เล่ม 9 ตอนที่ 4 : ราดัน (3)
อย่างไรก็ตาม กระทั่งว่าอาร์คมีภูมิต้านทานน้อยนิด อย่างน้อยเขาก็สามารถต้านทานเวทมนตร์ของแกลกาชิเอาไว้ได้ หลังผ่านไปหลายครั้ง อาร์คจึงมั่นใจได้ว่าเขาสามารถต้านทานอาการผิดปกติได้กว่า 90%
‘ตอนนี้ไม่ต้องกลัวเวทมนตร์ของมันอีกต่อไปแล้ว ไอ้เจ้านี่เป็นพวกเน้นสร้างความเสียหายทางกายภาพร่วมกับเวทมนตร์ก่อกวน แต่ตอนนี้เราเผชิญหน้ากับมันได้แล้ว’
“เดดริค ดีมอส ไปอยู่นอกรัศมีเวทมนตร์!”
ถ้าหากสมุนปีศาจของเขายังอยู่ การต่อสู้จะยิ่งกลายเป็นยุ่งเหยิงมากขึ้น อาร์คตอนนี้สามารถยืนหยัดภายในรัศมีเวทมนตร์ของแกลกาชิได้แล้ว ขณะที่รับความเสียหายเพิ่มเติมทุกสามสิบวินาที ภูมิต้านทานของเขาจะช่วยให้ยืนหยัดอยู่ได้ อาร์คเมินเฉยทุกอาการผิดปกติขณะเหวี่ยงดาบไปมา จากนั้น ท้ายที่สุดแกลกาชิจึงได้ตระหนักว่าอาร์คแตกต่างจากก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายไม่ได้รับผลกระทบจากเวทมนตร์ก่อกวนของแกลกาชิแม้แต่น้อย
“รู้ตัวช้าไปนะ”
ตอนนี้แกลกาชิก็ไม่ต่างอะไรจากพังพอนขนาดใหญ่เท่านั้น เป็นเพราะอาร์คใช้เวลากว่าสองสัปดาห์ตระเวนฆ่าพังพอนไปหลายพันตัว กระทั่งหลับตาเขายังสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของพวกพังพอนได้อย่างไม่ยากเย็น
“มาจบเรื่องราวกันดีกว่า เรียกปีศาจ!”
เมื่อใช้งานเรียกปีศาจ ภูตผีร่ำร้องจนถ้ำน้ำแข็งเริ่มสั่นสะเทือน ดาบแห่งกิลซาลแปรเปลี่ยนเป็นสีดำขณะพุ่งเข้าใส่บริเวณท้องน้อยของแกลกาชิโดยทันที แกลกาชิพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อหนีให้พ้นแม้สักนิด แต่แล้วก็ต้องโดนแทงเข้าใส่อย่างไม่อาจหลบเลี่ยง ท้ายที่สุดเลือดของแกลกาชิหลั่งไหลออกจนตกสู่สภาวะวิกฤต
‘ตอนนี้แหละช่วงเวลาสำคัญ!’
อาร์คผ่อนลมหายใจเล็กน้อยปรับสภาพ แกลกาชิตอนนี้เหลือพลังชีวิตเพียงแค่ 3% เท่านั้น เพียงแค่การโจมตีหนึ่งหรือสองครั้งก็น่าจะจบชีวิตมันลงได้ แต่เขาไม่คิดฆ่าอย่างไร้ความหมายแบบนั้น เขารอคอยมาสองสัปดาห์เพื่อบอสมอนสเตอร์ตัวนี้! เขาต้องการดูดซับทุกสิ่งอย่างที่จะได้รับจากแกลกาชิ
‘ถ้าทำสำเร็จ มีโอกาส 1.4 เท่าที่จะได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มและไอเทมชั้นดีดร็อปออกมา!’
แต่ในเมื่อคู่ต่อสู้ของเขาคือบอสมอนสเตอร์ มันจึงไม่ง่ายที่จะหาโอกาสใช้งานดาบผ่าร่าง ทว่า อาร์คก็หลบเลี่ยงการโจมตีขณะรอคอยจังหวะ หลังผ่านไปได้ยี่สิบนาที… ท้ายที่สุดแกลกาชิจึงปกคลุมร่างด้วยเปลวเพลิงขณะพุ่งเข้าใส่คิดโจมตีแลกชีวิต
คว๊าก!
“ตอนนี้แหละ วิ่งเร็ว!”
อาร์ควิ่งพุ่งเข้าใส่พร้อมเหวี่ยงดาบแห่งกิลซาลจากบนลงล่าง แกลกาชิและอาร์คเผชิญหน้ากันแต่แล้วกลับเป็นแกลกาชิที่ต้องร้องคำรามออกด้วยความเจ็บปวดดังลั่นทั่วพื้นที่ ผ่านไปครู่หนึ่ง อาร์คถอนตัวกลับ เขาผ่าร่างของมันออกเป็นสองได้เรียบร้อยแล้ว แกลกาชิจบสิ้นในการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
“สำเร็จ!”
=====
เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น
เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น…
=====
หน้าต่างข้อความปรากฏหลังแกลกาชิตายไป เขาเพิ่งจัดการล้มบอสมอนสเตอร์เลเวล 400 ได้ในขณะที่ตัวเองเลเวล 227 จึงเป็นผลให้ได้รับเลเวลมาถึง 7 ระดับด้วยกัน นี่ก็เพราะค่าประสบการณ์โบนัส 1.4 เท่าทำงานด้วย อย่างไรแล้วสิ่งที่อาร์คสนใจตอนนี้หาได้ใช่เลเวล
“ไอเทม ไอเทม!”
ดวงตาของอาร์คพลันหิวกระหายขณะวิ่งไปขุดคุ้ยร่างของแกลกาชิ
=====
แก่นพังพอน (แสง)
=====
ผ้าคลุมแกลกาชิ (หายาก)
ประเภท : ผ้าคลุม
ความทนทาน : 13/50
พลังป้องกัน : 25
น้ำหนัก : 30
ข้อจำกัดการใช้งาน : เลเวล 180 ขึ้นไป
ขนของปีศาจหิมะนามแกลกาชิ มันถูกตัดออกอย่างพอดิบพอดีเพื่อนำมาสวมใส่รอบร่างกายได้ ระหว่างสวมใส่ชุดขนสัตว์นี้ ร่างกายของท่านจะมีอุณหภูมิคงที่ไม่ลดลงแม้สภาพแวดล้อมจะหนาวเหน็บ เวทมนตร์เศษเสี้ยวของแกลกาชิที่หลงเหลือจะคอยคุ้มกันท่าน
=====
กรงเล็บแกลกาชิ (พิเศษ)
ข้อจำกัดการใช้งาน : เลเวล 180 ขึ้นไป
ประเภท : ไอเทมสำหรับดัดแปลง (รองเท้า)
ท่านสามารถติดกรงเล็บแกลกาชิเข้ากับรองเท้าของท่านได้
ผลลัพธ์พิเศษของการดัดแปลงรองเท้า : ด้วยกรงเล็บที่แหลมคมสามารถทำให้ท่านสามารถยึดแน่นกับพื้นน้ำแข็งโดยไม่ลื่นไถลได้ ท่านสามารถปีนผนังน้ำแข็งที่มีความชันเก้าสิบองศาได้นานสามนาที นอกจากนี้ ผู้เล่นที่เชี่ยวชาญการต่อสู้มือเปล่าจะสามารถใช้กรงเล็บนี้ได้ยามเตะออก โดยจะเสริมความเสียหาย 10~15 เป็นโบนัส
*สามารถสวมใส่ไอเทมนี้กับรองเท้าใดก็ได้ (สามารถถอดได้)
=====
“โห!”
นับว่าเวลาที่รอคอยการใช้งานดาบผ่าร่างกว่ายี่สิบนาทีนั้นคุ้มค่าแล้ว แก่นพังพอนเป็นอะไรที่ควรดร็อปอยู่แล้ว แต่นี่ยังได้รับไอเทมหายากและพิเศษมาอีก ผ้าคลุมนี่ช่วยให้เขาต้านทานความหนาวได้ 100%! เขาสามารถรู้สึกได้ทันทีถึงความอบอุ่นยามสวมใส่ ขณะที่เวทมนตร์ที่หลงเหลือของมันนั้นไม่ได้มีมากนัก และคงไม่ช่วยอะไรหากต้องปะทะกับผู้เล่นด้วยกัน แต่มันค่อนข้างจะมีประโยชน์หากต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ อีกทั้งกรงเล็บของแกลกาชิยังต้องตาต้องใจอาร์คเป็นอย่างยิ่ง ไอเทมชิ้นนี้มอบความสามารถใหม่และเสริมความเสียหายให้กับรองเท้าของเขาได้ นอกจากนี้ มันยังสามารถถอดได้ในกรณีเขาได้รับรองเท้าคู่ใหม่มาใช้งาน
“ฮ่าฮ่าฮ่า เท่านี้ก็คุ้มที่มาต่างมิติแล้ว!”
อาร์คตื่นเต้นยินดีขณะเก็บสิ่งของเหล่านี้ไป
“ไว้ค่อยทดสอบประสิทธิภาพทีหลัง ตอนนี้มาทำเม็ดยาอมตะกันก่อนดีกว่า”
อาร์คนำเอาหม้อออกมา เมื่อจัดการบอสได้เรียบร้อย อาร์คก็กลายเป็นเจ้าของถ้ำแห่งนี้โดยสมบูรณ์ การกลับไปยังบริเวณปากทางเข้าถ้ำไม่จำเป็นอีกต่อไปเพราะตอนนี้เพียงแค่ทำเม็ดยาอมตะเท่านั้น
“เจ้างู เอาวัตถุดิบจำเป็นออกมาที”
อาร์คยื่นมือออกไป ทว่า เจ้างูหาได้อยู่ที่เอวของเขา เมื่อการต่อสู้กับแกลกาชิเสร็จสิ้น เจ้างูได้ข้ามผ่านทุ่งน้ำแข็งตรงนี้ไปราวกับต้องมนตร์สะกด
“หือ? เจ้างู เป็นอะไรไป?”
ซื่อ ซื่อ ซื่อ!
เจ้างูเลื้อยตัวไปขณะชี้ไปยังหลุมที่อยู่ด้านหลังสิ่งกีดขวาง
‘โอ้ เกือบลืม…’
อาร์คพลันนึกถึงครั้งแรกที่มายังที่แห่งนี้ เป็นเขาเจอห้องบอสก็เพราะเจ้างู
‘มันต้องมีไอเทมอื่นซุกซ่อนอยู่หลังสิ่งกีดขวางพวกนั้น!’
อาร์คพิจารณาพักหนึ่งก่อนจะตามเจ้างูผ่านสิ่งกีดขวางไป เมื่อเข้าไปยังหลุมที่แกลกาชิทำเอาไว้ พื้นที่โล่งกว้างจึงปรากฏขึ้น จากนั้นหน้าต่างข้อความพลันเด้งพร้อมเสียงแสดงความยินดี
=====
ท่านได้สำรวจแผนที่ ‘ถ้ำน้ำแข็งลับในภูเขาหิมะ’ ด้วยความสมบูรณ์ 100%
=====
ตอนนี้ท่านสามารถนำแผนที่ ‘ถ้ำน้ำแข็งลับในภูเขาหิมะ’ ไปขายได้
=====
ดังคาด ส่วนที่เหลือ 1% ของแผนที่คือที่นี่ ทว่าอาร์คกลับสับสนขณะมองพื้นที่กว้างภายใน
“อะไรกันขอรับ? อา เย็นจริง นี่มัน… ตู้เย็น?”
เดดริคพึมพำขณะตามเข้ามา นับว่าพูดได้ตรงจุด ภายในคือห้องน้ำแข็งขนาดใหญ่ ซากมอนสเตอร์ทั้งหลายกองสุมอยู่ภายในราวภูเขา ทั้งกระดูกของซากมอนสเตอร์ก็กองสุมกันอีกฝั่งดูไปคล้ายโดนกินจนหลงเหลือเอาไว้ นี่สมควรเป็นกองเนื้อแช่แข็ง ไม่ใช่สิ นี่มันตู้แช่เนื้อขนาดใหญ่ต่างหาก พังพอนพวกนี้ถึงกับรวบรวมผ่านการออกล่าในภูเขาหิมะ บางทีเหตุผลที่ไม่เจอมอนสเตอร์ในภูเขาหิมะก็เพราะโดนพวกพังพอนล่าไปจนหมดสิ้น
‘อะไรกัน? แกลกาชิใช้เวลาอยู่ที่นี่ตลอดเพื่อกินอยู่งั้นเหรอ?’
ในเมื่อเส้นทางมันแคบเกินกว่าแกลกาชิจะออกไปได้ มันก็ต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่เคยไปไหน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงตัวใหญ่ขนาดนั้น…
ซื่อ ซื่อ ซื่อ!
ขณะนั้นเองเขาได้ยินเสียงเจ้างูดังจากภายใน โดยไม่ต้องคิด อาร์คเคลื่อนกายเข้าไปใกล้เพื่อดูว่าเจ้างูอยู่ตรงไหนกันแน่ เจ้างูตอนนี้กำลังขุดคุ้ยซากศพของงูตัวอื่นที่ถูกกองสูงไม่ต่างภูเขา
‘ได้คำตอบของคำถามแล้ว!’
พังพอนพวกนี้ถึงกับรวบรวมงูมาเพื่อเป็นอาหารจำนวนมาก หากมีงูเข้ามายังถ้ำแห่งนี้ ย่อมไม่แปลกที่จะได้กลิ่นของพวกพ้องจากภายในถ้ำ
‘เดี๋ยวนะ? ไม่ใช่ว่าแปลกหรือไง? นานมาแล้ว ไม่ใช่ว่าเราก็ล่าพวกงูจำนวนมากร่วมกับเจ้างูหรือ? แต่แล้วตอนนั้นกลับไม่มีอาการตอบสนอง แต่แล้วทำไมตอนนี้ถึงอ่อนไหวต่อเรื่องพวกนี้กันล่ะ?’
พออาร์คคิดย้อนไปถึงเรื่องนี้ก็พบถึงความแปลกประหลาด ขณะนั้นเองแสงสว่างเจือจางพลันปรากฏขึ้นจากกองซากงูที่ตายแล้ว บางสิ่งขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในกองสุมซากงูเหล่านั้น
“อะไรกัน? ยังมีมอนสเตอร์อยู่อีกเหรอเนี่ย!”
อาร์คตอบสนองโดยการชักดาบออกมา
[เหลือเชื่อ…]
เสียงที่อยู่ห่างเดินดังขึ้นจากภายในกอง
[ถึงกับยังมีอลาโมเน่ที่รอดชีวิต… เป็นไปได้ยังไงกัน?]
ภายในความมืด สิ่งนั้นถามออกด้วยความสงสัยขณะเคลื่อนไหว มันคือร่างงูขนาดยักษ์ มันใหญ่เสียยิ่งกว่าที่เขาเคยเห็นในโทรทัศน์เสียอีก ทว่า งูร่างยักษ์นี้กลับมีสภาพน่าเวทนาเพราะเลือดเนื้อถูกฉีกกระชาก สัมผัสใดไม่อาจรู้สึกถึงมันได้ แต่มันดูไปแล้วคล้ายน่าจะเป็นมิตร
[งั้นสินะ เจ้าเลือกบุคคลผู้นี้สินะ]
งูร่างยักษ์จ้องมองอาร์คและพยักหน้าให้
[อย่าได้แตกตื่นเลยคนต่างถิ่น ข้าไม่ใช่ศัตรูของเจ้า ร่างของข้าตายไปนานแล้ว ข้าไม่อาจคุกคามใดเจ้าได้อีก]
ทว่าอาร์คกลับประหลาดใจกับเหตุผลอื่น
“งูพูดได้?”
[ข้าไม่ใช่งู]
“หือ? แล้วพูดได้ยังไงกัน?”
[ข้าเป็นอลาโมเน่ เป็นอลาโมเน่ตนสุดท้ายในโลกใบนี้… ข้าเคยคิดเช่นนั้น]
“อลาโมเน่!”
อาร์คโพล่งความประหลาดใจออกมา นับว่าสมเหตุ… เจ้างูสัมผัสได้ถึงเครือญาติของมัน? แต่ก็ยังมีความสงสัยหลงเหลืออยู่
“ผมคิดว่าอลาโมเน่สูญพันธุ์ไปแล้วเสียอีก?”
สิ่งนั้นได้เขียนเอาไว้ในหน้าต่างข้อมูลตอนที่ได้รับเจ้างูมา
[นั่นถูกต้อง อลาโมเน่มีความสงสัยอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีงานอดิเรกชอบรวบรวมสิ่งของ เพราะงั้นแล้วอลาโมเน่จึงกลายเป็นเป้าหมายของเผ่าพันธุ์อื่นและใกล้สูญสิ้นเผ่าพันธุ์ อลาโมเน่ยากที่จะหลบเลี่ยงภัยคุกคามและอยู่รอด ท้ายที่สุดหลังผ่านการเดินทางอันยาวนาน พวกเราก็มาถึงที่อีสต์มูนแห่งนี้]
อลาโมเน่ตรงหน้าถอนหายใจขณะกล่าวต่อ
[ทว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ของพวกเรา มันคือสถานที่ที่ศัตรูโดยธรรมชาติของพวกเราอย่างพังพอนคงอยู่… ทีละตัว ทีละตัว พวกเราโดนพวกมันจับเป็นอาหาร ข้าติดอยู่ในที่แห่งนี้เพราะปีศาจชั่วร้ายแกลกาชิและถูกใช้เป็นแหล่งพลังงานชีวิตของมัน]
อลาโมเน่ร่างสั่นขณะเผยความเจ็บปวดให้เห็น
[ตอนที่ข้าสูญสิ้น เผ่าพันธุ์อลาโมเน่ก็หายไปจากประวัติศาสตร์แล้ว ทว่าตอนนี้… ข้ากลับได้พบลูกหลานอลาโมเน่หลังผ่านกาลเวลานานกว่าร้อยปี! แด่พลังอันยิ่งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม… ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก]
อลาโมเน่มองเจ้างูด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก
ซื่อ ซื่อ ซื่อ!
เจ้างูเข้ามาคลอเคลียขาของอาร์คด้วยสีหน้าขวัญหนี จะยังไงมันก็คืออลาโมเน่ เจ้างูย่อมรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ ทว่ามันไม่เคยคิดเลยว่าจะพบเจอเครือญาติเผ่าพันธุ์เช่นนี้ ที่จริง เจ้างูคิดว่าอาร์คคือผู้ที่ฟักมันออกจากไข่ แม้ว่าอาร์คจะเป็นมนุษย์ แต่เจ้างูก็มองอาร์คเป็นครอบครัวคนหนึ่ง ทว่าอลาโมเน่ยักษ์ตรงหน้าพลันกล่าวขึ้นอย่างยินดี
[ข้ารู้สึกดีใจนักที่เจ้าพบบุคคลที่เจ้าปรารถนาจะอยู่ร่วม อลาโมเน่ทุกตัวต้องผ่านกาลเวลาอันยาวนานยิ่งกว่าจะพบเจอเจ้านายที่มอบความรักให้ได้ ข้าสามารถหลับอย่างเป็นสุขได้แล้วเมื่อได้ยืนยันว่ามีลูกหลานอลาโมเน่ยังรอดชีวิตอยู่!]
อลาโมเน่ยักษ์จ้องมองเจ้างูอย่างลึกล้ำ
[ดูเหมือนเจ้าจะเป็นคนฟักเขาออกจากไข่ ข้าพูดถูกไหม?]
“ถูกต้องครับ”
[ที่จริง… อลาโมเน่ตัวนี้ดูประหลาดไปบ้างตอนข้าพบเห็นครั้งแรก… เหมือนกับว่า เด็กคนนี้ยังไม่อาจเติบโตเป็นอลาโมเน่ที่แท้จริงได้ นี่คงเป็นเพราะไม่ได้เรียนรู้สิ่งใดจากครอบครัวหรือว่าญาติพี่น้อง]
“ครับ? แล้ว…”
[ตอนนี้ข้าได้ทราบถึงสาเหตุที่ข้ายังอยู่แล้ว ข้าคือผู้เหลือรอดเพียงหนึ่งเดียวของเผ่าพันธุ์ ตอนนี้ได้โปรดส่งเด็กน้อยคนนั้นมาทางนี้ด้วย]
ซื่อ ซื่อ? ซื่อ ซื่อ ซื่อ!