Ark The Legend – ตอนที่ 348 : ส่งเงินมา! (1)

 

ตอนที่ 348 : ส่งเงินมา! (1)

 

“ช่วงที่ผ่านมาสบายดีไหม?”

 

พอปรากฏตัวที่โลกใต้พิภพอาร์คและสมาคมแห่งความมืดก็พบเจอบุคซิลและกลุ่มทัณฑ์บนที่ป่าฮาเกล แม้แชมบาร่าจะมีท่าที่ไม่พอใจอาร์ค แต่ก็พยักหน้ารับและกล่าวทักทายสมาชิกกลุ่มทัณฑ์บนอย่างมีมารยาท จัสติสแมนยิ้มให้พร้อมพยักหน้า

 

“แซมบาร่า ไม่เจอกันนานตั้งแต่ที่เจอกันครั้งสุดท้ายตอนหอคอยแห่งซาลรินโน่นเลยสินะ?”

 

“ใช่ครับ ผมโล่งใจนะที่เห็นคุณอยู่ที่นี่”

 

อาร์คจ้องมองแชมบาร่าขณะกล่าวขัด

 

“ หมายความว่ายังไง? เห็นฉันแล้วไม่สบายใจงั้นสิ?”

 

“นายเคยทําอะไรให้ฉันเชื่อใจบ้างไหมล่ะ?”

 

แชมบาร่าประกาศเสียงดังฟังชัดอย่างไร้เยื่อใยลั่กทําไมเจ้าหมอนี่ถึงเป็นคนแบบนี้กันนะ? อาร์คคิดอยากปาวประกาศว่าตนเชื่อถือได้อย่างไรสักสามวันสี่คืน แต่เสียดายที่ ไม่มีเวลา จีเวลและพวกนาคูจักกําลังทําตามแผนการยึดครองโลกใต้พิภพอยู่ตอนนี้สิ่งสําคัญคือการเร่งไปรวมตัวกับชาวบารันโดยเร็วที่สุดเพื่อปรึกษาแผนการตอบโต้

 

“แชมบาร่า ไว้พวกเราค่อยคุยกันอย่างจริงจังคราวหลังแล้วกัน”

 

อาร์คออกนํากองกําลังเดินทางข้ามผ่านโลกใต้พิภพ

 

“นี่คือสถานที่นัดรวมพลของชาวบารัน?”

 

เมื่อมาถึงภูเขาโกลคพวกเขาก็ได้เห็นเต็นท์ที่จัดตั้งขึ้นอย่างรีบร้อนพร้อมชาวบารันที่มีอาวุธในมือ

 

“อ..อะไรกัน? พวกเจ้าคือใคร?”

 

อาร์คออกนํากองกําลังจํานวนมาก แต่พอคิดเข้าไปเขากลับโดนกลุ่มชาวบารันเข้าขัดขวาง พวกเขาต่างเห็นมือสังหารที่มีสถานะฆาตกรจึงคิดว่าเป็นศัตรูบุกเข้ามา กระทั่งว่าไม่ใช่ฆาตกรชาวบารันที่โดนภัยคุกคามจ่อถึงคอหอยก็ต้องคิดว่าหากไม่ใช่คนคุ้นเคยเท่ากับศัตรูอยู่ดี ในช่วงระหว่าง นั้นมีใครคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อนพร้อมโบกมือให้ เป็นลาริเอ็ตเต้ที่เดินทางร่วมกับเบซอทิวเพื่อมายังเขาโกลคิล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว

 

“พวกเขาไม่ใช่ศัตรูค่ะ! เป็นคนที่จะมาช่วยชาวบารันค่ะ!”

 

“มาช่วยพวกเรา?”

 

“ใช่ค่ะ นี่คืออาร์คนิมที่เบซอทิวนิมกล่าวถึง”

 

ชาวบารันต่างสํารวจมองอาร์คอย่างเร่งด่วนเมื่อลาริเอ็ตเต้กล่าวจบคําจากนั้น 

ลาริเอ็ตเต้จึงหันไปหาอาร์คและยิ้มให้

 

“ตั้งแต่ได้รับข้อความก็กําลังรออยู่เลยค่ะ”

 

อาร์คโทรหาลาริเอ็ตเต้ก่อนที่จะออกเดินทางสู่โลกใต้พิภพเพราะแบบนั้นอาร์คจึงสามารถล่วงรู้สถานการณ์ได้ ลาริเอ็ตเต้และเบซอทิวได้ส่งสัญญาณผ่าน “ประภาคารแห่งคํามั่น” ชาวบารันหลายเผ่าที่กระจายตัวกันอยู่ทั้งนักรบและผู้อาวุโสต่างมุ่งหน้ามารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือ

 

“แล้วนักรบของเผ่าบารันล่ะ?”

