ลูกผสมทั้งหลายเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งและความสามารถของอู๋หลิงฉิงโดยเฉพาะหลังจากตี่ตงพาลูกผสมสามร้อยตัวไปตาย คำพูดของอู๋หลิงฉิงจึงยิ่งน่าเชื่อถือเข้าไปอีกสำหรับลูกผสมที่เหลือ
ยิ่งไปกว่านั้นตัวอู๋หลิงฉิงเองก็เป็นหนึ่งในสิบอันดับลูกผสมที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองหยินด้วย!
ดังนั้นเมื่ออู๋หลิงฉิงจากไปจึงไม่มีใครคิดในแง่ร้ายเลยแถมยังไม่เป็นกังวลหรือเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของอู๋หลิงฉิงด้วยซ้ำ เพราะสุดท้ายแล้วถ้าแม้แต่ระดับอู๋หลิงฉิงยังไม่สามารถจัดการปัญหาได้ พวกเขาจะมีปัญญาไปช่วยอะไร
และเพราะการปล่อยผ่านไปของลูกผสมทั้งเจ็ดร้อยตัวมันจึงทำให้อู๋หลิงฉิงแยกห่างจากลูกผสมทั้งทีมออกไกลขึ้นไปเรื่อยๆจนไปคนละเส้นทางอย่างสิ้นเชิง
อู๋หลิงฉิงที่ทิ้งทั้งทีมออกมาจู่ๆก็หยุดนิ่งอยู่กับที่หลังจากวิ่งออกมาได้พักหนึ่งคิ้วขมวดเข้าหากันจนหน้าผากย่น นัยน์ตาสีเลือดมีแววความอับอายและความไม่พอใจ
เธอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่ผิดปกติจึงทำให้เธอตื่นตัวและรีบวิ่งออกมาเพื่อตรวจสอบทันทีโดยไม่ลังเล!
เพราะเธอได้ยินเสียงร้องของเด็กทารก!
เสียงมันดูเหมือนดังมาจากที่ไกลเพราะเสียงมันดังแว่วและมีความก้อง อู๋หลิงฉิงไม่สามารถหาตำแหน่งเจาะจงของต้นเสียงได้ เธอจึงทำได้เพียงหยุดนิ่งอยู่กับที่เพื่อตรวจหาตำแหน่งให้แน่ชัดก่อน
ขณะที่ระยะทางมันเริ่มเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆความหวาดหวั่นในแววตาอู๋หลิงฉิงก็ยิ่งหนักขึ้นเช่นกัน เพราะเสียงร้องนั้นมันดังขึ้นจนชัดเต็มสองหู
เหตุการณ์นี้เกิดผลกระทบต่ออู๋หลิงฉิงอย่างเห็นได้ชัดความทรงยำที่เจ็บปวดย้อนกลับคืนมาอีกครั้งจนเธอปวดหัวจนมึนอยู่พักหนึ่ง
อย่างที่พูดกันว่า…แม่เสือจะไม่กินลูกตัวเองแต่สำหรับอู๋หลิงฉิงมันไม่ใช่เลยสักนิด!
เพราะไม่นานหลังจากเกิดการปะทุโลกาวินาศ…เธอก็กินลูกสาวตัวเองด้วยความหิวโหย!
มันคือเรื่องที่ปิดประตูฝังตายหัวใจของอู๋หลิงฉิงเอาไว้ตลอดเวลาที่ผ่านมามันช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเธอ ขณะเดียวกันก็ทำให้ธอกลายเป็นคนเย็นชา เธอไม่สามารถเจอเด็กทารกที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปีได้เลย ยิ่งโดยเฉพาะเด็กผู้หญิง…
อารมณ์หลากหลายถูกปล่อยออกมาแทบจะทันทีพร้อมพยายามสอดส่องสายตาหาเด็กทารกที่กำลังส่งเสียงร้อง
บนต้นไม้สูงตระหง่านที่อยู่ไกลออกไปในมือของหลูปิงเซ่อถือกล้องส่องทางไกลที่กำลังจับภาพของอู๋หลิงฉิงอยู่
เป็นลูกผสมที่ทรงพลังมากแสบตาจนตาแดงไปหมด! หลูปิงเซ่อกัดฟันคำราม จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางเพื่อมองหาต้าฉิงและหวังไค
ขณะเดียวกันนั้นเองบนหลังของต้าฉิงก็มีหวังไคที่ยังคงอยู่ในร่างเล็กเท่าลูกปิงปองเหมือนเดิม อุ้งมือข้างหนึ่งกำขนของต้าฉิงเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองร่วง ขณะที่อีกข้างกำลังถือผ้าชิ้นหนึ่งเอาไว้
ต้าฉิงไปข้างหน้า หวังไคสั่งการต้าฉิงทันที
แม้ต้าฉิงจะเป็นสัตว์ประหลาดคลั่งสายพันธุ์พิเศษที่มีพันธุกรรมย้อนกลับหากมันก็เข้าใจถึงความหมายที่หวังไคสื่อออกมา ไม่นานมันก็บินพุ่งไปทางกิ่งไม้ใหญ่บนต้นไม้ข้างหน้า
หวังไคฉีกชิ้นส่วนหนึ่งของผ้าที่อยู่ในมือมันยื่นมือออกไปให้พ้นจากตัวต้าฉิงและทันทีที่ต้าบินโฉบผ่านกิ่งไม้ใหญ่ไปจนเกิดแรงสั่นสะเทือนทำให้ใบไม้ร่วงหล่นไปข้างล่าง และเป็นจังหวะเดียวกับที่หวังไคจงใจปล่อยเศษผ้าทิ้งลงมา
อู๋หลิงฉิงที่อยู่ด้านหลังไม่นานก็มาถึงตามตำแหน่งของเสียงที่ได้ยินและก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติอย่างแทบจะทันที…เพราะเธอได้กลิ่นเลือดในอากาศ!
ฟรึบ!
ตาของอู๋หลิงฉิงเบิกกว้างมีประกายรุนแรงอัดแน่น อู๋หลิงฉิงพลัยเงยหน้าขึ้นมองด้านบนและก็จับภาพของเศษผ้าที่กำลังลอยตกลงมาในสายตาได้ทันที
มีกลิ่นเลือดออกมาจากสิ่งนั้น!
อู๋หลิงฉิงตะลึงหลังจากมองเศษผ้าด้วยแววตาดุเดือดและรีบเร่งฝีเท้าเพื่อจับเศษผ้า!
เห็นได้ชัดว่าเศษผ้าชิ้นนี้ถูกฉีกทิ้งมาจากเสื้อผ้าประกอบกับเสียงร้องของเด็กทารก เธอจึงสามารถไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ได้อย่างไม่ยาก
เด็กทารกที่น่าจะอายุไม่กี่เดือนน่าจะถูกนกยักษ์หรือไม่ก็สัตว์ประหลาดพาตัวไปแถมน่าจะมีบาดแผลจนมีเลือดไหลเปื้อนไปตลอดทาง…
ทันใดนั้นอู๋หลิงฉิงก็หูอื้อด้วยความโกรธแม้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมและตัวเองต้องการทำอะไรแต่เธอก็รีบออกตัวพุ่งมาจากทีมลูกผสมเจ็ดร้อยตัวอย่างรวดเร็วจนออกมาไกลมากขึ้นเรื่อยๆ เธอหลงเข้ามาในภูเขาลึกอย่างไม่มีสติเพียงลำพัง
————————-
ในขณะเดียวกันนั้นเองทีมลูกผสมเจ็ดร้อยตัวก็กำลังได้เจอเรื่องน่าพอใจ…
มันมีร่องรอยการเคลื่อนไหวข้างหน้าอย่างเห็นได้ชัด ในเวลานั้นเอง ลูกผสมที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนก็วิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์ให้ลูกผสมระยะ 7 มันน่าจะเป็นรอยที่พึ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน แสดงว่าชูฮันและทหารของมันต้องอยู่ใกล้ๆแน่
ใช่รอยเคลื่อนที่มั้ย? ลูกผสมระยะ 7 ตื่นเต้นและตื่นตัวสุดๆ
มันเป็นเรื่องผิดปกติที่จะเจอร่องรอยที่แสดงการเคลื่อนที่ของพวกชูฮันได้โดยปกตินานๆครั้งพวกมันจะเจอเพียงแค่ร่องรอยเล็กน้อยที่บอกอะไรไม่ได้เลย สาเหตุก็เป็นเพราะว่าที่ผ่านมาชูฮันตั้งใจจะกลบร่องรอยของตัวเองไม่ให้พวกมันตามได้เจอ
ชูฮันมักจะระมัดระวังตัวอยู่อย่างมากเสมอดังนั้นที่ผ่านมาพวกมันจึงไม่สามารถหาร่องรอยเบาะแสอะไรได้เลย แต่แล้วจู่ๆก็มีร่องรอยถูกทิ้งไว้ให้เห็นแบบนี้ ราวกับว่าในที่สุดพระเจ้าก็เห็นใจพวกมัน เท่านี้พวกมันก็สามารถวิเคราะห์ตำแหน่งของทีมชูฮันได้ว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปทิศทางไหน
ถ้าสามารถหาชูฮันได้เจอพวกมันก็ไม่จำเป็นต้องไล่เผาป่าอีก ไหนจะต้องใช้กำลังตีล้อมดักซุ่มเพื่อหวังรอให้ชูฮันปรากฏตัวอย่างที่ผ่านมาอีก
ใช่แน่นอนครับ! ลูกผสมที่รายงานพยักหน้ารัวๆ ไล่ตามไปเลยดีมั้ยครับ?
ไล่ตาม? ลูกผสมระยะ 7 อุทาน ดูเหมือนว่ามันจะถึงจุดจบของชูฮันแล้ว ตัวมันเองก็คงรู้ว่าตัวเองไม่มีที่ที่จะหลบซ่อนได้อีกต่อไป ถึงได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้เหมือนกับเตรียมตัวตาย!
ฉันไม่คิดอย่างนั้นมันอาจจะเป็นแผนจงใจทิ้งไว้ล่อเราก็ได้? ลูกผสมอีกตัวไม่เห็นด้วย พวกเราควรรอท่านอู๋หลิงฉิงกลับมาเพื่อตัดสินใจ
เราจะปล่อยให้ร่องรอยหายไปเสียเปล่าไม่ได้เด็ดขาด! ลูกผสมระยะ 7 ไม่อยากยอมแพ้ สมมติเราที่มีลูกผสมทั้งหมดเจ็ดร้อยตัว แล้วฝั่งชูฮันมีทหารกี่คนกัน?
ลูกผสมที่ไม่เห็นด้วยนิ่วหน้าและทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบ ถ้างั้นก็รอผลวิเคราะห์ออกมาก่อนว่าเส้นทางที่พวกชูฮันเดินทางคือทิศทางไหน
ลูกผสมระยะ7 ไม่รอช้าและเริ่มการระดมสมองวิเคราะห์ตำแหน่งของชูฮันทันที
ด้วยความร่วมมือของลูกผสมกว่าหนึ่งร้อยตัวพวกมันก็สามารถวิเคราะห์ร่องรอยที่เจอได้อย่างรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับทำให้พวกมันอึ้งกันเป็นแถบ…
เพราะร่องรอบเบาะแสที่เจอสามารถวิเคราะห์เส้นทางได้ออกมาสองทิศทางที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าไม่ใช่ว่าร่องรอยนี้ถูกอำพรางโดยชูฮัน…ก็แปลว่าชูฮันแบ่งทีมออกเป็นสองทีมแยกทางกันไป
ถ้าเป็นอย่างแรกก็ถือว่าได้ผลสำเร็จอย่างมากเพราะสามารถสร้างความสับสบให้เหล่าลูกผสมได้โดยที่พวกมันไม่สามารถแยกได้เลยว่าเส้นทางไหนคือจริงหรือปลอม
และถ้าเป็นอย่างหลังมันก็เป็นโอกาสอันดีเยี่ยมที่จะไล่ตามกำจัดทีทเขี้ยวหมาป่าที่มีกำลังน้อยลงให้สิ้นซาก!
เพราะถ้าชูฮันแบ่งทหารออกเป็นสองส่วนลองจินตนาการภาพทีมทหารประมาณสองร้อยคนที่อยู่กับชูฮัน ถ้าต้องเจอกับทีมลูกผสมเจ็ดร้อยตัวที่ไล่ตามมา ความแตกต่างของจำนวนกำลังพลทำให้ฝ่ายลูกผสมมีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่ามาก
ปัญหาก็คือความจริงที่ซ่อนอยู่ที่ความมืด…ลูกผสมไม่มีทางรู้ได้เลยว่าทางเลือกที่พวกเขาเลือกในตอนนี้จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
และในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอู๋หลิงฉิงก็ไม่ได้อยู่ที่นี้ด้วย!
ลูกผสมทั้งเจ็ดร้อยตัวปวดหัวตึบเพราะไม่รู้ว่าความจริงคืออะไรกันแน่จนในที่สุดพวกมันก็ตัดสินใจลองเสี่ยงดูหลังจากคิดทบทวนมาอย่างรอบคอบแล้ว แบ่งคนของเราออกไปตามสองเส้นทาง ลูกผสมสี่ร้อยตัวไล่ตามไปเส้นทางทางซ้าย และที่เหลืออีกสามรร้อยตัวตามฉันมาไปทางขวา!