ตอนที่ 411 : บ้านใหม่
“เป็นไงบ้างครับ? ชอบไหม?”
ฮยอนอูกําลังดูสีหน้าตอบรับจากแม่ของเขาก่อนจะหัวเราะให้ สีหน้าของเธอคล้ายยังไม่เข้าใจเรื่องราวเท่าไหร่มากนัก เธอเพียงแต่เหม่อมองบ้านอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยคําด้วยน้ำเสียงคล้ายลังเลจะถามไถ่
“นี่ลูกเช่าบ้านหลังนี้เหรอ?”
“นี่ผมบอกไปกี่ครั้งแล้วกันครับ? ก็เหมือนทุกครั้งที่ผมพูดแหละ”
“แต่เงินที่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านขนาดนี้”
“แม่ครับ เห็นว่าลูกชายของแม่ไม่เหมาะจะเช่าบ้านแบบนี้เลยเหรอ?”
“แต่ค่าเช่าที่ต้องจ่ายกับบ้านที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลขนาดนี้ ลูกจะไม่มีปัญหาที่หลังหรือ? แม่ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้อยู่บ้านแบบนี้ด้วยซ้ำ..”
“แม่ครับ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ”
ฮยอนอูเอ่ยด้วยน้ำเสียงภาคภูมิก่อนจะมองไปทั่วบ้าน บ้านที่เช่านั้นมีสามชั้นและสวนขนาดเล็ก
“ตอนแรกก็น่าห่วงอยู่ แต่เราก็ทํามาจนได้”
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ฮยอนอูเกือบจะเป็นบ้าเพราะความเครียด เงินฝากสําหรับเช่าบ้านนั้นคือแปดสิบล้านวอน นอกจากนี้ยังมีค่าสัญญาที่ต้องมัดจําต่างหากไว้อีกหกสิบล้านวอน มันทําให้ฮยอนอูในช่วงสองเดือนมานี้วิ่งแจ้นหาเงินอยู่นานสองนาน
“ถ้าหลังจากสองเดือนนี้เราไม่มีเงินเหลือเลยจะทํายังไง? แล้วจะมีอะไรเกินคาดคิดเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า?”
ด้วยความคิดที่ว่าจะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าตามสัญญา ฮยอนอูจึงรู้สึกเคร่งเครียด นอกจากนี้ เงินหกสิบล้านวอนยังไม่ใช่จํานวนเงินที่นักเรียนที่จบเพียงแค่ชั้นมัธยมปลายอย่างฮยอนอูจะหามาได้เลย หลังจ่ายค่ารักษาโรงพยาบาลและค่าใช้ชีวิตอยู่อาศัย เขาก็เหลือเงินจํานวนไม่กี่ล้านวอน เขาต้องใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีเงินฝากเหลือในบัญชีมากนัก ตามปกติแล้วเงินส่วนนี้จะเป็นฮยอนอูคิดถี่ถ้วนอยู่เสมอ ตอนแรกที่รับปากตกลงเช่าบ้านมานั้นก็ทําเอาเขากังวลไม่น้อยว่าสองเดือนจะหาเงินทันหรือไม่ ท้ายที่สุดเขากลับกังวลโดยเปล่าประโยชน์ หลังเปลี่ยนเหรียญทองเป็นเงิน มันกลับได้รับมาเยอะกว่าที่เขาคิด เขามีอาร์คที่ช่วยหาเหรียญทองมาแปรเปลี่ยนเป็นเงินได้
นอกจากอาร์คแล้ว ฮยอนอูยังมีพวกพี่ชายกลุ่มทัณฑ์บน โรโค่ ซิด และสามพี่น้องหมูน้อยรวมทั้งสาริเอ็ตเต้คอยช่วย อย่างไรแล้ว อาร์คที่มีทั้งซิดและสามพี่น้องหมูน้อยจึงเท่ากับมีพ่อค้าอยู่ถึงสี่คนในกลุ่ม มันไม่เกินเลยนักหากจะบอกว่าฮยอนอูเป็นผู้จัดการการลงทุนในโครงการอันหลากหลาย เพราะการลงทุนเหล่านั้นทําให้เขาสามารถจัดการปัญหาค่าเช่าตรงนี้ได้ ตอนนี้ฮยอนอูได้ตระหนักแล้วว่าสมุดบัญชีธนาคารของตนมีเงินฝากเข้าอย่างสม่ำเสมอ
รายได้แรกนั้นมาจากบุคซิลผ่านการขายไอเทมที่ได้รับจากห้องทดลองของมากาโร แม้หักค่านายหน้า 10% ไปแล้วอาร์คก็ยังได้รับมาถึง 3,200 เหรียญทอง จากนั้นก็เป็นซิดที่ช่วยขายแร่ 16,000 ก้อนจากซอแทนดาล อันที่จริงอาร์คก็คิดอยากขายแร่ทั้งหมดให้ชาวแรคคูนในหมู่บ้านแลนเซล แต่ไม่ว่าชาวแรคคูนจะชื่นชอบแร่เพียงใด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขายทั้งหมด 16,000 ก้อน ดังนั้นแล้วจึงต้องปรับเปลี่ยนแผนการใหม่ หากปล่อยออกสู่ตลาดทีละจํานวนมากราคาอาจตกวูบ และช่วงนั้นซิดก็ได้ยินเข้าพอดีจึงเร่งร้อนเข้ามารับหน้า ซิดใช้เครือข่ายข้อมูลของหอการค้าแห่งทวีปเพื่อตรวจสอบราคาแร่ชนิดนี้ในอาณาจักรขอร์เดนเบิร์ก จากนั้นจึงใช้แซบจิลและอัลเมออคไปจัดการเพิ่มราคาแร่ เพราะเหตุนี้เอง อาร์คจึงสามารถขายแร่ทั้งหมดไปได้และได้รับผลกําไรเพิ่มขึ้น 30% จากที่คิดไว้แต่เดิม ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับเงินมาอีก 2,400 เหรียญทอง และยังรวมกับการที่โรโค่ขายของในร้านได้กําไรมาอีกถึง 1,000 เหรียญทอง! ทั้งหมดรวมแล้วก็ 6,600 เหรียญทอง นับว่าเกินกว่าเป้าหมายแรกที่เขาคาดคิดไว้มากนัก
“หึหึหึ แถมยังมีเรื่องที่ปุ่นราคาอลันได้อีก”
ฮยอนอูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะนึกถึงเก้าล้านวอนที่เพิ่งฝากเข้าบัญชีไปเมื่อไม่กี่วันก่อน มันเป็นราคาที่ฮยอนอูขายโล่เหล็กกล้าแห่งความเกลียดชังและสิ้นหวังที่ได้รับมาจากวิลกุริม่าที่อาเกรอน ตอนได้รับมาฮยอนอูก็ผิดหวังกับความสามารถของมันไม่น้อย แม้จะเป็นบอสเลเวล 300 แต่ทั้งหมดที่วิลกุริม่าดร็อปมานั้นก็แคโล่หายากซึ่งยากจะขาย อย่างดีก็คงได้เงินแค่สามล้านวอน แต่เขากลับได้รับการร้องขอซื้อโดยทันทีเมื่อวางมันลงในเว็บไซต์ประมูลสินค้า น่าประหลาดใจนัก กลับเป็นเจ้าเดิมคนเดิมอย่างอลันนั่นเอง ฮยอนอูตรวจสอบหลายครั้งจนแน่ใจว่าเป็นไอดีเดียวกันกับที่ซื้อถุงมือไป เขาเลยกระทําการปั่นราคาอีกครั้งหนึ่ง
“ไม่ต้องสงสัยเลย ก่อนหน้านี้อลันก็ซื้อถุงมือที่มีออพชั่นความเกลียดชังไป หมอนั่นต้องมีทักษะที่เกี่ยวข้องกับค่าสถานะเกลียดชังแน่ แล้วโล่ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่จะยอมซื้อหาไอเทมใช้งานได้ยาก ก็เพราะมีค่าสถานะเกลียดชัง อลันกําลังรวบรวมเซ็ตไอเทมอยู่”
หากมันเป็นจริงสถานการณ์จะเปลี่ยนไปมาก ผู้คนมักมองหาราคาตลาดของไอเทมก่อนทําการตัดสินใจซื้ออยู่แล้ว แต่อลันนับว่าร่ำรวยไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะเซ็ตไอเทม อีกฝ่ายไม่มีทางหน้ามืดจ่ายราคาเกินตลาดเช่นนี้แน่ ดังนั้นแล้วฮยอนอูจึงทําการปั่นราคาจนพุ่งขึ้นไปอีกสามเท่าและขายไปได้ที่ราคาเก้าล้านวอน
“กลายเป็นอลันดูเป็นคนดีขึ้นมาเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์ของอลันต่อฮยอนอูจึงเพิ่มขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัว แน่นอนว่าอลันไม่คิดอยากให้มันเป็นอย่างนี้แน่นอน
อย่างไรแล้ว เพราะอลั่นจึงทําให้ฮยอนอูมีเงินเหลือในบัญชีถึงสิบห้าล้านวอนหลังจ่ายค่าเช่าบ้านไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าดีนัก กระเป๋าเงินของฮยอนอูจากเคยล่ำซํากลับต้องเบาบางลง เพราะเหตุนี้ในทุกวันเขาจึงต้องประหยัดแม้จะสักเหรียญทองแดงเดียวก็ตาม แม้เขาจะพยายามประหยัดเต็มที่แล้ว แต่เขาก็ไม่คิดที่จะต้องทําให้ตัวเองลําบากขนาดอดอยากจนตาย
“การบรรลุเป้าหมายครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อเราคนเดียว”
ฮยอนอูมองไปยังแม่ของตน ฮยอนอูมีเป้าหมายภายในสองเดือนเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ให้แม่ของเขา และตอนนี้มันก็เกือบสําเร็จแล้ว การทํากายภาพบําบัดตอนนี้คือสิ่งสําคัญ ดังนั้นแล้วแม่ของเขาจึงต้องพยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้มากเท่าที่กระทําได้
“ใครกันจะเชื่อ? จากคนเคยอยู่ห้องไอซียูตอนนี้กลับมาดีวันดีคืน”
กล่าวตามตรง หากเป็นคนนอกคงมองว่าเป็นเรื่องปกติก็อยู่กับหมอแล้วนี่นา ทว่ากับคนที่ต้องอยู่โรงพยาบาลเฝ้าไข้หรือเวียนไปเยี่ยมบ่อยครั้งจะทราบดีว่าเรื่องราวไม่ง่ายขนาดนั้น ฮยอนอูได้เห็นแม่ของตนมาตลอดทั้งสิ้นหกปีย่อมต้องทราบดี ในช่วงแรกที่ผู้ปวยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลย่อมต้องมีอาการดีขึ้น แต่หลังจากนั้นพอผ่านไปได้หนึ่งเดือน หรือว่าหนึ่งปี ผู้คนส่วนใหญ่จะเกิดอาการท้อถอย ความรู้สึกนั้นไม่อาจอดกลั้นเพราะต้องใช้ชีวิตหลายปีในโรงพยาบาลเพื่อทําการรักษา หลายคนที่ยอมถอดใจ มันไม่ใช่เรื่องแปลก บางคนกระทั่งไม่คิดรับการรักษาต่อด้วยซ้ำ
“ผู้ปวยเมื่อข้ามผ่านเทือกเขาแห่งความยากลําบากไปได้ ท้ายที่สุดพวกเขาจะได้รับการรักษา”
หมอคนหนึ่งได้กล่าวกับเขาเอาไว้เช่นนี้ตอนเวลาผ่านไปได้หนึ่งปีนับตั้งแต่แม่ของเขาเข้ารักษาพยาบาล มันเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องยากที่อาการป่วยจะไม่มีความเจ็บปวดและต้องอดทนกับการรักษา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หมอมักชอบกล่าวว่า “กําลังใจของผู้ปวยคือสิ่งสําคัญ มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยเยียวยาผู้ป่วยได้อย่างแท้จริง และแม่ของเขาก็อดทนมาได้ มันต้องดีขึ้น” แม่ของเขาไม่เคยเสียกําลังใจ และมีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกครั้ง และมันยิ่งดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ที่หมอแจ้งให้ออกจากห้องไอซียูได้
“ผมต้องขอพูดเลยนะ คุณปาร์คโซมีนั้นค่อนข้างเป็นผู้ป่วยที่น่าชื่นชมมาก ร่างกายนับว่าดีขึ้นเยอะมากหากเทียบกับเมื่อสองเดือนที่แล้ว แนวทางการรักษาของโรงพยาบาลที่ว่า “กําลังใจผู้ป่วยสําคัญที่สุด” นั้นผมไม่คิดเลยว่าจะมีประสิทธิภาพได้ขนาดนี้ คุณผู้ปวยน่าจะอยากกลับไปอยู่กับคุณฮยอนอูจริง ๆ แม้สําหรับเธอแล้วต้องระมัดระวังอยู่บ้าง แต่ภายหน้าน่าจะหายดีได้หากไม่ห่างเหินการรักษาและตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอครับ”
หมอที่ให้การรักษาได้บอกเรื่องนี้ว่าแม่ของเขาอาการดีขึ้นไม่น้อย
“ปัญหาของเราไม่มีอะไรเทียบได้กับความเจ็บปวดที่แม่เผชิญ”
หลังจากผ่านไปได้หกปี ฮยอนอูและแม่ของเขาก็ได้กลับมาใช้ชีวิตด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง นับว่าโชคดีไม่น้อยที่ฝันนั้นได้กลายเป็นจริงแล้ว ถูกต้อง แม่ของเขามีสุขภาพดีขึ้นมากจนสามารถเป็นผู้ปวยนอกได้ นี่คือรางวัลแห่งความสําเร็จ และตอนนี้ทั้งฮยอนอูและแม่ก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่มีสวนขนาดเล็ก แม่ของฮยอนอูกําลังมองกลับมาด้วยสายตาคล้ายกังวลอะไรก่อนจะเอ่ยปาก
“ฮยอนอู ถ้าลูกได้บ้านหลังนี้มาด้วยวิธีการที่ไม่ดี แม่จะไม่ขออยู่ที่นี่นะ
ทําไมแม่ของใครหลายคนถึงชอบคิดแบบนี้กันนะ? ฮยอนอูไหล่ห่อเหี่ยวไม่ต่างกับเด็กโดนดุ
“ทําไมแม่ถึงไม่เชื่อใจในตัวลูกชายคนนี้ล่ะครับ? ผมน่ะได้เรียนดีอยู่ดีเพราะแม่นะ แม่ก็น่าจะรู้ดีกว่าใครว่าผมไม่มีทางทําเรื่องแบบนั้น ดูสายตาของผมสิครับ อ่อนนุ่มอ่อนไหวยิ่งกว่าเด็กเกิดใหม่อีก”
“จ้า อ่อนไหวและใสชื่อที่สุดในชีวิตของแม่เลยแหละ”
“นี่ผมจริงจังนะครับ แล้วผมก็ไม่ได้ไปทําเรื่องอะไรไม่ดีมาด้วย นอกจากนี้ แม่ไม่ต้องห่วงครับ เป็นเพราะช่วงที่แม่อยู่โรงพยาบาล คุณลุงฮวารังก็คอยดูแลผมเป็นอย่างดี”
“จริงด้วยสิ นี่แม่ไม่เห็นนักสืบจีวอนมาหลายวันแล้ว เขาทําอะไรอยู่กันนะ?”
แม่ของเขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงคล้ายกังวลอยู่บ้าง แต่แล้วที่ฮยอนอูตอบรับกลับเป็นรอยยิ้ม
“อา ที่แม่ดูไม่ค่อยสบายใจเพราะไม่ได้เห็นหน้าลุงฮวารังนี่เอง ฮ่าฮ่าฮ่า อยู่ใกล้กว่าที่คิดอีกครับ ว่าแต่…. ความสัมพันธ์ก้าวหน้าไปถึงไหนกันแล้วครับ?”
“อะ-นี่ลูกพูดอะไรกัน?”
“แม่ครับ ผมอายุยี่สิบสี่แล้วนะ”
“ยี่สิบสี่ จริงด้วย…. ตอนนั้นลูกสิบแปด…. ตอนนี้ลูกยี่สิบสี่แล้ว หกปีเร็วจังเลยนะ…”
แม่ของเขาเผยสีหน้ามืดมนออกมาเพราะคําพูดเมื่อครู่
“อา เผลอพูดพลาดไปแล้วสิ”
ฮยอนอูเพิ่งตระหนักได้ อันที่จริงแม่ของเขามักเผยความเศร้าไม่น้อยเสมอหากกล่าวถึงอายุของฮยอนอู เธอคล้ายคิดว่าเวลานานขนาดนี้ตนกลับเป็นภาระให้ลูกชายไม่น้อย ทว่าฮยอนอูกลับเริ่มหาเรื่องเปลี่ยนบรรยากาศเสียใหม่
“ลุงฮวารังกับพวกพี่ชายรออยู่ในบ้านแล้วครับ”
“ในบ้าน?”
“ใช่ครับ นี่ก็ครั้งแรกที่ผมได้เห็นบ้านเลยนะตั้งแต่ย้ายของมาที่นี่ ช่วงไม่กี่วันมานี้ผมยุ่งนิดหน่อย เพราะงั้นลุงฮวารังและพวกพี่ชายก็เลยอาสาช่วยกันจัดเรียงของในบ้านให้นะครับ”
ความจริงแล้วฮยอนอูไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนที่จะเริ่มต่อสู้กับคาราคุลเสียอีก ดังนั้นแล้วตอนนี้เครื่องเกมจึงถูกย้ายมาติดตั้งไว้ที่บ้านใหม่ ระหว่างนั้นเขาก็ต้องอาศัยร้านเล่นเอาเป็นการชั่วคราว และตอนนี้เขาก็กําลังมองดูบ้านใหม่พร้อมกับแม่และจะได้เข้าไปรับชมด้านในพร้อมกัน
“มาครับ เข้าไปกันเลยดีกว่า!”
ฮยอนอูใสรถเข็นเข้าไปภายในบ้านหลังใหม่ที่กําลังรอคอยอยู่ ภายในปรากฏเสียงดังไม่น้อยพร้อมเสียงพลุแสดงความยินดีตั้งแต่ที่เปิดประตูเข้าบ้าน
“เซอร์ไพรส์!”
“นูนิม (คําผู้ชายใช้เรียกหญิงสาวผู้พี่) ยินดีด้วยครับ!”
จีวอนฮวารังและกลุ่มทัณฑ์บนต่างรวมตัวกันตั้งแต่หน้าประตู ฮยอนอูได้ตระหนักโดยทันทีถึงความสะดวกสบายของบ้านหลังใหม่แห่งนี้ หากเป็นห้องเขาแต่ก่อน แค่กลุ่มทัณฑ์บนทุกคนรวมกันอยู่คงหายใจไม่ออกไปแล้ว แต่ห้องนั่งเล่นภายในบ้านใหม่นั้นกว้างขวางจนสามารถให้กลุ่มทัณฑ์บนเล่นบอลกันได้ด้วยซ้ำ
“ฮ่าฮ่าฮ่า นูนิม ยินดีต้อนรับครับ”
สมาชิกกลุ่มทัณฑ์บนทั้งหมดต่างเข้ามากล่าวแสดงความยินดีเช่นกัน
“ขอบใจจ้ะ ที่จริงไม่จําเป็นเลย…”
“ทําไมพูดอะไรแบบนั้นกันล่ะครับ?”
“พวกเราก็เหมือนพี่ชาย”
“ฮยอนอูก็เลยเหมือนน้องชายพวกเรา เพราะงั้นนูนิมก็เลยต้องเป็นแม่พวกเราด้วยเลย”
“โอ๊ะ จริงด้วย? งั้นก็เรียกเป็นคุณแม่เลยดีไหม?”
คําพูดนั้นทําให้ใบหน้าของจีวอนฮวารังแข็งกระด้างขึ้น