Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 950 ลอบจัดการ

  ครั้งนี้หยางเทียนไม่ได้แค่อยากจะตามทันความคิดชูฮันแล้ว ถ้าตอนนี้มีแค่เขากับชูฮันอยู่ในห้องละก็ ป่านนี้หยางเทียนก็คงไล่ซักคำเอาคำตอบจากชูฮันจนละเอียดยิบไปแล้ว
นี้เขาได้ยินผิดรึเปล่า?
”หัวหน้า”หลูเหวินเชิงอึดอัดเพราะเขารู้สึกว่ากำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจำนวนมาก “จากข่าวกรองที่เราได้รับมา ความขัดแย้งระหว่างจงคุยและจงไคจะไต่ถึงจุดสูงสุดอย่างน้อยที่สุดก็อีกหนึ่งเดือนครับ แม้ว่าอยากจะใช้ประโยชน์จากการที่ทั้งคู่แก่งแย่งอำนาจกัน แต่ในเวลานี้ผมว่ามันยังดูจะเป็นไปไม่ได้ที่จะดึงกำลังทหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยจนถึงขั้นการล่มสลายของค่ายจินหยาง”
คำพูดของหลูเหวินเชิงนั้นถูกต้องและสมเหตุสมผลหน่วยข่าวกรองลับของพวกเขาไม่ใช่หน่วยงานที่ตั้งขึ้นมาเล่นๆ ทุกคนทำงานอย่างมุ่งมั่นและหนักหน่วงให้สมกับความไว้ใจที่ชูฮันมอบให้ ทุกคนมีแต่ความจงรักภักดีต่อชูฮัน
”แน่นอนมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำ…ภายใต้สถานการณ์ปกติ”ชูฮันค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้ตำแหน่งของเขา ไม่สนใจสายตาของทุกคนในห้องที่มองมาที่เขาเป็นที่เดียวด้วยความข้องใจ “และมันก็เป็นสงครามระหว่างเรากับค่ายจินหยางด้วย จะสู้ยังไงเป็นหน้าที่ของฉันเอง พวกนายมีหน้าที่รับผิดชอบหน้าที่ที่ฉันมอบหมายให้และทำมันออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล…ฉันจะทำเอง”
แม้ว่าน้ำเสียงที่ใช้อธิบายนั้นจะดูราบเรียบและธรรมดาแต่หลังจากที่หลายคนตีความให้ดีแล้ว ก็เริ่มหน้าซีดเผือด ลำคอแห้งผาก
ถ้าหัวหน้าชูฮันอยากจะทำไม่มีทางที่ใครจะเปลี่ยนความคิดของชูฮันได้ เหมือนอย่างเช่นตอนนี้ที่ชูฮันบอกว่าต้องการจะทำลายค่ายจินหยางโดยใช้กองกำลังทหารภายในให้ล่มลงให้ได้ภายในหนึ่งอาทิตย์ แถมชูฮันยังจะหาวิธีเร่งกระบวนการด้วยตัวเองอีก…ได้ยินเช่นนี้ทุกคนในห้องก็ได้แต่ยืนนิ่งเงียบท่ามกลางความกลัวที่ก่อตัวขึ้นในใจ
การแบ่งงานของสมาชิกทุกคนในแกนหลักของเขี้ยวหมาป่านั้นชัดเจนหน้าที่และความรับผิดชอบของทุกหน่วยงานและทุกคนนั้นคือการปูทางสำหรับหัวหน้าที่จะนำประโยชน์ไปใช้ให้เหนือชั้นขึ้น
จุดประสงค์ของการสร้างเขี้ยวหมาป่าและซึ่งมันเป็นความเข้าใจที่รับรู้กันได้เองภายในสมาชิกของแกนหลักของเขี้ยวหมาป่านั้นก็คือการเสริมสร้างความแข็งแกร่งรอบด้านทั้งหมดของเขี้ยวหมาป่าโดยมีชูฮันเป็นเสาหลักทางจิตวิญญาณสูงสุดเพื่อยึดเหนี่ยวทุกคนเอาไว้ด้วยกัน
”คำถามสุดท้าย”จู่ๆซางจิ่วตี้ก็เอ่ยขึ้นมา “แม้ว่าคุณจะกังวลที่จะจัดการกับค่ายจินหยางให้ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ถึงอย่างไรก็ควรจะรอให้สงครามระหว่างกองทัพเขี้ยวหมาป่าและลูกผสมจบลงก่อนมั้ยคะ?”
