“พวกคุณฉลาดมากที่เรียนรู้วิธีการแยกแยะได้ และมันก็ไม่ได้ชัดเจนแค่สำหรับฉันเท่านั้น แต่ทีมนักฆ่าขนนกเองก็ทราบถึงเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน” ชูฮันมองไปรอบๆอย่างเงียบๆ เขาเอ่ยชมทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้า
สำหรับปฏิกิริยาของพวกเขา ชูฮันเองก็ประทับใจมากเช่นกัน ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถพึ่งพาตนเองได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นทีมกุ้งเสือดำ ความลับของพระเจ้า หรือนักฆ่าขนนก แต่ละทีมต่างมีเป้าหมายของตัวเองที่ชัดเจน และไม่ว่าผลลัพธ์ของการฝึกจะเป็นอย่างไรมันไม่สำคัญ เพราะพวกเขาต้องการกระบวนการในการเรียนรู้ที่จะพัฒนาไปให้แข็งแกร่งขึ้น!
ดังนั้นหลังจากเอ่ยชมเสร็จ ชูฮันก็เริ่มเข้าสู่ประเด็นทันที “และเพราะมันเข้าใจได้ ดังัน้นหลังจากทีมนักฆ่าขนนกได้สอนพื้นฐานการลาดตระเวนให้แก่ทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าแล้ว มีเหรอที่พวกเขาจะไม่เข้าใจความสามารถในการเรียนรู้ของทั้งสองทีม? มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะตามหาร่องรอยของพวกคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะพวกเขาเห็นร่องรอยที่ทั้งสองทีมส่งสมาชิกสองคนไปจงใจทิ้งไว้ ทีมนักฆ่าขนนกที่เป็นฝ่ายแกะรอยก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ กุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าก็ลอบมองหน้ากันไปมา ส่วนทีมนักฆ่าขนนกก็ลอบยิ้ม ชูฮันพูดถูกทุกอย่าง
“ทีมนักฆ่าขนนกจะรู้สึกว่ามันแปลกประหลาด เป็นไปได้อย่างไรที่ทั้งสองทีมที่มีความสามารถในการเรียนรู้ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจะทิ้งร่องรอยไว้ชัดเจนแบบนี้? พวกเขาน่าจะกลบร่องรอยของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่ใช่เหรอ?” ชูฮันยิ้ม “ทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะทำให้ร่องรอยมันชัดเจนเกินไป เพื่อที่จะพัฒนาความแม่นยำ ฉันว่าทั้งสองคนที่ถูกส่งออกไปคงเหนื่อยล้าจนหมดแรงใช่มั้ย?”
“ครับท่าน” ทั้งสองคนที่ถูกส่งไปเพื่อทำร่องรอยลวงตอบรับอย่างพร้อมเพรียงทั้งคู่
ด้วยความสัตย์จริง ร่องรอยต่างๆที่จงใจทิ้งไว้นั่นลึกลับและไม่ได้หาเจอได้ง่ายๆ แต่เมื่อพิจารณาว่าฝ่านแกะรอยคือทีมนักฆ่าขนนกที่มีประสบการณ์สูง มันจึงทำให้อีกฝ่ายเดาทางแผนการได้ออก
“แต่ถึงแม้ร่องรอยที่ทั้งสองคนจงใจทิ้งไว้จะเป็นจริงอย่างมากและหาเจอไม่ได้ง่ายๆ แต่พวกคุณก็ยังลืมประเด็นสำคัญที่สุดไป” ชูฮันยิ้มจนเห็นฟัน “พวกคุณใช้วิธีการที่พวกเราเคยใช้มาแล้วในสงครามกลางภูเขา และทีมนักฆ่าขนนกก็มีประสบการณ์โดยตรง แล้วมันจะไม่ถูกทีมนักฆ่าขนนกตรวจเจอได้อย่างไร?”
ทันทีหลังจากชูฮันพูดประโยคนี้ออกมา ทั้งทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้ามีสีหน้าอึดอัดทันที ส่วนทีมนักฆ่าขนนกก็หัวเราะด้วยความดีใจ
“อะไรน่ะครับ? มันคือการขาดเทคนิคและประสบการณ์ ซึ่งนำไปสู่ความไม่เป็นธรรมต่อการประลองระหว่างสองฝ่าย” หลูปิงเซ่อเป็นคนแรกที่แย้งขึ้นมา “นี้ไม่ใช่ถูกต้อง ผมไม่สน นี่มันคือการรังแก!”
