สิงอี่เทียนล้มลงกับพื้นเสียงดังปึง หมดสภาพสิ้นดี
เขาเลือดออกเจ็ดทวาร พาให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาดูน่ากลัวและสยดสยองเป็นพิเศษ
ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง ทรงพลังแข็งแกร่งอย่างสิงอี่เทียนยังพ่ายแพ้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะต้องเป็นปีศาจไร้เทียมทานอย่างแน่นอน!
“เจ้าถึงกับทำให้ข้าบาดเจ็บรึ!” สิงอี่เทียนแทบไม่อยากเชื่อ เดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง
ตู้ม!
ปีกคู่ด้านหลังแผ่กาง ประกายสายฟ้าสีน้ำเงินเข้มไหลหลั่งออกมาราวกับงูมังกรที่วิวัฒน์จากสายฟ้า พุ่งโถมเข้าหาหลินสวิน เสียงกึกก้องของสายฟ้าสะเทือนวิญญาณของผู้คน
เขาเดือดดาลสุดฤทธิ์ ตัวเขาเป็นบุคคลแห่งยุค ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย เคยได้รับถ่ายทอดวิชาจากอริยะโดยตรง ไหนเลยจะเคยประสบกับการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่เช่นนี้
“เอาชีวิตมา!” เขาคำราม ง้างคันธนู เสียงวู้มดังขึ้น เงาแวววาวของวิญญาณอสนีปรากฏขึ้นราวกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์
สีหน้าของเขาคล้ำเขียวบิดเบี้ยว การถูกคนซัดกำราบเช่นนี้เป็นเรื่องน่าอับอายอย่างยิ่งสำหรับเขา หากแพร่งพรายออกไปก็อับอายขายขี้หน้าเกินไปแล้ว
วู้ม!
ในขณะที่สายธนูคลายออก รุ้งวิเศษสีน้ำเงินเข้มพร่าตาสายหนึ่งพุ่งยิงออกมา ยาวสิบกว่าจั้ง ล้อมรอบไปด้วยลวดลายมรรควายุอสนี
ในเวลาเดียวกันวิญญาณอสนีก็เคลื่อนไหว พ่นแสงสีขาวแหลมคมถึงขีดสุดราวกับใบมีดเฉือนจักรวาล
ทั่วกายหลินสวินพลุ่งพล่านด้วยกลิ่นอายแก่นอัศจรรย์แห่งธาตุน้ำ พลั่งในร่างโหมคลั่ง สำแดงวิชาแห่งตนจนถึงระดับสูงสุด
ทั้งตัวเขาเป็นเหมือนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เวิ้งว้างไร้ขอบเขต บรรจุพลังยิ่งใหญ่พาให้ผู้คนร้องอุทาน
และในกระบวนการนั้น จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนหมัดเป็นฝ่ามือ ควบรวมประทับฝ่ามือน่าพิศวงกลางห้วงอากาศ เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีดำแผ่ออกมา เงาร่างหงส์ทมิฬปรากฏขึ้น ปลดปล่อยเเสงแห่งการดับสูญ
วิชาจุติหงส์ทมิฬ!
วิชามรรคโบราณวิชาหนึ่งที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในยุคบรรพกาล มีอานุภาพในการดับสิ้นวิญญาณทั้งมวล เรียกได้ว่าเป็นมรรคสังหารชั้นหนึ่งในโลก
นี่เป็นวิชาที่หลินสวินได้ศึกษาและหยั่งรู้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาจาก ‘คัมภีร์มหาครรภ์จุติ’ หลินสวินไม่จำเป็นต้องเสาะสำรวจเพียงลำพัง เพราะในนั้นมีคำอธิบายและคำแนะนำอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เขายึดกุมความเร้นลับของวิชานี้ได้ตั้งแต่ก้าวแรก!
หงส์ทมิฬวนอ้อม ขนปีกสาดเพลิงศักดิ์สิทธิ์ดับสิ้นน สังหารลูกศรนี้อย่างลึกลับและน่ากลัว
อย่างไรก็ตามลูกศรนี้ทรงพลังมาก ยิ่งโจมตีออกมาด้วยความโกรธของสิงอี่เทียน อานุภาพจึงยากจะเทียบได้ ฉีกทึ้งเปลวเพลิงจุติหงส์ทมิฬให้สลายกลายเป็นละอองแสง
สิ่งนี้พาให้หลินสวินไหวหวั่น ตระหนักได้ว่าเป็นพลังของลูกศรนั่นตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ถึงได้เปลี่ยนเป็นกร้าวแกร่งปานนี้
แต่นี่ก็ตรงตามความต้องการของหลินสวินพอดี สองมือเขาขยับเคลื่อน สำแดงแก่นแท้ของวิชาจุติหงส์ทมิฬ อาศัยสิ่งนี้มาขัดเกลาและเคี่ยวกรำ
โครม!
บริเวณนี้ปั่นป่วน ทะเลสาบสีเงินระเหยหาย แผ่นดินแห้งแตกระแหง ผู้ฝึกปราณทั้งหมดที่เฝ้าดูการต่อสู้อาศัยจังหวะนี้ถอยหลบไปไกลๆ
“เป็นพี่หลินสวิน!” ในกระบวนผนึกริมทะเลสาบ เสี่ยวเหออุทานอย่างตื่นเต้น
“คุณชายหลินสวินไม่เป็นไรจริงๆ ด้วย แต่คู่ต่อสู้ของเขาเป็นใคร ถึงขั้นทรงพลังขนาดนี้” พวกโค่วซิงประหลาดใจก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นก็สีหน้าพลันเคร่งขรึม สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของสิงอี่เทียน
“เป็นสิงอี่เทียนจริงๆ ด้วย” นัยน์ตาแม่นางเยวี่ยหดรัด เผยสีหน้านึกขึ้นได้
ตูม!
ในห้วงอากาศ วิญญาณอสนีคำรามราวกับมีตัวตนจริงๆ ถือค้อนสายฟ้าทุบสังหาร พาให้เงามายาหงส์ทมิฬอ่อนแสงลงและถูกทำลายในที่สุด
ในขณะเดียวกันลูกศรสีน้ำเงินเข้มก็พุ่งยิงไปทางหลินสวิน ดุร้ายและเผด็จการ ประกายสายฟ้าเจิดจ้า
หลินสวินถอนหายใจในใจ เขาเพิ่งเรียนรู้วิชาจุติหงส์ทมิฬไปเพียงผิวเผิน มีอานุภาพไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกซับยับเยินเช่นนี้เด็ดขาด
วู้ม!
ทันใดนั้นพลังทั่วร่างเขาเปลี่ยนไป ร่างกายปรากฏแสงธรรมสีดำไพศาลไหลเวียน รูปลักษณ์ดูเคร่งขรึม ราวกับมุนินทร์ข้ามโลกีย์
ในความมึนงง ทุกคนรู้สึกว่าหลินสวินในยามนี้ดูเหมือนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน ทั่วร่างสะท้อนเสียงสวดท่องธรมดังก้อง ดุจดั่งฟ้าคำราม
นี่คือ ‘คัมภีร์มหากษิติครรภ์’ มรดกของอารามกษิติครรภ์!
ตูม!
เมื่อเขากดฝ่ามือ ประทับธรรมสีดำก็ควบรวมกลางห้วงอากาศ
ทันใดนั้นหมื่นเคราะห์ดับสิ้น มหาปัญญาอัดแน่นทั่วฟ้าดิน ราวกับว่าแม้แต่ห้วงอากาศก็สามารถพังทลายได้
“มรดกของอารามกษิติครรภ์หรือ” แม่นางเยวี่ยตกใจ ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าในอารามโบราณนั้นนอกจากวิชาจุติหงส์ทมิฬแล้ว เกรงว่าหลินสวินจะได้รับวาสนาอีกไม่น้อย!
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจที่สุดก็คือ ไม่ว่าจะเป็นวิชาจุติหงส์ทมิฬ หรือมรดกวิชาของอารามกษิติครรภ์ ต่างมีข้อกำหนดและข้อจำกัดมากมายต่อผู้ฝึกปราณ
ดังเช่นในอดีต หากไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่ปลุกสายเลือดหงส์เซียนแทบจะไม่สามารถฝึกวิชานี้ได้
แต่สำหรับหลินสวิน ข้อจำกัดนี้ดูเหมือนจะถูกทลายแล้ว!
ปึงๆๆ!
ประทับธรรมพาดขวางกลางฟ้า กระแทกลูกศรสีน้ำเงินเข้ม ซัดสะเทือนพาให้เกิดเสียงหึ่งๆ และพ่ายแพ้ในที่สุด หวีดโหยแตกตื่นไปเก้าชั้นฟ้า
“เป็นไปได้… อย่างไรกัน!?” สิงอี่เทียนตระหนกและประหลาดใจสุดขีด ครั้งนี้เขาไม่ได้ยั้งมือ โจมตีด้วยกำลังทั้งหมด แต่กลับยังถูกทำลาย!
หลินสวินพุ่งปราดเข้ามาเสียงดังสวบ กลางห้วงอากาศมองเห็นดอกบัวสีดำบานขึ้นดอกแล้วดอกเล่าตามจุดที่เขาก้าวผ่าน ส่องแสงเรืองรอง แสงธรรมสาดพรม
บัวบานในทุกย่างก้าว! เหมือนกับตำนานที่มุนินทร์ก้าวข้ามห้วงอากาศ ไม่ว่าผ่านไปที่ใดแท่นดอกบัวล้วนปรากฏ แสงธรรมสาดส่อง!
ในที่สุดสิงอี่เทียนก็ตระหนักได้ว่าครั้งนี้เขาเจอปัญหาหนักหน่วงแล้ว ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเกินความคาดหมายของเขาอีกครั้ง
“คราวหน้าข้าจะฆ่าเจ้า!” เขาไม่สบายใจ แม้รู้สึกอับอายมากแต่ก็ตัดสินใจถอยหนีอย่างเด็ดขาด
แม้ว่าเขาจะเผด็จการและเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ใช่พวกประมาทผลีผลาม ในยามนี้เกิดความระมัดระวังอย่างมาก และสัมผัสได้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าที
วู้ม! ปีกอสนีของเขาสั่นกระเพื่อม หมุนตัวแล้วจากไป
แต่หลินสวินนั้นฉับไวมาก พริบตาเดียวก็ไล่ตามทัน กดฝ่ามือหนึ่งลงไป!
ฝ่ามือนี้มีแฝงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์แห่งการข้ามทุกข์ มีกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง
สิงอี่เทียนสังเกตถึงความผิดปกติ ง้างคันธนูและยิงศรออกไปโดยไม่ลังเล
เสียงระเบิดดังสะเทือนฟ้าสะท้านดิน ฝ่ามือนี้ของหลินสวินถูกซัดปราชัย แต่ในขณะเดียวกันชือน้ำแข็งตัวหนึ่งทะยานฟ้า องอาจราวกับมังกรขาวเจิดจ้า สะบัดหางโปกกลางห้วงอากาศ
เปรี้ยง!
ร่างของสิงอี่เทียนถูกสะบัดกระเด็นออกไป กระดูกทั่วกายแตกหักไม่รู้เท่าไร เลือดสดๆ พุ่งออกมาเหมือนน้ำพุ
ทั่วทั้งบริเวณต่างเงียบงัน ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ
จอมเผด็จการและแข็งกร้าวเช่นสิงอี่เทียนถึงกับถูกสยบด้วยวิธีนี้หรือ
นี่พาให้ผู้คนแทบไม่อยากเชื่อ
เรื่องมาถึงตอนนี้ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยแล้ว ต่อให้ข้ารับใช้ของสิงอี่เทียนจะเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีและเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็สายไปแล้ว
หลังจากประมือกันหลายสิบกระบวนท่า สิงอี่เทียนก็กรีดร้องเกือบจะถูกเคล็ดวิชามหากษิติครรภ์ของหลินสวินสังหาร เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ใกล้ถึงแก่ความตาย
ชิ้ง!
ขณะเดียวกัน ในที่สุดหลินสวินก็หาจังหวะคว้าลูกศรสีน้ำเงินเข้มนั้นเอาไว้ได้อย่างแน่นหนา
แต่ลูกศรนี้ราวกับมีจิตวิญญาณ ไม่เต็มใจที่จะถูกจับ บังเกิดพลังขัดขืนที่น่าสะพรึง ถึงกับน่ากลัวกว่าพลังของสิงอี่เทียนเสียอีก
โดยไม่ทันตั้งตัว นิ้วของหลินสวินแทบจะขาด!
หลินสวินตกใจ กำราบลูกศรนี้ไว้ในเจดีย์สมบัติไร้อักษรโดยไม่ลังเลทันที
ถึงกระนั้นลูกศรนี้ก็ยังดิ้นหลุดจากการสยบของแสงมรรคทองนิลกาฬ เคลื่อนกระแทกอาละวาดในเจดีย์สมบัติ แสดงถึงความมหัศจรรย์อย่างที่สุด
“เจ้าโง่ ลูกศรนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล อย่าว่าแต่เจ้า ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็ไม่สามารถกำราบได้! เจ้าก็รอประสบเคราะห์ไปเถอะ!”
แม้ว่าสิงอี่เทียนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็อดหัวเราะเยาะไม่ได้หลังจากเห็นภาพเหตุการณ์นี้
เขารู้ถึงพลังของลูกศรนี้เป็นอย่างดี ในยุคบรรพกาลเคยยิงใส่อาทิตย์ดวงใหญ่บนฟากฟ้า น่าสะพรึงหาที่สิ้นสุดไม่ได้
ใครก็ตามที่ต้องการกำราบมันจะต้องประสบกับการแว้งกัด!
“งั้นหรือ”
มุมปากหลินสวินโค้งองศาแปลกๆ ทันทีที่ความคิดไหวเคลื่อน คันธนูไร้แก่นสารก็ปรากฏขึ้นในเจดีย์สมบัติไร้อักษร คันธนูที่ราวกับหลอมขึ้นมาจากกระดูกกะโหลกแผ่กลิ่นอายคลุมเครือแต่เยียบเย็นออกมา
เพียงพริบตาเดียวลูกศรสีน้ำเงินเข้มก็ชะงักค้าง คล้ายรับรู้ถึงความน่ากลัว ถูกสะเทือนอยู่ตรงนั้น สั่นสะท้านเสียงดังหึ่งๆ ไม่ขาด
ทันใดนั้นหลินสวินก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่าง ในใจอดร้องอุทานไม่ได้ ศรดอกนี้ถึงกับมีแค่คันธนูไร้แก่นสารเท่านั้นถึงจะสามารถสยบได้ แค่คิดก็รู้ว่าวิเศษปานใด
ในเวลาเดียวกันสิงอี่เทียนก็กระอักเลือดออกมาคำโต หัวใจเจ็บปวดสาหัส เขาสัมผัสได้ว่าการเชื่อมต่อของตนกับลูกศรสีน้ำเงินเข้มถูกตัดขาดแล้ว!
