคลายสบายๆ
“ดูเหมือนจะเป็นการเข้าใจผิด” ชูฮันดูเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าเขาได้สร้างความกดดันให้เจียงหลิงซวนมากแค่ไหน เขาถอยหลังกลับไปสองสามก้าวโดยไม่ได้ตั้งใจและคอยดูปฏิกิริยาของเจียงหลิงซวนเงียบๆ
“ใครกัน?” หัวใจของเจียงหลิงซวนค่อยๆเต้นแผ่วลงอย่างกังวลและไม่แน่ใจ เพราะถึงอย่างไรแล้วเมื่อเทียบกับข่าวลือที่เคยได้ยินมา ชูฮันที่เขาเห็นตอนนี้แตกต่างจากที่เคยได้ยินมาทั้งหมด
ข่าวลือบอกว่า ลักษณะนิสัยของชูฮันเป็นพวกเอาชนะ เผด็จการ และขวานยักษ์สีดำก็ไม่เคยห่างกาย แถมยังบอกอีกว่าเขาเป็นคนหยิ่งผยองอวดดีและเป็นฆาตรกร เป็นไอ้ขี้ขลาดที่ไร้สมอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งเดียวในสุสานแห่งนี้ที่ทำให้เจียงหลิงซวนอิจฉาก็คือชูฮัน ถ้าคนคนนี้ไม่ใช่ชูฮันแล้วเขาคือใครกันแน่? เพราะคนคนนี้ไม่มีขวานยักษ์ดำข้างกาย ไม่มีท่าทางหยิ่งผยองอวดดี และท่าทีเผด็จการข่มขู่ หากกลับดูเป็นคนที่รู้จักใช้จิตวิทยาเพื่อสร้างความกดดันให้อีกฝ่าย
ดูเหมือนว่าข่าวลือจะผิดไป ชูฮันนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าข่าวลือซะอีก!
เจียงหลิงซวนไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเจตนาของอีกฝ่ายคืออะไรกันแน่?
“ฉันเป็นใครนั้นไม่สำคัญ” ชูฮันชี้นิ้วไปที่ซูเฟิง “มันสำคัญที่ว่าพี่สาวไม่ก็น้องสาวของคุณ…เจียงหลิงโหลวฆ่าหมาของเขา และเขาก็เห็นว่าคุณหน้าตาเหมือนกับเจียงหลิงโหลว เขาก็เลยอยากจะแก้แค้น”
เต็มไปด้วยคำโกหก
แน่นอนว่าเขาจะไม่บอกเจียงหลิงซวนว่าเขาคือชูฮัน เขารังแกน้องสาวของอีกฝ่าย ทำให้น้องสาวหลิงซวนติดหนี้เขา อีกทั้งเรื่องราวของซูเฟิงและหลิงโหลวก็ยังไม่ได้มีการตกลงยินยอมกัน วันนี้เขาก็เลยมาเพื่อทดสอบ…
เหตุผลก็เพราะหลิงโหลวคือน้องสาวของหลิงซวน สาเหตุที่ชูฮันรู้ก็เพราะชูฮันรู้ว่าเจียงหลิงโหลวอายุแค่ 19 ปีและด้วยข้อมูลของหลิงซวนที่เขารู้จากในชาติที่แล้ว มันจึงง่ายที่จะเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนนี้
ซูเฟิงไม่รู้ว่าชูฮันต้องการจะทำอะไรจริงๆแล้ว ความคิดของซูเฟิงตีกันยุ่งอยู่ในหัว ก่อนหน้านั้นชูฮันพูดว่าจะพาเขามาตามหาคนและให้เขาตามมาด้วยแต่บอกว่าวันนี้เขาจะไม่ได้อัดใครทั้งนั้น
เจียงหลิงซวนอยู่ในอาการตระหนกหากไม่นานเขาก็ได้สติคืนมา อีกแง่หนึ่งของข้อความจากชชูฮันที่เขาตีความได้ก็คือ…เจียงหลิงโหลวยังมีชีวิตอยู่
แค่นั่นก็ดีพอแล้ว
“งั้นคุณอาจจะกำลังมองหาผิดคน” เจียงหลิงซวนคลายมือที่กำดาบยาวแน่นออกและตวัดดาบไปด้านข้างแทนแสดงออกถึงเจตนาที่ไม่ต้องการต่อสู้ มุมปากของหลิงซวนมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาเล็กน้อย “ฉันไม่มีธุระกงการอะไรเกี่ยวข้องกับเจียงหลิงโหลว ฉันไม่สนใจ ฉันมีแต่ความเกลียดชังต่อผู้หญิงคนนั้น”
แววตาของซูเฟิงระเบิดประกายจ้าอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็หันไปมองหน้าชูฮัน ผมควรทำยังไง?
ปฏิกิริยาของชูฮันนั้นรวดเร็วอย่างมาก เขาตอบกลับด้วยท่าทางพอใจ “งั้นก็ดี เพราะพวกเราถือว่าศัตรูของศัตรูคือเพื่อนของเรา งั้นพี่ชาย พี่อยากจะร่วมมือกับเรามั้ยล่ะ?”
กูเอาคืนมึงแน่!
เจียงหลิงซวนทนไม่ไหวได้แต่แหกปากด่าอยู่ในใจ เขาพยายามระงับอารมณ์โกรธและความวิตกกังวลในใจลงและพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “คุณต้องล้อเล่นแน่ๆ”
ชูฮันยักไหล่และเพยิดคางไปทางซูเฟิงให้เปิดทาง
หัวใจของเจียงหลิงซวนเต้นรัว วิวัฒนาการระยะ 6 กลับกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของชูฮัน? แล้วไอ้งี่เง่าอู๋หยูเฉียงยังกล้าคิดจะต่อกรกัยชูฮัน ผลลัพธ์มันคือตายชัดๆ ไม่ทันที่เจียงหลิงซวนจะได้ตกใจอะไรมาก เส้นทางก็ถูกเปิด เจียงหลิงซวนออกตัวเดินผ่านไปซึ่งขณะเดินผ่านหน้าชูฮันไป เจียงหลิงซวนก็รู้อึดอัดราวกับหายใจไม่ออก เจียงหลิงซวนช็อค หากชูฮันก็เพียงแค่ยิ้มให้ ส่วนซูเฟิงนั้นไม่ขยับไปจากจุดเดิมเลย
เมื่อเจียงหลิงซวนจากไป ซูเฟิงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ก็หันไปถามชูฮัน “ทำไมท่านถึงปล่อยมันไป?” “แล้วทำไมต้องไม่ปล่อย?” ชูฮันไม่สนใจ เขาเพียงกลับหลังหันและเดินจากออกไป “เจียงหลิงโหลวไม่ใช่เรื่องที่เราต้องกังวล เดิมทีฉันแค่ต้องการตามหาเจียงหลิงเทียนผ่านสองคนนี้เฉยๆแต่โชคร้ายที่เจียงหลิงซวนก็ยังเป็นมนุษย์ที่เรื่องของครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญและแตะต้องไม่ได้”
“ใครคือเจียงหลิงเทียน?” ซูเฟิวถูกเมินอย่างสิ้นเชิง
ชูฮันยิ้มมุมปากอย่างมีความลับ “ขโมย”
เจียงหลิงเทียนมีความสามารถพิเศษที่ชูฮันอยากจะได้อย่างมาก และถ้าเขาสามารถพิชิตเจียงหลิงเทียนได้ มันก็เท่ากับเขาพิชิตชัยทั้งจีนไปได้แล้วครึ่งหนึ่ง