“ถ้าครั้งนี้มันยังไร้สาระอีก ฉันจะฆ่ามัน!” จางโบฮั่นที่กำลังอารมณ์เดือดอยู่พูดอย่างขุ่นเคือง
“อย่าพึ่งหุนหันพลันแล่น เราอย่าลดการป้องกันของเราลง หลูปิงเซ่อเป็นพรสวรรค์ที่ถึงแม้อาจจะไม่ได้เก่งกาจมาก แต่เขาก็ได้ใจหลายคน!”
“ถ้างั้นฉันจะฆ่ามัน!” จางโบฮั่นจ้องตาเขม็ง
“เดี๋ยว เรามาดูกันก่อนว่ามันเขียนอะไรมา” เสี่ยวเคินรอให้หนูโยนลูกบอลกระดาษในปากมันลงมา แต่หลังจากรออยู่พักหนึ่ง เจ้าหนูก็ยังเอาแต่แกว่งกรงเล็บมันไปมา และไม่ยอมขยับเคลื่อนที่เลย
แม้แต่เสี่ยวเคินก็ยังเกือบจะหมดความอดทน จนแทบจะปีนขึ้นไปคว้าตัวหนูลงมาเองด้วยซ้ำ
พ้ะ!
ลูกบอลกระดาษในปากของหนูในที่สุดก็ตกลงมา และเป็นเพราะมันใช้เวลานานเกินไป ลูกบอลกระดาษจึงเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายที่น่าขยะแขยงของหนู
เสี่ยวเคินต้องอดกลั้นความรังเกียจที่มีลงไปและพยายามคลี่กระดาษเปิดออก ทันทีที่เห็นข้อความข้างในเสี่ยวเคินก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น “เฮ้ย?”
“มีอะไร?” จางโบฮั่นเข้ามาถามทันทีด้วยความสงสัย
“มันเขียนไว้ว่า หลังจากนี้อีกสิบวินาที รีบวิ่งออกมาที่ถนนทางตะวันตกของพื้นที่ผู้ลี้ภัย!” เสี่ยวเคินมีท่าทีสับสน
“ไม่กี่วินาทีหลังจากนี้?” จางโบฮั่นถามอย่างไม่ทันตั้งตัว
และทันทีที่เธอพูดจบ—-
“ปังงงงง ~”
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงดังบางอย่างมาจากด้านนอก ตามมาด้วยเสียงเตะต่อยที่ดังก้อง
“นี่มันบ้าอะไร! บอกให้พวกมันหยุดเดี๋ยวนี้!”
“เข้ามาได้ยังไง ออกไป!”
“ทำไงต่อดี!”
ในขณะเดียวกัน เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ทำหน้าที่ป้องกันอยู่ด้านนอกที่พักของทีมกุ้งเสือดำก็กำลังแตกตื่นและตกใจอย่างมาก จนโวยวายกันไม่หยุด
“หยุด! นี้ไม่ใช่ที่ที่พวกแกจะมาทำเละเทะได้!”
“ห้ามมาก่อความวุ่นวายตรงนี้ พวกแกมาจากส่วนไหนของเขตผู้ลี้ภัย? พวกแกไม่รู้หรือไงว่าบริเวณนี้ไม่อนุญาตให้คนที่ไม่ใช่ทหารเข้ามา?”
“เดี๋ยวก่อน พวกมันดูเหมือนจะเป็นพวกที่หน้าประตูเมื่อวานที่มันเข้ามาในค่ายเราได้ แต่เราหาตัวไม่เจอกัน!”
“อะไรน่ะ? จับพวกมันไว้!”
ทันใดนั้น มันก็มีกลุ่มเจ้าหน้าที่วิ่งกรูกันออกมา ทำให้กลุ่มผู้ลี้ภัยที่กำลังสร้างจลาจลอยู่วิ่งหนีไปอีกทางทันที ส่วนกลุ่มเจ้าหน้าที่ก็วิ่งไล่ตามไปจนไม่เหลือเจ้าหน้าที่สักคนเฝ้าหน้าห้องเอาไว้
“ไปกันเถอะ” เสี่ยวเคินเปิดประตูออกมาดูคนแรก “เราต้องเชื่อใจทีมความลับของพระเจ้า”
“ความสามารถในการสร้างความโกลาหลของพวกเขานั้นไม่ธรรมดา!”
“อย่าพึ่งถอนหายใจ รีบไปหาทีมความลับของพระเจ้ากันเถอะ!”
ด้วยความช่วยเหลือของทีมความลับของพระเจ้า ทำให้ทีมกุ้งเสือดำสามารถหลบหนีออกไปจากการกักขังที่แสร้งทำเป็นบริการดูแลจากค่ายเจียนอี๋ และเมื่อเหล่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถไล่ตามทีมความลับของพระเจ้าได้ทัน ในตอนนั้นเองจู่ๆพวกเขาก็นึกขึ้นได้ว่าพวกเขาวิ่งมาไกลจากที่เดิมพอสมควร และตอนนี้ไม่มีใครเฝ้าห้องนั้นไว้เลย
ส่วนทีมนักฆ่าขนนกที่อยู่ห่างออกไปไม่เท่าเท่าไหร่ ซึ่งทีมของพวกนักฆ่าขนนกนั้นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่มีระยะต่ำที่สุดคือระยะ 3 จึงทำให้พวกเขาทุกคนสามารถรับรู้ถึงสถานการณ์ภายนอกได้จากสัมผัสที่มีกันหมดทั้งทีม
“เฮ้ ไม่มีใครมาช่วยเราบ้างเหรอ?” หลี่บี๋เฟิงจ้องมองผ่านทางหน้าต่าง เขามองไปที่ภาพของทีมกุ้งเสือดำที่กำลังหลบหนีอยู่
“ยังต้องการให้คนช่วยอีกเหรอไง? แค่พวกเจ้าหน้าที่ข้างนอกนั่นไม่อยู่ก็ดีพอแล้ว!”
“มันก็ใช่ แต่นี่มันเป็นเรื่องที่ดี ความสัมพันธ์ของทีมความลับของพระเจ้าและกุ้งเสือดำนี่สุดยอดจริงๆ”
“ถ้าอยากจะออกไป งั้นก็ออกไปกัน!” หลี่บี๋เฟิงแกว่งท่อนแขนที่บึกบันและแข็งแรงของเขาอย่างตื่นเต้น “อยู่ในรังนี้มันไม่ค่อยสบายเท่าไหร่เลย”
“ปัก!”
ซูเฟิงตบเข้าที่หัวของหลี่บี๋เฟิง “จำที่หัวหน้าบอกได้มั้ย? นายช่วยใช้สมองก่อนจะลงมือทำอะไรหน่อยได้มั้ย? หัวหน้าพาทีมความลับของพระเจ้าและกุ้งเสือดำเพื่อทำภารกิจสร้างความวุ่นวาย แต่ให้ทีมนักฆ่าขนนกของพวกเรารออยู่ที่นี้ คิดว่าทำไม?”
“ใช่ ทำไม? มันไม่ยุติธรรมเลย ฉันไม่พอใจ” หลี่บี๋เฟิงแสดงอารมณ์ไม่พอใจออกมา
“ปัก!”
เสียงตบเข้าที่หัวของหลี่บี๋เฟิงอีกครั้ง ซูเฟิงแทบหมดคำพูดกับหลี่บี๋เฟิง “หัวหน้าให้เราอยู่ที่นี้ นายคิดจริงๆเหรอว่าหัวหน้าไม่มีแผน?”
“โอ้ะ? ฉันเข้าใจแล้ว” แววตาของหลี่บี๋เฟิงเป็นประกาย “พวกเราอยู่ในเขตของกองทัพ และหลูอี๋ก็อยู่ที่นี้เหมือนกัน หัวหน้าต้องการให้เราขโมยตราตำแหน่งได้อย่างสะดวกและรวดเร็วที่สุด หัวหน้ากำลังยื่นโอกาสดีๆให้เรา เพื่อให้เราได้ชัยชนะอีกครั้งในการฝึกครั้งนี้!”
“ฉันล่ะอิจฉาจริงๆ” ซูเฟิงแทบอยากจะร้องไห้กับความคิดของหลี่บี๋เฟิง
แต่หลังจากได้เห็นสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนของทุกคน เขาในฐานะกัปตันของทีมจึงต้องใช้ความสามารถที่มีพยายามอธิบายแก่สมาชิกในทีม “มีด้วยเหรอที่ทีมไหนที่หัวหน้าชูฮันให้การปฏิบัติเป็นพิเศษ? ทุกอย่างมันยุติธรรมหมด ที่จริงฉันคิดว่าตราบใดที่เรายังไม่รีบร้อนออกไปจากห้องนี้ก่อนเวลาอันควร เราอาจจะเป็นคนที่ทำภารกิจล้มเหลวขึ้นมาเอง”
“อ่า…” ครั้งนี้ทุกคนยิ่งสับสนกว่าเดิม พวกเขารู้สึกว่ามันมีข้อมูลมากเกินกว่าหัวสมองของพวกเขาจะรับได้
“พวกนายใจร้อนกันเกินไป ถึงแม้ทีมนักฆ่าขนนกของเราจะเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดจากทั้งสามทีม แต่ก็ต้องยอมรับว่าในด้านอื่นๆเราก็ยังอ่อนแอ แม้แต่ในด้านการครอบคลุมของการทำภารกิจ เรายังเป็นรองทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าอยู่” ซูเฟิงนิ่วหน้าและพูดต่อ “ภารกิจครั้งนี้คือการขโมยตราตำแหน่งหลังจากสร้างความโกลาหล มันเห็นได้ชัดเลยว่าท่านหัวหน้าชูฮันต้องการใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อฝึกฝนทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าในด้านความสามารถอื่นๆ แต่สำหรับทีมนักฆ่าขนนกของเราที่มีความสามารถในการต่อสู้สูงสุด สิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเราคือการฝึกความอดทน”
“ก็จริง” หลี่บี๋เฟิงมองหน้าซูเฟิงและพยักหน้า “ใช่ พวกเราเป็นพวกหุนหันพลันแล่น เวลาที่เราเห็นศัตรู เราจะพุ่งเข้าใส่ทันที เราใจร้อนกันเกินไป”
“ทุกคนควรมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของความสำคัญของการอดทนหลังจากผ่านสงครามกลางภูเขามาแล้ว” ซูเฟิงพูดต่อ “ถ้าพวกเราคนใดคนหนึ่งได้รับตำแหน่งบัญชาการการรบขึ้นมา ฉันคาดว่าทางเลือกของพวกเราคงเป็นพุ่งเข้าชนโจมตีทันที และจะนำพาทุกคนไปตายกันหมดแน่?”
ทั้ง 20 คนพยักหน้าตามครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างยอมรับ มันมีความกลัวเล็กน้อยในแววตาของทุกคน
“แต่หัวหน้าชูฮันจะไม่ทำแบบนั้น ไม่ว่ามันจะมีฝูงซอมบี้เป็นหมื่นๆตัวปรากฏขึ้นหรือกลุ่มลูกผสม 300 ตัว ขณะที่อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินและเร่งด่วน หัวหน้าก็ยังคงอยู่ในระเบียบ หัวหน้าสามารถคิดแผนการต่อสู้และกลยุทธ์ขึ้นมาได้ในเวลารวดเร็ว แม้แต่ในช่วงนาทีสุดท้ายขณะรอให้ทีมหลอกล่อกลับมา หัวหน้าเป็นคนที่กังวลมากที่สุดกว่าใคร แต่เขายังคงอดทนและนิ่งไว้” ซูเฟิงพูดด้วยความเคารพอย่างสูง “ในพวกเรามีใครทำแบบนี้ได้บ้าง? ความยิ่งใหญ่ของท่านหัวหน้า การเรียนรู้ที่ท่านมอบให้แก่ทีมนักฆ่าขนนกของเรา เราจะต้องทำให้มันคุ้มค่าที่สุด นั่นก็คือการรอจังหวะ”
ซูเฟิงยิ้มมุมปาก “รอ บางครั้งการรอก็ไม่ใช่การเสียเวลาเปล่า แต่เป็นการรอเพื่อจังหวะที่ดีที่สุด”