เป็นไปได้อย่างไร
เขาตกใจแทบทรุด
เหตุผลที่เขาสามารถเรียกใช้งานศรนี้ได้ ก็เพราะภายในกายถูกอริยะผู้ฝังรอยประทับลึกลับเอาไว้ แต่ยามนี้ประทับนี้กลับถูกทำลายแล้ว!
“ตาย!”
หลินสวินโถมเข้ามาโดยไม่ลังเล
แต่ก่อนที่เขาจะเข้าใกล้ ก็เห็นแสงสีทองที่น่ากลัวระเบิดออกมาจากร่างของสิงอี่เทียน พริบตาต่อมาทั้งตัวคนก็อันตรธานหายไปจากห้วงอากาศ
ยันต์มรรคจักจั่นทอง!
หลินสวินขมวดคิ้ว
‘บุคคลระดับนี้เหมือนกับมังกรบนท้องฟ้า เอาชนะได้แต่ไม่อาจฆ่าได้ง่ายๆ!’ แม่นางเยวี่ยถอนหายใจในใจ
นางเดาว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ต้น
สิงอี่เทียนเป็นผู้นำคนรุ่นเยาว์เผ่าปีกอสนี บนร่างแบกรับความหวังของคนทั้งเผ่า หากฆ่าง่ายปานนี้ เกรงว่าคงถูกขุมอำนาจศัตรูของเผ่าปีกอสนีส่งยอดฝีมือมาสังหารเขาตั้งนานแล้ว
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เผ่าพันธุ์บางกลุ่มมีความเกลียดชังกันมาโดยตลอด พวกเขาต้องการกวาดล้างคนรุ่นเยาว์ของอีกฝ่าย เพื่อสั่นคลอนรากฐานอิทธิพลของอีกฝ่าย
เนื่องจากมีกรณีจำพวกนี้เกิดขึ้นมากเกินไป บุคคลระดับสิงอี่เทียนจึงเป็นคนสำคัญที่ต้องได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาจากเผ่าปีกอสนี ย่อมไม่อาจยอมให้เกิดเหตุไม่คาดฝันใดๆ
“เจ้าคอยดูเถอะ! ช้าเร็วสักวันข้าจะมาเอาชีวิตเจ้าด้วยตัวเอง!” แม้ว่าสิงอี่เทียนจะจากไป แต่กลางห้วงอากาศก็ยังมีเสียงตะโกนของเขาสะท้อนออกมาอย่างไม่พอใจและเดือดดาล
‘ควรคิดหาทางแก้ไขเรื่องพรรค์นี้ได้แล้ว…’ หลินสวินพูดกับตัวเอง
ฝึกปราณจนถึงตอนนี้ เขาได้พบกับเหตุการณ์คล้ายๆ กันหลายครั้ง มักถูกอีกฝ่ายหนีรอดด้วยวิธีการต่างๆ ในช่วงเวลาสุดท้ายเสมอ
เช่นเดียวกับอวี่หลิงคง หรือสิงอี่เทียนเมื่อครู่นี้ ทั้งสองล้วนเป็นเช่นนี้
หลินสวินรู้ดีว่าตราบใดที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ ก็จะกลายอันตรายที่แฝงเร้น หากสิ่งที่คล้ายกันเกิดขึ้นในอนาคต ปัญหาก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น
‘ถ้าสามารถก้าวสู่ระดับราชันได้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น แต่ก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้หนีไป นอกจากจะสำแดงพลังของธนูวิญญาณไร้แก่นสารและเจดีย์สมบัติไร้อักษรแล้ว การใช้พลังอื่นๆ ล้วนไม่อาจยับยั้งอีกฝ่ายไว้ได้…’
หลินสวินรู้ดีว่าคนอย่างสิงอี่เทียนมีไม้เด็ดมากมาย ถึงแม้จะไม่มียันต์มรรคจักจั่นทอง แต่ก็ยังมีวิธีอื่นในการหนีออกไปอยู่ดี
เป็นอย่างที่แม่นางเยวี่ยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ คิดจะฆ่าบุคคลแห่งยุคจากขุมอำนาจใหญ่เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ
หลินสวินไม่คิดอะไรอีก ทอดสายตามองคนหนุ่มสาวหลายคนที่อยู่ห่างออกไป พวกเขาเป็นบริวารของสิงอี่เทียน
——
สิงอี่เทียนล้มลงกับพื้นเสียงดังปึง หมดสภาพสิ้นดี
เขาเลือดออกเจ็ดทวาร พาให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาดูน่ากลัวและสยดสยองเป็นพิเศษ
ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง ทรงพลังแข็งแกร่งอย่างสิงอี่เทียนยังพ่ายแพ้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะต้องเป็นปีศาจไร้เทียมทานอย่างแน่นอน!
“เจ้าถึงกับทำให้ข้าบาดเจ็บรึ!” สิงอี่เทียนแทบไม่อยากเชื่อ เดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง
ตู้ม!
ปีกคู่ด้านหลังแผ่กาง ประกายสายฟ้าสีน้ำเงินเข้มไหลหลั่งออกมาราวกับงูมังกรที่วิวัฒน์จากสายฟ้า พุ่งโถมเข้าหาหลินสวิน เสียงกึกก้องของสายฟ้าสะเทือนวิญญาณของผู้คน
เขาเดือดดาลสุดฤทธิ์ ตัวเขาเป็นบุคคลแห่งยุค ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย เคยได้รับถ่ายทอดวิชาจากอริยะโดยตรง ไหนเลยจะเคยประสบกับการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่เช่นนี้
“เอาชีวิตมา!” เขาคำราม ง้างคันธนู เสียงวู้มดังขึ้น เงาแวววาวของวิญญาณอสนีปรากฏขึ้นราวกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์
สีหน้าของเขาคล้ำเขียวบิดเบี้ยว การถูกคนซัดกำราบเช่นนี้เป็นเรื่องน่าอับอายอย่างยิ่งสำหรับเขา หากแพร่งพรายออกไปก็อับอายขายขี้หน้าเกินไปแล้ว
วู้ม!
ในขณะที่สายธนูคลายออก รุ้งวิเศษสีน้ำเงินเข้มพร่าตาสายหนึ่งพุ่งยิงออกมา ยาวสิบกว่าจั้ง ล้อมรอบไปด้วยลวดลายมรรควายุอสนี
ในเวลาเดียวกันวิญญาณอสนีก็เคลื่อนไหว พ่นแสงสีขาวแหลมคมถึงขีดสุดราวกับใบมีดเฉือนจักรวาล
ทั่วกายหลินสวินพลุ่งพล่านด้วยกลิ่นอายแก่นอัศจรรย์แห่งธาตุน้ำ พลั่งในร่างโหมคลั่ง สำแดงวิชาแห่งตนจนถึงระดับสูงสุด
ทั้งตัวเขาเป็นเหมือนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เวิ้งว้างไร้ขอบเขต บรรจุพลังยิ่งใหญ่พาให้ผู้คนร้องอุทาน
และในกระบวนการนั้น จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนหมัดเป็นฝ่ามือ ควบรวมประทับฝ่ามือน่าพิศวงกลางห้วงอากาศ เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีดำแผ่ออกมา เงาร่างหงส์ทมิฬปรากฏขึ้น ปลดปล่อยเเสงแห่งการดับสูญ
วิชาจุติหงส์ทมิฬ!
วิชามรรคโบราณวิชาหนึ่งที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในยุคบรรพกาล มีอานุภาพในการดับสิ้นวิญญาณทั้งมวล เรียกได้ว่าเป็นมรรคสังหารชั้นหนึ่งในโลก
นี่เป็นวิชาที่หลินสวินได้ศึกษาและหยั่งรู้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาจาก ‘คัมภีร์มหาครรภ์จุติ’ หลินสวินไม่จำเป็นต้องเสาะสำรวจเพียงลำพัง เพราะในนั้นมีคำอธิบายและคำแนะนำอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เขายึดกุมความเร้นลับของวิชานี้ได้ตั้งแต่ก้าวแรก!
หงส์ทมิฬวนอ้อม ขนปีกสาดเพลิงศักดิ์สิทธิ์ดับสิ้นน สังหารลูกศรนี้อย่างลึกลับและน่ากลัว
อย่างไรก็ตามลูกศรนี้ทรงพลังมาก ยิ่งโจมตีออกมาด้วยความโกรธของสิงอี่เทียน อานุภาพจึงยากจะเทียบได้ ฉีกทึ้งเปลวเพลิงจุติหงส์ทมิฬให้สลายกลายเป็นละอองแสง
สิ่งนี้พาให้หลินสวินไหวหวั่น ตระหนักได้ว่าเป็นพลังของลูกศรนั่นตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ถึงได้เปลี่ยนเป็นกร้าวแกร่งปานนี้
แต่นี่ก็ตรงตามความต้องการของหลินสวินพอดี สองมือเขาขยับเคลื่อน สำแดงแก่นแท้ของวิชาจุติหงส์ทมิฬ อาศัยสิ่งนี้มาขัดเกลาและเคี่ยวกรำ
โครม!
บริเวณนี้ปั่นป่วน ทะเลสาบสีเงินระเหยหาย แผ่นดินแห้งแตกระแหง ผู้ฝึกปราณทั้งหมดที่เฝ้าดูการต่อสู้อาศัยจังหวะนี้ถอยหลบไปไกลๆ
“เป็นพี่หลินสวิน!” ในกระบวนผนึกริมทะเลสาบ เสี่ยวเหออุทานอย่างตื่นเต้น
“คุณชายหลินสวินไม่เป็นไรจริงๆ ด้วย แต่คู่ต่อสู้ของเขาเป็นใคร ถึงขั้นทรงพลังขนาดนี้” พวกโค่วซิงประหลาดใจก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นก็สีหน้าพลันเคร่งขรึม สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของสิงอี่เทียน
“เป็นสิงอี่เทียนจริงๆ ด้วย” นัยน์ตาแม่นางเยวี่ยหดรัด เผยสีหน้านึกขึ้นได้
ตูม!
ในห้วงอากาศ วิญญาณอสนีคำรามราวกับมีตัวตนจริงๆ ถือค้อนสายฟ้าทุบสังหาร พาให้เงามายาหงส์ทมิฬอ่อนแสงลงและถูกทำลายในที่สุด
ในขณะเดียวกันลูกศรสีน้ำเงินเข้มก็พุ่งยิงไปทางหลินสวิน ดุร้ายและเผด็จการ ประกายสายฟ้าเจิดจ้า
หลินสวินถอนหายใจในใจ เขาเพิ่งเรียนรู้วิชาจุติหงส์ทมิฬไปเพียงผิวเผิน มีอานุภาพไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกซับยับเยินเช่นนี้เด็ดขาด
วู้ม!
ทันใดนั้นพลังทั่วร่างเขาเปลี่ยนไป ร่างกายปรากฏแสงธรรมสีดำไพศาลไหลเวียน รูปลักษณ์ดูเคร่งขรึม ราวกับมุนินทร์ข้ามโลกีย์
ในความมึนงง ทุกคนรู้สึกว่าหลินสวินในยามนี้ดูเหมือนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน ทั่วร่างสะท้อนเสียงสวดท่องธรมดังก้อง ดุจดั่งฟ้าคำราม
นี่คือ ‘คัมภีร์มหากษิติครรภ์’ มรดกของอารามกษิติครรภ์!
ตูม!
เมื่อเขากดฝ่ามือ ประทับธรรมสีดำก็ควบรวมกลางห้วงอากาศ
ทันใดนั้นหมื่นเคราะห์ดับสิ้น มหาปัญญาอัดแน่นทั่วฟ้าดิน ราวกับว่าแม้แต่ห้วงอากาศก็สามารถพังทลายได้
“มรดกของอารามกษิติครรภ์หรือ” แม่นางเยวี่ยตกใจ ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าในอารามโบราณนั้นนอกจากวิชาจุติหงส์ทมิฬแล้ว เกรงว่าหลินสวินจะได้รับวาสนาอีกไม่น้อย!
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจที่สุดก็คือ ไม่ว่าจะเป็นวิชาจุติหงส์ทมิฬ หรือมรดกวิชาของอารามกษิติครรภ์ ต่างมีข้อกำหนดและข้อจำกัดมากมายต่อผู้ฝึกปราณ
ดังเช่นในอดีต หากไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่ปลุกสายเลือดหงส์เซียนแทบจะไม่สามารถฝึกวิชานี้ได้
แต่สำหรับหลินสวิน ข้อจำกัดนี้ดูเหมือนจะถูกทลายแล้ว!
ปึงๆๆ!
ประทับธรรมพาดขวางกลางฟ้า กระแทกลูกศรสีน้ำเงินเข้ม ซัดสะเทือนพาให้เกิดเสียงหึ่งๆ และพ่ายแพ้ในที่สุด หวีดโหยแตกตื่นไปเก้าชั้นฟ้า
“เป็นไปได้… อย่างไรกัน!?” สิงอี่เทียนตระหนกและประหลาดใจสุดขีด ครั้งนี้เขาไม่ได้ยั้งมือ โจมตีด้วยกำลังทั้งหมด แต่กลับยังถูกทำลาย!
หลินสวินพุ่งปราดเข้ามาเสียงดังสวบ กลางห้วงอากาศมองเห็นดอกบัวสีดำบานขึ้นดอกแล้วดอกเล่าตามจุดที่เขาก้าวผ่าน ส่องแสงเรืองรอง แสงธรรมสาดพรม
บัวบานในทุกย่างก้าว! เหมือนกับตำนานที่มุนินทร์ก้าวข้ามห้วงอากาศ ไม่ว่าผ่านไปที่ใดแท่นดอกบัวล้วนปรากฏ แสงธรรมสาดส่อง!
