Ark The Legend – ตอนที่ 393 : ข้าทาส

ตอนที่ 393 : ข้าทาส

 

เวลาผ่านไปนานขนาดไหนกันแล้ว? อาร์คกําลังพยายามเงยหน้ามองสถานที่โดยรอบ

 

“อะไรกันเนี่ย? ที่นี่ที่ไหน? มันเกิดอะไรขึ้น?”

 

ท่ามกลางความมืดยังคงมีกลิ่นประหลาดชวนสะอิดสะเอียน เพราะอะไรเขาจึงต้องอยู่ในสถานที่แบบนี้? อาร์คมองไปรอบอย่างสับสนก่อนที่จะสัมผัสอะไรบางอย่างได้ เขาพยายามมองต่ําลงไปจึงพบเห็นร่างของบุคชิลที่ล้มอยู่

 

“เฮ้บุคชิล! เป็นอะไรหรือเปล่า? ตื่นสิ!”

 

“อืม… อะ-อาร์คนิม?”

 

บุคซิลลืมตาขึ้นหลังจากาอาร์คเขย่าตัวไปหลายครั้ง จากนั้นจึงเริ่มจ้องมองอาร์คด้วยอาการโง่งมก่อนจะนึกอะไรได้

 

“เฮือก วะ-แวมไพร์! ผมโดนแวมไพร์ดูดเลือด…เอ่อ? ที่นี่คือ?”

 

“ฉันเพิ่งตื่นเลยไม่รู้เหมือนกัน”

 

กรร~!

 

ขณะนั้นเขาพลันได้ยินเสียงน่าสะพรึงจากทางด้านหลัง เขาสะดุ้งตัวโยนด้วยอาการแตกตื่นขณะหันกลับไปมองจึงพบเห็นนัยน์ตาสีแดงฉานในความมืด มันไม่ได้มีเพียงแค่หนึ่ง ทั้งจากตรงหน้าและด้านข้าง สายตาสีแดงฉานหลายสิบคู่กําลังจ้องมองและเข้ามาใกล้

 

“อา อา ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นอะไรเลย ขอเป็นลมก่อนนะครับ”

 

บุคซิลร้องตะโกนออกเพราะเจอมอนสเตอร์ที่ยืนยันตัวตนไม่ได้เข้าปิดล้อมไว้ ทว่าสถานการณ์ต่อให้เป็นลมไปจริงก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลยสักนิด

 

‘บ้าจริง ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ตอนนี้ หือ?’

 

อาร์คชักดาบออกอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่สิ เขาพยายามกระทําต่างหาก ทว่าดาบไม่ได้คงอยู่ในตําแหน่งที่เคยอยู่ไม่ใช่ เพียงแค่ดาบทั้งชุดเกราะและเครื่องประดับของเขาก็หายไป เช่นกัน เหลือเพียงแค่ช

 

‘เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย? ทําไมอุปกรณ์สวมใส่เรา หายไปหมด?’

 

หน้าต่างข้อความสีแดงปรากฏขึ้นตรงหน้าขณะเขาพยายามเรียกใช้งานกระเป๋า

 

สิทธิ์การใช้งานกระเป๋าถูกเพิกถอนโดย ‘พันธนาการโลหิต’

 

‘พันธนาการโลหิต? ข้อความนั้นเป็นของจริง!’

 

อาร์คนึกย้อนไปตอนก่อนสิ้นสติ ถูกต้อง คาราคุลได้ดูดเลือดของอาร์คจนต้องตกอยู่ในอาการติดคําสาป ‘พันธนา การโลหิต’ หลังตายไปเพราะร่างกายเหี่ยวแห้ง เมื่อตรวจสอบหน้าต่างข้อมูลตัวละคร อาร์คจึงได้ยืนยันว่าเขาไม่อาจหลบหนีออกจากปราสาทแห่งนี้ได้หากพันธนาการโลหิตยังคงทํางานอยู่นอกจากนี้ ค่าสถานะทั้งหมดของเขายังโดนจํากัดเอาไว้ถึง 80% รวมทั้งการใช้ทักษะก็ด้วย ทั้งกระเป๋า อุปกรณ์สวมใส่ และสิ่งอํานวยความสะดวกทั้งหมดไม่อาจใช้งาน เขาแทบก่นด่าสาปแช่งออกมาเมื่อนึกขึ้นได้