คำถามของซางจิ่วตี้เปรียบเสมือนเสียงที่พูดแทนจากใจหลายคนในห้องพวกเขาพลันหันไปส่งสายตาซาบซึ้งให้กับเธอทันที หลังจากที่ซางจิ่วตี้ถามออกไปก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรต่ออีก พวกเขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าตอนนี้ในใจชูฮันกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ พวกเขากลัวว่าชูฮันจะไม่พอใจจนถึงขั้นหงุดหงิดเอาได้
ชูฮันกวาดสายตามองทุกคนรอบห้องเผยรอยยิ้มชั่วร้ายอันเป็นสัญญาณอันตรายออกมา “มันเป็นเพราะสงครามที่กองทัพเขี้ยวหมาป่าของเรากำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ จึงจำเป็นที่เราจะต้องใช้จังหวะนี้ลอบกำจัดค่ายจินหยางออกไปจากจีน ลบมันออกไปจากแผนที่ให้ไม่เหลือซาก”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบจากปากชูฮันทุกคนก็ช็อคค้างอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง!
ความเงียบแผ่กระจายไปทั่วห้องพร้อมสัมผัสอันตรายแววตาหลายคู่มองชูฮันด้วยความสั่นระริกเพราะหวาดกลัว ตอนนี้ไม่เพียงแค่คนของเขี้ยวหมาป่า ทว่าแม้แต่เกาช้าวฮุ่ยที่เป็นคนนอกก็อ้าปากค้างด้วยความช็อคเช่นกัน
เหตุผลง่ายๆของชูฮันคือตอนนี้กองทัพเขี้ยวหมาป่ากำลังทำสงครามอยู่กับลูกผสม และช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ชูฮันจดจ่ออยู่กับการทำลายค่ายจินหยาง ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถเข้าใจความคิดของชูฮันได้เลย
อะไรที่จะดึงดูดคนเราได้มากเท่ากับผลพลอยได้มหาศาล?
ลูกผสมทำสงครามอยู่กับกองทัพเขี้ยวหมาป่าอยู่อีกทางหนึ่งแต่ชูฮันกลับมุ่งมั่นจะไปอีกทางเพื่อจะทำสงครามกับค่ายจินหยาง!
ความคิดในหัวหยางเทียนตีกันวุ่นไปหมดเขากำลังกังวลใจอย่างมาก ปกติเขาเป็นคนที่มีพัฒนาการทางความคิดอย่างดีเสมอ ทว่าตอนนี้เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าชูฮันกำลังพูดอะไรอยู่ ไม่ว่าจะคิดมากเท่าไหร่ก็ยังหาทางไม่ออก  ตอนนี้เราควรจะสู้กับสงครามตรงหน้าสิ?ทำไมจู่ๆถึงเอาประเด็นเรื่องการทำลายค่ายจินหยางขึ้นมาพูด?
ชูฮันไม่คิดจะอธิบายอะไรต่อและเดินออกจากห้องประชุมไปตอนนี้เขาต้องไปจัดการสิ่งที่ค้างคา หลังจากอธิบายแผนการไปแล้วบางส่วน ชูฮันเชื่อว่าเขาเดินหมากได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าการส่งทีมความลับของพระเจ้าไปจะไม่ใช่เพื่อต้องการให้ไปสร้างความวุ่นวายภายในกองทัพของค่ายจินหยางก็ตาม แต่ตอนนี้ทุกคนยังไม่จำเป็นต้องรู้ขั้นต่อไป
คืนนี้เขาจะพาทหารทั้งหมด 3,500 คนลงสนามรบ เผชิญหน้ากับลูกผสม สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้สำหรับการเดินทางอันยาวนานของชูฮันคือการพักผ่อนให้เต็มที่และรอคอยเวลาคืนนี้ที่จะมาถึง…
”เฮ้ซงเสี่ยวน้อย” หลังจากชูฮันเดินจากไป หยางเทียนที่ในที่สุดก็ได้สติกลับมารีบปรี่เข้ามาจับแขนซงเสี่ยวและเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “นายฉลาดที่สุดในนี้แล้ว ช่วยวิเคราะห์ที่หัวหน้าพูดให้ฉันเข้าใจที”
”วิเคราะห์?”ซงเสี่ยวหันกลับมามองด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก “ฉันชื่อซงเสี่ยว ฉันไม่ชอบให้ใครมาเปลี่ยนชื่อฉัน”
”เอาใหม่ๆถ้างั้นอาจารย์ซงเสี่ยวช่วยวิเคราะห์ให้ที?” หยางเทียนมีความสามารถในการปรับตัวให้ยืดหยุ่น้ข่ากับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว “ฉันแค่ไม่เข้าใจ ทำไมหัวหน้าต้องเจาะจงจะทำลายค่ายจินหยางในเวลานี้ให้ได้ ถึงแม้ช่วงเวลานี้มันจะดีต่อการหลบสายตาคนอื่นได้ แต่เราควรจัดการปัญหาที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้ก่อนสิ?”