สำหรับการโวยวายของหลูปิงเซ่อนั้น เสี่ยวเคินที่มักแย้งกับหลูปิงเซ่อเสมอ หากนี่เป็นครั้งแรกที่เขายืนนิ่งอย่างใช้ความคิด ทางออกที่พวกเขา 30 หัวขบคิดกันด้วยกันขึ้นมา แต่แท้จริงกลับกลายเป็นวิธีที่ชูฮันคิดและใช้งานมาแล้ว?
นี่มันเหลือเชื่อ!
ชูฮันเองก็ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง “สำหรับการฝึกครั้งนี้กับทีมนักฆ่าขนนก ทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าแพ้และไม่เป็นธรรม คนที่ฉลาดคือคนที่จดจำบทเรียนและข้อผิดพลาด ที่ฉันหมายถึงก็คือศัตรูอาจจะมีผลตอบรับที่แตกต่างไปจากนี้อย่างสิ้นเชิงก็เป็นได้ แต่สำหรับฝ่ายที่มีประสบการณ์มากอย่างทีมนักฆ่าขนนก ความผิดปกติใดๆของพวกคุณอาจเป็นปัจจัยสำคัญในผลรวมทั้งหมดของการแข่งขัน”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ทุกคนในทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าก็นึกขึ้นได้ว่าแม้ทีมนักฆ่าขนนกอาจจะโชคดีแต่มันก็เป็นเพราะตัวพวกเขาเองที่มีข้อผิดพลาด
ไม่เหมือนกับทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้า ทีมนักฆ่าขนนกเต็มไปด้วยความภูมิใจและตื่นเต้น แต่ชูฮันที่สรุปความล้มเหลวของทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าก็หันมามองทีมนักฆ่าขนนกในคราวนี้ “ฉันว่าจะถามอยู่ พวกคุณตื่นเต้นอะไรกัน?”
เฮือก!
สมาชิกของทีมนักฆ่าขนนกรีบเก็บสีหน้าของตัวเองและยืนนิ่งทันที ในแง่ของลางสังหรณ์ครั้งนี้พวกเขาชนะการแข่งขันได้เพราะความโชคดี ซึ่งมันไม่ได้สมควรที่จะได้รับคำสรรเสริญ มันจึงเป็นธรรมดาที่ตอนนี้ท่านหัวหน้าชูฮันจะปรามพวกเขาไม่ให้แสดงความดีใจ
เมื่อได้เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของสมาชิกทีมนักฆ่าขนนก ตาของชูฮันก็ประกายวาว “สำหรับชัยชนะของทีมนักฆ่าขนนก พวกคุณทุกคนทำได้ดีและสมควรที่จะได้รับการยกย่อง”
อะไรน่ะ?
อ่อ?
สมาชิกของทีมนักฆ่าขนนกต่างตะลึง แล้วไหนจะคำชมของท่านหัวหน้าอีก? แน่นอนว่าพวกเขารู้ดีว่าท่านพลเอกชูฮันชอบเล่นเล่ห์!
ชูฮันเพียงแค่ยิ้ม “โชค ก็คือถือเป็นหนึ่บในความแข็งแกร่ง”
ที่เขามีความสำเร็จอย่างทุกวันนี้และตลอดที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เขาก็พึ่งพาโชคทั้งนั้น นี้เป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัย แม้เขาจะพบปะคนแปลกหน้ามากมายระหว่างทางและในที่สุดก็สามารถแก้ปัญหาต่างๆได้ด้วยสมองของตัวเอง แต่ถ้าไม่ใช่เพราะโชค อืม แล้วเขาจะรอดมาทุกครั้งได้อย่างไร แล้วใครจะได้พบกับคนที่ทรงพลังและแข็งแกร่งมากมายตลอดระหว่างทางจนกลายเป็นเพื่อน เป็นมิตรกันแบบนี้ได้อย่างไร?
ไม่ว่าจะทั้งเฉินช่าวเย่ เหอซาง แต่ละคนที่เขาไล่เจอไปเรื่อยๆตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ทุกคนไม่ใช่คนธรรมดา และไม่ใช่ว่าจะเจอกันได้ง่ายๆ จีนเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่เป็นไปได้อย่างไรที่เหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายที่มาพบเจอกับเจอกันหมด?
การฝึกรอบที่สองจบลง และชูฮันก็แจกแจงให้ทุกคนได้พักผ่อนกันก่อน ไม่ว่าจะทั้งสามทีมหรือตัวเองเขาต่างก็ต้องการการพักผ่อนเพื่อสะสมพลังงานไว้ใช้ต่อไป
ส่วนสำหรับบทลงโทษของทีมที่แพ้นั่น…
หึ! หึ! บทลงโทษลงนั้นก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับการฝึกรอบที่สาม!
———-
ในเวลาเดียวกัน ซางจิ่วตี้ที่อยู่ในห้องทำงานก็กำลังจ้องไปที่กองเอกสารที่ตั้งรอมากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว และในตอนนั้นเองประตูก็ถูกเคาะขึ้นเบาๆ เปิดออกมา คนที่เข้ามานั่นก็คือเจียงเทียนชิงที่ตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อนั่นเอง
“เขาไม่กลับมาเหรอ?” ซางจิ่วตี้ไม่ได้เงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เจียงเทียนชิงรู้ว่าคนที่ซางจิ่วตี้พูดถึงนั่นก็คือชูฮัน เขาถอนหายใจก่อนจะตอบคำถาม “กลับครับ แต่ไม่ได้กลับมาที่ค่าย เขาตรงไปที่จุดที่ทั้งสามทีมทำการฝึกต่อครับ”
“อ้อ เข้าใจแล้ว” ซางจิ่วตี้พยักหน้า เธอเดาไว้แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้
“อย่าโทษพี่ชูฮัน” เจียงเทียนชิงที่เห็นสีหน้าผิดหวังของซางจิ่วตี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดโน้มน้าว “พี่ชูฮันเองก็ยุ่งมาก เมื่อตอนที่ผมไปเจอพี่ชูฮันเขาก็หลับไปแล้ว กัปตันซูเฟิงบอกผมว่าพี่ชูฮันไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว”
“แน่นอน” ซางจิ่วตี้ยิ้มบางๆ หัวใจของเธอกระตุกก่อนจะพูด “ฉันไม่ได้โทษชูฮัน”
“อืม” เจียงเทียนชิงรู้สึกแปลกในใจเช่นกัน ทำไมซางจิ่วตี้ต้องหงุดหงิดด้วย?
เมื่อมองไปที่แววตาที่ไม่เข้าใจของเจียงเทียนชิง ซางจิ่วตี้ก็ส่ายหัวและยิ้ม “ฉันจะโทษเขาได้อย่างไร? เขามีความกดดันและภาระมากมายตั้งเท่าไหร่อยู่บนบ่า ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าฉัน…ป้าหยวนก็ยังไม่ได้สติ ลุงชูก็ยังไม่เจอ ค่ายก็ยังอยู่ในช่วงก่อสร้าง และแม้แต่กองทัพเขี้ยวหมาป่าก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ เพราะขาดคนอีกหลายร้อย”
“ทั้งหมดนี้ เราค่อยๆทำไปก็ได้…” เจียงเทียนชิงนิ่วหน้า บางอย่างเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ
“ทุกอย่างไม่สามารถชะลอได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม” ซางจิ่วตี้นิ่วหน้า “ฉันเห็นถึงความกังวลที่พุ่งทะลุฟ้าของชูฮัน แม้เขาจะไม่พูดแต่ฉันสามารถอ่านอารมณ์ในแววตาของเขาออก ฉันกังวลว่ามันจะซับซ้อนและยากที่คิด นายรู้ปัญหาอะไรที่ซ่อนอยู่มั้ย?”
“อะไรครับ?” เจียงเทียนชิงมองหน้าซางจิ่วตี้
“ป่ายหวีเนออยู่ที่ไหน?” ซางจิ่วตี้ลืมตา มันมีความกังวลอัดแน่นอยู่ในแววตาของเธอ “เธอไม่ได้ปรากฏในอันดับรายชื่อมาเป็นเวลาพักใหญ่แล้ว”