 

อาร์คสํารวจมองพื้นที่ขณะกล่าวถามนั่นเป็นผลให้หน้าที่ของลาริเอ็ตเต้เงื่อนลง

 

“ทําไมทําหน้าแบบนั้นล่ะครับ?”

 

“คือ… พวกเขาทั้งหมดนี่แหละนะนักรบของเผ่าบารัน”

 

“ครับ?”

 

อาร์คกลายเป็นยืนแข็งที่อท่ามกลางแคมป์แห่งนี้ เขากระพริบตาอยู่หลายครั้งก่อนที่จะเผยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

 

“นี่พูดจริงเหรอครับ?”

 

“แล้วพวกนักรบคนอื่นล่ะครับ?”

 

“ คือว่า…”

 

ลาริเอ็ตเต้ถอนหายใจขณะที่อาร์ครู้สึกคล้ายโดนค้อนหนักอึ้งทุบเข้าใส่

 

“เมื่อครั้งโน้น นักรบชาวบารันต่างปฏิญาณกันว่าจะทวงคืนบ้านเกิดทางเหนือ หลังแยกย้ายกันพวกเขาจะคอยฝึกฝนตนเองจนกว่าจะถึงวันนั้น พวกเขากําลังรอคอยห้วงเวลาที่ประภาคารแห่งคํามั่นจะส่องแสงออกมา”

 

นั่นคือเรื่องเล่าที่เบซอทิวบอกกล่าวต่ออาร์คเรื่องนักรบของชาวบารัน ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจหรือ? หลังได้ยินเรื่องราว อาร์คจึงนึกถึงสเมิร์ฟผู้มีร่างกายกํายําแข็งแกร่ง ถ้าหากกาลกาเมลปรากฏตัวขึ้นมา สเมิร์ฟที่แข็งแกร่งย่อมต้องออกหน้ามาปกป้อง ดังนั้นแล้วอาร์คจึงเกิดความโล่งใจอยู่บ้าง เพราะถ้าหากชาวบารันยังมีนักรบเหลืออยู่จํานวนหนึ่งมันก็จะยิ่งทําให้งานง่ายมากขึ้น แต่ความเป็นจริงกลับไม่สวยงามดั่งตํานาน

 

“พวกเขาดูคล้ายผู้อพยพมากกว่านักรบขอรับนี้พวกเขาได้กินอะไรกันบ้างหรือเปล่า?”

 

เดดริคเอ่ยเสียงเบาออกมาขณะนั่งอยู่บนไหล่ของอาร์ค ครั้งนี้อาร์คเห็นด้วยกับความคิดนี้ของเดดริค 100% เลยทีเดียว เมื่อตอนที่เขานึกถึงตํานานของนักรบแห่งเผ่าบารัน ทุกสิ่งอย่างล้วนสวยงาม ทว่านักรบเผ่าบารันตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับชนเผ่าที่พบเจอได้ทั่วไปในสารคดีที่เคยรับชมผ่านจอโทรทัศน์ แทนที่จะมีกล้ามเนื้อให้สมเป็นนักรบ แต่พวกเขาคล้ายอดอยากมากกว่าหนึ่งปีแล้วต่างหาก แน่นอนว่า นักรบพวกนี้สวมใส่ชุดเกราะและอาวุธ แต่มันก็ผุพังเกินกว่าที่จะเรียกได้ว่าเป็นชุดเกราะ พวกเขาดูไปคล้ายผู้สืบทอดบรรพบุรุษคนยากไร้แทนที่จะเป็นนักรบ นอกจากนี้พวกเขายังมีกันเพียงแค่ราวหนึ่งพันคน..

 

“เกิดอะไรขึ้นกันครับ? นี่มันไม่เหมือนที่ได้ยินมานี่นา”

 

อาร์คโพล่งคําถามออก ลาริเอ็ตเต้ก็เริ่มอธิบายด้วยความลําบากใจ ตอนที่ชาวบารันอพยพออกจากทางเหนือ ทางใต้ นี้คือดินแดนอันแห้งแล้งแทบจะโดยสมบูรณ์ นักรบทั้งหลายไม่ได้ทําหน้าที่เพียงแค่คุ้มกันชาวบารันจากการอพยพ พวก เขายังมีหน้าที่รับผิดชอบช่วยเหลือ เพราะแบบนั้นพวกเขาจึงละทิ้งหนทางแห่งความแข็งแกร่งอย่างที่เคยเป็น ตํานานนั้นสวยหรู แต่นักรบทั้งหลายกลับมีปัญหาการใช้ชีวิต ให้ต้องกังวลซึ่งสําคัญยิ่งกว่า

 

พวกเขาเป็นนักรบ เพราะแบบนั้นแล้วจึงไม่รู้วิธีการทําสิ่ง อื่นใดนอกจากต่อสู้ นักรบไม่อาจซ่อมแซมอาวุธหรือว่าชุดเกราะ เพราะแบบนั้นแล้วพวกเขาจึงวางกองพวกมันทิ้งเอาไว้ ไม่ต่างกับของเก่าเก็บ กาลเวลาชะล้างได้แทบทุกสิ่ง นอกจากนี้ พวกเขายังไม่ทราบวิธีการเก็บเกี่ยวพืชผลหรือการแปรรูปอาหารเพื่อเก็บไว้ใช้ยามจําเป็น นักรบทั้งไม่ทราบวิธีการหาวัตถุดิบ ท้ายที่สุดนักรบเหล่านั้นแทบละทิ้งความ ภาคภูมิขณะกลับคืนเป็นชนเผ่าตามเดิม เดชะบุญยังคงมี นักรบชาวบารันจํานวนหนึ่งที่อดมื้อกินมื้ออยู่บ้าง หลังผ่านมานับร้อยปีพวกเขาที่รอดชีวิตมาได้อย่างยากลําบากจึงกลายเป็นนักรบที่มีสภาพไม่ต่างอะไรกับผู้หิวโหยชาวแอฟริกัน

 

“เมื่อประภาคารแห่งคํามั่นส่องสว่างนักรบพวกนั้น ล้วนเร่งรีบมุ่งมาที่นี่และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้กินอาหารกันอย่างเต็มอิ่มค่ะ”

 

“พวกเขาดูคล้ายทหารที่หนีทัพรอดพ้นความตายระหว่างสงครามมากกว่า พวกเขาเพิ่งจะได้กินอิ่มกันแล้วแบบนี้จะมีแรงไปสู้ยังไงไหว?”

 

เพราะคําอธิบายของลาริเอ็ตเต้จึงยิ่งทําให้อาร์คมืดมนมากขึ้น

 

กําลังทหารเหล่านี้คือกําลังหลักที่เขาคิดใช้ต่อต้านพันธมิตรเฮอร์มีสกับนาคูจักหรือ? ถ้าหากเขาคิดอ่านให้ดีระหว่างสองเผ่านี้ ผลการต่อสู้คล้ายเห็นอยู่รําไร ไม่สิ มันคือ ภาพอันชัดเจนที่ผ่านาคูจักเข้ายึดครองโลกใต้พิภพต่างหาก แต่สถานการณ์ใดล้วนไม่แน่นอนในนิวเวิลด์ โลกใบนี้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไรแล้วขึ้นอยู่กับทางเลือกของผู้เล่นนั่นคือนิวเวิลด์

 

“เมื่อสมาคมแห่งความมืดเข้าร่วมสงคราม สถานการณ์อาจพลิกกลับได้ และชาวบารันก็ยังคงอยู่ที่นี่ เราต้องรวบรวมกําลังทหารเหล่านี้เพื่อต่อต้านพวกนาคูจักเหมือนที่เคยทําครั้งชาวแรคคูน ถ้าหากผู้ฝึกทําอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพพลังอํานาจจะตามมา ใช่แล้วนี่ยังเร็วเกินไปที่จะสิ้นหวัง

 

อาร์คพยายามคิดในแง่บวก

 

“แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่นักรบชาวบารัน”

 

“ครับ? ยังมีปัญหาใหญ่กว่านี้?”

 

“ตามมาค่ะ ผู้อาวุโสเผ่าบารันไปรวมตัวกันอยู่ที่เต็นท์ทางด้านนั้นแล้ว”

 

ลาริเอ็ตเต้ถอนหายใจก่อนออกนําไปยังเต็นท์ดังกล่าว เธอดูสิ้นหวัง อาร์คก็เริ่มใจไม่อยู่กับตัวแล้ว ปัญหาที่ใหญ่ยิ่งกว่าความน่าผิดหวังของพวกนักรบงั้นหรือ? ขณะอาร์คเผยความกังวลขณะเดินตามไป สมาชิกกลุ่มทัณฑ์บนกลับโพล่งคําขึ้นมา

 

“นะ นะ นะ นะ นาย ผู้หญิงนั่นใคร?”

 

“ครับ? ผมบอกแล้วไง เธอคือลาริเอ็ตเต้นิม”

 

“ผู้หญิงที่เคยอยู่กับอลันก่อนหน้านี้?”

 

“เอ่อ ก็มีหลายเรื่องเกิดขึ้นน่ะครับ…”

 

อาร์คเกาตีรษะขณะที่สมาชิกกลุ่มทัณฑ์บนเข้ามาล้อมไว้

 

“นายมันเลวมาก ถึงกับมาพลอดรักกับหญิงอื่นตอนอยู่โลกใต้พิภพเลยงั้นเหรอ?”

 

“คิดทําตัวให้เหนือว่าศัตรูสั้นเหรอ? เป็นแบบนั้นใช่ไหม?”

 

“แล้วโรโค่ที่อยู่เฝ้าร้านล่ะ?”

 

“ให้อภัยไม่ได้! ฉันจะเป็นตัวแทนแห่งความยุติธรรมพิพากษานายเอง!”

 

“ถ้านายคิดทิ้งภรรยาหลวง พวกเราจะลงทัณฑ์นายเอง!”

 

“พูดเรื่องอะไรกันครับเนี่ย? ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับลาริเอ็ตเต้นิมไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ”

 

อาร์คตอบกลับจนทําให้ทั้งกลุ่มสะดุ้งโหยง

 

“อ้าว ไม่ใช่เหรอ?”

 

“ครับ ผมก็แค่เจอเธอที่นี่โดยบังเอิญ แล้วอะไรคือภรรยาหลวงกันครับ? โรโค่ก็ไม่ใช่เสียหน่อยนี่…”

 

อาร์คพยายามทักท้วงแต่กลุ่มทัณฑ์บนคล้ายไม่คิดฟัง ทั้งกลุ่มต่างเผยสายตาสงสัยซึ่งกันและกันขณะพูดคุยกันเสียงเบา

 

“หึหึห์ ระหว่างทั้งสองไม่มีอะไรงั้นสิ?”

 

“ได้เจอหญิงงามในต่างมิติอันลึกลับแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ

 

“เฮ้ย น้ำลายไหลแล้วนะ ผู้หญิงคนนี้ฉันจอง”

 

“ว่าอะไร? คิดเหรอว่าจะปล่อยให้ทําอะ ไรตามอําเภอใจ?”

 

ถึงตอนนี้ กลุ่มคนสูงวัยกว่าตรงหน้าเริ่มถกเถียงกันเองแล้ว..

 

อาร์คถอนหายใจก่อนจะสั่นศีรษะให้

 

“อย่าได้คิดอะไรเลยเถิดไปเลยนะครับ ลาริเอ็ตเต้นิมมีแฟนอยู่แล้ว”

“ชิชิชิ นี่นายคิดว่าประตูที่มีผู้รักษาประตูอยู่จะยิงลูกบอลเข้าไปไม่ได้หรือไง?”

 

“ผู้รักษาประตูนั้นจะแน่สักแค่ไหน?”

 

อาร์คไม่คิดสนใจกลุ่มคนตรงหน้านี้อีกขณะมุ่งหน้าไปยังเต็นท์ที่ภายในมีแต่ผู้อาวุโสของเผ่ารวมตัวกันอยู่ สภาพบรรยากาศภายในค่อนข้างสิ้นหวังยิ่งกว่ากลุ่มทัณฑ์บนที่เมื่อครู่ ได้ยินเรื่องแฟนเสียอีกผู้อาวุโสชาวบารันสิบคนกําลังนั่งถูก เถียงอยู่ภายในเต็นท์พวกเขาเริ่มเปิดปากก่อนที่จะถอนหายใจแล้วเงียบไปอีกครั้ง เมื่ออาร์คเข้ามา พวกเขาคล้ายไม่มีท่าที่ตอบสนองอะไร เบซอทิวขมวดคิ้วให้เหล่าผู้อาวุโสด้วยสีหน้ามืดมนขณะเดินเข้ามาหาอาร์ค

 

“อาร์ค ข้าได้ยินจากลาริเอ็ตเต้นิมแล้ว เจ้ามาพร้อมกําลังเสริมหรือ?”

 

“ใช่ครับ พวกเขาอยู่ตรงหน้าเต็นท์นี้ แต่แล้วทําไมถึงมีบรรยากาศแบบนี้กันล่ะครับ?”

 

“คือว่า…”

 

เบซอทิวอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ให้ฟังด้วยน้ําเสียงกระท่อนกระแท่น

 

“ก่อนเจ้ามาถึง พวกเราทราบมาว่าหอคอยรับส่งจดหมายเคลื่อนย้ายนั่นก่อสร้างในหมู่บ้านเสร็จสิ้น หลังเคลื่อนกําลังพลมา พวกนาคูจักตอนนี้มีกองกําลังสองพันคนประจําการอยู่พื้นที่ทางใต้เรียบร้อยแล้ว พวกมันกําลังจะเริ่มเข้ากลืนกินพื้นที่ทางตะวันออกก่อน”

 

“สองพันแล้ว”

 

จํานวนเท่านี้ไม่ต่างอะไรกับพยายามเคี้ยวทรายในปาก ฐานกําลังของนักรบชาวบารันตอนนี้คือ ผู้ยากไร้หนึ่งพันคน สมาคมแห่งความมืดแปดร้อยคน อาร์คและกลุ่มทัณฑ์บน อีกทางหนึ่งพวกนาคูจักมีกําลังสองพันคนแล้ว และจํานวนยังสามารถเพิ่มขึ้นอีกได้ผ่านหอคอยที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่เพียงแค่มีปัญหาด้านจํานวน แต่พวกเขายังมีปัญหาด้านคุณภาพอีกต่างหาก หนทางเพียงอย่างเดียวตอนนี้คือต้องรวมพลังของชาวบารันเข้าต่อสู้

 

“แล้วพวกเรามัวทําอะไรอยู่ที่นี่กันครับ? พวกนาคูจักบุกพื้นที่ทางตะวันออกไปแล้ว พวกมันย่อมต้องการเสบียงและพัสดุจํานวนมาก ไม่ใช่ว่านี้เป็นโอกาสที่พวกเราจะรวบรวมกําลังทหารมาเพิ่มได้เหรอครับ?”

 

“เรื่องนั้น”

 

Ark The Legend

Ark The Legend

Ark The Legend
Status: Ongoing
บทนำ คิมฮยอนอู เด็กหนุ่มที่ชีวิตเกิดความผลิกผันตั้งแต่ยังวัยรุ่น ชีวิตของเขาประสบความยากลำบากต้องหาเงินเพื่อจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลสุดแพงของแม่ ขณะที่เขากำลังกัดฟันสู้ชีวิตอยู่ เขาได้รับข้อเสนองานหนึ่งจากบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่แล้วเมื่อไปสัมภาษณ์ เขากลับพบว่ามันคือการทดสอบคัดเลือกพนักงานโดยการเล่นเกม แม้จะแปลกไปบ้างแต่เงินก็ดีไม่น้อยเขาจึงตกลงรับมา เมื่อเข้าเกม อาร์คคือตัวละครที่เขาเลือกสร้าง แรกเริ่มผจญภัยก็ต้องประสบพบเจอความยากลำบากไม่น้อย ผู้เล่นอื่นก็แทบไม่อาจเชื่อใจได้ เขาต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง ยิ่งเล่นเกมไปเขาจึงได้พบว่า เกมแห่งนี้หาได้มีอะไรที่เหมือนเกมไม่ ทั้งเอ็นพีซีในเกมที่แทบจะเหมือนมนุษย์จริง ภารกิจที่มีเนื้อเรื่องน่าติดตามอีกทั้งยังยากลำบาก รวมถึงเนื้อเรื่องหลักภายในเกมที่ส่งผลกระทบต่อทั้งเกมก็คล้ายมีความลับอยู่ไม่น้อย และด้วยความที่แทบไม่เชื่อใจผู้อื่นในเกม เขาต้องพยายามฟันฝ่ามันให้ได้ด้วยสองมือของตัวเอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset