ในตอนที่การสนทนาระหว่างทั้งคู่เริ่มจะเข้าสู่บรรยากาศอึดอัดป่ายหวีเนอก็ลืมตาขึ้น เธอจ้องไปที่ทั้งคู่ก่อนจะมีเสียงฝีเท้าจากระยะไกลดังขึ้นมา
ซึ่งมีหรือที่นักสู้ฝีมือชั้นสูงอย่างทั้งสามคนจะไม่ได้ยิน?
แม้ว่าเสียงฝีเท้าที่ได้ยินจะอยู่ค่อนข้างไกลจากตำแหน่งของทั้งสามคนไปไกลแต่พวกเขาก็สามารถค้นพบมันได้ในทันทีเนื่องด้วยมีประสาทสัมผัสขั้นสูง เกาช้าวฮุ่ยและเสี่ยวเมิงชีนิ่วหน้าด้วยความสงสัย ป่ายหวีเนอเองก็หันหน้าไปทางเสียงที่ได้ยินเล็กน้อย แววตาของเธอมีประกายความงงงวย
ใครกันที่มาในเวลานี้?
ตอนนั้นเองเสียงฝีเท้าที่ได้ยินก็เริ่มเคลื่อนที่เข้ามาทวพวกเขาขึ้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆมีร่างของชายคนหนึ่งที่ใส่ชุดคลุมปกปิดทั้งตัวปรากฏขึ้น ชายแปลกหน้าคนนี้เดินหน้าเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เห็นเกาช้าวฮุ่ยและคนอื่นๆ ชายแปลกหน้าก็มีท่าทีประหลาดใจ มีแค่สามคนงั้นเหรอ? ฉันคิดว่าฉันมาสายซะอีก คนอื่นที่เหลือยังไม่ได้มาด้วยกันเหรอเนี่ย!
เงียบกริบ——
เกาช้าวฮุ่ยและเสี่ยวเมิงชียืนเงียบทั้งคู่มองสำรวจชายแปลกหน้าจากหัวจรดเท้าอย่างละเอียดและเริ่มมีลางสังหรณ์ร้ายบางอย่างผุดขึ้นมา
นี่คือคนเข้าร่วมที่พวกเขารออยู่งั้นเหรอ?
ถ้างั้นใครกันที่เข้าไปทำการประเมิณ?!
เป็นใบ้กันเหรอไง?เมื่อไหร่คนที่เหลือจะตามมา? ชายแปลกหน้ายังคงไม่รู้ว่าการประเมิณได้เริ่มไปแล้ว เขายังคงถามต่ออย่างใสซื่อ
น่าสนใจนี่ ป่ายหวีเนอหัวเราะในลำคอเบาๆ เธอชำเลืองมองเกาช้าวฮุ่ยและเสี่ยวเมิงชีที่ชะงักอย่างทำอะไรไม่ถูก เขาคือคนที่พวกคุณรอ?
เสี่ยวเมิงชีไม่พูดอะไรเธอเอื้อมมือไปดึงผ้าที่ปิดใบหน้าของชายแปลกหน้าลง จากนั้นก็ร้องตะโกนลั่น โอ๊ย! พังหมดแล้ว!
หลังจากได้เห็นหน้าของชายที่พึ่งมาใหม่เกาช้าวฮุ่ยก็ถอนหายใจออกมาอย่างเครียดจัด แย่แล้ว ดูเหมือนว่าคนที่เข้าไปจะไม่ใช่คนที่ฉันรอจริงๆ
แน่ใจ? ป่ายหวีเนอมีสีหน้าสนอกสนใจอย่างมาก ในทั้งแปดคน มีผู้ชายสองคนที่ดูไม่น่าไว้ใจ แล้วสองคนนั้นคือใครกันล่ะ?
พอได้ยินคำถามของป่ายหวีเนอเกาช้าวฮุ่ยและเสี่ยวเมิงชีก็มีท่าทีตกใจทันที…สองในแปดคนไม่ได้ถูกเปิดเผยตัวตนตั้งแต่แรกจนกระทั่งเข้าไปข้างในแล้ว เดิมทีในตอนแรกพวกเขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะถือว่ายังไงคนที่รอก็มาจนครบแปดคนแล้ว
ทว่าตอนนี้มันดูเหมือนจะกลายเป็นปัญหาใหญ่การประเมิณเสาหินพิเศษเป็นสถานที่สำคัญในการเปิดประตูเส้นทางสู่หุบเขาหยินหยาง ความลับนี้มีคนรู้ไม่มาก ถ้ามันมีข่าวรั่วมันจะต้องมาจากภายในตระกูลลึกลับอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้นอกจากพวกเขาสามคนที่อยู่ตรงนี้แล้วใครกันคือคนที่แอบลอบเข้าไปข้างในโดยที่พวกเขาจับไม่ได้?
ในตอนนั้นเองชายที่พึ่งมาก็ถามขึ้นมา มีคนมาแทนฉันงั้นเหรอ?
ถ้าเพื่อจะให้ประตูสู่หุบเขาเปิดมันก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องจงใจแทรกตัวเข้าไปแทนแบบนี้เลย เสี่ยวเมิงชีเริ่มทำการวิเคราะห์ นี่มันแปลกมาก ฉันกลัวว่ามีบางคนจงใจเข้าไปเพื่อต่อสู้จริงๆ
แต่ทั้งแปดคนได้เข้าไปในนั้นแล้วการประเมิณก็ได้เริ่มขึ้นไปแล้ว ตราบใดที่มีการประเมิณ มันก็ต้องมีผู้ชนะ เกาช้าวฮุ่ยไม่เข้าใจ ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะขัดขวาง มันก็เปล่าประโยชน์เลยที่จะทำแบบนี้
หรือว่ามีวัตถุประสงค์อื่น… เสี่ยวเมิงชีพูดขึ้น ฉันคิดไม่ออกว่าคืออะไรกันแน่ ฉันไม่รู้จะพูดดีมั้ย?ทุกเสาหินประเมิณสามารถเชื่อมต่อกับประตูมิติที่พาไปอวกาศได้และคนของตระกูลลึกลับไม่สามารถเข้าไปในนั้นได้ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะต้องการแค่ชัยชนะ? เธอเองก็เป็นสายเลือดผสม เธอสามารถเข้าไปในเสาหินได้ ป่ายหวีเนอพูดและหันไปจ้องเสี่ยวเมิงชีตรงๆ เธอเคยเข้าไปในอวกาศมั้ย? ถ้างั้นชื่อจริงของเธอก็ไม่ใช่เสี่ยวเมิงชีสินะ…
เสี่ยวเมิงชีตาโตกว้างหน้าตึงและไม่ตอบโต้อะไรกลับมา
เกาช้าวฮุ่ยเองก็อึ้งไปเหมือนกันเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ป่ายหวีเนอตลอด แม้ว่าตระกูลเขากับตระกูลป่ายจะเป็นคู่แข่งกันมาตลอดแต่ครั้งนี้เขาอดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยกับอีกฝ่าย!
ในตระกูลลึกลับนั้นมีสมาชิกแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากคำสาปและสามารถเข้าไปในเสาหินเพื่อทำการแข่งขันกับคนทั่วไปได้เหมือนกับป่ายหวีเนอที่ก่อนหน้านี้ก็มีชื่ออยู่ในอันดับรายชื่อ เธอสามารถฆ่าสิ่งที่เจอในเสาหินเพื่อทำคะแนนและได้มีชื่อขึ้นอันดับที่ทุกคนเห็นกันทั่วโลก
แล้วทำไมเสี่ยวเมิงชีที่เป็นคนมีความทะเยอทะยานไม่น้อยถึงไม่เคยลองเข้าไปทำการประเมิณ?
สมาชิกของตระกูลลึกลับไม่สามาถรเข้าไปได้แต่คนที่เป็นเลือดผสมสามารถเข้าไปได้ ดังนั้นทำไมถึงปล่อยโอกาสสำคัญเช่นนี้ไปกัน?
เกาช้าวฮุ่ยประหลาดใจอย่างมากกับความพยายามของเสี่ยวเมิงชีเพื่อที่จะหลบซ่อน…เพื่อจะยังต่อสู้…แม้แต่ชื่อก็ยังต้องปลอมแปลง?
เพื่อผลประโยชน์ที่จะได้โดยที่มันไม่ขัดกับเป้าหมายการเดินทางของพวกเราทุกคนฉันคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องสนใจเรื่องของฉัน เสี่ยวเมิงชีกลับมามีท่าทีเงียบนิ่งเฉยชา เธอดึงบทสนทนากลับไปยังหัวข้อเดิม ไม่ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ที่พวกเราต้องการก็เพียงแค่ต้องทำให้ประตูเส้นทางสู่หุบเขาหยินหยางเปิดออก
เกาช้าวฮุ่ยยักไหล่ ชูฮันผู้น่าสงสาร…
เกาช้าวฮุ่ยรู้ดีว่าชูฮันใช้ประโยชน์จากเขาตั้งแต่แรกที่เจอกันและเกาช้าวฮุ่ยเองก็แอบช่วยเหลือชูฮันโดยที่ชูฮันไม่รู้ตัวอยู่ตลอด อย่างในการประเมิณเสาหินพิเศษนี่เขาก็ได้ปูเส้นทางเอาไว้ให้ชูฮันตั้งแต่แรก แน่นอนว่าตัวเขาและเสี่ยวเมิงชีรู้เส้นทางในการมาท่าเรือหนานช้าอยู่แล้วและพวกเขาก็บอกให้คนของตัวเองตามมาสมทบทีหลัง เพื่อให้ชูฮันได้มีโอกาสเป็นผู้ชนะ
ทว่าตอนนี้คนเข้าร่วมการประเมิณที่เขาจัดหาไว้กลับถูกเปลี่ยนตัวนั่นจึงทำให้เกาช้าวฮุ่ยหมดหนทางจะช่วยชูฮันได้ อีกทั้งยังดูเหมือนว่าการประเมิณครั้งนี้คงจะลากยาวไปอีกพักใหญ่เลยกว่าจะจบ!
เสี่ยวเมิงชีมองไปที่เสาหินประเมิณพิเศษและเอ่ยกระซิบ การประเมิณเสาหินพิเศษช่วงที่สองได้เปิดขึ้นแล้ว ถ้ามีคนที่ยังติดอยู่ในช่วงแรกและไม่รู้ว่าจะไปที่ช่วงที่สองได้อย่างไร คาดว่ากว่าตอนที่ทั้งแปดคนออกมา อันดับรายชื่อที่คงจะเปลี่ยนแปลงตลอดไม่หยุด
ขณะที่เสี่ยวเมิงชีกำลังพูดอันดับรายชื่อด้านหน้าของเสาหินก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้ว
คนที่อยู่อันดับรองจู่ๆก็ขึ้นไปที่อันดับหนึ่งและคำต่อท้ายชื่อก็กลายเป็น10-2; K-1 …แสดงว่าคนคนนี้น่าจะเป็นคนดุดันไม่เบาเพราะทันทีที่การประเมิณช่วงที่สองเปิดขึ้น คนคนนี้ก็สามารถทำการประเมิณได้สำเร็จเพียงลำพัง
ขณะเดียวกันหลังจากได้เห็นการเปลี่ยนในอันดับรายชื่อ บางคนที่ยังติดอยู่ในช่วงแรกก็ยังไม่รู้ทางที่จะไปต่อ พวกเขาต้องเริ่มเข้าสู่การประเมิณใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
เยี่ยมไปเลย! เสี่ยวเมิงชีถอนหายใจ จากนั้นก็หมุนตัวเตรียมจะจากไป หากก่อนจะไปเธอหมุนตัวกลับมาอีกครั้งส่งยิ้มให้ป่ายหวีเนอ ฉันไม่รอดูนะ ไว้เจอกันทุกคน
เกาช้าวฮุ่ยที่เห็นแบบนั้นก็รีบเก็บข้าวของและพุ่งตัวเข้าไปหาป่ายหวีเนอทันที ฉันก็จะไปเหมือนกัน กลัวว่าตอนที่ชูฮันออกมาแล้วเขาจะไล่อัดฉัน
ทั้งสองคนจากไปพร้อมกันอย่างรวดเร็วเหลือไว้แค่ป่ายหวีเนอและชายที่พึ่งมาใหม่ซึ่งยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร และหลังจากได้เห็นนายของตัวเองอย่างจากไปแบบนั้น เขายิ่งทำตัวไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าตอนนี้จะต้องทำอะไรต่อ?
ป่ายหวีเนอเหลือบมองเสาหินครู่เดียวจากนั้นก็มองไปยังทิศทางที่เสี่ยวเมิงชีและเกาช้าวฮุ่ยจากไปด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน เธอรู้ว่าทั้งสองคนเดินไปยังเส้นทางที่เป็นทางเข้าของหุบเขา ทั้งคู่ไปรอให้ประตูเปิดออกเพื่อจะได้เข้าไปข้างในได้ทันที…มันชัดเจนว่าทั้งสองรู้ทุกอย่างดีอยู่แล้วตั้งแต่แรก
นายอยู่ที่นี้รอทั้งแปดคนออกมา แล้วจับตาดูผู้ชายที่มีอาวุธสีดำยักษ์ บอกเขาไปให้ที่ก้นทะเล ป่ายหวีเนอเดินจากไปพร้อมคำสั่ง เพียงพริบตาเดียวร่างของเธอก็หายลับไปความมืด