ตอนที่ 413 : ความเป็นแม่
น่าประหลาดใจนัก บุคคลที่มาเยือนครั้งนี้คือลาริเอ็ตเต้หรือคังมีซูในชีวิตจริง
พวกเขาพบเจอกันบ่อยครั้งในนิวเวิลด์ก็จริง แต่นี่ก็เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วตั้งแต่ที่เจอกันครั้งล่าสุดในโลกความเป็นจริง
“ทําไมคุณมีซูมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?”
“คุณมีซู? โอ้ ลาริเอ็ตเต้นิม? พวกเราเชิญเธอมาเอง”
บัลคุนเมื่อได้ยินคําถามของฮยอนอูจึงออกมารับหน้า
“พี่ชายเชิญมาเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว ลาริเอ็ตเต้นิมก็ช่วยพวกเราเอาไว้ไม่น้อย ใช้เวลาอยู่นานเหมือนกันกว่าจะสนิทกันได้ เพราะงั้นก็เลยเชิญเธอมาด้วย ว่าแต่… ตัวจริงสวยมากเลยนะครับเนี่ย”
บัลคุนมองหน้าของคังมีซูคล้ายน้ําลายจะไหลเยิ้มเสียให้ได้ ฮยอนอูเองก็เข้าใจเรื่องนี้ ก็เหมือนกับที่ใบหน้าของอาร์คคล้ายคลึงกับฮยอนอู ลาริเอ็ตเต้ก็คล้ายคลึงกับคังมีซูเช่นกัน เป็นเพราะลาริเอ๊ตเต้และฮยอนอูใช้เวลาร่วมกันในเกมไม่น้อย เขาจึงค่อนข้างคุ้นชินกับใบหน้าของเธอแล้ว ทว่าเมื่อต้องมาพบเจอกันในโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ใจของเขาก็อดที่จะสั่นสะท้านเหมือนตอนเจอกันครั้งแรกไม่ได้ ไม่ว่าจะตัวจริงหรือตัวตนในโลกเสมือนจริง ทั้งสองแทบไม่ต่างอะไรกันนัก
“เหมือนจะสวยขึ้นกว่าครั้งก่อนที่เจอด้วยสิ
“เข้ามาก่อนสิ ทุกคนกําลังรอลาริเอ๊ตเต้นิมอยู่เลย”
“ขอบคุณค่ะ
คังมีซูยิ้มให้และค่อยเดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่น เมื่อคังมีซูเข้ามาแล้ว… ฮยอนอูและบัลคุนไม่ใช่เพียงแค่สองคนที่หลงเสน่ห์ของเธอ ในช่วงจังหวะที่เธอเข้ามานั้น จากห้องที่เคยเสียงดังกลับกลายเป็นเงียบงัน ทุกคนในกลุ่มทัณฑ์บนใช้เวลาร่วมกับลาริเอ็ตเต้มานานแล้วก็จริง แต่นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเจอคังมีซู ตอกแด แฮกยอลซา จักตู ทัสซ่า แยปแซบ ทุกคนล้วนอ้าปากเหวอกว้างขณะมองคังมีซูไม่วางสายตา คังมีซูก็คล้ายลังเลไปสักนิดก่อนส่งมอบช่อดอกไม้ และชุดกระดาษชําระขนาดใหญ่ให้กับแม่ของฮยอนอู
“ได้ยินมาจากพวกพี่ชายน่ะค่ะ ยินดีด้วยนะคะที่ได้ออกจากโรงพยาบาล นี่เป็นของขวัญเล็กน้อยค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ ว่าแต่หนูรู้จักฮยอนอูได้ยังไงเหรอ?”
“คือ.. ได้เขาช่วยเอาไว้หลายอย่างเลยน่ะค่ะ”
คังมีซูหันไปมองสีหน้าฮยอนอูก่อนแล้วค่อยตอบคําถาม อย่างไรแล้วตอนนี้เมื่อเธอปรากฏตัว ความสนใจทั้งหมดนั้นพุ่งเป้าไปที่เธอ ฮยอนอูเคยเอ่ยถึงไว้ก่อนหน้าว่าเธอมีแฟนหนุ่มที่ร่ํารวยอยู่คนหนึ่ง ดังนั้นแล้วกลุ่มทัณฑ์บนจึงไม่เคยมีความคิดในด้านนี้กับเธอสักนิด แต่มันจะเป็นอีกเรื่องหากเธอตัวจริงนั้นเป็นหญิงสาวผู้งดงาม แล้วตอนนี้พวกเขาก็ปากรั่วกันไม่น้อยเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
“ตอนนี้หัวหน้ากลุ่มของซอแทนดาลก็มารวมตัวกันครบแล้ว ผมขอแนะนําตัวก่อนก่อน บัลคุนครับ ให้ผมพาไปนั่งนะ”
“หลบไปเลย! ฮีฮีฮี ผมแยปแซบครับ ไม่นึกว่าเอลฟ์ก็จะมีในโลกจริงด้วยนะเนี่ย”
“เคยมีคนพูดไหมครับว่าแค่คุณมาร่วมงานก็คล้ายการแสดงความยินดีแล้ว?”
ทั้งกลุ่มทัณฑ์บนตอนนี้ต่างแย่งกันเข้ามาต้อนรับคังมีซูกันยกใหญ่ อีกทั้งยังพยายามนั่งข้างเธอกันทั้งนั้น ทว่าพวกเขาลืมเลือนไปคนหนึ่ง จนกระทั่ง…
“ฮเยซอน จานนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว มีอีกไหม”
“ไปหาเอาเองสิคะ!”
ฮเยซอนเผยอาการไม่ยินดีออกมาโดยทันที
“เหอะ นี่มันอะไรกัน? ทําไมผู้หญิงคนนี้ถูกเชิญมาด้วยเนี่ย?”
ฮเยซอนกัดริมฝีปากแน่นขณะจ้องมองคังมีซู เธอได้รู้จักชื่อลาริเอ็ตเต้มาบ้าง ตอนอาร์คกลับมาหมู่บ้านแลนเซลเพื่อเอาดินศักดิ์สิทธิ์ ตอนนั้นลาริเอ็ตเต้ก็อยู่ข้างกายเขาแล้ว
จากนั้น เธอก็ได้ยินชื่อจากจาน่าที่เป็นชาแมนสาวเคยพูดว่ามีหญิงอื่นติดพันอาร์ค ดังนั้นแล้วฮเยซอนจึงเอ่ยถามเรื่องของคังมีซูกับพวกพี่ชายกลุ่มทัณฑ์บน ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฮยอนอูเคยบอกเอาไว้ ว่าคังมีซูมีแฟนอยู่แล้ว เพราะงั้นเธอจึงทําเป็นหลับตาเรื่องนี้ไปข้างหนึ่ง
“แต่ :
ครั้งนี้เธอได้เห็นกับตาแล้ว ด้วยสัญชาตญาณหญิงสาว มันร้องแจ้งเตือนกับเธอว่าคังมีซูไม่ต่างอะไรกับนางจิ้งจอก! และมันก็ไม่ใช่แค่เธอคิดไปเอง หลังจากคังมีซูปรากฏตัว ท่าทีของฮยอนอูที่เผยนั้นก็คล้ายไม่ใช่ตัวของตัวเองอยู่บ้าง สีหน้านั้นจะเผยความไม่สบายใจทุกครั้งที่กลุ่มทัณฑ์บนพยายามเข้าหาเธอ ฮเยซอนมั่นใจได้ชัดเจนว่าการกระทําของฮยอนอูนั้นมีความหมาย ดังนั้นแล้วฮเยซอนจึงผันแปรความวิตกกลับกลายเป็นความเป็นศัตรูต่อคังมีซู
“กลิ่นอายลวงหลอกเต็มเปี่ยมจากผู้หญิงคนนี้ ได้ยินมาว่ามีแฟนหนุ่มอยู่แล้ว แต่จะประมาทไม่ได้ พี่ฮยอนอูดีเสียขนาดนี้ ไม่รู้ว่านางจิ้งจอกนี้จะมีแรงจูงใจซ่อนเร้นอะไรบ้าง
เรื่องนี้นับว่าเข้าใจกันผิด ไม่สิ จะเข้าใจกันผิดจริงหรือ? อย่างไรแล้วฮเยซอนก็รู้สึกได้ถึงสถานการณ์ที่ค่อนข้างวิกฤต จึงเข้าหาฮยอนอูด้วยรอยยิ้ม
“พี่ชายมัวยืนอยู่ทําไมคะ? ลาริเอ็ตเต้นิมพอจะช่วยฉันเอา แก้วมาให้ทุกคนได้ไหมคะ? ว่าแต่พี่สาวตัวจริงสวยกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะคะเนี่ย”
“คะ? ฉันเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ตอนอยู่ในเกมก็เจอหน้ากันไม่กี่ครั้งเอง แต่พี่สาวเหมือนจะเจ้าเล่ห์ไม่น้อยนะคะ ให้เดานะนะคะว่ากระแสในเกมช่วงนี้คงเป็นการหลอกล่อผู้ชายด้วยรอยยิ้มสินะคะ ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกระดิกนิ้วเลยหรือคะที่จะได้รับการช่วยเหลือจากอัศวินขี่ม้าขาวทั้งที่สวยขนาดนี้? อา ฉันละอิจฉาเสียจริง”
ใบหน้าของคังมีซูถึงกับชะงักงันแข็งค้างไปเพราะคําพูดดังกล่าว
“ฮเยซอน คําพูดพวกนั้น”
“พี่ชาย ไม่เห็นเหรอคะว่าฉันกําลังพูดกับพี่สาวอยู่?”
ฮเยซอนหันควับจ้องตาบัลคุนที่นั่งอยู่ไม่ไกลโดยทันที แต่แล้ว คังมีชูกลับเผยรอยยิ้มออกมาให้ฮเยซอนก่อนจะตอบคํากลับ
“ขอบคุณสําหรับคําชมค่ะ แต่คุณฮเยซอนเองก็เป็นคนเจ้าเล่ห์ไม่น้อยเหมือนกันนะคะ อย่างที่เห็นทุกคนต่างนั่งประจําที่กัน แต่ดูเหมือนคุณจะพยายามอยู่ข้างฮยอนอูเสียให้ ได้เลย ตามปกติแล้วเป็นหญิงคงตัดสินใจทําเรื่องแบบนี้ยากไม่น้อย กล่าวตามตรง ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเจ้าเล่ห์หรือว่าไม่คิดอะไรเลยกันแน่น่ะค่ะ”
“วะ-ว่าอะไรนะ?”
“อุ้ย ดิฉันทําให้รู้สึกแย่หรือเปล่าคะ?”
คังมีซูกําลังเอามือป้องปากขณะเผยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยฮเยซอน อันที่จริง ฮเยซอนนั้นก็พอทราบว่าคังมีซูเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลที่ร่ํารวย เพียงแค่มองภายนอก เธอคิดว่าการจิกกัดเธอสักครั้งน่าจะพอให้ถอยได้ แต่แล้วคังมีชูกลับเป็นคนระแวดระวัง และตัวตนของเธอก็ไม่ได้ดีจนใสซื่อเหมือนอย่างที่ฮเยซอนคิด เธอทํางานเป็นแผนกประชาสัมพันธ์ของโกลบอลเอ็กซอร์ท นั่นทําให้เธอต้องคอยรับมือกับแขกที่หลากหลายทั้งมารยาทงาม มารยาททราม และแอบแฝงทั้งหลาย ตัวตนอ่อนหวานไม่มีทางทํางานเช่นนั้นได้อย่างแน่นอน ในเกม เธอยังเป็นหัวหน้าของกองกําลังอิสระในซอแทนดาล ทว่าเธอเลือกที่จะเก็บงําตัวตนเอาไว้ด้านหลังกลุ่มทัณฑ์บน เธอไม่ใช่คนที่จะยอมอยู่เฉยหากโดนยั่วยุซึ่งหน้า อย่างไรแล้ว ปากของฮเยซอนถึงกับต้องอ้าค้างเพราะการตอบโต้เกินคาดในครั้งนี้ เธอจึงต้องพยายามที่จะหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนความโกรธ ภายในจะสุมเป็นกองไฟที่รุนแรงขึ้น
“ในที่สุดก็ได้เห็นตัวตนจริงๆกันเสียทีนะคะ แต่บอกไว้ก่อนนะคะ ฉันรู้จักกับพี่ฮยอนอูมานานแล้ว แถมยังได้รับความไว้ใจให้ช่วยเฝ้าร้านในหมู่บ้านแลนเซลด้วย ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ดีเยี่ยมไปเลยหรือยังไงกันคะ?”
“ก็นะคะ ดิฉันก็รู้จักคุณฮยอนอูมาหนึ่งปีแล้ว นี่พวกเรายังเดินทางไปไหนมาไหนในซอแทนดาลด้วยกันอีก ช่วงนั้นคุณฮยอนอูทั้งสอนดิฉันทําอาหารและการต่อสู้ ก็นับว่าคงไม่น้อยหน้าเท่าไหร่นะคะ ไม่งั้นคงไม่ได้รับเชิญมางานฉลองที่บ้านหรอก จริงไหมคะ?”
“นะ-นั่น… พี่ชายสอนต่อสู้ด้วย? ทําอาหารก็ด้วย?”
ฮเยซอนหันกลับไปถามและจ้องมองฮยอนอู ตัวฮยอนอูตอนนี้ก็เพียงมองกลับไปด้วยสีหน้างุนงง เขาไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าเพราะอะไรหญิงสาวทั้งสองคนถึงมีท่าทีแบบนี้ได้ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาทราบคือตอนนี้ทั้งสองคนข้องเกี่ยวกับกลุ่มทัณฑ์บนไม่น้อย ระหว่างที่ฮเยซอนและคังมีซูเริ่มสงครามโต้คารมกันเพราะฮยอนอู พวกสมาชิกกลุ่มทัณฑ์บนก็เอาแต่นั่งกินเงียบขรึมต่อไปขณะจ้องมองฮยอนอูไปด้วย
“เฮ้อ ไม่ใช่ว่าเป็นคุณป้าแล้วก็ควรจะคู่กับคุณลุงหรือไงกันนะ?”
ระหว่างนั้นเอง บรรยากาศกลับกลายเป็นตึงเครียดยิ่งกว่าเพราะทั้งสองฝ่ายในสงครามโต้คารมครั้งนี้ต่างใส่กันไม่หยุดหย่อน และตอนนี้มันก็คล้ายมีเส้นอะไรสักอย่างขาดผึง ที่หน้าผากของคังมีซูเมื่อได้ยินคําเมื่อครู่
“คุณป้า? อุ้ย ไม่บอกไม่ทราบเลยนะคะเนี่ย คุณฮเยซอนอ่อนกว่าดิฉันเหรอคะ? ตอนแรกฉันนึกว่าแก่กว่าเพราะอาศัยดูจากผิวพรรณ แบบนี้คุณฮเยซอนควรใช้ผลิตภัณฑ์บํารุงผิวกายบ้างนะคะ หรือให้ฉันแนะนําผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมให้ไหมคะ?”
“ว่าอะไรนะ? เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ?”
“เอ เมื่อกี้พูดอะไรไปกันน้า?”
คังมีซูก้มเงยศีรษะคล้ายครุ่นคิดว่าเมื่อครู่ตนพูดอะไรออกไป นั่นทําให้ฮเยซอนกัดฟันดังกรอดแล้วยื่นแก้วไวน์ส่งไปให้ฮยอนอู
“พี่ชาย ดื่มไวน์เข้าไปค่ะ!”
“หือ? อะไรกัน? ทําไมล่ะ?”
“คุณฮยอนอูคะ ไม่ใช่ว่าควรรับแก้วของฉันหรอกหรือคะ?”
“ครับ? แต่ว่า…”
ฮยอนอูเริ่มมีอารมณ์อยู่ภายในแล้ว แก้วทั้งสองตอนนี้เข้าหาเขาจากทั้งสองข้าง ฮยอนอูไม่โง่จนไม่อาจจับเรื่องจับราวได้ ผู้หญิงสองคนยื่นแก้วไวน์มาแบบนี้พร้อมกันก็ไม่ต่างอะไร กับถามว่า “คุณจะเลือกใคร?” แต่ฮเยซอนก็เป็นเหมือนน้องสาวของเขาที่คอยช่วยดูแลแม่เป็นอย่างดี อีกทางหนึ่งคังมีซูก็เป็นหญิงสาวที่ทําให้ใจของเขาเต้นแรง ไม่ใช่สิ นี่มันใช่เรื่องที่คนอย่างเขาต้องมาเลือกในตอนนี้ด้วยหรือ? เขาจะรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้ยังไงดี?
“ทําไมพวกเธอต้องทะเลาะกันด้วย? แล้วทําไมต้องลากเราไปเกี่ยว?”
ฮยอนอูใช้สายตาร้องขอความช่วยเหลือมองไปยังพวกพี่ชายกลุ่มทัณฑ์บน ทว่าพวกเขากลับเพียงมองกลับมาด้วย สายตาเฉยชาเพียงเท่านั้น ในสถานการณ์นี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกกลุ่มทัณฑ์บนหรือพ่อปู่ที่ไหนก็หวาดเกรงที่จะต้องเลือก
“ช่วยไม่ได้นะ”
แต่แล้วขณะที่ฮยอนอูกําลังเคร่งเครียดอยู่นั้นเอง แม่ของเขาก็ใสรถเข็นเข้ามาเคาะหน้าผากทั้งฮเยซอนและคังมีซู ทั้งสองต่างมองเป็นสายตาเดียวด้วยอาการมึนงง แม่ของฮยอนอูจึงยิ้มอ่อนโยนให้และกล่าวคํา
“เป็นผู้หญิงไม่ควรสร้างความลําบากใจให้ผู้ชายนะจ๊ะ”
น่าประหลาดใจนัก แม่ของเขากลับแก้สถานการณ์ยากลําบากนี้ให้ ที่ทําทั้งหมดก็แค่เอ่ยคําเท่านั้นเอง ด้วยจิตวิญญาณแรงกล้าของหญิงสาวทั้งสองจนแทบจะกลายเป็นบ้าคลั่งกลับสามารถสงบเสงี่ยมลงได้ เขาไม่ทราบว่านี่คือเวทมนตร์อะไร แต่ฮเยซอนและคังมีซูต่างเกาศีรษะเก้อเขินหน้าแดงก่อนจะถอยให้
“ขอโทษด้วยค่ะ พวกเราขาดสติเกินไป…”
“ไม่เป็นไรจ้ะ พวกหนูทําให้ป้านึกถึงตอนเป็นเด็กเลยนะ”
แม่ของฮยอนอูเผยรอยยิ้มให้ขณะลูบหัวหญิงสาวทั้งสอง ด้วยเหตุนั้น แมวทั้งสองตัวที่ขู่ฟ้อใส่กันจึงสงบเสงี่ยมลง ฮเยซอนและคังมีซูต่างยอมถอยให้เพราะแม่ของฮยอนอู นับว่าเป็นเรื่องวิเศษไม่น้อย ฮยอนอูแทบกล่าวชมเชยแม่ของตนในใจยกใหญ่ ทว่าอย่างไรแล้ววิกฤตของฮยอนอูไม่ได้จบที่ตรงนี้
“ให้ตายสิ น่าอิจฉาเกินไปแล้ว!”
“แถมยังมีคุณแม่แสนวิเศษแบบนี้ น่าอิจฉาเกินไปแล้ว รับไม่ได้”
ทั้งกลุ่มทัณฑ์บนต่างพุ่งตัวเข้าหาฮยอนอูคะยั้นคะยอให้ดื่มกันยกใหญ่ ฮยอนอูก็ทราบดีว่า หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงแย่แน่ จึงส่งสายตาร้องขอความช่วยเหลือจากแม่ของตน ทว่าแม่ของเขา ฮเยซอน คังมีซู ทั้งสามเอาแต่พูดคุยกันเองจนหลุดเข้าสู่โลกของผู้หญิงหลงลืมทางนี้กันหมดสิ้น ท้ายที่สุดฮยอนอูจึงโดนกระทําไปไม่น้อยทั้งสุราและเบียร์ เวลาผ่านไปนานนัก ท้ายที่สุดเขาต้องรับกรรมที่ไม่ได้ก่อเอาไว้และยังเกิดจากความเข้าใจผิดกันเอง อย่างกะทันหัน ฮยอนอูรู้สึกได้ถึงมืออ่อนนุ่มที่สัมผัสศีรษะ เขาล้มลงไปกองนานแล้วเพราะโดนกระหน่ําโจมตี ไม่ยั้งจากพวกกลุ่มทัณฑ์บน เมื่อได้สติมองดูรอบห้องอีกครั้ง เขาก็ไม่เห็นทั้งฮเยซอนและคังมีซูในห้องนั่งเล่นนี้ มีเพียงแต่ซากศพของพวกกลุ่มทัณฑ์บนที่นอนระเกะระกะเต็มพื้น
“อา เราเมาขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย เดี๋ยวนะ…”
ฮยอนอูถอนหายใจก่อนจะได้ยินอะไรเข้าโสดประสาท หลังสัมผัสอ่อนนุ่มและกลิ่นอันคุ้นเคยที่ประดังเข้ามา ฮยอนอูก็ตระหนักได้ว่านี่เป็นตักของแม่เขาเอง จากนั้น เสียงของจีวอนฮวารังก็ดังขึ้นจากทางด้านข้าง
“ให้ผมจัดการให้นะครับ”
“ให้เขาอยู่แบบนี้ต่ออีกหน่อยดีกว่าค่ะ”
แม่ของเขาตอบกลับไปทั้งยังลูบผมไปเรื่อย
“ ว่าแต่ บ้านหลังนี้ นักสืบจีวอนช่วยให้ได้รับมาหรือเปล่าคะ? ฮยอนอูไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย…”
“ไม่ครับ กล่าวตามตรงว่าผมอยากช่วย แต่ฮยอนอูปฏิเสธมา แม้ว่าหมอนั่นจะห่วงคุณแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ยอมรับความช่วยเหลือโดยง่ายครับ ฮยอนอูรวบรวมเงินทุนทั้งหมดเพื่อเป็นเงินฝากสําหรับค่าเช่าบ้านหลังนี้ด้วยตัวเอง น่ายกย่องใช่ไหมล่ะครับ? ด้วยอายุเท่านี้นับว่าไม่ธรรมดาเลย”
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ”
“ครับ?”
“ฮยอนอูไม่เหมือนคนที่อายุเท่านี้เลย? มันก็จริงค่ะ แต่ก็ไม่ใช่แบบนั้น ฮยอนอูที่ฉันรู้จักน่ะไม่เคยโตเป็นผู้ใหญ่เลย หกปีก่อนเขายังเป็นเด็กที่ยังอ่อนต่อโลกมาก ฉันอยากให้ช่วงเวลาความเป็นเด็กกับเขาให้นานที่สุดเท่าที่จะทําได้ รู้อะไรไหมคะ? ตอนฉันตื่นขึ้นที่ห้องไอซียูนะ ได้ยินเสียงคุณกับฮยอนอูคุยกันด้วยนะ”
“ฉันทราบตอนนั้นแหละค่ะ ฮยอนอูที่อ่อนต่อโลกได้หายไปแล้ว เขากําลังจะก้าวเดินกลายเป็นผู้ใหญ่ เป็นเพราะฉัน เขาก็เลยต้องโดนบังคับให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมา… ฉันทราบดีค่ะ ใจของฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก กระทั่งเป็นตอนนี้ก็ยังเจ็บปวดเหมือนเดิม ฮยอนอูไม่ควรต้องกลายเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่วัยเพียงเท่านั้น เขาไม่ควรต้องพึ่งลําแข้งของตัวเองโดยสถานการณ์บีบบังคับ”
ฉับพลัน อะไรบางสิ่งได้หยดลงที่ศีรษะของฮยอนอู เป็นน้ําตาของแม่เขา แม่ของเขานั้นเงียบไปขณะปาดเช็ดน้ําตาก่อนจะกุมมือของฮยอนอูไว้
“เท่าไหร่กัน… ปัญหาที่เด็กคนนี้ต้องเผชิญ… มันมากเท่าไหร่กัน”
น้ําเสียงแม่ของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ เขารู้สึกเจ็บปวดคล้ายโดนทิ่มแทงหน้าอก ความรู้สึกร้อนผ่าวภายในกําลังสุมอยู่ภายในใจของเขา ทว่า ฮยอนอูเพียงได้แค่หลับตาแน่นและกลั้นน้ําตาเอาไว้ เขาสัญญาในวันนั้น.. ตอนที่แม่ของเขาลืมตาตื่นขึ้นครั้งแรกในห้องไอซียู เขาจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าแม่อีกต่อไป เขาจะมอบให้ก็แต่รอยยิ้มเท่านั้น