”อะไรคือปัญหาที่ใหญ่ที่สุดล่ะ?”ซงเสี่ยวย้อนถามกลับหยางเทียน…ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่หยางเทียนกำลังสนใจอยู่ แต่ไม่ทันสังเกตเห็น?
”คือกองทัพเขี้ยวหมาป่า!” หยางเทียนสบตากับซงเสี่ยวและรีบพูดต่อทันที “ตอนนี้กองทัพเขี้ยวหมาป่ากำลังตกอยู่ในเงื้อมมือของลูกผสมและกองทัพซอมบี้มหาศาล พวกเขาถูกล้อมเอาไว้รอบด้านจนไม่สามารถวางกลยุทธ์หรือเคลื่อนพลได้เลย แถมตอนนี้หัวหน้าชูฮันยังจะส่งทีมความลับของพระเจ้าไปจากที่นี้เพื่อไปเปิดสงครามกับค่ายจินหยางอีก แล้วสงครามที่เมืองอันลูของพวกเราล่ะ? ตอนนี้เรามีคนไม่พอด้วยซ้ำ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเทียนสีหน้าของซงเสี่ยวก็เริ่มอึมครึมลง บรรยากาศเริ่มเงียบขรึม “เสียเวลาชะมัด พี่ชูฮันก็พูดออกมาตรงๆตั้งนานแล้ว ทำไมนายยังไม่เข้าใจอีก?!”
หยางเทียนส่ายหัวด้วยความสิ้นหวัง”ระดับความฉลาดของฉันมันไม่เท่านายนี่ ก็ฉันไม่เข้าใจจริงๆ”
ซงเสี่ยวถอนหายใจอย่างหมดหนทางทำสีหน้าเอือมๆก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้หัวหน้าไม่สนใจการที่ลูกผสมกำลังทำสงครามอยู่กับกองทัพเขี้ยวหมาป่าเลย”
เมื่อได้ยินอย่างนี้หยางเทียนก็ตกใจค้าง”นี่หัวหน้าไม่แม้แต่จะเป็นกังวลเรื่องของเขี้ยวหมาป่าเลยเหรอ…”
”ในหัวสมองของนายมันมีอะไรบ้างกันแน่?”ซงเสี่ยวแทบหมดคำพูด “เพราะพี่ชูฮันมั่นใจ เขาเลยไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะงั้นเขาจึงใช้โอกาสนี้ไปจัดการศัตรูซะ!”
หยางเทียนตะลึงจนหน้าเหวอ”นายหมายความว่า กองทัพลูกผสมและซอมบี้ที่พวกเรากำลังทำสงครามอยู่ตอนนี้ไม่มีความสำคัญในสายตาของหัวหน้า?”
”อาจจะใช่อาจจะไม่ใช่” ซงเสี่ยวเลิกคิ้วกวนๆ “ความคิดของพี่ชูฮันนั้นไม่มีใครเดาได้ แต่ฉันรู้ว่าพี่ชูฮันจะนำพาพวกเราไปสู่ชัยชนะเสมอ ส่วนจะชนะด้วยวิธีไหน ใครจะรู้ล่ะ? เรื่องกลยุทธ์ การเคลื่อนกำลังพลและแผนการรบอะไรพวกนั้น ระดับสติปัญญาของฉันไม่อาจเทียบกับพี่ชูฮันได้”
หยางเทียนตกใจและเงียบไปสักพักทันใดนั้นจู่ๆเขาก็ระเบิดหัวเราะออกมา “ตราบใดที่หัวหน้าเชื่อมั่นในเขี้ยวหมาป่า ฉันก็โล่งใจ”
”พวกนายนี่มันอ่านง่ายจริงๆ”ซงเสี่ยวมองหยางเทียนด้วยท่าทางดูแคลนก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้หยางเทียนแทบพูดไม่ออก “เรื่องอื่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่นายต้องเป็นกังวล ควรจะคิดเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ดีกว่า หลังจากที่หัวหน้าชูฮันกลับมา พวกเราจะแซงหน้าค่ายอื่นๆยังไง? เสริมความแข็งแกร่งของค่ายเขี้ยวหมาป่าให้รอบด้าน…”
”ใช่แล้ว!”หยางเทียนร้องเสียงดัง สายตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นที่จะลงมือลองทำ
Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

APOCALYPSE MELTDOWN โลกาวินาศล่มสลาย
Status: Ongoing
มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset