Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 1058 ขึ้นบัญชีดำ!

  วันที่เจ็ดที่ชูฮันอยู่ในโคม่าซึ่งเป็นวันเดียวที่ในที่สุดเหล่าตัวแทนจากค่ายต่างๆก็สังเกตถึงความผิดปกติในเมืองโรแมนติก ทว่าก็ไม่ใช่ทุกคนที่ได้สติกลับมาเต็มร้อยดี

  ท่ามกลางกลุ่มตัวแทนมีเพียงแค่มู๋หรงยู๋เฉิงที่ได้สติกลับมาเต็มร้อย และขณะนี้เขาก็กำลังนั่งอยู่ตรงชั้นแรกของร้านหลินหยูพร้อมกับถ้วยน้ำชาในมือ

   เราต้องออกไปจากที่นี้! มู๋หรงยู่เฉิงพูดขณะกวาดสายตาเคร่งเครียดใส่ทุกคน

   เอ่อใช่  ทุกคนพยักหน้า

  หลายคนเริ่มหันซ้ายหันขวาและสังเกตได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น

   เฉินยุนโหลวล่ะ? มีคนหนึ่งถามขึ้นมา  ฉันไม่…นี้มันสะเพร่าชะมัด! 

   เขาจากไปตั้งแต่วันแรก มู๋หรงยู๋เฉิงเป็นคนตอบ  ทุกคนตะลึงและอดไม่ได้ที่จะมองไปยังสาวงามสองคนที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าบางคนยังทำใจเชื่อไม่ลงว่าเฉินยุนโหลวจะกล้าจากไปสวรรค์บนดินเช่นนี้ตั้งแต่วันแรก?

  เฉินยุนโหลวคงเห็นว่าชูฮันไม่ได้อยู่ที่นี้ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ที่นี้ เฉินยุนโหลวเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นคนแน่วแน่และมุ่งมั่น แต่ค่ายเขี้ยวหมาป่าไม่เหมือนกับค่ายซือฉวน อยู่ที่นี้เฉินยุนโหลวไม่สามารถทำอะไรได้มาก

  อีกอย่างตัวแทนหญิงเพียงคนเดียวอย่างหลูชูซเวเองก็ไม่ได้อยู่ที่นี้เหมือนกันตอนที่เธอเป็นลมไปในแรกที่มาถึงและหลังจากเธอได้สติฟื้นขึ้นมา เธอก็รีบไปจากที่นี้ทันทีโดยไม่มีใครรู้…

  มู๋หรงยู่เฉิงเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกมอมเมาจงหลงอยู่ในเมืองนี้ตั้งหลายวันแน่นอนว่าหญิงสาวจากเมืองโรแมนติกแตกต่างจากค่ายอื่นๆ แต่ในฐานะผู้ช่วยคนสนิทของพลเอกฉางกวนหลง มู๋หรงยู่เฉิงมีความแน่วแน่และมุ่งมั่นกว่าใครอื่น

  เขารู้ว่าการที่กลุ่มตัวแทนถูกล่อลวงเช่นนี้…มันจะต้องมีเหตุผลไม่ธรรมดาชักใยเบื้องหลัง

  ดังนั้นมู๋หรงยู่เฉิงจึงรออยู่ที่นี้เป็นเวลาสามวันอาศัยตลอดเวลาทั้งสามวันคอยมองสังเกตการณ์ทุกอย่างภายในเมืองจนถี่ถ้วน ก่อนที่มู๋หรงยู่เฉิงจะได้ข้อสรุปกับตัวเองที่ทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินต้องหวาดกลัว

  เพราะเขาพบว่าตั้งแต่ที่สงครามจบลงชูฮันยังไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็นเลยสักครั้ง!

  นี้ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้มาจากคนในหรืออะไรทั้งนั้นแต่เป็นสิ่งที่มู๋หรงยู่เฉิงวิเคราะห์ด้วยตัวเองจากบทสนทนาที่เขาไล่สังเกต และยิ่งในกรณีที่ทั้งเฉินยุนโหลวและหลูชูซเวไม่อยู่ที่นี้ แสดงว่าทั้งสองคนน่าจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเหมือนกับเขา

  ชูฮันกำลังหลบหน้าทุกคนอยู่มันมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่?   มู๋หรงยู่เฉิงไม่กล้าคิดไปไกลและตอนนี้เขาก็ไม่มีความคิดที่จะกลับไปค่ายหนานตู้ง่ายๆดังนั้นเขาจึงรอให้ทุกอย่างสงบลงอยู่ที่นี้ ในความคิดของเขานั้นตัวแทนทุกคนน่าจะกลับไปยังค่ายตัวเองในอีกไม่ช้าก็เร็วเพราะค่ายเขี้ยวหมาป่าคงไม่สามารถถ่วงเวลาทุกคนไปได้ตลอด

  สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือการยอมรับและอยู่อย่างนิ่งๆไว้ก่อน

   นี่พวกเราถูกปั่นหัวเหรอ? ในที่สุดบางคนก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น  ฉันไม่เห็นพลเอกชูฮันอยู่ที่นี้เลย แม้แต่ผู้ดูแลค่ายเขี้ยวหมาป่าก็ไม่โผล่มาหาเราด้วยซ้ำ ไม่มีการจัดอาหารเลี้ยง ไม่มีเครื่องดื่ม ไม่มีความบันเทิงอะไรให้เราเลย! 

