เล่ม 9 ตอนที่ 8 : อาร์คที่ทิ่มแทงจนตาย (3)
อาร์คเลเวล 242 แล้ว! เมื่อรวมเข้ากับโบนัสธาตุความมืดเขาจึงเลเวลทัดเทียม 338 ซึ่งนับว่าเหนือกว่านักรบชาวนาคูจักอย่างล้นพ้น และกว่า 60% ของกระเป๋าตอนนี้ก็เต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย
‘คงใกล้ถึงเวลาส่งหนึ่งในเจ้าพวกนี้กลับไปแล้ว’
อาร์คจับจ้องบุคซิลที่กำลังหันกล้องวิเศษมาทางนี้ เป็นเขาคอยปกป้องเจ้าพวกนี้จนกระทั่งถึงตอนนี้ อาร์คเองก็แสดงท่าทีระแวดระวังตลอดเพราะพวกนี้เช่นเดียวกัน ถ้าหากเขาอยู่เพียงลำพัง อาร์คคงสามารถหลบหนีได้อย่างง่ายดาย แต่พอมีทั้งกูรันและหมูน้อยสองตัวนี่ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
“รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวออกไปสอดแนมข้างหน้าก่อน”
“เข้าใจแล้ว”
อาร์คเมื่อตรวจเช็คอุปกรณ์สวมใส่เรียบร้อยจึงออกไปสอดแนมโดยใช้งาน ‘ลอบเร้น’ อีกคราหนึ่ง
‘ทางนี้พาลงไปอีกสามชั้น… น่าจะใช้เวลาประมาณสิบนาทีกว่าจะถึงชั้นล่างสุด’
ตึง ตึง ตึง ตึง!
ขณะนั้นเอง เสียงกลองพลันดังขึ้น อาร์ครู้สึกใจหล่นฮวบไปอยู่ตาตุ่มแทบทันที
‘อะไรกัน? พวกที่ไปลาดตระเวนเจอศพแล้วเหรอ?’
ปัญหาที่เขากังวลมาตลอดบังเกิดขึ้นแล้ว ถ้าหากพวกมันพบเจอศพพวกที่ตายก่อนหน้า เช่นนั้นแล้วทั้งดันเจี้ยนจะเคลื่อนไหวเข้าโหมดฉุกเฉินโดยทันที หากพวกมันตระหนักได้ว่ามีศึกเข้าหา แบบนั้นแล้วการต่อสู้จะยิ่งยากลำบาก ในบางครั้ง มอนสเตอร์ทุกตัวในดันเจี้ยนจะรวมตัวกันบริเวณที่พบศพจากนั้นจึงค่อยกระจายตัวออกค้นหา
‘บ้าจริง บอกหลายครั้งแล้วนะว่าทำให้มิดชิด…’
อาร์คเริ่มครุ่นคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อ
“โอ้ ได้เวลาทำพิธีแล้วสินะ”
“ทามูระนิมเรียกพวกเราแล้ว”
“รวมกองทหารทั้งหมดไปที่แท่นบูชา”
ชาวนาคูจักต่างเร่งร้อนวิ่งลงบันไดกันไป
‘พิธี? เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?’
อย่างไรแล้ว สถานการณ์ที่เขากังวลหาได้เกิดขึ้น แต่ก็ชัดเจนว่ามีอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นแทน โดยทันที อาร์คเริ่มมองผ่านระเบียงลงไปว่าแท่นบูชาข้างล่างเกิดอะไรขึ้น
* * *
“ในที่สุดก็ตามทัน”
จีเวลพึมพำขณะยืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้นปีศาจ
“เธอแน่ใจนะ?”
“ไม่ผิดแน่ อยู่ในดันเจี้ยนแห่งนี้แหละ”
จีเวลตรวจสอบเรดาห์ของน้ำหอมมานาอีกครั้งก่อนพยักหน้ารับ จุดสีแดงนั้นอยู่กลางหน้าจอพร้อมกระพริบส่องสว่างออกมา เป็นเพราะน้ำหอมมานาเชื่อมต่อกับรองเท้าจิตวิญญาณวายุ จุดสีแดงจึงกลายเป็นบ่งบอกตำแหน่งของอาร์คไป หลังเข้ามายังโลกใต้พิภพ พวกเขาต่างก็เคลื่อนเป็นเส้นตรงตามที่เรดาห์บ่งบอกเพื่อไล่ตามอาร์คให้ทัน
“เหมือนจะลงไปด้านล่างของภูเขา น่าจะเป็นด้านล่างของดันเจี้ยนแห่งนี้เลย”
“งั้นนี่ก็เป็นทางออกเดียวสินะ”
“ไล่มันทันจนได้”
จีเวล ดุ๊ค และสมาชิกเฮอร์มีสคนอื่นต่างเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขณะมองปากทางเข้าดันเจี้ยน พวกเขาเพียงเข้ามาโลกใต้พิภพไม่กี่วันก่อน เป็นเพราะใช้งานเรดาห์เพื่อไล่ตามอาร์ค พวกเขาจึงสามารถพุ่งมาเป็นเส้นตรงได้โดยไม่ต้องหลงทิศทางแต่อย่างใด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไร้ซึ่งปัญหา แม้ว่าจะยังไม่พบตัวอาร์ค พวกเขาก็ต้องทนทุกข์กับโลกใต้พิภพแห่งนี้ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับขอทาน
“ยังดี พวกเรายังนับว่าโชคดี”
“ตาเฒ่าโง่เง่าที่หมู่บ้านนั่น แค่บอกว่าพวกเราเพื่อนกับอาร์คก็ถึงกับยอมส่งพาหนะมาให้”
“เพราะแบบนั้นแหละพวกเราถึงตามมันทันขณะที่มันยังอยู่ในดันเจี้ยนยังไงล่ะ”
ถูกต้องแล้ว เหตุผลที่พวกเขาไล่ตามอาร์คได้ทันอย่างรวดเร็วก็เพราะเบซอทิว เมื่อพวกเขากำลังสืบเสาะหาข่าวคราวของอาร์คในหมู่บ้าน เบซอทิวก็วิ่งเข้ามาหาโดยทันที อีกทั้งตอนที่พวกเขาบอกว่ามาเพื่อช่วยเหลืออาร์ค อีกฝ่ายถึงกับส่งพาหนะบินได้ให้โดยทันที แต่แล้วดุ๊คพลันโพล่งน้ำเสียงไม่ใคร่สบายใจนักออกมา
“แต่นี่ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?”
“หือ?”
“ก่อนมาถึงที่นี่ พวกเราเจอมอนสเตอร์เยอะมากเลยนะ”
“แล้วยังไง?”
“ไม่ใช่ว่ามอนสเตอร์พวกนั้นเลเวล 300 หรือไงกัน? นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่านี่เป็นถิ่นฐานของพวกนาคูจัก? แบบนั้นแล้วอาร์คมันผ่านมอนสเตอร์พวกนั้นและเข้าดันเจี้ยนไปได้ยังไงกัน?”
“ตาเฒ่านั่นบอกแค่ว่าให้อาร์คหยิบยืมพาหนะบินได้ไปสามตัว นั่นหมายความว่าคงเป็นพวกที่เคยร่วมมือกันก่อนหน้านี้ พวกมันต้องเป็นคนที่ตามมาช่วยที่มิติแห่งนี้แน่ ไม่มีอะไรต้องสงสัย”
ดุ๊คพลันเบ้ปากขณะตอบรับคำ
“มีผู้เล่นอยู่ด้วยแค่สองคนนะ ถ้านับรวมเอ็นพีซีไปด้วยก็แค่สาม ขณะที่พวกเรามีกันสิบคน แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหรอก ในเมื่อพวกมันร่วมงานกับอาร์ค พวกเราจะไม่ปล่อยให้พวกมันรอดไปแม้สักคน”
“เอาอย่างที่เธอว่า”
ดุ๊คพยักหน้ารับ นอกจากจีเวลและดุ๊คแล้ว ยังมีสมาชิกกิลด์เฮอร์มีสอีกแปดคน ในเมื่อปาร์ตี้ของพวกเขาเป็นอาชีพผสมรวมกัน พวกเขาย่อมสามารถรับมือกับชาวนาคูจักได้ง่ายกว่า
“เจ้านั่นคงจัดการมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนจนเรียบแล้ว พวกเราคงเจอไม่กี่กลุ่มหรอก”
“หวังว่ามันจะยังไม่ฆ่าบอสไปนะ”
“ไม่ต้องสน เป้าหมายของพวกเรามีแค่อาร์ค”
จีเวลหัวเราะขณะนำเอาม้วนคัมภีร์ออกมา สิ่งแรกตั้งแต่ที่พวกเขาออกมาจากซิลวาน่าคือหาม้วนคัมภีร์ [ปล้น] [สอดส่อง] [ฉกฉวย] [อับโชค]… ทั้งหมดเป็นม้วนคัมภีร์เพื่อการปล้นไอเทมโดยเฉพาะ ตอนนี้พวกเขาพร้อมฆ่าอาร์คอย่างถึงที่สุด
“ไปกันได้แล้ว ถึงเวลาที่มันต้องชดใช้สิ่งที่ก่อไว้แล้ว”
เช่นนั้น กลุ่มคนที่มีจิตสังหารแรงกล้าต่ออาร์คจึงเข้าสู่หุบเหวแห่งความสิ้นหวังไป
* * *
‘เฮ้อ… มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงนะ?’
ลาริเอ็ตเต้ถอนหายใจขณะมองไปรอบ เธอโดนขังเอาไว้ในกรงเหล็กพร้อมกับคนตายกว่าสิบที่จ้องมองแต่ท้องฟ้า ลาริเอ็ตเต้จ้องมองหนึ่งในคนตายพวกนั้น
‘นี่จะต้องใช่แน่’
เธอทราบตัวตนของผู้ตายเบื้องหน้านี้ เหตุผลที่เธอมายังโลกใต้พิภพก็เพราะผีเด็กชายร้องขอ เพราะอลัน เธอจึงต้องมายังโลกใต้พิภพเพื่อช่วยเหลือดวงวิญญาณของอัศวินศักดิ์สิทธิ์… ที่ป้ายหลุมศพ ผีเด็กชายได้บอกต่อเธอว่าจะพบอัศวินศักดิ์สิทธิ์ได้ที่ไหน ดังนั้นแล้วเธอจึงพบผู้ตายตรงหน้าทันทีตั้งแต่ที่เข้ามายังโลกใต้พิภพ เธอตระหนักได้ทันทีว่าผีตรงหน้านี้คืออัศวินศักดิ์สิทธิ์ได้โดยเพียงมองครั้งเดียว
ไม่เหมือนกับผู้ตายคนอื่น เขามีสร้อยคอสีเงินงดงามห้อยอยู่ที่คอ ทว่าอีกฝ่ายกลับเอาแต่เงียบไม่ว่าเธอจะใช้ ‘วิญญาณอ่อนไหว’ เพียงใดก็ตาม อีกฝ่ายเอาแต่เดินไปทั่วพร้อมน้ำลายไหลยืด ท้ายที่สุดลาริเอ็ตเต้จึงไร้ทางเลือกนอกจากไล่ตามมา เธอไม่ทราบเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากอีกฝ่ายตายเพราะมอนสเตอร์ ดังนั้นแล้วนี่จึงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เล่นเกมเลยที่เธอต่อสู้เพื่อปกป้องผู้อื่น อีกทั้งยังมีหลายสิ่งที่เธอไม่เคยตระหนักถึงและได้เรียนรู้ ด้วยโชคดีเข้าข้างจึงมีเพียงแค่สัตว์ป่าอยู่ในป่านิดหน่อย และมีเพียงคนตายเดินไปมาเท่านั้น แน่นอน บางครั้งก็จะมีมอนสเตอร์แข็งแกร่งโผล่ออกมา เธอจึงทำได้เพียงแค่หลบหนี ทว่าเธอก็ได้เรียนรู้ทั้งทักษะใหม่และได้เพิ่มเลเวล แต่แล้วชาวนาคูจักที่ออกมาล่าคนตายก็จับตัวเธอเอาไว้ได้
‘ยังไงต่อล่ะทีนี้?’
ฮึก ฮึก
ขณะนั้นเอง เธอได้ยินเสียงร้องอย่างน่าเวทนาจากอีกด้าน หลังเธอโดนจับได้ ก็มีเด็กชายคนหนึ่งโดนจับตัวมาเช่นกัน
“ข้ากลัวแล้ว คิดถึงท่านปู่ ฮือ…”
“ไม่เป็นไรนะ ต้องไม่เป็นไรแน่”
ลาริเอ็ตเต้ปลอบโยนเด็กชายขณะกอดอีกฝ่ายไว้
“แต่ท่านปู่เล่าว่าพวกนาคูจักโหดเหี้ยมที่สุดในบรรดาชาวมิวทัล พวกเราต้องถูกกินแน่”
“ไม่หรอก ไม่เห็นเหรอ? มีคนที่คิดพยายามช่วยพวกเราอยู่นะ คนคนนั้นจะไม่มีทางทิ้งพวกเราเอาไว้แบบนี้แน่ เขาน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ไม่สิ คงต้องอยู่แถวนี้แล้วอย่างแน่นอน”
“จะ-จริงเหรอครับ?”
“ใช่ คนคนนั้น… แข็งแกร่งมาก”
ลาริเอ็ตเต้เผยรอยยิ้มสว่างไสวขณะกล่าวคำชมเชยออกมา ไม่ช้า เสียงกลองพลันดังขึ้นและประตูโลหะก็เปิดออก
* * *
‘เรื่องบ้าอะไรเนี่ย? ท่าไม่ดีแล้ว…’
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง อาร์คกำลังมองลงไปยังแท่นบูชาผ่านทางระเบียง สมาชิกชาวนาคูจักกว่าสองร้อยคนกำลังรวมตัวกันอยู่รอบแท่นบูชา ราวกับพิธีบูชายัญอะไรสักอย่าง ชาวนาคูจักกำลังโค้งกายแนบกับพื้นพร้อมบทสวดประหลาด
“ทามูระ!”
“ที่สุดแห่งมิวทัล!”
ขณะนั้น ประตูโลหะได้เปิดออกจากด้านหนึ่งของแท่นบูชาพร้อมมีคนผู้หนึ่งเดินออกมา ด้วยร่างยักษ์สูงกว่าสิบเมตร อีกทั้งยังสวมใส่ชุดคลุมมิดชิด ร่างนั้นพอเดินข้ามแท่นบูชามา มันเริ่มแกว่งไกวไม้เท้ากระดูกในมือ ไม่ช้าฮู้ดที่ปิดบังใบหน้าเอาไว้ได้ถูกปลดออกเผยซึ่งดวงตาสีแดงฉาน มันเริ่มยกไม้เท้าขึ้น
“เวลาได้มาถึงแล้ว!”
ข้อความสีแดงแจ้งเตือนลอยตรงหน้าอาร์คโดยทันที
=====
บอสมอนสเตอร์ จ้าวแห่งเนโครแมนเซอร์ ‘ทามูระ’ ปรากฏตัว!
=====
‘บอสมอนสเตอร์!’
เป็นดังที่เขาคาดไว้ มีบอสมอนสเตอร์อยู่ที่หุบเหวแห่งความสิ้นหวัง เลเวลก็สูงถึง 500 นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่โหดหิน ขณะนั้นเอง ทามูระได้กวัดแกว่งไม้เท้าไปมาขณะเริ่มพูดกล่าวปราศรัย
“พวกเราอาศัยอยู่ในความมืดมิดมานานยิ่ง ทว่าตอนนี้ความทุกข์ยากของพวกเราได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว วันนี้พลังแห่งความมืดอันยิ่งใหญ่จะตื่นขึ้น! ด้วยพลังอำนาจนี้ ชาวนาคูจักจะได้กลายเป็นผู้ปกครองแห่งโลกใต้พิภพอีกครั้งหนึ่ง”
“โอ้ ท่านทามูระ!”
“เพื่อได้รับมาซึ่งพลังอำนาจที่ใช้ปกครองโลกใต้พิภพ พวกเราต้องเริ่มเทศกาลนองเลือดและเนื้อ! และจะไม่มีผู้ใดหยุดยั้งพวกเราได้! จงรับชมสิ่งนี้ นี่คือคริสตัลซึ่งบรรจุเอาไว้ซึ่งความมืดมิดที่แท้จริง! นี่คือพระเจ้าที่พวกเราต้องรับใช้!”
ทามูระเริ่มใช้ไม้เท้าเคาะกับพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นพื้นที่ขนาดเล็กกลางจัตุรัสพลันหายไป ปรากฏขึ้นเป็นความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด… รูปลักษณ์ความมืดได้ร่ำร้องออกขณะเลื้อยคลานไปมา ออร่าที่น่าพรั่นพรึงเกินจะกล่าวเริ่มท่วมท้นทั้งจัตุรัส ทามูระเงยหน้าขึ้นขณะมองขึ้นสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
“วันนี้จะเป็นวันแรกที่ความมืดมิดปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์ในรอบสิบปี! กระทั่งเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ยังต้องโดนความมืดมิดกลืนกิน นี่คือโอกาสอันสมบูรณ์แบบเพื่อที่ความมืดจะฟื้นคืน! เตรียมทำการบูชายัญ!”
‘นั่นมัน!’
อาร์คสั่นสะท้าน ประตูเปิดออกที่อีกด้านขณะชาวนาคูจักนำกรงเหล็กกว่าสามสิบออกมา ผู้ตายต่างโดนขังเอาไว้ภายในกรงเหล็ก และท่ามกลางกรงเหล่านั้น ก็มีกรงที่ดราเค็นลักพาตัวลาริเอ็ตเต้และโบนาร่วมอยู่ด้วย
“เริ่มพิธี!”
เมื่อทามูระออกคำสั่ง หนึ่งในกรงเหล็กพลันร่วงหล่นลงสู่หลุมเบื้องล่าง ผ่านไปเพียงครู่ จิตวิญญาณมืดมิดพลันผุดฟองออกและกลืนกินพวกเขาเหล่านั้นลงไป ด้วยเสียงที่ดังก้อง ผู้ตายเหล่านั้นต่างโดนหลอมไปและดูดซับเข้ากับความมืดมิด ขณะเดียวกัน ออร่าความชั่วร้ายของมันยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งขึ้น
‘บ้าอะไรกันเนี่ย? เราจะทำยังไงดี?’
อาร์คกลายเป็นโง่งม หากเขาปล่อยโบนาและลาริเอ็ตเต้ที่โดนขังเอาไว้แบบนั้น ไม่ช้าทั้งสองต้องร่วงหล่นลงสู่หลุมนั่น เขาคิดอยากช่วยเหลือลาริเอ็ตเต้ก็จริง ทว่าโบนากลับกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนยิ่งกว่านั้น เพราะลาริเอ็ตเต้สามารถฟื้นคืนชีพได้ แต่โบนาคือเอ็นพีซี หากตายไปนั่นหมายถึงภารกิจล้มเหลว และเขาจะผลีผลามกระโดดลงกลางดงศัตรูเพื่อช่วยเหลือก็ไม่ได้ ตรงนั้นมีชาวนาคูจักถึงสองร้อยคนรวมทั้งตัวบอส ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด ลำพังแค่อาร์คไมมีทางลงมือสำเร็จ
‘บัดซบ ทำไมถึงต้องโผล่หัวมาก่อนที่เราจะฆ่าพวกนาคูจักหมดด้วย?’
หลังรับชมเรื่องราว ชัดเจนว่าทามูระปรากฏตัวออกมาเมื่อเงื่อนไขครบกำหนด เงื่อนไขน่าจะเป็นช่วงเที่ยงคืนวันก่อนขึ้นปีใหม่ หากเขาสังหารชาวนาคูจักทั้งหมดก่อนที่ทามูระจะปรากฏตัวได้ แบบนั้นแล้วเขายังพอมีโอกาสต่อกรได้บ้าง ทว่าตอนนี้เขาต้องรับมือชาวนาคูจักทั้งสองร้อยและบอสมอนสเตอร์
‘รู้เลยทีเดียวว่าทำไมเป็นภารกิจระดับ B นี่มันภารกิจของคนเป็นกลุ่มแล้ว!’
อาร์คกลายเป็นมืดมน หรือเขาจะยอมแพ้เรื่องภารกิจและลาริเอ็ตเต้แม้ว่าจะบุกบ่าฟันฝ่ามาจนถึงตอนนี้? ขณะนั้นเอง ฉับพลันเขาถึงกับหน้าสั่นเพราะหน้าต่างข้อความที่ปรากฏขึ้น
=====
‘ลอบเร้น’ ถูกยกเลิกการใช้งานเพราะทักษะ ‘สัมผัสที่หก’ ของเรนเจอร์
ท่านได้รับความเสียหายคริติคอลจาก ‘การยิงที่แม่นยำ’ ความเสียหาย 400 หน่วย!
=====
‘หา คราวนี้บ้าอะไรอีก?’