ในที่สุดสิงอี่เทียนก็ตระหนักได้ว่าครั้งนี้เขาเจอปัญหาหนักหน่วงแล้ว ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเกินความคาดหมายของเขาอีกครั้ง
“คราวหน้าข้าจะฆ่าเจ้า!” เขาไม่สบายใจ แม้รู้สึกอับอายมากแต่ก็ตัดสินใจถอยหนีอย่างเด็ดขาด
แม้ว่าเขาจะเผด็จการและเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ใช่พวกประมาทผลีผลาม ในยามนี้เกิดความระมัดระวังอย่างมาก และสัมผัสได้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าที
วู้ม! ปีกอสนีของเขาสั่นกระเพื่อม หมุนตัวแล้วจากไป
แต่หลินสวินนั้นฉับไวมาก พริบตาเดียวก็ไล่ตามทัน กดฝ่ามือหนึ่งลงไป!
ฝ่ามือนี้มีแฝงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์แห่งการข้ามทุกข์ มีกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง
สิงอี่เทียนสังเกตถึงความผิดปกติ ง้างคันธนูและยิงศรออกไปโดยไม่ลังเล
เสียงระเบิดดังสะเทือนฟ้าสะท้านดิน ฝ่ามือนี้ของหลินสวินถูกซัดปราชัย แต่ในขณะเดียวกันชือน้ำแข็งตัวหนึ่งทะยานฟ้า องอาจราวกับมังกรขาวเจิดจ้า สะบัดหางโปกกลางห้วงอากาศ
เปรี้ยง!
ร่างของสิงอี่เทียนถูกสะบัดกระเด็นออกไป กระดูกทั่วกายแตกหักไม่รู้เท่าไร เลือดสดๆ พุ่งออกมาเหมือนน้ำพุ
ทั่วทั้งบริเวณต่างเงียบงัน ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ
จอมเผด็จการและแข็งกร้าวเช่นสิงอี่เทียนถึงกับถูกสยบด้วยวิธีนี้หรือ
นี่พาให้ผู้คนแทบไม่อยากเชื่อ
เรื่องมาถึงตอนนี้ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยแล้ว ต่อให้ข้ารับใช้ของสิงอี่เทียนจะเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีและเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็สายไปแล้ว
หลังจากประมือกันหลายสิบกระบวนท่า สิงอี่เทียนก็กรีดร้องเกือบจะถูกเคล็ดวิชามหากษิติครรภ์ของหลินสวินสังหาร เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ใกล้ถึงแก่ความตาย
ชิ้ง!
ขณะเดียวกัน ในที่สุดหลินสวินก็หาจังหวะคว้าลูกศรสีน้ำเงินเข้มนั้นเอาไว้ได้อย่างแน่นหนา
แต่ลูกศรนี้ราวกับมีจิตวิญญาณ ไม่เต็มใจที่จะถูกจับ บังเกิดพลังขัดขืนที่น่าสะพรึง ถึงกับน่ากลัวกว่าพลังของสิงอี่เทียนเสียอีก
โดยไม่ทันตั้งตัว นิ้วของหลินสวินแทบจะขาด!
หลินสวินตกใจ กำราบลูกศรนี้ไว้ในเจดีย์สมบัติไร้อักษรโดยไม่ลังเลทันที
ถึงกระนั้นลูกศรนี้ก็ยังดิ้นหลุดจากการสยบของแสงมรรคทองนิลกาฬ เคลื่อนกระแทกอาละวาดในเจดีย์สมบัติ แสดงถึงความมหัศจรรย์อย่างที่สุด
“เจ้าโง่ ลูกศรนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล อย่าว่าแต่เจ้า ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็ไม่สามารถกำราบได้! เจ้าก็รอประสบเคราะห์ไปเถอะ!”
แม้ว่าสิงอี่เทียนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็อดหัวเราะเยาะไม่ได้หลังจากเห็นภาพเหตุการณ์นี้
เขารู้ถึงพลังของลูกศรนี้เป็นอย่างดี ในยุคบรรพกาลเคยยิงใส่อาทิตย์ดวงใหญ่บนฟากฟ้า น่าสะพรึงหาที่สิ้นสุดไม่ได้
ใครก็ตามที่ต้องการกำราบมันจะต้องประสบกับการแว้งกัด!
“งั้นหรือ”
มุมปากหลินสวินโค้งองศาแปลกๆ ทันทีที่ความคิดไหวเคลื่อน คันธนูไร้แก่นสารก็ปรากฏขึ้นในเจดีย์สมบัติไร้อักษร คันธนูที่ราวกับหลอมขึ้นมาจากกระดูกกะโหลกแผ่กลิ่นอายคลุมเครือแต่เยียบเย็นออกมา
เพียงพริบตาเดียวลูกศรสีน้ำเงินเข้มก็ชะงักค้าง คล้ายรับรู้ถึงความน่ากลัว ถูกสะเทือนอยู่ตรงนั้น สั่นสะท้านเสียงดังหึ่งๆ ไม่ขาด
ทันใดนั้นหลินสวินก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่าง ในใจอดร้องอุทานไม่ได้ ศรดอกนี้ถึงกับมีแค่คันธนูไร้แก่นสารเท่านั้นถึงจะสามารถสยบได้ แค่คิดก็รู้ว่าวิเศษปานใด
ในเวลาเดียวกันสิงอี่เทียนก็กระอักเลือดออกมาคำโต หัวใจเจ็บปวดสาหัส เขาสัมผัสได้ว่าการเชื่อมต่อของตนกับลูกศรสีน้ำเงินเข้มถูกตัดขาดแล้ว!
เป็นไปได้อย่างไร
เขาตกใจแทบทรุด
เหตุผลที่เขาสามารถเรียกใช้งานศรนี้ได้ ก็เพราะภายในกายถูกอริยะผู้ฝังรอยประทับลึกลับเอาไว้ แต่ยามนี้ประทับนี้กลับถูกทำลายแล้ว!
“ตาย!”
หลินสวินโถมเข้ามาโดยไม่ลังเล
แต่ก่อนที่เขาจะเข้าใกล้ ก็เห็นแสงสีทองที่น่ากลัวระเบิดออกมาจากร่างของสิงอี่เทียน พริบตาต่อมาทั้งตัวคนก็อันตรธานหายไปจากห้วงอากาศ
ยันต์มรรคจักจั่นทอง!
หลินสวินขมวดคิ้ว
‘บุคคลระดับนี้เหมือนกับมังกรบนท้องฟ้า เอาชนะได้แต่ไม่อาจฆ่าได้ง่ายๆ!’ แม่นางเยวี่ยถอนหายใจในใจ
นางเดาว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ต้น
สิงอี่เทียนเป็นผู้นำคนรุ่นเยาว์เผ่าปีกอสนี บนร่างแบกรับความหวังของคนทั้งเผ่า หากฆ่าง่ายปานนี้ เกรงว่าคงถูกขุมอำนาจศัตรูของเผ่าปีกอสนีส่งยอดฝีมือมาสังหารเขาตั้งนานแล้ว
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เผ่าพันธุ์บางกลุ่มมีความเกลียดชังกันมาโดยตลอด พวกเขาต้องการกวาดล้างคนรุ่นเยาว์ของอีกฝ่าย เพื่อสั่นคลอนรากฐานอิทธิพลของอีกฝ่าย
เนื่องจากมีกรณีจำพวกนี้เกิดขึ้นมากเกินไป บุคคลระดับสิงอี่เทียนจึงเป็นคนสำคัญที่ต้องได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาจากเผ่าปีกอสนี ย่อมไม่อาจยอมให้เกิดเหตุไม่คาดฝันใดๆ
“เจ้าคอยดูเถอะ! ช้าเร็วสักวันข้าจะมาเอาชีวิตเจ้าด้วยตัวเอง!” แม้ว่าสิงอี่เทียนจะจากไป แต่กลางห้วงอากาศก็ยังมีเสียงตะโกนของเขาสะท้อนออกมาอย่างไม่พอใจและเดือดดาล
‘ควรคิดหาทางแก้ไขเรื่องพรรค์นี้ได้แล้ว…’ หลินสวินพูดกับตัวเอง
ฝึกปราณจนถึงตอนนี้ เขาได้พบกับเหตุการณ์คล้ายๆ กันหลายครั้ง มักถูกอีกฝ่ายหนีรอดด้วยวิธีการต่างๆ ในช่วงเวลาสุดท้ายเสมอ
เช่นเดียวกับอวี่หลิงคง หรือสิงอี่เทียนเมื่อครู่นี้ ทั้งสองล้วนเป็นเช่นนี้
หลินสวินรู้ดีว่าตราบใดที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ ก็จะกลายอันตรายที่แฝงเร้น หากสิ่งที่คล้ายกันเกิดขึ้นในอนาคต ปัญหาก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น
‘ถ้าสามารถก้าวสู่ระดับราชันได้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น แต่ก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้หนีไป นอกจากจะสำแดงพลังของธนูวิญญาณไร้แก่นสารและเจดีย์สมบัติไร้อักษรแล้ว การใช้พลังอื่นๆ ล้วนไม่อาจยับยั้งอีกฝ่ายไว้ได้…’
หลินสวินรู้ดีว่าคนอย่างสิงอี่เทียนมีไม้เด็ดมากมาย ถึงแม้จะไม่มียันต์มรรคจักจั่นทอง แต่ก็ยังมีวิธีอื่นในการหนีออกไปอยู่ดี
เป็นอย่างที่แม่นางเยวี่ยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ คิดจะฆ่าบุคคลแห่งยุคจากขุมอำนาจใหญ่เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ
หลินสวินไม่คิดอะไรอีก ทอดสายตามองคนหนุ่มสาวหลายคนที่อยู่ห่างออกไป พวกเขาเป็นบริวารของสิงอี่เทียน
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 975 ศรเทพศิโรราบ
Posted by ? Views, Released on September 20, 2021
, Battling Records of the Chosen One
Type: Web Novel Author: Xiao Jinyu, 萧瑾瑜
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…
In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history.
In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing.
Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned.
Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?
Recommended Series
Comment
Facebook Comment