เฮ้~ ฟานเจี้ยนยิ้มกว้างทันที ยื่นมือส่งไปเพื่อจะจับมือกับชายลึกลับที่มีนามแฝงว่ากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ โชคดี โชคดีจริงๆ!
ชายลึกลับมีนามแฝงว่ากษัตริย์มีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่ในที่สุดเขาก็ยิ้มมุมปากก่อนจะเอื้อมมือออกไปจับมือกับราชานักล่าแต่ช่วงเวลาในการจับมือนั้นแสนจะสั้น เพียงเสี้ยววินาทีที่มือสัมผัสโดนกันชายลึกลับที่มีนามแฝงว่ากษัตริย์ก็ปล่อยมือออกทันที
ราชานักล่าอย่างฟานเจี้ยนเองก็ไม่ได้สนใจท่าทีต่อต้านที่ชายลึกลับมีนามแฝงว่ากษัตริย์จงใจแสดงออกมาเขาเพียงประหลาดใจที่มือของชายลึกลับคนนี้เย็นเฉียบ ในใจพลันเริ่มตั้งข้อสงสัยทันที ในเมื่อตอนนี้เราเป็นทีมเดียวกันแล้ว ถือว่ามันคือโชคชะตา นายก็ดูจะทรงพลังและเก่งกาจไม่น้อย สนใจอยากจะเข้าร่วมองค์กรนักล่าของฉันมั้ย? องค์กรนักล่า? ชายลึกลับนามแฝงว่ากษัตริย์อดไม่ได้ที่จะเกิดคำถาม
ใช่! ฟานเจี้ยนมองอีกฝ่ายอย่างให้ความสนใจ เขารีบอธิบายรายละเอียดทันทีและไม่ลืมที่จะเพิ่มเติมตบท้าย ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนก็สามารถเข้าร่วมกับองค์กรนักล่าได้ พวกเรามีความเป็นกลาง ไม่มีการแทรกแซงหรือเผชิญหน้าระหว่างแต่ละกองกำลัง และในองค์กรนักล่า…ตัวตนของนักล่าทุกคนจะถูกเก็บเป็นความลับ ไม่มีทางเผยแพร่ให้คนนอกหรือแม้แต่คนในองค์กรด้วยกันรู้เด็ดขาด อีกทั้งทุกคนก็สามารถหาเงินจำนวนมากได้จากภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
เป็นความลับใช่มั้ย? หลังจากได้ยินเช่นนั้น ชายลึกลับนามแฝงว่ากษัตริย์ก็เริ่มมีท่าทีสนใจเล็กน้อย เขาไม่ได้ปฏิเสธหรือมีท่าทีต่อต้านใดๆ ฉันไม่ใช่คนแรกในชื่ออันดับโดยรวม การประเมิณการต่อสู้โดยรวมที่เสาหินพิเศษระยะ 2 ดูเหมือนจะเป็นของคนที่มีนามแฝงว่าจักรพรรดิได้อันดับแรกไป ทำไมนายไม่ไปตามหาตัวเขามาเข้าร่วมองค์กรนักล่าด้วยละ?
นี่คือการล่อลวงของชายลึกลับที่มีนามแฝงว่ากษัตริย์…ที่จริงแล้วเขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลยสักนิดแต่ที่เขาอยากจะรู้ก็คือคนที่เอาชนะเขาได้ในการประเมิณคือใคร?
จักรพรรดิ? ฟานเจี้ยนทวนชื่อนามแฝงด้วยท่าทีหัวเสีย ฉันก็อยากรู้ว่ามันคือใครเหมือนกัน!
นายไม่รู้งั้นเหรอ? ชายลึกลับนามแฝงว่ากษัตริย์ยิ้มเยาะใส่ ท่าทางดูถูกเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวเท้าไปอีกทาง ถ้าอย่างนั้นการเข้าร่วมกับองค์กรนักล่าคงจะต้องพิจารณาใหม่แล้ว การประเมิณครั้งนี้พวกเราแยกกันประเมิณตัวใครตัวมันละกัน ถ้านายที่เป็นผู้ก่อตั้งองค์กรนักล่าเก่งพอ ฉันจะพิจารณาการเข้าร่วมด้วยใหม่
ฟานเจี้ยนจ้องตามแผ่นหลังของชายลึกลับนามแฝงว่ากษัตริย์ที่เดินแยกตัวออกไปหัวใจเต้นรัวอย่างตื่นเต้นสุดขีด วางใจได้! รอดูฝีมือฉันได้เลย!
ไม่นานหลังจากนั้นฟานเจี้ยนก็ไม่เก็บเรื่องของชายลึกลับนามแฝงว่ากษัตริย์ไว้ในหัวอีก มันสะดวกกับตัวเองดีกว่าเดิมด้วยซ้ำสำหรับการช่วยชูฮันโกงการแข่งครั้งนี้
ก่อนจะเข้ามาในนี้ชูฮันได้บอกรายละเอียดแผนการให้กับฟานเจี้ยนและซูเฟิงไว้แล้ว..ว่าถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ทีมเดียวกัน ขอให้พวกเขาทั้งสองเสียสละเพื่อชูฮันและแน่นอนว่าก่อนหน้านั้นพวกเขาจะต้องได้ตราของคนอื่นมาครองก่อนที่จะส่งต่อให้ชูฮัน
———————-
ภายในเสาหินประเมิณหลังจากทั้งแปดคนได้เข้าสู่กระบวนการการประเมิณ ทั้งสามคนด้านนอกก็เลิกเพ่งมองเสาหินตลอดเวลาเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะพวกเขารู้ดีว่าทั้งแปดคนคงไม่ออกมาเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
ดังนั้นบรรยากาศจึงเปลี่ยนไปและเริ่มเข้าสู่บรรยากาศแปลกๆแทน เกาช้าวฮุ่ยจากตระกูลเกาเขาเป็นทายาทสายตรงที่มีเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลเกา เกาช้าวฮุ่ยจ้องมาทางผู้หญิงทั้งสองคนไม่วางตา…โดยเฉพาะป่ายหวีเนอ
จนถึงตอนนี้เกาช้าวฮุ่ยก็ยังคิดไม่ออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างป่ายหวีเนอและชูฮันเกิดขึ้นได้อย่างไรและเป็นแบบไหน
เสี่ยวเมิงชีเองก็ว้าวุ่นอยู่ในอกเธอเหลือบมองทั้งเกาช้าวฮุ่ยและป่ายหวีเนอไปมา คิ้วขมวดเข้าหากันตลอดเวลาไม่ได้คลายออกเลย เธอคิดว่าถึงแม้ป่ายหวีเนอจะอยู่ตรงนี้แต่ตัวเธอต่างหากที่เป็นควบคุมสถานการณ์ ทว่าที่จริงแล้วมันคือป่ายหวีเนอต่างหากที่ทำให้เธอรู้สึกอ่อนแอ…
ป่ายหวีเนอที่เป็นจุดสนใจของทั้งสองคนดูเหมือนจะมีเกราะป้องกันทุกอย่างรอบๆไม่ให้เข้าไปถึงตัวเธอเธอยืนหลับตาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าใครจะมองเธอยังไงหรือหมดความอดทนหรือไม่ก็ตาม
ดังนั้นหลังจากบรรยากาศเงียบกริบคงอยู่ไปพักหนึ่งเสี่ยวเมิงชีก็เป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบขึ้นมา เธอหันไปมองที่เกาช้าวฮุ่ยทันที ตระกูลเกา นายคิดว่าสุดท้ายใครจะเป็นผู้ชนะ?
ใครชนะก็มีความหมายเดียวกับสำหรับพวกเราไม่ใช่เหรอไง? เกาช้าวฮุ่ยรู้ถึงเจตนาของเสี่ยวเมิงชีดี หากเขาไม่คิดจะตามเกมอีกฝ่ายและใช้น้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน
ก็แค่เดาเพื่อฆ่าเวลา เสี่ยวเมิงชีไม่สนใจทัศนคติของเกาช้าวฮุ่ยที่แสดงออกมาชัดเจน เธอพูดกับตัวเองต่อ ชูฮันน่าจะรับมือกับกฏในนั้นได้ไม่ยาก
เมื่อได้ยินชื่อของชูฮันป่ายหวีเนอที่เดิมทียืนหลับอย่างประหลาดๆก็กระพริบตาขึ้น เธอมองสำรวจเสี่ยวเมิงชีอย่างละเอียดโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา จากนั้นเธอก็หลุบตาลงเหมือนเดิม นิ่วหน้าเหมือนกับว่าไม่เข้าใจบางอย่างโดยไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
เกาช้าวฮุ่ยและเสี่ยวเมิงชีที่เห็นแบบนั้นก็สบตากันไปมาพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยดวงไฟลุกโชน
คุณป่าย เกาช้าวฮุ่ยใช้ทักษะความหน้ามึนและขี้เล่นของตัว ทำเป็นตีสนิท ส่งยิ้มให้ป่ายหวีเนอ คุณรู้จักผมกับพี่ชูฮันใช่มั้ย?
เสี่ยวเมิงชีตะโกนขึ้นมาแทรกเกาช้าวฮุ่ยทันที ตระกูลเกา นี้มันเกี่ยวอะไรกับทางคุณไม่ทราบ?
ค่อยถามทีหลังได้ไหม?! เกาช้าวฮุ่ยเองก็ตะคอกกลับไปอย่างไม่พอใจ
ป่ายหวีเนอไม่เข้าใจว่าทำไมเกาช้าวฮุ่ยต้องชะงักไปทันทีเธอจึงหันไปมองเสี่ยวเมิงชีพูด เมื่อได้ยินชื่อและคำพูดแปลกๆที่ออกมาจากปากทั้งสอง เธอก็เริ่มเอะใจและพยายามนึกตามทว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่สามารถจำอะไรได้เลย
ในตอนนั้นเองเสี่ยวเมิงชีและเกาช้าวฮุ่ยที่พอได้เปิดปากก็เริ่มพูดออกมากันไม่หยุด
ผู้ชายตัวโตซะเปล่าแต่ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ตระกูลนายรู้รึเปล่าว่านายเป็นแบบนี้?
เสี่ยวเมิงชียิ้มใส่ทว่าคำพูดของเธอนั้นเสียดสีอย่างแรง อย่างน้อยก็ช่วยรักษาหน้าตระกูลลึกลับหน่อย!
ตระกูลลึกลับ? เกาช้าวฮุ่ยสวนกลับเสียงสูงทันที เขามองเสี่ยวเมิงชีด้วยแววตาดูแคลน พวกเราทั้งสามคนตอนนี้ดูเหมือนว่า นอกเหนือจากฉันที่เป็นสมาชิกของตระกูลลึกลับที่มีเลือดบริสุทธิ์แล้ว ก็มีผู้หญิงอีกสองคนที่เป็นพวกเลือดผสมสินะ? โดยเฉพาะ…เธอ!
ไม่รู้รึไงว่าคนที่ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์นี่แหละจะได้ครองโลก? เสี่ยวเมิงชีที่ถูกเกาช้าวฮุ่ยกระตุ้นจนทนไม่ไหวระเบิดออกมา
ครองโลก?ฮ่าฮ่าฮ่า! เกาช้าวฮุ่ยที่ได้ยินยิ้มกว้างและระเบิดหัวเราะทันที ตระกูลเสี่ยวทั้งหมดถูกลงโทษคว่ำบาตรกันหมดเหลือแค่เธอเพียงคนเดียวก็เพราะว่าเธอไม่ได้มีเลือดบริสุทธิ์ แต่เธอยังกล้าทะเยอทะยานคิดจะครองโลก? ถ้างั้นก็อย่าลืมว่ามันต้องใช้เลือดที่ไม่บริสุทธิ์มาช่วยกำจัดคำสาปของตระกูลลึกลับ แม้ว่าทั้งตระกูลของฉันจะถูกคว่ำบาตร แต่พวกเราก็ยังใช้ชีวิตกันอย่างดี เสี่ยวเมิงชียิ้มเยาะ นายเองก็รู้ดีแก่ใจว่าจุดประสงค์ของคำสาปนี่ตั้งแต่แรกคือการเจือจางเลือดของคนในตระกูลลึกลับ ตราบใดที่มีการสืบเชื้อสายกับคนธรรมดา คำสาปก็จะไม่มีผลอะไรกับทายาทรุ่นต่อไป
เกาช้าวฮุ่ยแย้งกลับเสี่ยวเมิงชีต่อ ตระกูลลึกลับจะไม่ใช่ตระกูลลึกลับถ้าเลือดไม่บริสุทธิ์อีก แม้จะเป็นเพียงแค่การเจือจางเล็กน้อยก็ตาม แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่มีพลังเหลือ? ทายาทรุ่นแรกที่เป็นเลือดผสมนั้นอ่อนแอกว่าเลือดบริสุทธิ์ถึงครึ่งหนึ่ง รุ่นที่สองก็อ่อนแอลงไปอีกเท่าตัว แล้วเพื่ออะไรกัน เพื่อให้สายเลือดของตระกูลลึกลับที่คงอยู่มานับพันปีตั้งแต่บรรพบุรษจะสลายหายไป?
เสี่ยวเมิงชีมีสีหน้าแข็งกระด้างหากเธอไม่โต้ตอบอะไรกลับ
สิ่งที่เกาช้าวฮุ่ยพูดนั้นสมเหตุสมผลและถูกต้องทุกอย่างทุกตระกูลลึกลับต่างอึดอัดใจกับการต้องแต่งงานกันเองในตระกูลมาตลอด ทว่ามันก็เพื่อรักษาหลักการพื้นฐานที่สำคัญที่สุด นั่นคือการรักษาเชื้อสายที่โดดเด่นของตระกูลตัวเองเอาไว้
ตอนที่คำสาปปรากฏขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อนมันเป็นคำสาปที่พุ่งตรงเป้าไปยังเชื้อสายบริสุทธิ์ตรงๆ
แต่มันจะไม่มีตระกูลลึกลับอีกต่อไปมันจะไม่มีความรุ่งเรืองและอำนาจมหาศาลของตระกูลลึกลับเหลืออยู่…