  ทุกคนเองก็เริ่มสังเกตบทสนทนาแปลกๆและเริ่มพูดคุยกัน

  มีเพียงแต่มู๋หรงยู่เฉิงที่ไม่ร่วงวงด้วยตอนนี้ไม่ว่าตัวเขาจะตัดสินใจแบบไหนมันก็เป็นไปได้หมดว่าเขาอาจจะทำลายแผนการของค่ายเขี้ยวหมาป่า ก่อนหน้าที่เขาจะมาที่นี้เขาได้ไปเจอกับฉางกวนยวีซินมาก่อนและเขาก็ได้ไตร่ตรองทำความเข้าใจทุกอย่างเรียบร้อยว่าทุกๆอย่างเกิดขึ้นนั้นจะอิงกับผลประโยชน์ของค่ายเขี้ยวหมาป่าก่อนเสมอ…

  หลังจากนั้นไม่นั้นทุกคนก็ตัดสินใจออกไปจากเมืองโรแมนติกเพื่อไปตามหาชูฮันที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า

  แต่ทันทีที่พวกเขาเตรียมตัวจะจากไปนั้นหลินหยูที่เป็นผู้จัดการซ่องก็ปรากฏตัวขึ้น เธอส่งยิ้มให้กับทุกคนและพูด  พวกท่านต้องการจะไปแล้ว? ถ้าเช่นนั้นกรุณาชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อนด้วยค่ะ? 

   อะไรนะ? 

   ชำระเงิน? 

   นี้ไม่ใช่การต้อนรับจากพลเอกชูฮันหรือไง? 

   ไม่ใช่ว่ามันคือการดูแลจากค่ายเขี้ยวหมาป่ารึไงทำไมพวกเราต้องจ่ายเงินตัวเอง?    ทุกคนต่างตะลึงงันและยิ่งเมื่อได้รับใบเสร็จค่าใช้ค่าบริเวณที่สูงลิบลิ่วพวกเขาก็ยิ่งอารมณ์เดือดพล่านกันเข้าไปใหญ่ ความโกรธพุ่งทะลักและระเบิดใส่หลินหยูกันไม่ยั้ง

   นี้มันปล้นกันชัดๆ! 

   มันแพงมากเกินไป! 

   แน่นอนว่าเมืองโรแมนติกมีส่วนเกี่ยวข้องกับค่ายเขี้ยวหมาป่าแต่นั่นมันก็แค่ในเชิงเขตอำนาจของการปกครองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับธุรกิจของพวกเรา  หลินหยูพูดพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ต่างอะไรกับมีดคมๆ  ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ที่พวกท่านกิน ดื่ม เคล้านารี ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่มีคำว่าฟรี แม้แต่กัปตันของกองทัพเขี้ยวหมาป่ามาที่นี้ก็ต้องจ่ายเงินเหมือนกัน พวกเราไม่ได้บริการใครฟรีๆ เราเองก็ต้องหาเงินใช้เหมือนกัน พวกท่านจะมาเสวยสุขฟรีๆได้ยังไง! 

  ขณะพูดหลินหยูก็คอยชำเลืองมองมู๋หรงยู่เฉิงไปด้วย และอย่างที่ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลายกิน ดื่ม นอนหลับอยู่ที่นี้ตลอดสามวันใครๆก็ล้วนเห็นกันทั้งนั้น พวกท่านล้วนเป็นตัวแทนจากค่ายใหญ่โตกันทั้งนั้น คิดจะโกงพวกเราที่ทำงานกันรึยังไงคะ? 