 

“บ้าบอชัด ๆ! ทักษะโกงแบบนี้…”

 

ขณะนั้นเองเสียงพลันดังขึ้นพร้อมดวงตาสีแดงฉานเข้ามาใกล้ ด้วยความที่อุปกรณ์สวมใส่และทักษะไม่อาจใช้งาน ค่าสถานะก็โดนลดทอน อาร์คตึงเครียดอย่างถึงที่สุดขณะพยายามก้าวถอย ถ้าหากเขาโดนมอนสเตอร์โจมตีในสภาพนี้ก็คงโดนฉีกกระชากในอดใจ

 

“พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร?”

 

“คิคิร่า คูร่า! หยุดก่อน…พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน…”

 

เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหันขณะอาร์คและบุคซิลโดนดวงตาสีแดงรายล้อม เขาพลันได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง ดวงตาสีแดงคุกคามดูชั่วร้ายกําลังพยายามถอยให้ ขณะนั้น เองเขาจึงได้เห็นความหวังอะไรขึ้นมาบ้าง

 

“ข้าเข้าใจแล้ว… นี่เป็นครั้งแรกที่มนุษย์มาที่นี่ พวกเราไม่ได้เจตนาทําร้ายเจ้า…ไม่มีเหตุผลอะไรต้องทําร้าย… ไม่มีเจตนาแม้สักนิด…พวกเขาแค่มารวมตัวกันรับชมเพราะไม่เคยพบเห็น”

 

ดวงตาของอาร์คกําลังปรับเปลี่ยนให้มองเห็นในความมืด ดียิ่งขึ้น ทัศนการมองเห็นของเขาตอนนี้เริ่มดีขึ้น อาร์คจึงสามารถมองพื้นที่โดยรอบได้ อาร์คได้ตื่นขึ้นภายในห้องหินใต้ ดิน อีกทั้งยังมีมอนสเตอร์หลายสิบตัวอยู่ในสถานที่เดียวกัน มอนสเตอร์พวกนี้คล้ายหนอนดิน กระทิง และอื่น ๆ ให้พูดก็ ไม่ต่างอะไรกับพิพิธภัณฑ์มอนสเตอร์หลากชนิดที่มารวมตัวกัน มีเพียงสิ่งเดียวที่เป็นปกติเหมือนกันคือสีหน้าของพวกเขาซีดเผือด มอนสเตอร์ร่างใหญ่ที่ชื่อ ฟลิบ คือคนที่ เอ่ยคําขึ้น หากมองให้ดีจะพบว่าเขาคล้ายอ่อนแอที่สุด ทว่ามอนสเตอร์ทุกตัวล้วนฟังคําของเขา โชคยังดีสถานการณ์ไม่ ได้เลวร้าย ไม่สิ อย่างไรมันก็เลวร้ายแต่อย่างน้อยเขาก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรม

 

“ที่นี่คือที่ไหนกัน? แล้วพวกคุณคือ?”

 

“ที่นี่…คือคุกใต้ดินของเอิร์ลคาราคุล…”

 

ฟลิบเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า

 

“และ… พวกเราคือมอนสเตอร์ที่คาราคุลจับตัวมา…. เหมือนพวกเจ้า… เรื่องราวหลายอย่างชวนสับสน… พวกเจ้าก็ไม่ต่าง…”

 

“โดนจับมาเหรอครับ? แต่อาณาเขตของคาราคุลไม่เห็นมีมอนสเตอร์?”

 

“นั่นถูกต้อง แต่เอิร์ลคาราคุลแตกต่าง แวมไพร์ได้จับตัวมอนสเตอร์มาเป็นเวลานานยิ่งแล้วเพื่อใช้เพิ่มพลังอํานาจเวทมนตร์… ทั้งยังใช้งานในฐานะลูกน้อง เจ้าคงได้เห็นแล้ว… มอนสเตอร์ที่สีเหมือนเลือด แวมไพร์เป็นคนเปลี่ยน พวกมันด้วยเวทมนตร์แล้วจึงเรียกหาพวกมันเป็นปีศาจเลือด…”

 

หากเป็นตามที่ฟลิบกล่าว ปีศาจเลือดเดิมทีก็เป็นมอนส เตอร์ที่โดนเปลี่ยนแปลงร่างกายเพราะเวทมนตร์ของแวมไพร์ เช่นนั้นแล้วอัลเบิร์ตจึงคิดว่าลอร์ดแห่งแวมไพร์ได้สังหารมอนสเตอร์ทั้งหมด แต่แท้จริงแล้วเอามาใช้งานต่างหาก ฟลิบเผยสีหน้าแปลกประหลาดขณะเริ่มกล่าวต่อ

 

“พวกมอนสเตอร์ที่อยู่ที่นี่ ก็เพราะล้มเหลวการเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจเลือด… เป็นเพราะไม่ใช่มอนสเตอร์ทุกตัวสาคดีหรือว่าร้ายกันแน่”

 

“ทําไมถึงจะไม่โชคดีล่ะครับ?”

 

“ยังอยู่ก็ดี… อยู่ที่นี่พวกเรามีงานสองอย่างต้องทํา…”

 

“สองอย่าง?”

 

อาร์คเอ่ยถามด้วยสีหน้าใครสงสัย จากนั้นเสียงกระทบกันของโลหะพลันได้ยินดังขึ้นขณะปีศาจเลือดหลายตนเดินเข้ามา

 

“เอ้า ไอ้เวลาทํางานแล้ว!”

 

เมื่อปีศาจเลือดเดินเข้ามา มันพลันหวดแส้ออกขณะตะ โกนสั่งการ มอนสเตอร์ทั้งหลายต่างเร่งร้อนกันออกไป ฟลิบก็ยังคงพึมพําเสียงเบาต่อไปขณะเดินออก

 

“ก็แค่ออกไปข้างนอกตามเวลา…ข้าบอกเจ้าไว้ก่อน…ตั้งแต่เจ้ามาอยู่ที่นี่ มันจะดีกว่าหากไม่คิดต่อต้าน…เจ้าไม่ อาจหลบหนีจากสถานที่แห่งนี้ได้ต่อให้ตายไปแล้ว…” 

 

“ชักช้าทําบ้าอะไร เร็วกว่านี้!”

 

“เฮือก ครับ ไปแล้วครับ! อย่าฟาดแส้ใส่ผมเลย!”

 

น้ําตาพลันหลั่งออกจากใบหน้าของบุคซิลขณะโดนแส้หวด เมื่อพวกเขาออกไปด้านนอกแล้ว พื้นที่ใต้ดินขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นให้เห็น

 

“เริ่มเร็วเข้า ถ้าทําได้ไม่ครบตามกําหนดต้องโดนลงโทษ!”

 

ปีศาจเลือดตะโกนใส่ขณะชี้ไปยังกองพลั่วและเสียม

 

‘ไอ้ของพวกนี้ใช้ทําอะไรกันเนี่ย?’

 

“ไอ้หนูตรงนั้น จะยืนนิ่งอีกนานไหม?”

 

ขณะอาร์คลังเลไปวูบ ปีศาจเลือดจึงหวดแส้เข้าหาเขาโดยทันที อาร์คจึงตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่ปกติ เขาที่โดนความเจ็บปวดเล่นงานจึงรู้สึกได้ว่าที่บุคซิลกรีดร้องหาได้เกิน เลยแต่อย่างใด นี่เป็นเกมที่สามารถส่งถ่ายความเจ็บปวดมาได้แม้จะเป็นแค่กระแสไฟฟ้าสถิตเล็กน้อยก็ตาม แต่ครั้งนี้ความเจ็บปวดมันไม่ใช่แค่กระแสไฟฟ้าสถิตแล้ว

 

‘อึก! ความเจ็บนี่มันบ้าอะไร? หรือว่า… ไอ้บัดซบนั่น!’ 

 

เมื่ออาร์คจ้องมองกลับไป ปีศาจเลือดพลันก่นด่าออกมาขณะคิดเหวี่ยงแส้อีกครั้ง ความเจ็บปวดที่แล่นปราดเข้ามามันทําเอาเขาต้องชะงัก!

 

“รอเดี๋ยว…”

 

ขณะนั้นเอง ฟลิบได้เร่งร้อนเข้ามาร้องขอกราบกรานกับพื้น

 

“นี่…เจ้าหนุ่มนี่เป็นคนใหม่…ครั้งนี้ให้ข้าสอนงานเขาก่อน…”

 

“ฟลิบ?”

 

ปีศาจเลือดมองระหว่างอาร์คกับฟลิบอยู่ครู่หนึ่งก่อนหันกลับ

 

“ก็ได้ เจ้าสอนมันได้แค่ครั้งนี้ สอนมันให้ดีด้วย”

 

“ขอบคุณ…. เจ้าน่ะ! ควรพูดขอบคุณด้วย…”

 

ฟลิบพยายามดันหลังศีรษะของอาร์คให้ผงกหัวโค้งกาย ขณะนั้นเองอาร์ครู้สึกแทบอยากจะหลั่งน้ําตาออก เขาเป็นผู้เล่นเลเวล 314 แต่กลับต้องมาก้มหัวขอโทษมอนสเตอร์? นี่มันเรื่องราวบ้าบออะไรกัน? ทว่ามันไม่มีทางเลือก อื่นเหลือแล้วในตอนนี้ ความเป็นจริงเขารู้สึกเจ็บปวดเพราะปีศาจเลือดจนแทบไม่อาจขยับ มันเป็นเพราะค่าสถานะเขาโดนลดทอนไปมากถึง 80% นอกจากนี้ เขายังไม่อาจต่อสู้ได้โดยปราศจากซึ่งอุปกรณ์สวมใส่หรือทักษะ

 

“เฮ้อ… มนุษย์อีกคนนั้นก็ควรเชื่อฟัง… จัดการให้เขาทํางานด้วย…”

 

“เฮือก! ไม่นะ อาร์คนิม… อึก!”

 

บุคซิลแตกตื่นขณะส่ายหัวอย่างรุนแรง ทว่ามอนสเตอร์หนอนดินกลับรวมตัวรอบบุคซิลก่อนจะลากอีกฝ่ายไปยังสถานที่ซึ่งมอนสเตอร์ตัวอื่นทํางานกัน ระหว่างที่อาร์ คช่วยฟลิบทํางาน อีกฝ่ายชี้ที่ข้อเท้าของอาร์คก่อนจะเอ่ยขึ้น

 

“เจ้าเป็นคนอารมณ์ร้อน ทางที่ดีควรกําจัดความร้อนนั้นเสีย….เจ้าไม่มีทางหลบหนีจากสถานที่แห่งนี้ได้ ข้ารู้ว่ามันยาก…แต่ว่า… ตรวนนี้ มันจะทําให้เจ้าไม่อาจทนรับ ความเจ็บปวดหากปีศาจเลือดหวดแส้ใส่…”

 

“ตรวน?”

 

อาร์คมองไปที่ข้อเท้าของตนเอง แม้เขาจะไม่ได้สนใจมาก่อน แต่ข้อเท้าของเขามีตรวนล่ามเอาไว้ มันไม่มีโซ่เชื่อมต่อ เพราะงั้นจึงไม่ได้ทําให้เขาติดขัดทางการเคลื่อนไหว ทว่าสีหน้าของอาร์คกลับต้องบิดเบี้ยวเมื่อเห็นหน้าต่างข้อมูลปรากตรวนแห่งความเจ็บปวด

 

ตรวนที่แวมไพร์สร้างขึ้นผูกมัดข้าทาส

 

ตรวนเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยเวทมนตร์ของแวมไพร์เพื่อเพิ่มความเจ็บปวดให้แก่ร่างกายมากถึงสิบเท่า ตรวนเหล่านี้จะไร้ผลหากแวมไพร์ผู้สร้างตายหรือท่านหลบหนีออกจากอาณาเขตได้

 

‘พระเจ้า! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรเนี่ย’

 

เขาโดนทั้งพันธนาการโลหิตและตอนนี้ยังมีตรวนพวกนี้ อาร์ครู้สึกมืดมนยิ่งขึ้น แล้วหลังจากนี้เขาจะทําอะไรต่อได้?

 

‘เราต้องทํายังไง? เราต้องหนีออกจากพื้นที่ของคาราคุล เพื่อปลดพันธนาการโลหิต แต่เราตอนนี้ไม่อยู่ในสภาพที่จะรับมือกับคาราคุลและปีศาจเลือดได้ ไม่สิไม่มีอะไรยืนยันได้ ด้วยซ้ําว่ามอนสเตอร์ภายในปราสาทแห่งนี้มีมากมายขนาดไหน นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นใต้ดิน มีเพียงแค่ช่องทางเล็กแคบที่จะนําขึ้นไปบนดิน…’

 

ไม่ว่าเขาจะพยายามคิดสักเท่าไหร่ มันก็ไม่คล้ายจะเห็นหนทางแก้ไขปัญหาในตอนนี้ อาร์คพยายามส่ายหัวไปมาอย่างรุนแรง

 

‘เราจะยอมแพ้ตรงนี้ไม่ได้ จะยังไงนี่ก็คือเกม ถ้าหากสามารถกักขังผู้เล่นไว้ในสถานที่แบบนี้ มันก็ต้องมีวิธีการหลุดพ้นออกไป มันต้องมีวิธีการเคลียร์เส้นทางอยู่แน่ ต่อให้เราต้องลดศักดิ์ศรีความเป็นคนลงสักหน่อย เราต้องก้มหัวไปก่อน เพื่อรวบรวมข้อมูล’

 

สําหรับตอนนี้มีท่าทีแข็งขึ้นไปไม่อาจช่วยอะไร ไม่ใช่ว่าในสถานการณ์แบบนี้การรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนเป็นสิ่งสําคัญหรือ?

 

“เข้าใจแล้วครับ หลังจากนี้ผมจะระวัง ได้โปรดชี้แนะด้วย”

 

“อืม… ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจ…”

 

“ที่นี่พวกเราต้องทําอะไรครับ?”

 

“สําหรับตอนนี้…แค่ขุดพื้นที่บริเวณนี้ด้วยพลั่วก็พอ…”

 

อาร์คเชื่อฟังฟลิบขณะเริ่มขุดดินด้วยพลั่วที่จัดเตรียมไว้ให้หลังผ่านไปได้สามสิบนาที เขาสามารถขุดกองดินจํานวน มากมาได้โดยแลกกับหยาดเหงื่อแรงกายที่แทบท่วมตัว 

 

Ark The Legend

Ark The Legend

Ark The Legend
Status: Ongoing
บทนำ คิมฮยอนอู เด็กหนุ่มที่ชีวิตเกิดความผลิกผันตั้งแต่ยังวัยรุ่น ชีวิตของเขาประสบความยากลำบากต้องหาเงินเพื่อจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลสุดแพงของแม่ ขณะที่เขากำลังกัดฟันสู้ชีวิตอยู่ เขาได้รับข้อเสนองานหนึ่งจากบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่แล้วเมื่อไปสัมภาษณ์ เขากลับพบว่ามันคือการทดสอบคัดเลือกพนักงานโดยการเล่นเกม แม้จะแปลกไปบ้างแต่เงินก็ดีไม่น้อยเขาจึงตกลงรับมา เมื่อเข้าเกม อาร์คคือตัวละครที่เขาเลือกสร้าง แรกเริ่มผจญภัยก็ต้องประสบพบเจอความยากลำบากไม่น้อย ผู้เล่นอื่นก็แทบไม่อาจเชื่อใจได้ เขาต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง ยิ่งเล่นเกมไปเขาจึงได้พบว่า เกมแห่งนี้หาได้มีอะไรที่เหมือนเกมไม่ ทั้งเอ็นพีซีในเกมที่แทบจะเหมือนมนุษย์จริง ภารกิจที่มีเนื้อเรื่องน่าติดตามอีกทั้งยังยากลำบาก รวมถึงเนื้อเรื่องหลักภายในเกมที่ส่งผลกระทบต่อทั้งเกมก็คล้ายมีความลับอยู่ไม่น้อย และด้วยความที่แทบไม่เชื่อใจผู้อื่นในเกม เขาต้องพยายามฟันฝ่ามันให้ได้ด้วยสองมือของตัวเอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset