ตอนที่ 326 : อย่าได้แตะหมูตัวนี้! (3)
คณะของจีเวลสร้างหอคอยแห่งนี้ขึ้นเพื่อใช้รับและส่งจดหมายเคลื่อนย้าย จดหมายเคลื่อนย้ายที่ถูกส่งผ่านมิติเป็นเทคนิคซึ่งสมาคมเวทมนตร์ศึกษามาอย่างยาวนาน มันไม่ใช่อะไรที่ผู้เล่นธรรมดาอย่างคณะของจีเวลจะสร้างได้ ในเมื่ออารยธรรมในโลกแห่งนี้คล้ายถูกแช่แข็งเอาไว้ เผ่านาคูจักย่อมต้องไม่มีภูมิความรู้ด้านนี้แน่ แต่แล้วทำไมถึงสร้างหอคอยส่งสารแบบนี้ขึ้นได้? มันเหลือเชื่อเกินไป แต่อาร์คก็เข้าใจถึงเหตุผลที่สร้างมันขึ้นมา
‘สวรรค์ เผ่านาคูจักคิดวางแผนปกครองโลกใต้พิภพโดยใช้หมู่บ้านในหุบเขาเป็นฐาน!’
ถูกต้อง นี่คือเหตุผลเดียวที่คิดออก มันจะต้องมีหอคอยรับส่งจดหมายเคลื่อนย้ายเช่นนี้อยู่ในอาณาเขตของเผ่านาคูจักแห่งอื่นด้วย เมื่อมีหอคอยทั้งสองแห่ง จากที่พวกเขาไม่อาจกรีธาทัพกองกำลังผ่านภูเขาทางเหนือมายังทางใต้ได้ แบบนั้นเผ่านาคูจักจะสามารถเดินทางอย่างอิสระมายังทางใต้ได้ตามต้องการ หลังได้รับหมู่บ้านในหุบเขาไว้ในครอบครอง พวกมันจะต้องแผ่ขยายอำนาจทางใต้กลืนกินชาวบารันทั้งหมดโดยไม่อาจมีผู้ใดต่อต้าน
‘ปัญหาเริ่มดูแย่กว่าที่คิดเอาไว้แล้วสิ’
ใบหน้าของอาร์คเผยความเคร่งเครียดออกมา จีเวลย่อมไม่ใช่คนเดียวที่ตัดสินใจเป็นพันธมิตรกับเผ่านาคูจักแน่ ไรเด็นหรือหัวหน้าของพันธมิตรเฮอร์มีสย่อมต้องเห็นชอบด้วย มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีการทำสัญญากับเผ่านาคูจักเพื่อปกครองโลกใต้พิภพร่วมกัน เรื่องราวเช่นนี้ในโลกกลางไม่อาจกระทำ แต่ที่นี่สามารถกระทำ…?
‘ด้วยสภาพตอนนี้ ไม่มีผลประโยชน์อะไรดีไปกว่าหมู่บ้านในโลกใต้พิภพ และโลกใต้พิภพกับโลกกลางก็ไม่ใช่ว่าตัดขาดกันอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาบ้าง แต่ผู้เล่นหลายคนก็เคยเข้ามาก่อนหน้าเราบ้าง’
ด้วยเหตุนี้พันธมิตรเฮอร์มีสจึงตัดสินใจเข้าสู่โลกใต้พิภพและยึดครองหมู่บ้านทั้งหมด? ชัดเจนว่าพันธมิตรเฮอร์มีสจะต้องมีอัตราการเติบโตที่น่าหวาดหวั่นในเวลาอันสั้นแน่หากทำเช่นนั้นได้
‘และพลังทั้งหมดจะมีศูนย์รวมอยู่ที่ซิลวาน่า’
อาร์คพอจะทราบสภาพการณ์ตอนนี้ที่นาการันอยู่บ้างผ่านทางจัสติสแมน ห้าพันธมิตรต่างได้รับปราสาทไว้ในครอบครอง และมีกองกำลังในมือไม่ต่างกันมากนัก พวกเขาต่างเฝ้าระวังซึ่งกันและกัน หากหนึ่งในพันธมิตรเกิดได้รับอำนาจที่เพิ่มมากขึ้นกว่าอีกสี่พันธมิตร พวกเขาจะรวมตัวกันเพื่อหยุดยั้งฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่มากกว่า แต่มันจะเป็นอีกเรื่องถ้าหากพันธมิตรหนึ่งหลบซ่อนการเติบโตของกองกำลังเอาไว้ที่อื่น นั่นคือเป้าหมายของไรเด็น
หลบซ่อนเบื้องหลังเอาไว้ที่โลกใต้พิภพ ปิดผนึกพละกำลังแท้จริงเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ หลังมีกำลังสะสมในมือระดับหนึ่งแล้ว เมื่อกลับไปซิลวาน่า พันธมิตรเฮอร์มีสจะมีกำลังมากพอยึดครองนาการันทั้งหมด ถ้าหากพันธมิตรเฮอร์มีสควบคุมโลกใต้พิภพเอาไว้ได้ นั่นก็ไม่ใช่เพียงแค่ฝันที่พวกเขาคิดกระทำ และกิลด์เฮอร์มีสยังเป็นศัตรูกับเขา นี่ไม่ต่างอะไรกับความตายสำหรับอาร์คเลยทีเดียว
‘สวรรค์ เรื่องนี้เรารับมือคนเดียวไม่ได้แล้ว!’
ใบหน้าของอาร์คเริ่มมืดมน หากกิลด์เฮอร์มีสได้ครอบครองพลังอำนาจเพิ่มขึ้น ก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่อาร์คจะยึดครองซิลวาน่ากลับคืนมา เขาทิ้งเส้นทางลับเอาไว้ในดันเจี้ยนด้านล่างก็ใช่ และยังมีการจัดทำบัญชีซ้อนที่สำนักงานการค้า แต่จะทำอะไรได้? ถึงตอนนั้นพันธมิตรเฮอร์มีสก็มีกำลังอำนาจกว้างไกลในนิวเวิลด์แล้ว พวกเขาย่อมต้องปกครองโลกกลางได้เหมือนที่ทำกับโลกใต้พิภพ และแบบนั้นอาร์คจะไร้ที่ให้หลบซ่อนอีก
‘ทุกอย่างจะจบสิ้นทันทีหากจีเวลและเผ่านาคูจักได้ปกครองโลกใต้พิภพ เราต้องหาทางหยุดยั้ง!’
แต่อีกฝ่ายคือพันธมิตรเฮอร์มีสและเผ่านาคูจัก พันธมิตรเฮอร์มีสไม่มีทางปล่อยให้ซิลวาน่าว่างเปล่า เพราะแบบนั้นพวกเขาคงไม่มีทางส่งกองกำลังมาที่โลกใต้พิภพได้ แต่เผ่านาคูจักก็เล็งพื้นที่ทางใต้มาหลายร้อยปีแล้ว เพราะแบบนี้ย่อมสามารถหยิบยืมกำลังเผ่านาคูจัก กองกำลังเผ่านาคูจักจะก่อเกิดเป็นอาณาจักร แบบนั้นแล้วก็จะไม่ใช่มอนสเตอร์ธรรมดาอีกต่อไป ไม่ใช่หมายความว่าในท้ายที่สุดเขาต้องต่อกรกับทั้งอาณาจักรที่จะถือกำเนิดขึ้นใหม่นี้เลยหรือไร?
‘นี่… เราหยุดมันไม่ได้… เราไม่มีกำลัง…’
อาร์ครู้สึกหมดเรี่ยวแรง ขณะนั้นเอง คำพูดของโบนาได้จุดประกายให้
‘เดี๋ยวนะ? ไม่ใช่โบนาบอกเหรอว่าเบซอทิวต้องการให้หลบหนีเพื่อไปร้องขอความช่วยเหลือจากเผ่าบารันที่หมู่บ้านอื่น? ใช่แล้ว เผ่าบารันย่อมต้องการหยุดยั้งการปกครองโลกใต้พิภพของเผ่านาคูจักแน่ แม้ว่าพวกเขาจะกระจายตัวกันอยู่ แต่ถ้าหากชาวบารันทราบเรื่องราว พวกเขาย่อมต้องรวมพลังเป็นกำลังหนึ่งเดียว’
อาร์คเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ แต่แล้วก็มีสิ่งหนึ่งขัดขึ้น เขาพลันได้ยินเสียงเดดริคสิ้นหวังร้องออกผ่านโสดประสาท
“จะ-เจ้านาย… เผ่านาคูจักเจอพวกเรา… รีบ… เร็วเข้า…”
ในเมื่ออยู่ค่อนข้างห่างไกล การสื่อสารจึงไม่ชัดเจนนัก แต่เขาก็ทราบดีถึงสารหลักภายในข้อความ เผ่านาคูจักที่ไล่ตามโบนาพบเจอพวกเขาแล้ว อาร์คพลันรู้สึกหัวใจหล่นวูบ
“บัดซบ ถ้าโบนาไปหมู่บ้านอื่นเพื่อร้องขอความช่วยเหลือมันต้องเป็นปัญหาใหญ่ ชัดเจนว่าเผ่านาคูจักจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจึงไม่มีทางปล่อยมือจากโบนา ถ้าหากเรารู้แต่แรกคงไม่ปล่อยพวกเขาไว้โดยลำพัง…”
ถ้าหากโบนาโดนเผ่านาคูจักจับตัวไป แบบนั้นความหวังหนึ่งเดียวของเขาก็จะหายไปด้วย อาร์คเร่งร้อนวิ่งพุ่งออกจากหมู่บ้านพร้อมตะโกนเรียกราดัน
ซื่อ ซื่อ? ซื่อ ซื่อ ซื่อ!
อาร์คเร่งร้อนขี่ราดัน ในที่สุดเขาก็มาถึงป่าใกล้ที่หลบซ่อน
“เจ้านาย… ทางนี้ขอรับ… ไอ้พวกนั้นอยู่แถวนี้… ระวังด้วย”
เสียงของเดดริคได้ยินมาจากอีกด้านหนึ่งของที่หลบซ่อน
‘โชคดีที่ยังไม่โดนจับตัวไป!’
อาร์คลงจากหลังราดันและใช้งานเร้นเงาเพื่อตามเสียงไป ไม่ช้าเขาก็พบลาริเอ็ตเต้และโบนาที่กำลังหลบซ่อนอยู่บริเวณแมกไม้ใกล้ยอดเนินเขา
“ปลอดภัยสินะครับ”
“ค่ะ แต่ว่าบุคซิลนิม…”
“บุคซิล?”
อาร์คพบว่าบุคซิลไม่อยู่ตรงนี้ด้วย ลาริเอ็ตเต้ชี้ลงไปยังด้านล่างเนินเขาด้วยสีหน้ามืดมน อาร์คมองตามนิ้วไปจนดวงตาหรี่ลงและขมวดคิ้ว
“ไอ้เจ้านั่น…!”
เผ่านาคูจักสิบคนและผู้เล่นหนึ่งคนกำลังรวมกลุ่มกันอยู่บริเวณเชิงเขา เป็นดุ๊ค! ดุ๊คได้ใช้ทักษะสะกดรอยเพื่อออกค้นหา และด้านข้างของดุ๊คก็เป็นบุคซิลที่พลังชีวิตเหลือเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง ใบหน้าของอีกฝ่ายบวมปูดและเต็มไปด้วยบาดแผล
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“พวกเราหลบซ่อนอยู่ในถ้ำค่ะ แต่แล้วพวกนาคูจักก็โผล่พรวดเข้ามา โชคดีที่เดดริคและฉันช่วยหยุดการโจมตีของพวกนาคูจักเอาไว้ได้และวิ่งหนีมา แต่ก็มีคนที่ชื่อดุ๊คโผล่ออกมาอย่างปุบปับ เดดริคไม่อาจเทียบพละกำลังด้วยได้… พวกเราเกือบทั้งหมดโดนจับ แต่แล้วบุคซิลที่รับชมเรื่องราวมาตลอดกลับมาขวางทางพวกนั้นไว้จนเราหนีมาได้ แต่พวกเราอาจโดนล้อมอีกครั้งได้ พวกเราก็เลยหลบซ่อนอยู่ที่นี่ค่ะ”
ลาริเอ็ตเต้อธิบายเรื่องราว อาร์คก็เห็นเผ่านาคูจักนับสิบคนในป่าตอนมาที่นี่ และลาริเอ็ตเต้ก็ไม่มีทักษะลอบสังหารเหมือนอย่างเขาด้วย
‘แต่ว่า…’
เหนือความคาดคิดมากที่บุคซิลใช้ร่างขวางเพื่อช่วยพวกเขาเอาไว้
“ไอ้หมูนี่ รีบลุกขึ้นมาคุยกันสิวะ”
ดุ๊คเตะเข้าใส่บุคซิลอีกครั้ง บุคซิลกรีดร้องขณะกลิ้งกับพื้นไปมา
“บะ-บัดซบ… ฉันบอกแล้วไงว่าลาริเอ็ตเต้นิมกับโบนาออกจากป่าไปแล้ว!”
“เหอะ อย่ามาพูดให้ขำ ป่านี่น่ะโดนล้อมเอาไว้หมดแล้ว พวกมันไม่มีทางออกจากป่าโดยที่ไม่โดนจับตัวแน่ ชัดเจนว่าต้องซ่อนอยู่แถวนี้ คิดว่าฉันโง่หรือไง!”
ดุ๊คนำเอาม้วนคัมภีร์ออกมาแสดงต่อหน้า บุคซิลสีหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวหลังได้เห็นม้วนคัมภีร์ดังกล่าว
ม้วนคัมภีร์ [ตามรอย]… ถูกต้องแล้ว มันคือม้วนคัมภีร์ที่เอาไว้ใช้ทราบตำแหน่งของเป้าหมายในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร
“เอ้า เข้าใจหรือยังล่ะ? พวกมันยังไงก็ต้องโดนจับ แต่ฉันไม่ได้สนใจเด็กกับผู้หญิง หรือแกคิดว่าฉันลืมไปแล้ว? แก… คือคนที่เคยอยู่กับไอ้เจ้าอาร์คก่อนหน้านี้!”
“อาร์คนิมไม่ได้อยู่ที่นี่!”
“ฉันรู้อยู่แล้ว ฉันลองใช้ม้วนคัมภีร์ [ตามรอย] กับอาร์คดูแล้ว แต่โลกใต้พิภพมันกว้างใหญ่จะให้หาเจอได้ยังไงกัน? บอกมา ไอ้บัดซบอาร์คมันซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?”
“มะ-ไม่รู้!”
“อยากตายจริงใช่ไหม?”
ดุ๊คเงื้อมือออกขณะที่เผ่านาคูจักต่างก็เงื้อดาบขึ้นพร้อมกันนั้น ทว่าอีกฝ่ายกลับต้องเปลี่ยนใจพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะออกมา
“ก็ได้ มาตกลงกัน ที่จริงฉันฆ่าแกไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ฉันจะให้แกรอดถ้าบอกมาว่าอาร์คมันอยู่ที่ไหน ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปภักดีกับอาร์คมันถึงขนาดนั้น ไอ้เจ้านั่นจะยังไงก็สารเลวคนหนึ่ง…”
“ฉันรู้ ฉันรู้น่า! รู้ดีกว่าแกเป็นร้อยเท่าด้วยซ้ำ! อาร์คมันโหดเหี้ยม ทำตัวเป็นเจ้านาย เป็นไอ้คนน่ารังเกียจ แถมยังเป็นคนชั่วร้ายที่ใช้งานและใช้ความรุนแรงกับคนอื่น บางครั้งถึงกับให้กินอาหารผสมยาพิษ ยังไงฉันก็ไม่คิดปกป้องไอ้คนแบบนั้นอยู่แล้วโว้ย!”
‘อะ-ไอ้เจ้านี่… คิดหักหลังเราจริงแล้วสินะ!’
ใบหน้าของอาร์คถึงกับด้านชาเพราะคำพูดของบุคซิลดังลั่นป่า ทว่าดุ๊คกลับประหลาดใจและพยักหน้ารับ
“ก็ได้ เข้าใจแล้ว หมายความว่ายอมรับข้อเสนอ?”
“แต่ว่า แต่ว่า…”
บุคซิลยังคงแข็งขืนขณะต่อยดุ๊คเข้าไปหนึ่งหมัด
“เหอะ แต่เขาก็ไม่ได้โหดเหี้ยมเหมือนพวกแก! เขาไม่เคยทำร้ายเด็ก! รับไป… ไอ้พวกบัดซบ!”
“ไอ้เวรนี่!”
บุคซิลโจมตีดุ๊คอย่างกะทันหัน แต่หมัดของพ่อค้าก็สร้างความเสียหายได้แค่ 1% เท่านั้น… เมื่อดุ๊คเตะเข้าใส่ บุคซิลถึงกับกลิ้งกับพื้นหลายตลบ ตามปกติบุคซิลสมควรต้องร้องคร่ำครวญออกมาและทำท่าทีเหมือนจะตายเสียให้ได้ แต่วันนี้บุคซิลไม่ใช่คนเดิม แทนที่จะร่ำร้อง อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนขณะพุ่งเข้าใส่ดุ๊คอย่างไม่คิดชีวิต
‘ไอ้เจ้านี่!’
อาร์คยิ่งมายิ่งกัดฟันแน่น อีกฝ่ายตอนนี้สภาพคล้ายหมูน้อยที่โดนย่ำยี สภาพเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา อาร์ครู้สึกซาบซึ้งนักที่อีกฝ่ายทำให้ดุ๊คไม่ได้หันมาสนใจทางด้านนี้
แต่ว่า… แต่… ทำไมความโกรธถึงพวยพุ่งขึ้นมา? ทำไมกัน? เขาไม่เคยรู้สึกดีกับเจ้าหมูนั่นเลยด้วยซ้ำไป…
“ฉันจะฆ่าแก! ต้องฆ่าแกให้ได้! ไอ้พวกเวร!”
“คลั่งอะไรขึ้นมาเนี่ย? ก็ได้ ถ้าอยากตายมากนักล่ะก็…”
ดุ๊คแค่นเสียงขณะนำคันธนูออกมา
ไม่ช้า ลูกธนูนั้นหลุดลอยพุ่งเข้าใส่ลำคอของบุคซิล!
ตุบ!
กรามของดุ๊คแทบปริแตกออก ดุ๊คได้รับความเสียหายอย่างร้ายจนล้มพับไป ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมใส่ชุดคลุมหนายืนหยัดตรงหน้าบุคซิล เป็นอาร์ค! ถูกต้อง อาร์คเลือกที่จะลงจากเนินเขาและพุ่งเข้าไปเตะเสยคางของดุ๊คเข้าอย่างแรง
“แก… แก!”
อีกฝ่ายจ้องอาร์คตาเขม็ง อาร์คเพียงยิ้มให้ขณะเอ่ยเสียงเบา
“ว่าไงดุ๊ค ใครบอกให้แกอัดหมอนี่ได้กัน?”
“อาร์คนิม!”
บุคซิลมองอาร์คด้วยใบหน้านองน้ำตา
แต่อารมณ์ปลื้มปริ่มต้องจางหายเพราะคำพูดถัดมาของอาร์ค
“แม้เจ้านี่จะสภาพแบบนี้… แต่ไม่ใช่หมูป่า”
“ครับ? หมูป่า?”
“ไอ้เจ้านี่เป็นหมูบ้านที่ฉันฟูมฟักมากับมือ!”
‘ว่าอะไร? นี่เรื่องอะไรกัน… เรากลายเป็นหมูบ้านที่พร้อมจะโดนจับกินตอนไหนก็ได้งั้นเหรอ?’
ใบหน้าของบุคซิลเคร่งเครียดขึ้นมาเมื่อตระหนักได้ถึงถ้อยคำดังกล่าว