  มู๋หรงยู่เฉิงไม่คิดสักนิดว่าตอนท้ายเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้เขาได้แต่ชำเลืองมองใบเสร็จของตัวแทนคนอื่นข้างๆอย่างเงียบๆ จำนวนค่าใช้จ่ายที่ยาวเป็นหางว่าวทำให้เขาขนลุกขึ้นมาทันที อดไม่ได้ที่จะแอบดีใจที่ตลอดสามวันที่ผ่านมาเขาดื่มแต่น้ำชาเท่านั้น

  ทว่าคนอื่นต่างตื่นตระหนกกันหมดเมื่อลองคิดย้อนกลับดูแล้วมันก็จริงทุกอย่างเพราะตั้งแต่ที่พวกเขาก้าวเข้ามาในเมืองอันลู พวกเขาก็ไม่เจอกับเจ้าหน้าที่ทางการของค่ายเขี้ยวหมาป่าคนไหนเลย ไม่มีใครมาต้อนรับดูแล ทุกอย่างดำเนินไปตามความพึงพอใจของพวกเขาเอง

  ที่แท้พวกเขาก็ถูกล่อให้มาที่นี้เพื่อมาติดกับสาวงาม!

  จบสิ้น!   ทุกคนพลันหน้าซีดเผือดตัวแทนจากค่ายขนาดเล็กหลายคนยิ่งเสียใจกับการกระทำของตัวเอง พวกเขาคิดว่าทุกอย่างฟรีทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกแต่ทุกอย่างที่ดีที่สุด จึงทำให้ราคาที่ต้องชำระจึงสูงลิบไปด้วย!

  นี้มัน…

  แล้วทีนี้พวกเขาจะทำอย่างไรดี?

  พวกเขาจ่ายไม่ไหว!

   คุณสามารถช่วยเราหน่อยได้ไหม? ตัวแทนจากค่ายเล็กแห่งหนึ่งเอ่ยขึ้น หน้าดำหน้าแดงด้วยความอับอาย  ด้วยตำแหน่งของผม ผมไม่มีทางที่จะจ่ายได้ไหว ผมเพียงแค่มาร่วมสนุกเท่านั้น 

   หึ! สีหน้าหลินหยูพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา  ก็พอจะต่อรองได้อยู่! 

  พอชายผู้นั้นได้ยินสีหน้าก็ดีขึ้นทันที คนอื่นๆเองก็พลอยโล่งใจไปด้วย

  และหลินหยูก็พูดประโยคต่อมาที่ทำให้ทุกคนไม่พอใจอีกครั้ง ถ้าพวกท่านไม่จ่าย ชื่อพวกท่านทุกคนจะขึ้นบัญชีดำของที่นี้และห้ามเข้าเมืองโรแมนติกอีกต่อไปในอนาคต! 

   เธอ! ชายผู้นั้นตกใจ ชักสีหน้าแสดงความไม่พอใจเต็มที่พร้อมกับท่าทางที่เปลี่ยนไป  กล้าดียังไง! มีสิทธิอะไรสั่งการแบบนี้ในเมืองโรแมนติก? 

  น้ำเสียงของหลินหยูเย็นเยือกยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าดิฉันมีสิทธิสั่งการ แต่นี้คือกฏที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่แรกที่เมืองโรแมนติกก่อตั้ง ใครก็ตามที่ไม่มีเงินชำระค่าใช้จ่ายที่ไหนก็ตามที่ไปใช้บริการในเมืองโรแมนติกจะขึ้นบัญชีดำ ไม่ใช่แค่ซ่องของฉันเท่านั้น แต่ทุกร้านทุกธุรกิจของทั้งเมืองก็บังคับใช้กฏเดียวกัน 

  ทุกคนต่างพูดอะไรไม่ออกหากหลายคนก็ไม่ได้สนใจ เพราะมันก็แค่ขึ้นบัญชีดำเมืองโรแมนติก ไม่ใช่ขึ้นบัญชีดำค่ายเขี้ยวหมาป่าซะหน่อย…

  แน่นอนว่าหลินหยูสามารถเดาความคิดของทุกคนได้เธอยกยิ้มมุมปากและพูดต่อทันที  พวกท่านควรจะรู้ไว้ด้วยว่าค่ายเขี้ยวหมาป่าในอนาคตจะเปลี่ยนเป็นฐานทัพทหาร และเมื่อเวลานั้นมาถึงจะไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ในค่ายแล้ว ไม่มีที่พัก ไม่มีร้านอาหาร แม้แต่ลูกหมาก็ไม่สามารถเข้าไปเดินเล่นได้ และสถานที่สำหรับการบริโภคทุกอย่างที่ใกล้ค่ายเขี้ยวหมาป่าที่สุดก็คือที่เมืองโรแมนติกแห่งนี้ ในอนาคตเวลาที่ท่านพลเอกชูฮันต้องการความบันเทิงให้แขก ต้องการจัดงานเลี้ยง ต้องการอาหารเพื่อต้อนรับ ทุกอย่างจะทำได้จากที่นี้เท่านั้น ดังนั้นถ้าพวกท่านมีชื่ออยู่ในบัญชีดำละก็นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับพวกท่านเท่าไหร่ 

 

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

APOCALYPSE MELTDOWN โลกาวินาศล่มสลาย
Status: Ongoing
มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset